JS Asahi underway following its commissioning with the JMSDF. Picture by Japanese shipspotter @T_fighter.
JS Asahi commissioning ceremony. JMSDF pictures.
http://navyrecognition.com/index.php/news/defence-news/2018/march-2018-navy-naval-defense-news/6025-jmsdf-commissions-its-first-25dd-class-asahi-asw-destroyer.html
สำนักข่าว NBC Nagasaki ญี่ปุ่นรายงานว่าเรือพิฆาตปราบเรือดำน้ำชั้น Asahi(25DD) ลำแรก DD-119 JS Asahi ได้ถูกส่งมอบให้กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น(JMSDF: Japan Maritime Self Defense Force) อย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา
โดยพิธีขึ้นระวางประจำการได้จัดขึ้น ณ อู่ต่อเรือบริษัท Mitsubishi Heavy Industries(MHI) ใน Nagasaki โดยมีพลเรือเอก Yutaka Murakawa ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นนำพิธีร่วมกับนายทหาร JMSDF อื่นๆ และกำลังพลประจำเรือ 220นาย
"เพื่อการปกป้องทรัพย์สินและชีวิตของชาวญี่ปุ่นและเพื่อป้องกันทะเล, ดินแดนอาณาเขต และห้วงอากาศของญี่ปุ่นเพิ่มเติม ท่านต้องมีประสิทธิภาพในการคงความรับผิดชอบตามหน้าที่ที่ท่านได้รับ
เราหวังว่าจากวันนี้ไปในการทำงานมุ่งตรงต่อเหตุปกติประจำทั่วไป ท่านจะต้องอุทิศตนเพื่อทำหน้าที่ของท่านในการรับใช้เรือลำนี้ด้วยเกียรติของท่าน" พลเรือเอก Murakawa กล่าวต่อกำลังพลชุดรับเรือ
สำนักข่าว Nikkei ญี่ปุ่นได้รายงานเพิ่มเติมว่า ผบ.JMSDF พลเรือเอก Murakawa ได้เน้นย้ำการอ้างถึงเกาหลีเหนือและจีนเป็นพิเศษ โดยเริ่มต้นว่า "มันไม่มีการกล่าวเกินจริงต่อรัฐที่ได้กลายเป็นสภาพแวดล้อมอันตรายร้ายแรงต่อด้านความมั่นคงของญี่ปุ่นไปแล้ว"
เรือพิฆาต DD-119 Asahi มีกำหนดที่จะวางกำลังที่ฐานทัพเรือ Sasebo โดยกำหนดการตามหลังพิธีเข้าประจำการ เป็นเวลาประมาณ 6เดือนที่จะมีการทดสอบอุปกรณ์และการฝึกซักซ้อมของกำลังพลประจำเรือก่อนที่เรือจะมีความพร้อมปฏิบัติการเต็มอัตราโดยสมบูรณ์
DD-119 Asahi เป็นเรือพิฆาตลำแรกในรอบ 4ปีที่สร้างที่อู่เรือของ Mitsubishi ใน Nagasaki หลังจากที่จะเพิ่งสูญเสียเงินไปกว่า 250 Billion Yen ในการสร้างเรือสำราญเดินสมุทรที่หรูหรา
สัญญาการสร้างเรือพิฆาตสำหรับกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลถูกมองว่าเป็นพลิกผันของโชคชะตาสำหรับการดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดของอู่เรือบริษัท MHI
เรือพิฆาตชั้น Asahi มีพื้นฐานจากเรือพิฆาตป้องกันภัยทางอากาศชั้น Akizuki(19DD) โดย JS Asahi มีความยาวเรือ 151m กว้าง 18.3m กินน้ำลึก 5.4m และมีระวางขับน้ำปกติ 5,100tons ระวางขับน้ำเต็มอัตรา 6,800tons ทำความเร็วสูงสุดได้ 30knots
เป็นเรือชุดแรกของ JMSDF ที่ติดตั้งระบบขับเคลื่อน Hybrid แบบ COGLAG(Combined Gas Turbine Electric and Gas Turbine) ประกอบด้วยเครื่องยนต์ Gas Turbine แบบ General Electric/IHI LM2500IEC กำลัง 2,800HP สองเครื่อง กับ Motor ไฟฟ้ากำลัง 3,400HP สองเครื่อง
เรือพิฆาตชั้น Asahi ติดตั้งระบบ Sonar ประกอบด้วย Sonar ที่ใต้ตัวเรือแบบ OQQ-24 และ Sonar ชักหย่อนด้านท้ายเรือปรับระดับความลึกได้แบบ OQR-4
รวมกับระบบป้องกันต่อต้าน Torpedo ขั้นก้าวหน้า และระบบตรวจับกล้องตาเรือของเรือดำน้ำ ซึ่งเป็นเรือพิฆาตชั้นแรกของกองกำลังป้องกันทางทะเลญี่ปุ่นที่ติดตั้งระบบดังกล่าว
Radar เอนกประสงค์แบบ GaN-AESA(Gallium Nitride-Active Electronically Scanned Array) รุ่นใหม่ที่พัฒนาจาก AESA radar แบบ FCS-3A เช่นที่ติดตั้งบนเรือพิฆาตชั้น Akizuki
(เป็นเรือรบชั้นแรกของญี่ปุ่นที่ติดตั้ง GaN-AESA radar และเป็นชั้นที่สองของโลกต่อจากเรือฟริเกตแบบ F125 ชั้น Baden-Württemberg กองทัพเรือเยอรมนีที่ติดตั้ง Radar แบบ TRS-4D)
ระบบอาวุธของเรือพิฆาตชั้น Asahi ประกอบด้วย แท่นยิงแนวดิ่ง Mk41 VLS(Vertical Launching System) 32ท่อยิงด้านหน้าเรือสำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ RIM-162 ESSM และจรวดปราบเรือดำน้ำ Type 07 VL-ASROC,
อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำ Type 90 แท่นยิง 8นัด, แท่นยิง Torpedo เบาปราบเรือดำน้ำแฝดสาม 2แท่นยิง และปืนใหญ่เรือ Mk54 Mod4 ขนาด 5"/62cal
ก่อนหน้านี้อู่ต่อเรือบริษัท MHI ที่ Nagasaki ได้ทำพิธีตั้งชื่อเรือและปล่อยเรือลงน้ำของเรือพิฆาตชั้น Asahi ลำที่สอง DD-120 JS Shiranui(26DD) ซึ่งเป็นลำสุดท้ายของชั้นเมื่อเดือนตุลาคม 2017
โดยคาดว่าเรือพิฆาต DD-120 Shiranui คาดว่าจะเข้าประจำการในกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นได้ในปี 2019 ครับ(http://aagth1.blogspot.com/2017/10/asahi-dd-120-shiranui.html)