วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2568

อิสราเอลจะจัดหาเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC-46A สหรัฐฯเพิ่ม 2เครื่อง

Israel to buy two more KC-46 refuelling aircraft





An artist's impression of a KC-46 in Israeli service. (Israeli MoD)

กระทรวงกลาโหมอิสราเอลประกาศเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2025 ว่าตนมีแผนที่จะสั่งจัดหาเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Boeing KC-46A Pegasus สหรัฐฯเพิ่มอีกจำนวน 2เครื่อง
ในการเพิ่มเติมต่อเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC-46A Pegasus ที่ได้สั่งจัดหาแล้วจำนวน 4เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2022/01/ch-53k-kc-46a.html) ทำให้จำนวนรวมล่าสุดจะเป็น 6เครื่อง

กระทรวงกลาโหมอิสราเอลกล่าวว่าคณะตัวแทนการจัดซื้อจัดจ้างของตนในสหรัฐฯได้รับคำสั่งการที่จะลงนามสัญญากับรัฐบาลสหรัฐฯหลังจากข้อตกลงได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมาธิการจัดซื้อจัดจ้างคณะรัฐมนตรีอิสราเอล
กระทรวงกลาโหมอิสราเอลเสริมว่าเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC-46A เพิ่มเติมจะเหมาะสมกับระบบต่างๆของอิสราเอลและถูกปรับแต่งตามความต้องการการปฏิบัติการต่างๆของอิสราเอล

ในปี 2020 สหรัฐฯได้อนุมัติการขายเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Boeing KC-46 จำนวนถึง 8เครื่องแก่อิสราเอล(https://aagth1.blogspot.com/2021/02/kc-46a.html)
และกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯได้ประกาศสัญญาวงเงิน $930 million แก่บริษัท Boeing สหรัฐฯในเดือนสิงหาคม 2022 เพื่อส่งมอบเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC-46A จำนวน 4เครื่องแรกแก่อิสราเอลก่อนสิ้นปี 2026

เครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC-46A จะทดแทนเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Boeing 707 ของกองทัพอากาศอิสราเอล(IAF: Israeli Air Force) ที่มีอายุการใช้งานมานาน
อิสราเอลได้ปกปิดเป็นความลับว่าตนมีเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Boeing 707 ในประจำการกี่เครื่อง แต่ภาพถ่ายดาวเทียมจากแหล่งข่าวเปิด open-source แสดงว่ามี 5เครื่อง ณ ฐานทัพอากาศ Nevatim ในเดือนธันวาคม 2024

กองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force) ได้ปฏิเสธว่าตนได้ให้การสนับสนุนการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศแก่อิสราเอลเพื่อสนับสนุนยุทธการ Operation Rising Lion ในการโจมตีอิหร่านในเดือนมิถุนายน 2025
เครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC-46 สหรัฐฯมีขีดความสามารถรองรับการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศให้แก่เครื่องบินรบที่กองทัพอากาศอิสราเอลมีประจำการในปัจจุบันและกำลังจะได้รับมอบในอนาคต

รวมถึงเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง Lockheed Martin F-16D Brakeet และเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง Lockheed Martin F-16I Sufa(https://aagth1.blogspot.com/2024/07/f-16c-barak-1.html),
เครื่องบินขับไล่ Boeing F-15I Ra'am และเครื่องบินขับไล่ F-15IA(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/f-15ia-25.html) และเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35I Adir ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2021/07/f-35i.html)

วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2568

นาวิกโยธินไทยรับมอบปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง M758 ATMG 155mm ที่ผลิตในไทยเพิ่มเติม ๖ระบบ




























Weapon Production Center (WPC), Defence Industry and Energy Center (DIEC), Ministry of Defence of Thailand delivered additional 6 of M758 ATMG 155 mm wheeled self-propelled howitzers to Royal Thai Marine Corps (RTMC), Royal Thai Navy (RTN).  
The delivering ceremony was held at RTMC Headquaters in Sattahip District, Chonburi Province, Thailand on 21 August 2025. (Royal Thai Marine Corps)



เมื่อวันที่ ๒๑ ส.ค.๒๕๖๘ พลเรือตรี โยธิน ธนะมูล ผบ.พล.นย. ร่วมพิธีรับมอบปืนใหญ่ ขนาด ๑๕๕ มิลลิเมตร แบบอัตราจรล้อยาง จากศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ ศูนย์อุตสหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร จำนวน 6 กระบอก โดยมี พลเรือเอก ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผบ.กร. เป็นผู้แทน ผบ.ทร. เป็นประธานรับมอบ ณ สนามหน้ากองบัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี 

