First Marine Corps Carrier-Capable F-35C Squadron Now Ready to Deploy
Marine Fighter Attack Squadron (VMFA) 314 declares their initial operational capability (IOC) for the F-35C Lightning II, having met the standards set forth by Headquarters Marine Corps.
IOC declaration marks a significant accomplishment for VMFA-314 of 3rd Marine Aircraft Wing (MAW) that further enables 3rd MAW to support the Marine Air-Ground Task Force. (U.S. Marine Corps photo by Lance Cpl. Juan Anaya)
U.S. Marines with Marine Fighter Attack Squadron 314, Marine Aircraft Group 11, 3rd Marine Aircraft Wing, gain the capability of conducting a hot-load of ordnance on an F-35C Lightning II,
while being validated at south combat aircraft loading area, during the Weapons and Tactics Instructor (WTI) course 1-21, at Marine Corps Air Station Yuma, Ariz., on Oct. 6, 2020. US Marine Corps Photo
Marine Corps Lt. Col Cedar L. Hinton, commanding officer of Marine Wing Fighter Attack Squadron (VMFA) 314, 3rd Marine Aircraft Wing (MAW) lands VMFA-314’s first F-35C Lightning II on Marine Air Station Miramar, Calif., Jan. 21, 2020. US Marine Corps Photo
US Marine Corps Photos
ฝูงบินเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35C Lightning II Joint Strike Fighter(JSF) รุ่นประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน CV(Carrier Variant) ฝูงแรกของนาวิกโยธินสหรัฐฯ(USMC: US Marine Corps)
ได้เข้าถึงความพร้อมปฏิบัติการขั้นต้น(IOC: Initial Operational Capability) เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2020 การรับรองที่สำคัญนี้มีขึ้นก่อนหน้าการวางกำลังครั้งแรกบนเรือบรรทุกเครื่องบินของฝูงบิน กองบินอากาศยานนาวิกโยธินที่3(3rd MAW: 3rd Marine Aircraft Wing) ประกาศ
ฝูงบินขับไล่โจมตีนาวิกโยธิน(Marine Fighter Attack Squadron) VMFA-314 'Black Knights' เป็นฝูงบินนาวิกโยธินสหรัฐฯฝูงแรกที่เปลี่ยนแบบอากาศยานไปสู่เครื่องบินขับไล่ F-35C หลังการปลดประจำการเครื่องบินขับไล่ Boeing F/A-18A/C Hornet รุ่นดั้งเดิมในต้นปี 2020
โดยฝูงบินขับไล่โจมตีนาวิกโยธิน VMFA-314 มีที่ตั้ง ณ สถานีอากาศนาวิกโยธิน(MCAS: Marine Corps Air Station) Miramar ใน San Diego มลรัฐ California(https://aagth1.blogspot.com/2020/01/f-35c.html)
การรับรองความพร้อมการปฏิบัติการเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความมุ่งหมายของนาวิกโยธินสหรัฐฯที่จะเดินหน้าวางกำลังเครื่องบินขับไล่ F-35C ของตนบนเรือบรรทุกเครื่องบินและบูรณาการเข้ากับกองบินเรือบรรทุกเครื่องบิน(CAW: Carrier Air Wing)
"ความพร้อมปฏิบัติการขั้นต้นเป็นหลักก้าวย่างที่สำคัญไม่เพียงแต่สำหรับกองบินอากาศยานนาวิกโยธินที่3 แต่ยังรวมถึงนาวิกโยธินสหรัฐฯ ฝูงบิน VMFA-314 เป็นฝูงบินเครื่องบินขับไล่ F-35C ฝูงแรกในนาวิกโยธินสหรัฐฯ
ขีดความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์ของ F-35C เปรียบเทียบกับเครื่องบินขับไล่ F-35B และเครื่องบินขับไล่รุ่นดั้งเดิม ได้มอบการเพิ่มการประกอบที่สมบูรณ์ในการแสดงกำลังรบ และความสามารถในการปฏิบัติการจากเรือบรรทุกเครื่องบินของกอทัพเรือสหรัฐฯ(USN: US Navy) แก่นาวิกโยธินสหรัฐฯ"
พันโท(นาวิกโยธินสหรัฐฯ) Duncan French เจ้าหน้าที่อำนวยการบริหารของฝูงบิน VMFA-314 กล่าวในแถลงการณ์ของกองบินอากาศยานนาวิกโยธินที่3
