http://www.janes.com/article/79924/upgraded-cobra-takes-a-bow-sofex18d2
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เฮลิคอปเตอร์โจมตี Bell AH-1F Cobra กองทัพอากาศจอร์แดน(Royal Jordanian Air Force) ชุดแรก 2เครื่องที่ได้รับการปรับปรุงความทันสมัยจากโรงงาน Science & Engineering Services(SES) ที่ Huntsville มลรัฐ Alabama สหรัฐฯ ได้ถูกส่งกลับมายังจอร์แดนแล้ว โดย AH-1F ที่ปรับปรุงใหม่ 1เครื่องได้ถูกจัดแสดงในงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์และสัมมนาหน่วยปฏิบัติการพิเศษ SOFEX 2018 (Special Operations Forces Exhibition & Conference) ที่ Amman จอร์แดน ระหว่างวันที่ 8-10 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ตามขั้นตอนการแข่งขันโครงการ SES สหรัฐฯได้รับสัญญาเพื่อดำเนินการปรับปรุงอย่างครอบคลุมหลายด้านต่อ ฮ.โจมตี AH-1F Cobra ดั้งเดิม 12เครื่องของกองทัพอากาศจอร์แดน โดยมี AH-1F ที่ปรับปรุงเสร็จแล้วอีก 3เครื่องอยู่ที่สหรัฐฯเพื่อรอการเสร็จสิ้นการบินทดสอบ
เฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1F ที่ปรับปรุงแล้วทั้ง 12เครื่องมีกำหนดจะส่งกลับไปยังจอร์แดนก่อนสิ้นปี 2018 นี้ หลังการทดสอบยิงกระสุนจริงที่มีกำหนดการในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งหลังจากนั้น ฮ.AH-1F จะพร้อมสำหรับการปฏิบัติการ
โครงการปรับปรุงของ SES นั้นครอบคลุมในสามส่วนคือ โครงสร้างอากาศยาน, ระบบ Avionic และระบบอาวุธ ขั้นแรกเฮลิคอปเตอร์ทั้งเครื่องจะถูกถอดชิ้นส่วนออกและทำการตรวจสอบและซ่อมแซมถ้าจำเป็น
โรงงาน SES ได้ทำงานกับโครงสร้างอากาศยาน OEM ของบริษัท Bell สหรัฐฯ และตัวแทนสนับสนุนเครื่องยนต์จากบริษัท Honeywell สหรัฐฯ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ฮ.จะอยู่ในสถานะพร้อมสูงสุด รวมถึงการเดินสายภายในเครื่องใหม่
ขั้นต่อไป ฮ.โจมตี AH-1F Cobra จะได้รับการติดตั้งชุดระบบ Avionic ใหม่ที่มีพื้นฐานจากระบบ Avionic บูรณาการแบบ Northrop Grumman Integrated Avionics System
ซึ่งได้รับการติดตั้งกับเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป Bell UH-1Y Venom และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Bell AH-1Z Viper ของนาวิกโยธินสหรัฐฯ(US Marine Corps) รวมถึงเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป Sikorsky UH-60V ของกองทัพบกสหรัฐฯ(US Army)
ห้องนักบินของ ฮ.โจมตี AH-1F ได้รับการติดตั้งจอแสดงผลเอนกประสงค์ขนาดใหญ่ 2จอภาพของบริษัท L-3 สหรัฐฯ และจอแสดงผลสำรองขนาดเล็กของบริษัท Rockwell Collins สหรัฐฯ
ระบบนำร่องได้การปรับปรุงติดตั้งระบบนำร่องดาวเทียม/แรงเฉื่อย GPS/INS จากบริษัท Northrop Grumman สหรัฐฯโดยมีพื้นฐานจากระบบ LN-251 ด้วยเข็มทิศ Gyro แบบ fibre-optic และติดตั้งวิทยุสื่อสาร Rockwell Collins AN/ARC-210
กล้องเล็งโทรทัศน์ดั้งเดิมของ ฮ.โจมตี AH-1F ที่ส่วนหัวเครื่องถูกแทนที่ด้วยแท่นกล้อง Electro-Optic/Infrared แบบ L-3 Wescam MX-15D แคนาดา
ระบบป้องกันตัวและต่อต้านได้รับการเสริมติดตั้งระบบแจ้งเตือนอาวุธปล่อยนำวิถี Orbital ATK AN/AAR-47 Missile Approach Warning System สหรัฐและเครื่องปล่อยเป้าลวง Chaff/Flare แบบ Extant Aerospace AN/ALE-47 สหรัฐฯ
อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้นหลักสำหรับ ฮ.โจมตี Cobra เดิมคืออาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง BGM-71 TOW แต่ ฮ.โจมตี AH-1F ที่ปรับปรุงแล้วจะสามารถติดตั้งรางปล่อยอาวุธแบบ M310 สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้นต่อสู้รถถัง Lockheed Martin AGM-114R Hellfire
ฮ.โจมตี AH-1F Cobra ที่ปรับปรุงแล้วยังสามารถติดตั้งกระเปาะจรวดไม่นำวิถี Hydra 70 ขนาด 2.75"(70mm) ทั้งกระเปาะจรวด M260 ความจุ 7นัด และกระเปาะจรวด M261 ความจุ 19นัด
โดยกองทัพอากาศจอร์แดนมีความประสงค์ที่ใช้จรวดนำวิถี Laser แบบ BAE Systems APKWS (Advance Precision Kill Weapon System) กับ ฮ.โจมตี AH-1F Cobra ที่ปรับปรุงใหม่
และชุดคำสั่งที่จำเป็นสำหรับการรองรับจรวดนำวิถี Laser APKWS 2.75" กำลังอยู่ในการเตรียมการ โดยตั้งเป้าที่จะมีการทดสอบอาวุธภาคสนามในปลายปี 2018 นี้
SES ได้ทำการออกแบบและงานวิศวกรรมการดัดแปลงปรับปรุงเฮลิคอปเตอร์โจมตี Bell AH-1F Cobra ด้วยตนเอง และกำลังประชาสัมพันธ์ขีดความสามารถใหม่นี้แก่ผู้ใช้งาน ฮ.โจมตี AH-1F Cobra รายอื่นๆ
ที่นอกจากอิสราเอลที่ปลดประจำการไปแล้ว, ญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ที่กำลังมีแผนจะปลดประจำการลงในอนาคต และตุรกีที่มีโครงการปรับปรุงของตนเองนั้น ยังมีผู้ใช้ ฮ.โจมตี AH-1 หลายประเทศ เช่น บาห์เรน ปากีสถาน รวมถึงเคนย่า และฟิลิปปินส์(เครื่องมือสองจากจอร์แดน)ด้วย(http://aagth1.blogspot.com/2018/04/m113-ah-1f.html)
โดยผู้ใช้งานอีกประเทศหนึ่งคือกองทัพบกไทย(Royal Thai Army) ที่มี ฮ.จ.๑ Bell AH-1F Cobra ๗เครื่องที่ประจำการใน กองพันบินที่๓ กรมบิน ศูนย์การบินทหารบก
ซึ่งกองทัพบกไทยมีโครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตีแบบใหม่ทดแทนราว ๖-๘เครื่อง หรืออาจจะพิจารณาแนวทางปรับปรุง ฮ.จ.๑ AH-1F เพื่อใช้งานต่อไปครับ(http://aagth1.blogspot.com/2017/09/blog-post_18.html)