“นาวิกโยธิน รับมอบปืนใหญ่สนามขนาด ๑๕๕ มม.แบบอัตราจรล้อยาง (ATMG)”
เมื่อ ๒๑ ส.ค.๖๘ เวลา ๐๙.๐๐ น. พลเรือตรี ทวี วงศ์วาน รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ผู้แทน ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ร่วมพิธีรับมอบปืนใหญ่สนามขนาด ๑๕๕ มม.แบบอัตราจรล้อยาง (ATMG) โดยพิธีรับมอบปืนใหญ่สนามขนาด ๑๕๕ มม.แบบอัตราจรล้อยาง (ATMG) 
ในครั้งนี้ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ผู้แทน ผู้บัญชาการทหารเรือ รับมอบเอกสารและของที่ระลึกจาก  พลโท ประจักรา วิไลเนตร ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้แทนศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร 
และ จากนั้นผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือได้ส่งมอบต่อให้กับรองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ผู้แทน ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินเพื่อประจำการใช้ในราชการต่อไป โดยมี พลเรือตรี ณรงค์ วงษ์ประเสริฐ เสนาธิการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ผู้บังคับบัญชา ผู้บังคับหน่วยขึ้นตรง และกำลังพลในสังกัดหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ร่วมในพิธีฯ  ณ กองบัญชาการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
โครงการจัดหาปืนใหญ่สนามขนาด ๑๕๕ มม.แบบอัตราจรล้อยาง (ATMG) เป็นไปตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ ด้านการวิจัยและพัฒนา โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างให้เกิดการเรียนรู้ต่อยอด และสร้างนวัตกรรมของผลงานวิจัยด้านยุทโธปกณ์ของทหารให้ตรงกับความต้องการของกองทัพเรือ และหน่วยที่ใช้งาน มีมาตรฐาน นำไปผลิตใช้ในราชการและส่งเสริมในเชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรมป้องกันประเทศ 
เพื่อสนับสนุนการเสริมสร้างกำลังรบหลักของกองทัพเรือ และการจัดหายุทโธปกรณ์หลัก/สำคัญในการพึ่งพาตนเอง ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งการจัดหาปืนใหญ่สนามขนาด ๑๕๕ มม.แบบอัตราจรล้อยาง (ATMG) พร้อมอุปกรณ์ เพื่อให้กองทัพเรือมีขีดความสามารถในการป้องกันและรักษาอำนาจอธิปไตยทางบกของประเทศ 
สำหรับโครงการจัดหาปืนใหญ่ขนาด ๑๕๕ มม. แบบอัตตาจรล้อยาง (ATMG)นี้ จะช่วยให้กองทัพเรือมีกำลังรบที่ทันสมัยและลดการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยอุปกรณ์บางส่วนสามารถผลิตได้เองโดยหน่วยงานในประเทศ เช่น ศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร  
ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้มั่นคงในระยะยาว และได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับกำลังพล เพื่อให้ได้มีความรู้ความชำนาญในระบบอาวุธสมัยใหม่ เป็นโอกาสในการปูทางให้ภาคอุตสาหกรรมไทยสามารถพัฒนาและผลิตยุทโธปกรณ์ได้เองในอนาคต

นาวิกโยธินไทย(RTMC: Royal Thai Marine Corps) กองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy) ได้รับมอบปืนใหญ่สนามขนาด 155mm แบบอัตราจรล้อยาง M758 ATMG(Autonomous Truck-Mounted Gun) ที่ผลิตในไทยเพิ่มเติมจำนวน ๖ระบบ โดยพิธีรับมอบมีขึ้น ณ กองบัญชาการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ประเทศไทยเมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘(2025)
ปืนใหญ่อัตราจรล้อยาง M758 ATMG จำนวน ๖กระบอก พร้อมรถที่ควบคุม-อำนวยการยิงอัตโนมัติ(automatic fire-direction and control vehicles) และรถ radar ตรวจสภาพอากาศ(weather radar vehicles) ติดตั้งบนรถยนต์บรรทุก TATA อินเดีย จะเข้าประจำการในกรมทหารปืนใหญ่ กองพลนาวิกโยธิน กรม ป.พล.นย.(Marine Artillery Regiment, Royal Thai Marine Division) ที่มีปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง ATMG ในประจำการแล้ว ๖ระบบ

ปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง ATMG ถูกผลิตโดยโรงงานของ ศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ ศูนย์อุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร ศอว.ศอพท.(WPC: Weapon Production Center, DIEC: Defence Industry and Energy Center) กระทรวงกลาโหมไทย ที่จังหวัดลพบุรี(https://aagth1.blogspot.com/2023/11/defense-security-2023-m758-atmg-155mm.html)
ได้รับสัญญาผลิตปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง ATMG สำหรับนาวิกโยธินไยเพิ่มเติมในปี พ.ศ.๒๕๖๖(2023) โดยการตรวจรับ ทดสอบทดลองยิงด้วยกระสุนจริง และฝึกกำลังพลในการใช้งานระบบปืนใหญ่อัตตาจร ATMG ชุดใหม่ได้มีขึ้น ณ ศูนย์การทหารปืนใหญ่ ศป.(Artillery Center) กองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army) ในจังหวัดลพบุรีเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘

ปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง M758 ATMG มีพื้นฐานจากระบบพื้นใหญ่อัตตาจร ATMOS ขนาด 155 mm/52calibre ของบริษัท Elbit Systems อิสราเอล บูรณาการเข้ากับรถแคร่ฐานรถยนต์บรรทุก Tatra 6x6 ขนาด 10tonne จากสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งได้ถูกผลิตเข้าประจำการในกองทัพบกไทย(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/calfex.html) และนาวิกโยธินไทยรวมแล้วกว่า ๔๒ระบบ
โดยที่นาวิกโยธินไทยได้รับมอบปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง ATMG 155mm แล้วรวม ๑๒ระบบ(https://aagth1.blogspot.com/2024/09/awav-8x8.html) นาวิกโยธินไทยยังมีกำหนดที่จะได้รับมอบเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 120mm แบบอัตตาจรล้อยาง M361 ATMM(Autonomous Truck-Mounted Mortar) ที่ผลิตในไทยโดย ศอว.ศอพท.เช่นกัน ซึ่งจะเป็นระบบเครื่องยิงลูกระเบิดอัตตาจรแบบแรกของตนด้วยครับ

วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2568

รัฐมนตรีกลาโหมสวีเดนให้รายละเอียดการขับเคลื่อนการจัดซื้ออาวุธจนถึงปี 2030

Special Report: Sweden's defence minister details procurement drive




Swedish Air Force's Gripen C at Poland for NATO mission in 2025. (Saab)

A concept graphic showing a possible future Swedish uncrewed air system flying alongside a present-day Gripen, a project Saab is working on for Sweden's Future Combat Aircraft Concept programme. (Saab)

การใช้จ่ายทางกลาโหมทั่วทั้งยุโรปได้เพิ่มสูงขึ้น โดยที่บางประเทศใช้จ่ายในแง่มูลค่าที่แท้จริงมากขึ้นกว่าที่เคยใช้ในจุดสูงสุดของสงครามเย็น(Cold War) รวมถึงสวีเดนที่ได้เข้าร่วมกลุ่มชาติ NATO ในปี 2024
หลังจากที่ดำเนินนโยบายไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดทางทหารมาอย่างยาวนาน ขณะนี้สวีเดนกำลังดำเนินการปรับเปลี่ยนอาวุธยุทโธปกรณ์ในกองทัพของตนใหม่ครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา

สวีเดนได้เพิ่มการลงทุนทางกลาโหมของตนเป็นสองเท่าในระยะเวลา 4ปี และจำนวนตัวเลขวงเงินงบประมาณการจัดซื้อจัดจ้างทางกลาโหมได้เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าตลอดระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา
โดยเกือบจะร้อยละ43 ของงบประมาณกลาโหมของสวีเดนได้ถูกนำไปใช้ในการจัดซื้อจัดจ้างและและการจัดหาต่างๆ รัฐมนตรีกลาโหมสวีเดน Pål Jonson กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Janes