นาวิกโยธินสหรัฐฯกำลังให้ความไว้วางใจเครื่องบินขับไล่พหุภารกิจยุคที่5 แบบ F-35C เพื่อที่จะปรับปรุงความทันสมัยกำลังฝูงบินขับไล่โจมตีประจำเรือบรรทุกเครื่องบินที่มีขนาดเล็กของตนที่ยังสามารถปฏิบัติการจากฐานบินบนบกได้
ด้วยถังเชื่อเพลิงภายในลำตัวขนาดใหญ่กว่าและขีดความสามารถในการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศทำให้เครื่องบินขับไล่ F-35C บินได้ไกลมากขึ้น ทำให้เครื่องสามารถโจมตีเป้าหมายในทะเลและบนภาคพื้นดินในพิสัยไกลขึ้นกว่าเครื่องบินขับไล่ F/A-18A/B/C/D Hornet รุ่นดั้งเดิม
"F-35 เป็นระบบกำลังนอกประเทศที่เพิ่มขยายการเข้าถึงนาวิกโยธินและเครื่องจักรของเรา และเพิ่มขีดความสามารถของเราที่จะสนับสนุนกำลังร่วมและหุ้นส่วนพันธมิตรในการร้องขอชั่วอึดใจ
การวางกำลัง F-35 อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้บัญชาการกองกำลังเฉพาะกิจอากาศ-ภาคพื้นนาวิกโยธิน(MAGTF: Marine Air-Ground Task Force) ได้มีศักยภาพที่จะมีอำนาจอยู่เหนือฝ่ายตรงข้างของเราในสนามรบร่วมในอากาศและออกไปถึงทะเล"
พลตรี(นาวิกโยธินสหรัฐฯ) Christopher Mahoney ผู้บัญชาการกองบินอากาศยานนาวิกโยธินที่3 กล่าวในแถลงการณ์
ฝูงบินขับไล่โจมตีนาวิกโยธิน VMFA-314 ซึ่งอยู่ภายใต้กลุ่มอากาศยานนาวิกโยธินที่11(MAG 11: Marine Aircraft Group 11) ได้แบ่งส่วนที่ดีกว่าของปีในการเปลี่ยนผ่านนักบินและช่างอากาศไปยังเครื่องบินขับไล่ไอพ่นที่นั่งเดี่ยว F-35C ใหม่
ซึ่งติดตั้งระบบนำร่อง, ระบบการบิน Avionic, ระบบอาวุธ และระบบตรวจจับที่มีขีดความสามารถมากกว่าเครื่องบินขับไล่ F/A-18A/B/C/D Hornet
"กองซ่อมบำรุงของเรามีความสำคัญยิ่งที่จะทำให้ความพร้อมปฏิบัติการขั้นต้นประสบความสำเร็จ เพิ่มเติมต่อการยอมรับและตรวจรับเครื่องบินหลายเครื่องที่มาถึงตลอดทั้งปี นาวิกโยธินได้ดำรงความพร้อมระดับสูงของอากาศยาน
เครื่องบินที่มีขีดความสามารถทางภารกิจเหล่านี้ทำให้นักบินจะฝึกในภารกิจที่จำเป็นอย่างเหมาะสมของความพร้อมปฏิบัติการขั้นต้น เช่นเดียวกับการมีส่วนก้าวไปสู่การวัดระกับความพร้อมของความพร้อมปฏิบัติการขั้นต้น" พ.ท.(นย.) French กล่าว
ฝูงบิน VMFA-314 แบ่งเวลาส่วนนั้นที่สถานีอากาศนาวี(NAS: Naval Air Station) Lemoore มลรัฐ California ในการฝึกและการทำงานกับกับฝูงบินฝึกเปลี่ยนแบบอากาศยานกองทัพเรือสหรัฐฯ(FRS: Fleet Replacement Squadron) ฝูงบินขับไล่โจมตี VFA-125 'Rough Raiders' สำหรับ F-35C
ฝูงบิน VMFA-314 ได้รับการรับรองความปลอดภัยสำหรับการบินปฏิบัติการในเดือนมีนาคม 2020 หมายความว่าพวกเขาสามารถทำการฝึก ณ ที่ตั้งโดยปราศจากการควบคุมดูแลของฝูงบิน VFA-125
ในช่วงฤดูร้อน 2020 ที่ผ่านมากำลังพลฝูงบิน VMFA-314 ได้เข้าร่วมชุดโจมตีอากาศยานหลากแบบระหว่างการฝึก Summer Fury สนับสนุนการฝึกนาวิกโยธินสหรัฐฯสำหรับการปฏิบัติการฐานส่วนหน้านอกประเทศ
นาวิกโยธินสหรัฐฯได้วางแผนที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-35C จำนวน 67เครื่องสำหรับ 4ฝูงบินประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน ตามแผนอากาศยาน 2019(https://aagth1.blogspot.com/2020/01/lockheed-martin-f-35.html)
อย่างไรก็ตามในต้นปี 2020 นาวิกโยธินสหรัฐฯตัดสินใจที่จะพิจารณษลดจำนวนเครื่องบินขับไล่ต่อฝูงบินจาก 16เครื่องเป็น 10เครื่อง แต่ พลเอก(นาวิกโยธิน) David Berger ยังไม่ได้ให้คำสั่งยืนยันการลดจำนวนการซื้อเครื่อง
เนื่องจากการทบทวนโครงสร้างกำลังรบและการประเมินค่าอากาศยานตามแผนที่กำลังดำเนินการอยู่ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2020/03/m1a1-abrams.html)