First USMC F-35C squadron declares full operational capability
Marine Fighter Attack Squadron (VMFA) 314 has reached a new milestone in Marine Corps history as they declare their full operational capability (FOC) for the F-35C Lightning II. (U.S. Marine Corps photos by Cpl. Cervantes, Leilani)
ตามที่นาวิกโยธินสหรัฐฯ(USMC: US Marine Corps) เดินหน้าต่อเนื่องที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ตรงความต้องการของสภาพแวดล้อมการปฏิบัติการในอนาคตที่มีวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว
ฝูงบินขับไล่โจมตีนาวิกโยธิน(Marine Fighter Attack Squadron) VMFA-314 'Black Knights' ได้เข้าสู่หลักก้าวย่างใหม่ในประวัติศาสตร์นาวิกโยธินสหรัฐฯ ตามที่ตนประกาศความพร้อมปฏิบัติการเต็มอัตรา(FOC: Full Operational Capability)
สำหรับเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35C Lightning II Joint Strike Fighter(JSF) รุ่นประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน CV(Carrier Variant) กองบินอากาศยานนาวิกโยธินที่3(3rd MAW: 3rd Marine Aircraft Wing) ประกาศเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2021
"ฝูงบินขับไล่โจมตีนาวิกโยธิน VMFA-314 เป็นฝูงบินเครื่องบินขับไล่ F-35C ฝูงแรกในนาวิกโยธินสหรัฐฯที่ประกาศความพร้อมปฏิบัติการเต็มอัตรา พวกมันพร้อมเต็มวงรอบแล้วตอนนี้และนำขีดความสามารถเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 มาสู่กองบินอากาศยานนาวิกโยธินที่3
พวกมันจะวางกำลังในฐานะส่วนหนึ่งของกองเรือบรรทุกเครื่อบินโจมตี(CSG: Carrier Strike Group) ในปีหน้า(2022) ความพร้อมปฏิบัติการเต็มอัตราสำหรับฝูงบิน Black knights เป็นอีกความก้าวหน้าในการบรรลุจุดประสงค์แผนการออกแบบกำลังรบ Force Design
ฝูงบิน Black knights พร้อมแล้ว กองบินอากาศยานนาวิกโยธินที่3 พร้อมแล้ว" พลตรี(นาวิกโยธิน) Christopher Mahoney ผู้บัญชาการกองบินอากาศยานนาวิกโยธินที่3 กล่าว
การประกาศความพร้อมปฏิบัติการเต็มอัตราเป็นความสำคัญในการยืนยันว่าฝูงบิน VMFA-341 ได้ประสบความสำเร็จในการเตรียมพร้อมและติดตั้งเต็มรูปแบบในการวางกำลังประเรือบรรทุกเครืองบินของกองทัพเรือสหรัฐฯ(USN: US Navy)
ได้สร้างการประกาศความพร้อมปฏิบัติการเต็มอัตราสำหรับนาวิกโยธินสหรัฐฯ พิธีประกาศนี้มีขึ้นหลังจากฝูงบิน VMFA-314 ได้รับมอบเครื่องบินขับไล่ F-35C เครื่องแรกของตนเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2020
เมื่อ F-35C เครื่องแรกมาถึงสถานีอากาศนาวิกโยธิน(MCAS: Marine Corps Air Station) Miramar จากสถานีอากาศนาวี(NAS: Naval Air Station) Lemoore(https://aagth1.blogspot.com/2020/01/f-35c.html)
"หลายชั่วโมงที่ถูกใช้ในการบำรุงรักษาเครื่องบิน, ส่งเครื่องบินขึ้นและรับเครื่องบินกลับใน MCAS Miramar, ที่สถานที่ทางทหารอื่นๆ และบนเรื่อบรรทุกเครื่องบิน เพื่อดำเนินการฝึกที่จำเป็นให้ตรงตามเป้าหมายเหล่านี้
นาวิกโยธินของฝูงบิน VMFA-314 ได้รับความมั่นใจในการต่อสู้ด้วยเครื่องบินนี้และรู้สึกมั่นใจว่าเราทำได้เช่นกันในการรบถ้ามีคำสั่งมาถึง" พันตรี(นาวิกโยธิน) Derek Heinz นายทหารปฏิบัติการฝูงบิน VMFA-314 กล่าว
การประกาศความพร้อมปฏิบัติการเต็มอัตรามีขึ้นให้หลังราว 8เดือนหลังจากที่ประกาศความพร้อมปฏิบัติการขั้นต้น(IOC: Initial Operational Capability) เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2020(https://aagth1.blogspot.com/2020/12/f-35c.html)
ฝูงบิน VMFA-314 ปัจจุบันกำลังเดินหน้าการเตรียมการของตนมุ่งหน้าสู่การวางกำลังในอนาคตโดยการดำเนินการฝึกความพร้อมของความเหมาะสมกับเรือ(TSTA: Tailored Ship's Training Availability) ทำให้เป็นฝูงบิน F-35C ฝูงแรกที่จะทำการฝึก TSTA ในนาวิกโยธินสหรัฐฯ
การฝึกนี้จะประกอบด้วยการซักซ้อมการสื่อสาร, การฝึกด้านสายแพทย์, การปฏิบัติการบิน และการฝึกประจำเรือได้รับการดำเนินการขณะที่เพื่อสร้างความมั่นใจว่าฝูงบินได้รับการเตียมการเพื่อวางกำลังในการสนับสนุนการรณรงค์ทางทะเล
กองบินอากาศยานนาวิกโยธินที่3 เดินหน้าที่จะ "แก้ไข, บิน และสู้" ตามที่เป็นกองบินอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดของนาวิกโยธินสหรัฐฯ และคงความพร้อมรบ, การวางกำลังในระยะเวลาอันสั้น และมีอำนาจการสังหาร เมื่อมีคำสั่งให้เข้าสู่ปฏิบัติการครับ