นายกรัฐมนตรีสวีเดน Ulf Kristersson กล่าวเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2025 ว่ารัฐบาลสวีเดนจะเพิ่มการจัดสรรงบประมาณกลาโหมที่ร้อยละ3.5 จากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP: Gross Domestic Product) ภายในปี 2030
และกล่าวเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2025 ว่าสวีเดนจะเพิ่มงบประมาณกลาโหมให้ถึงที่ร้อยละ5 ของ GDP โดยงบประมาณเพิ่มเติมอีกร้อยละ1.5 .ในการลงทุนที่เกี่ยวของกับส่วนที่ใช้ใช่กิจการหลักด้านกลาโหมและความมั่นคง แต่ไม่ได้ให้กำหนดเวลา

การพูดคุยกับ Janes ในเดือนสิงหาคม 2025 รัฐมนตรีกลาโหมสวีเดน Jonson กล่าวว่าการจัดซื้อจัดจ้างทางกลาโหมและการนำสิ่งอุปกรณ์ใหม่มาใช้งานโครงการหลักต่างๆของสวีเดนล่าสุดรวมถึง
การทดแทนเครื่องบินขับไล่ Saab JAS 39 Gripen C/D ด้วยเครื่องบินขับไล่ Gripen E(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/saab-helsing-project-beyond-ai-gripen-e.html) ในกองทัพอากาศสวีเดน(SwAF: Swedish Air Force, Svenska flygvapnet),

โครงการจัดหาเรือคอร์เวตชั้น Luleå ใหม่จำนวน 4ลำในอนาคต(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/saab-visby-sea-ceptor.html) และการบูรณาการของเรือดำน้ำชั้น Blekinge(A26) จำนวน 2ลำในอนาคต
ของกองทัพเรือสวีเดน(RSwN: Royal Swedish Navy, Svenska marinen)(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/saab-gotland-hswms-halland-mlu.html, https://aagth1.blogspot.com/2021/09/saab-a26.html),

การปรับปรุงกำลังรถรบทหารราบ(IFV: Infantry Fighting Vehicle) ด้วยการจัดซื้อรถรบทหารราบ CV9035 MkIIIC จำนวน 50คัน(https://aagth1.blogspot.com/2021/02/cv9035nl.html)
และการจัดหารถถังหลัก Leopard 2A8 MBT(Main Battle Tank) เยอรมนีใหม่จำนวน 44คัน(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/leopard-2a8-strv-123-44.html) ของกองทัพบกสวีเดน(Swedish Army, Svenska armén)

"สำหรับทุกมิติ เรากำลังดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างที่เข้มงวด เราให้ความสำคัญอย่างแม่นยำและเต็มที่ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งขีดความสามารถภาคพื้นดินของเรา เรายังกำลังเสริมความแข็งแกร่งกองทัพอากาศของเรา 
ซึ่งจะเป็นแกนหลักของการป้องกันประเทศของเราด้วย" รัฐมนตรีกลาโหมสวีเดน Jonson กล่าวกับ Janes ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/iris-t-slm.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/03/fmv-saab-gkn.html)

วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2568

Chaiseri ไทยส่งมอบ First Win 4x4 ๕คันแก่กองทัพไทยสำหรับภารกิจรักษาสันติภาพสหประชาชาติที่เซาท์ซูดาน












Thailand's defence firm Chaiseri metal & rubber Co. Ltd. delivered its five of First Win 4x4 wheeled Armored Tactical Vehicles (ATVs) included four First Win 4x4 Armoured Personnel Carrier (APC) and one First Win 4x4 Ambulance to Royal Thai Armed Forces (RTARF) for United Nations Mission in South Sudan (UNMISS) peacekeeping mission at South Sudan on 18 August 2025.
Signing ceremony of procurement contract between Chaiseri and RTARF on 5 First Win ATVs 4x4 for Thai Horizontal Military Engineering Company (Thai HMEC), UNMISS was held on 6 June 2025. (DEFENSE INFO/Sukasom Hiranphan)



