Valery Sharifulin/TASS
http://tass.com/defense/991816
รัฐบาลอิรักกำลังศึกษาอย่างถี่ถ้วนระมัดระวังในประเด็นการจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ S-400 รัสเซีย ตามที่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอิรัก Ibrahim al-Jaafari กล่าวต่อสื่อเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ระหว่างการพบกับของคณะกรรมการความร่วมมือด้านการค้า, เศรษฐกิจ, วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย Dmitry Rogozin เข้าร่วมการประชุมด้วย
"หัวข้อนี้กำลังถูกศึกษาในทุกๆรายละเอียด การตัดสินใจที่จำเป็นทั้งหมดมุ่งไปการสร้างความแข็งแกร่งของอิรักที่จะมีขึ้นหลังจากนั้น
โชคร้ายที่ผ่านมาอิรักได้สูญเสียความยั่งยืนที่สำคัญอย่างมากในการต่อสู้กับการก่อการร้าย วันนี้เราพร้อมที่นำทุกย่างก้าวที่มาใช้เพื่อจะดำรงรักษาความปลอดภัยของเรา" รัฐมนตรีต่างประเทศอิรัก al-Jaafari กล่าว
ขณะเดียวกันทูตอิรักประจำรัสเซีย Haidar Mansour Hadi ได้กล่าวต่อสื่อว่า หัวข้อการจัดซื้อ S-400 ดังกล่าวยังไม่ได้ถูกหารือในการประชุมระหว่างคณะกรรมการร่วมระหว่างรัฐบาลรัสเซีย-อิรัก ที่มีขึ้นใน Moscow
"ยังไม่มีคณะตัวแทนใน Moscow เพื่อการจัดซื้อ S-400 ในตอนนี้ เมื่อรัฐบาลอิรักตัดสินใจจะซื้อ S-400 แน่นอนมันจะมีการประกาศ และหัวข้อนี้จะถูกหารือระหว่างทั้งสองประเทศ" ทูตอิรักประจำรัสเซียกล่าว
ประธานคณะกรรมาธิการกลาโหมและความมั่นคงรัฐสภาอิรัก Hakim al-Zamili กล่าวก่อนหน้านี้ว่าอิรักมองการจัดหาระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ S-400 รัสเซีย เพื่อนำมากำจัดภัยคุกคามทางอากาศเพื่อปกป้องดินแดนอิรัก
ถ้าการจัดหาได้รับการบรรลุผลอิรักจะเป็นประเทศที่สองในกลุ่มตะวันออกกลางแถบอ่าว Persian ที่จัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 ต่อจากซาอุดิอาระเบียที่กำลังอยู่ระหว่างการเจรจา(http://aagth1.blogspot.com/2017/10/thaad-s-400.html)
S-400 Triumf(NATO กำหนดรหัส SA-21 Growler) เป็นระบบอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยานพิสัยไกลที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดที่เข้าประจำการในกองทัพรัสเซียเมื่อปี 2007
โดยถูกออกแบบเพื่อการทำลายอากาศยาน อาวุธปล่อยนำวิถีร่อน และขีปนาวุธ รวมถึงอาวุธปล่อยนำวิถีพิสัยกลาง และเป้าหมายภาคพื้นดิน S-400 สามารถโจมตีเป้าหมายหลายเป้าหมายได้พร้อมกันในระยะยิงไกลถึง 400km และที่เพดานยิงสูงถึง 30km
S-400 ถูกส่งออกให้จีนซึ่งกำลังอยู่ระหว่งการรับมอบระบบชุดแรก(http://aagth1.blogspot.com/2018/01/s-400.html), ตุรกีที่จะได้รับมอบในเดือนมีนาคม 2020(http://aagth1.blogspot.com/2017/10/s-400.html, http://aagth1.blogspot.com/2017/12/s-400.html),
อินเดียซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเจรจา(http://aagth1.blogspot.com/2016/10/s-400-triumf-s-300.html,http://aagth1.blogspot.com/2017/02/pak-fa-2017-5-s-400-50.html) และซาอุดิอาระเบียในข้างต้นครับ
