วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2566

บาห์เรนอนุมัติการจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1W SuperCobra สหรัฐฯมือสอง 24เครื่อง

Bahrain approved for 24 surplus SuperCobra attack helos from US



Having been retired by the USMC in 2020, the AH-1W SuperCobra fleet is to be refurbished, modernised, and sold off to the international market. Bahrain is the first customer to be approved for such a procurement. (Janes/Patrick Allen)

บาห์เรนได้อนุมัติที่จะจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์โจมตี Bell AH-1W SuperCobra ส่วนเกิน(surplus) จำนวน 24เครื่อง สำนักงานความร่วมมือความมั่นคงกลาโหมสหรัฐฯ(DSCA: Defense Security Cooperation Agency) ประกาศเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2023
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้อนุมัติให้บาห์เรนจะจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1Z ที่เคยประจำการในนาวิกโยธินสหรัฐฯ(USMC: US Marine Corps) รวมอะไหล่, การฝึก และการบริการต่างๆเป็นวงเงินประมาณ $350 million

"ข้อเสนอการขายจะเพิ่มพูนขีดความสามารถของบาห์เรนเพื่อให้ตรงต่อภัยคุกคามในปัจจุบันและอนาคตต่างๆโดยการเพิ่มขีดความสามารถของตนที่จะเติมเต็มภารกิจการลาดตระเวนทางทะเล, การสนับสนุนทางอากาศใกล้ชิด(CAS: Close Air Support) 
และการค้นหาและกู้ภัย(SAR: Search-and-Rescue)" DSCA สหรัฐฯกล่าวในเอกสารประกาศแจ้งของตน ข้อเสนอการขายที่เป็นไปได้จะต้องได้รับการอนุมัติโดยสภา Congress สหรัฐฯ ก่อนที่จะบรรลุผลเสร็จสิ้น

ข่าวการอนุมัติมีขึ้นตามมาราว 5ปีหลัง Janes รายงานครั้งแรกว่ารัฐบาลสหรัฐฯได้เสนอเฮลิคอปเตอร์ส่วนเกินเหล่านี้ ทั้งการขายรูปแบบ Foreign Military Sales(FMS) และ Direct Commercial Sale(DCS) แก่ลูกค้า
ตามเอกสาร DSCA บาห์เรนจะจัดหาเฮลิคอปเตอร์เหล่านี้ในรูปแบบยุทโธปกรณ์ส่วนเกิน Excess Defense Article(EDA) หมายความว่าโดยพื้นฐานแล้วพวกมันเป็นของขวัญ หักลบค่าใช้จ่ายการซ่อมคืนสภาพและการขนส่ง

ตามที่ Janes ระบุในเดือนมกราคม 2018 เฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1W SuperCobra เหล่านี้ ซึ่งได้ปลดประจำการจากนาวิกโยธินสหรัฐฯ ในปี 2020(https://aagth1.blogspot.com/2020/10/ah-1w.html)
จะเป็นครั้งแรกที่ได้รับการติดตั้งด้วยห้องนักบินแบบ glass cockpit ก่อนหน้าการส่งมอบให้แก่(บรรดา)ลูกค้าใหม่ของพวกมัน(https://aagth1.blogspot.com/2018/01/ah-1w.html) บาห์เรนเป็นลูกค้ารายแรกที่ได้รับการอนุมัติการจัดหาด้วยวิธีนี้

เฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1W SuperCobra เข้าประจำการในนาวิกโยธินสหรัฐฯในปี 1986 เป็นรุ่นที่มีขีดความสามารถสูงขึ้นจากเฮลิคอปเตอร์โจมตี Bell AH-1 Cobra รุ่นสงครามเวียดนามที่ยังคงประจำการในกองทัพอากาศบาห์เรน(RBAF: Royal Bahraini Air Force) 
ที่รวมถึงรุ่นเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1E/F Cobra และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Bell AH-1Z Viper รุ่นล่าสุด(https://aagth1.blogspot.com/2021/10/bell-ah-1z.html) เช่นเดียวกับที่ยังคงประจำการในหลายประเทศทั่วโลก

เช่น อิหร่าน, ญี่ปุ่น(https://aagth1.blogspot.com/2018/12/ah-1s-cobra.html), จอร์แดน(https://aagth1.blogspot.com/2018/05/ah-1f-cobra.html), เคนยา, ปากีสถาน(https://aagth1.blogspot.com/2020/02/z-10-t129-ah-1z.html), 
สาธารณรัฐเกาหลี(https://aagth1.blogspot.com/2021/04/36.html), ไต้หวัน, กองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army)(https://aagth1.blogspot.com/2023/02/air-assault-and-combined-arms.html, https://aagth1.blogspot.com/2023/01/walkaround-ah-1f-cobra.html) และตุรกี

เฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1W ติดตั้งเครื่องยนต์ไอพ่น Turboshaft แบบ General Electric T700-GE-401 สองเครื่อง ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 147knots พิสัยทำการ 256nmi(474km) 
และเพดานบินสูงสุดที่ 18,700ft.(ถูกจำกัดเพดานบินสูงสุดในการบินปฏิบัติการจริงที่ 10,000ft. จากความต้องการ oxygen) ในทุกรูปแบบการติดตั้งอาวุธและอุปกรณ์ทำการรบพื้นฐาน

ด้วยน้ำหนักบินขึ้นสูงสุดที่ 6,697kg ฮ.โจมตี AH-1W ติดตั้งปืนใหญ่อากาศ M197 Gatling สามลำกล้องหมุนขนาด 20mm พร้อมกระสุน 750นัด และมีสถานีอาวุธสี่ตำบลที่ปีกคานอาวุธภายนอกลำตัว
ที่สามารถยิงจรวดอากาศสู่พื้น Hydra ขนาด 70mm และ Zuni ขนาด 127mm, อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น BGM-71 TOW และ AGM-114 Hellfire, อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ AIM-9 Sidewinder และอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านการแพร่คลื่น AGM-122 Sidearm

เฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1W ติดตั้งระบบชี้เป้ากลางคืน/กล้องสร้างภาพความร้อน(FLIR: Forward Looking Infrared) radar ที่ให้ขีดความสามารถการวัดระยะ-ค้นหา/กำหนดเป้าหมายด้วย Laser และกล้อง
บริษัท Bell สหรัฐฯส่งมอบเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1W SuperCobra จำนวน 179เครื่องให้กับนาวิกโยธินสหรัฐฯตั้งแต่ปี 1986 จนถึงปี 1999 และปลดประจำการในเดือนตุลาคม 2020 ครับ