รถเกราะFirst Win ATV พร้อมร่วมปฏิบัติงานเคียงข้างทหารไทยในเซาท์ซูดาน
หลังจากกองบัญชาการกองทัพไทย ได้พิจารณาจัดหารถหุ้มเกราะล้อยาง First Win ATV จำนวน5คัน เพื่อใช้ในภารกิจสนับสนุนการปฏิบัติงาน ภารกิจรักษาสันติภาพขององค์การสหประชาชาติ  ในสาธารณะเซาท์ซูดาน บริษัทชัยเสรี เม็ททอลแอนด์รับเบอร์ จำกัด ได้ดำเนินการผลิต และทำการทดสอบรถทั้งหมดตามสัญญา 
และทำพิธีส่งมอบให้กับ กองกำลังเฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 6 โดยมีพลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในพิธี ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 ที่กองบัญชาการกองทัพไทย
นับเป็นครั้งที่3แล้ว สำหรับการจัดส่งยานยนต์หุ้มเกราะ เพื่อการใช้ในภารกิจขององค์การสหประชาชาติ(UN) การจัดหาครั้งแรกในปี พ.ศ.2566 โดยกองทัพบก ภูฏาน จำนวน15คัน เพื่อใช้งานในสาธารณะรัฐแอฟริกากลาง ภายใต้ภารกิจของMINUSCA  ครั้งที่2 โดยสำนักงานตำรวจภูฏานจำนวน 10 เพื่อเตรียมใช้งานในภารกิจรักษาความสงบในสาธารณะรัฐแอฟริกากลาง  
ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่าน รถFirst  Win ชุดแรกของกองทัพบกภูฏาน ได้พิสูจน์การใช้งานในสภาพทุรกันดาน ของแอฟริกากลางมาได้เป็นอย่างดี ได้เป็นหนึ่งในยานยนต์ของMINUSCA ที่มีความพร้อมในการปฏิบัติงานสูงสุด
First Win สำหรับการปฏิบัติงานของกองทัพไทยในเซาท์ซูดานนี้ เป็นรุ่น ATV(Armored Tactical Vehicle)ติดเกราะกันกระสุน พร้อมป้องกันแรงแรงระเบิด  พร้อมยางรันแพล็ท ที่สามารถนำตัวรถออกจากพื้นที่อันตรายได้หากถูกโจมตีจนยางเกิดการระเบิดหรือรั่วซึม  ใช้ระบบ ขับเคลื่อน4ล้อ  ด้วยเครื่องยนต์ให้กำลัง300แรงม้า 
พร้อมติดตั้งระบบแอร์คอนดิชั่น เพื่อความสะดวกสบายของกำลังพลในการปฏิบัติงานในพื้นที่เขตร้อน  บนตัวรถติดตั้งป้อมปืนหุ้มเกราะ พร้อมฉากกันฝนและแดด ภายในรถยังติดตั้งช่องยิงอาวุธประจำกายของกำลังพล 11ช่อง 
ในรถชุดนี้ First Win ATV หนึ่งคันได้รับการปรับปรุงให้เป็นรถพยาบาล อันเป็นแผนแบบเดียวกับชุดที่ถูกในไปใช้งานในแอฟริกากลาง  พื้นที่ภายในสามารถบรรทุกเตียงลำเลียงผู้ป่วยได้สองเตียง  ที่สามารถลำเลียงผู้ป่วยขึ้นลงได้อย่างรวดเร็ว พร้อมอุปกรณ์ รักษาพยาบาลเบื้องต้น
รถFirst Win ATV ชุดนี้ จะถูกส่งไปปฏิบัติงานในสาธารณะรัฐเซาท์ซูดาน เพื่อทดแทนการปฏิบัติงานของรถหุ้มเกราะแบบV-150  โดยจะเริ่มภารกิจร่วมกับกำลังผลัดที่ 6 จำนวน 273นาย ที่จะออกเดินทางจากประเทศไทยในวันที่ 20สิงหาคมนี้  นับเป็นความภาคภูมิใจอีกครั้งหนึ่งที่ยุทธยานยนต์จากประเทศไทย ได้ร่วมปฏิบัติงานในภารกิจการรักษาสันติภาพขององค์การสหประชาชาติ

