วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2563

นาวิกโยธินสหรัฐฯปลดประจำการเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1W

USMC retires SuperCobra helo



The USMC has retired the AH-1W SuperCobra after more than 30 years of service. (Janes/Patrick Allen)



นาวิกโยธินสหรัฐฯ(USMC: US Marine Corps) ได้ทำปลดประจำการเฮลิคอปเตอร์โจมตี Bell AH-1W SuperCobra โดย 'พิธีย่ำพระสุริย์ศรี'(sundown ceremony) ถูกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2020
ก่อนหน้าเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1W ฝูงบินเฮลิคอปเตอร์โจมตีเบานาวิกโยธินที่773(HMLA-773) ได้ทำการบินจากสถานีอากาศนาวี Naval Air Station(NAS) Joint Reserve Base ใน New Orleans มลรัฐ Louisiana เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2020

เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องหมายถึงการสิ้นสุดการประจำการมากกว่า 30ปีสำหรับ ฮ.โจมตี AH-1W ซึ่งทำการบินครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 1983 ในชื่อเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1T+
ระหว่างที่ถูกใช้ปฏิบัติการโดยนาวิกโยธินสหรัฐฯ AH-1W ได้ทำการบินสะสมรวมกันเกินกว่า 900,000 ชั่วโมงบินในสมรภูมิต่างๆรวมถึง ยุทธการ Desert Storm, ยุทธการ Iraqi Freedom และยุทธการ Enduring Freedom

AH-1W เป็นเฮลิคอปเตอร์โจมตีทุกกาลอากาศทั้งกลางวัน/กลางคืนที่ให้การคุ้มกันระหว่างทางสำหรับเฮลิคอปเตอร์จู่โจมและกองกำลังเคลื่อนที่ทางอากาศของนาวิกโยธินสหรัฐฯ
AH-1W ประจำการในฝูงบินเฮลิคอปเตอร์โจมตีเบานาวิกโยธิน(HMLA: Marine Light Attack Helicopter Squadron) แปดฝูงบินที่ประกอบด้วยกำลังผสม ฮ.โจมตี AH-1 จำนวน 18เครื่อง และเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป Bell UH-1 จำนวน 9เครื่อง

ระหว่างยุทธการ Desert Storm ในปี 1991 ฮ.โจมตี AH-1W ได้รับความเชื่อถือด้วยการทำลายรถถัง 97คัน, รถลำเลียงพลหุ้มเกราะและยานพาหนะ 104คัน, ที่กำบังแข็งแรง 16แห่ง และฐานปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน 2แห่งโดยปราศจากการสูญเสีย
บริษัท Bell สหรัฐฯส่งมอบเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1W SuperCobra จำนวน 179เครื่องให้กับนาวิกโยธินสหรัฐฯตั้งแต่ปี 1986 จนถึงปี 1999

AH-1W ติดตั้งเครื่องยนต์ไอพ่น Turboshaft แบบ General Electric T700-GE-401 สองเครื่อง ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 147knots พิสัยทำการ 256nmi(474km) 
และเพดานบินสูงสุดที่ 18,700ft.(ถูกจำกัดเพดานบินสูงสุดในการบินปฏิบัติการจริงที่ 10,000ft. จากความต้องการ oxygen) ในทุกรูปแบบการติดตั้งอาวุธและอุปกรณ์ทำการรบพื้นฐาน

ด้วยน้ำหนักบินขึ้นสูงสุดที่ 6,697kg ฮ.โจมตี AH-1W ติดตั้งปืนใหญ่อากาศ M197 Gatling สามลำกล้องหมุนขนาด 20mm พร้อมกระสุน 750นัด และมีสถานีอาวุธสี่ตำบลที่ปีกคานอาวุธภายนอกลำตัว
ที่สามารถยิงจรวดอากาศสู่พื้น Hydra ขนาด 70mm และ Zuni ขนาด 127mm, อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น BGM-71 TOW และ AGM-114 Hellfire, อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ AIM-9 Sidewinder และอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านการแพร่คลื่น AGM-122 Sidearm

AH-1W ติดตั้งระบบชี้เป้ากลางคืน/กล้องสร้างภาพความร้อน(FLIR: Forward Looking Infrared) radar ที่ให้ขีดความสามารถการวัดระยะ-ค้นหา/กำหนดเป้าหมายด้วย Laser และกล้อง
นาวิกโยธินสหรัฐฯได้ทดแทน SuperCobra ที่ปลดประจำการลงทั้งหมดในปี 2020 ด้วยเฮลิคอปเตอร์โจมตี Bell AH-1Z Viper รุ่นใหม่ล่าสุด(https://aagth1.blogspot.com/2018/08/ah-1z-29.html)

ในปี 2018 รัฐบาลสหรัฐฯได้เสนอที่จะขายเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1W SuperCobra นาวิกโยธินสหรัฐฯที่เป็นส่วนเกินที่เก็บรักษาไว้แก่ลูกค้ามิตรประเทศนานาชาติในการขายรูปแบบ Foreign Military Sales(FMS) หรือ Direct Commercial Sale(DCS)
การขาย ฮ.โจมตี SuperCobra ส่วนเกินเหล่านี้สามารถเป็นได้ทั้งการเสริมกำลังต่อฝูงบินเฮลิคอปเตอร์โจมตีที่มีอยู่ของลูกค้าเดิม หรือมอบขีดความสามารถด้านอากาศยานโจมตีปีกหมุนแก่ลูกค้ารายใหม่ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2018/01/ah-1w.html)