พิธีส่งกำลังพล กองร้อยทหารช่าง เฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน ของกองทัพไทย
ก่อนการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน ผลัดที่ 6
กองทัพไทย ได้สนับสนุนกำลังกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน เข้าร่วมการปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน (United Nations Mission in South Sudan : UNMISS) เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560
ในวันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00 นาฬิกา พลเอก ทรงวิทย์  หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในพิธีส่งกำลังพล กองร้อยทหารช่าง เฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 6 จำนวน 273 นาย ณ กองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งมีกำหนดจะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน (United Nations Mission in South Sudan : UNMISS) 
การส่งกำลังพลฯ ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการผลัดเปลี่ยนกำลังระหว่าง กำลังพล กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 5 ซึ่งเดินทางไปปฏิบัติภารกิจ ตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน กับ กำลังพลกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 6 เพื่อการสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ในภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นไปตามพันธกรณีที่มีต่อสหประชาชาติ
กำลังพล กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 6 จำนวน 273 นาย ประกอบด้วยกำลังพลจาก กองทัพไทย จำนวน 17 นาย จากกองทัพบก จำนวน 256 นาย ในจำนวนนี้ได้มีทหารหญิงร่วมปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 28 นาย โดยกำลังพลดังกล่าวจะมีกำหนดการเดินทางออกจากประเทศไทยเพื่อไปปฏิบัติภารกิจ ดังนี้ 
กำลังพลกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 6 ชุดที่หนึ่ง จำนวน 137 นาย ออกเดินทางในวันที่ 20 สิงหาคม 2568 และกำลังพลกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 6 ชุดที่สอง จำนวน 136 นาย จะเดินทางในวันที่ 7 กันยายน 2568 
ทั้งนี้ในห้วงเวลาที่ผ่านมากำลังกองร้อยทหารช่างของไทย ได้รับการยอมรับจากสหประชาชาติและองค์การต่าง ๆ ในความเป็นมืออาชีพ โดยเฉพาะคุณสมบัติพิเศษ ได้แก่ การปฏิบัติงานทางการช่างที่ได้รับการมอบหมายจากฝ่ายวิศวกรรมประจำภารกิจที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาพัฒนาเพื่อความมั่นคงอย่างยั่งยืนให้แก่ประชาชนชาวสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน 
ควบคู่ไปกับการปฏิบัติภารกิจทางยุทธวิธี ดังนั้นกองกำลังของไทย จึงได้รับการพิจารณาจากสหประชาชาติให้เข้าร่วมการปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพมาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด ซึ่งถือได้ว่าเป็นบทบาท เกียรติภูมิ และความภาคภูมิใจของประเทศไทยในเวทีโลก 
รวมทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความรู้และประสบการณ์ให้กับกำลังพลของกองทัพไทยในการปฏิบัติงานร่วมกับกองกำลังชาติต่างๆ อันจะเป็นการพัฒนาศักยภาพของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ไปสู่ความเป็นเลิศตามมาตรฐานสากลต่อไป
ทั้งนี้กำลังพลทุกนายจะเข้ารับการรวมพลตรวจความพร้อม เพื่อรับคำแนะนำก่อนการเคลื่อนย้ายและการตรวจสอบสัมภาระ ป้องกันการนำสิ่งของต้องห้ามเข้าไปยังสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน ตลอดจนให้เป็นไปตามมาตรฐานตามข้อกำหนดของสหประชาชาติ หลังจากนั้นจะออกเดินทางโดยอากาศยานเช่าเหมาลำของสหประชาชาติ ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ตามวันเวลาที่กำหนด
 เพื่อเดินทางไปยังท่าอากาศยานเมืองจูบ้า ซึ่งเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน และปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพต่อไป

พิธีรับกำลังพล กองร้อยทหารช่าง เฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน ของกองทัพไทย ในการเดินทางกลับจากการปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน ผลัดที่ 5 
กองทัพไทย ได้สนับสนุนกำลังกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน เข้าร่วมภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน (United Nations Mission in South Sudan : UNMISS)  ตามมติของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560
ในวันอังคารที่ 19 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00 นาฬิกา พลเอก ธิติชัย  เทียนทอง  รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในพิธีรับกำลังพล กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 5 ชุดที่หนึ่ง จำนวน 137 นาย ซึ่งได้เดินทางกลับจากปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน (United Nations Mission in South Sudan : UNMISS) ณ กองบัญชาการกองทัพไทย
การจัดพิธีฯ ในครั้งนี้เพื่อเป็นการต้อนรับกำลังพล กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน กลับประเทศไทย หลังจากเดินทางออกไปปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ในภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ ตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน รวมเป็นระยะเวลาการปฏิบัติภารกิจ 1 ปี
โดยกำลังพล กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 5 มีจำนวนทั้งสิ้น 273 นาย มีกำหนดเดินทางกลับมาประเทศไทย ในวันอังคารที่ 19 สิงหาคม 2568 จำนวน 137 นาย และในวันเสาร์ที่ 6 กันยายน 2568 จำนวน 136 นาย ตามลำดับ ทั้งนี้ ในห้วงเวลาที่ผ่านมา กองกำลังกองร้อยทหารช่างของไทย ได้รับการยอมรับจากสหประชาชาติและองค์การต่าง ๆ ในความเป็นมืออาชีพ โดยเฉพาะคุณสมบัติพิเศษ
ได้แก่ การปฏิบัติงานทางการช่างที่มีประสิทธิภาพที่ได้รับการมอบหมายจากฝ่ายวิศวกรรมประจำภารกิจ ตลอดจนการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาพัฒนาเพื่อความมั่นคงอย่างยั่งยืน ให้แก่ประชาชนชาวสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน ควบคู่ไปกับการปฏิบัติภารกิจทางยุทธวิธี ดังนั้น กองกำลังของไทย จึงได้รับการพิจารณาจากสหประชาชาติ ตามพันธกรณีให้เข้าร่วมการปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพมาอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งถือเป็นบทบาท เกียรติภูมิ และความภาคภูมิใจของประเทศไทยในเวทีโลก รวมทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความรู้และประสบการณ์ให้กับกำลังพลของกองทัพไทยในการปฏิบัติงานร่วมกับกองกำลังชาติต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาศักยภาพของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ไปสู่ความเป็นเลิศตามมาตรฐานสากลต่อไป
กำลังพลทุกนายจะได้รับประกาศเกียรติคุณ ซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงถึงความมุ่งมั่นเสียสละในการปฏิบัติหน้าที่ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา และจะได้รับการต้อนรับกลับสู่อ้อมอกของคนในครอบครัวอย่างอบอุ่นหลังจากพิธีการต้อนรับกำลังพลกลับอันทรงเกียรตินี้

บริษัท ชัยเสรี เม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด(Chaiseri metal & rubber Co. Ltd.) ไทยได้ส่งมอบรถหุ้มเกราะล้อยางทางยุทธวิธี First Win ATV(Armored Tactical Vehicle) 4x4 จำนวน ๕คันแก่กองทัพไทย(RTARF: Royal Thai Armed Forces) เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘(2025) ณ กองบัญชาการกองทัพไทย
ระหว่างพิธีส่งกำลังพล กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ(Thai HMEC: Thai Horizontal Military Engineering Company) ภารกิจสหประชาชาติรักษาสันติภาพในเซาท์ซูดาน(UNMISS: United Nations Mission in South Sudan) ผลัดที่๖ โดยมี พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด(Chief of Defence Forces) เป็นประธานรับมอบ

กองทัพไทยและบริษัท Chaiseri ไทยได้ลงนามลงนามสัญญาจัดหารถหุ้มเกราะล้อยาง First Win ATV 4x4 จำนวน ๕คัน ซึ่งประกอบด้วยรุ่นรถลำเลียงพล(APC: Armoured Personnel Carrier) จำนวน ๔คัน และรุ่นรถพยาบาล จำนวน ๑คันเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๘(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/blog-post.html)
ซึ่งจะมาทดทดแทนรถเกราะล้อยาง Cadillac Gage V-150 Commando 4x4 ที่ กองร้อยทหารช่าง เฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน ใช้มาในห้าผลัดก่อนหน้า(https://aagth1.blogspot.com/2022/09/v-150-4x4.html) โดยพิธีพิธีรับกำลังพล ร้อย.ช.ฉก.ไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่๕ กลับไทยหลังจากส่งไปปฏิบัติงานมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๗(2024) ได้มีขึ้นเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘

เป็นที่เข้าใจว่ารถเกราะล้อยาง First Win 4x4 ATV ทั้ง ๕คันที่กองทัพไทยสั่งจัดหาจาก Chaiseri ไทยล่าสุดจะมีรูปแบบเดียวกับที่ภูฏานสั่งจัดหาสำหรับภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง(United Nations Mission in the Central African Republic, MINUSCA Peacekeeping) ที่ได้ส่งมอบไปใช้งานจริงแล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2024/05/first-win-4x4-atv-mi-47-mi-9.html
การที่บริษัท Chaiseri สามารถส่งมอบรถหุ้มเกราะล้อยางตระกูล First Win 4x4 ของตนได้ภายในเวลาเพียง ๗๓วันหรือราว ๒เดือนครึ่งเท่านั้นแสดงถึงขีดความสามารถของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว โดย Chaseri จะยังให้บริการซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์สายยานยนต์ของกองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army) ที่เสียหายจากการปะทะตามชายแดนไทย-กัมพูชาในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๘ ด้วยครับ