วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2568

โปแลนด์มองอาวุธปล่อยนำวิถีพิสัยไกล Spike NLOS อิสราเอลสำหรับเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64E Apache สหรัฐฯ

Poland eyes Spike NLOS stand-off weapon for Apache







On 28 August, Rafael announced a live-fire test campaign of the Spike NLOS missile aboard the AH-64E Apache Guardian in Poland. (US Army/Rafael)

โปแลนด์กำลังพิจารณาที่จะวางกำลังอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้นระยะยิงไกลเกินพิสัยยิงข้าศึก(stand-off) แบบ Rafael Spike NLOS(Non-Line-Of-Sight) อิสราเอล(https://aagth1.blogspot.com/2019/08/spike-nlos-ah-64e.html)
จากกองบินเฮลิคอปเตอร์โจมตี Boeing AH-64E Apache Guardian ที่ตนจะได้รับมอบในเร็วๆนี้(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/ah-64d-8-ah-64e-96.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/08/ah-64e-apache-96.html)

บริษัท Rafael อิสราเอลประกาศเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2025 ว่า การทดลองยิงด้วยกระสุนจริงของการผสมผสานเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64E Apache และอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น Spike NLOS ได้เสร็จสิ้นอย่างประสบความสำเร็จ 
ณ สนามฝึกกองทัพอากาศกลาง Central Air Force Training Range ใน Ustka โปแลนด์ โดยกองทัพบกสหรัฐฯ(US Army) และกองทัพอากาศโปแลนด์(Polish Air Force, ISP: Inspektorat Sił Powietrznych) ด้วยการสนับสนุนของตน

"การรณรงค์ได้ถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้การกำกับของกองทัพบกสหรัฐฯ ซึ่งวางกำลังเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64E Apache จากกองพลน้อยบินรบที่12(12th CAB: Combat Aviation Brigade) ที่มีที่ตั้งกองบัญชาการใน Ansbach เยอรมนี
มายังโปแลนด์เพื่อการฝึกและการประเมินค่า การฝึกได้รับการเป็นเจ้าภาพโดยกระทรวงกลาโหมโปแลนด์โดยการมีส่วนร่วมจากคณะเสนาธิการทหารกองทัพโปแลนด์(Polish Armed Forces, WP: Wojsko Polskie) และกรมจเรกองทัพอากาศโปแลนด์"

Rafael อิสราเอลกล่าวโดยเสริมว่าผู้สังเกตการณ์จากชาติพันธมิตรต่างๆ 10ประเทศได้รับเชิญเข้าชมการรณรงค์ ร่วมไปกับเหล่าผู้บัญชาการระดับสูงจากกองทัพอากาศนานาประเทศของกลุ่มชาติ NATO ด้วย
ตามการประกาศ การรณรงค์ได้เห็นอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น Spike NLOS สองนัดทำการยิงจากเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64E กองทัพบกสหรัฐฯต่อหลายเป้าหมายทางทะเล ที่บรรลุผลชนเป้าหมายที่ระยะยิง 26km

"เจ้าหน้าที่ทางทหารระดับสูงของสหรัฐฯและโปแลนด์เน้นย้ำว่าการบูรณาการอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น Spike NLOS เข้ากับระบบเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64E Apache เพิ่มขยายการบินปีกหมุนด้วยขีดความสามารถการโจมตีระยะยิงไกลเกินพิสัยยิงข้าศึกที่ถูกเพิ่มขยาย
และการโจมตีความแม่นยำสูง พวกเขาเน้นเพิ่มเติมถึงความเป็นไปได้ของระบบในฐานะส่วนหนึ่งของกองบิน ฮ.โจมตี AH-64E ในอนาคตของโปแลนด์" บริษัท Rafael กล่าว(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/ah-64e-apache.html)

โปแลนด์กำลังจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64E จำนวน 96เครื่องภายใต้ความต้องการโครงการ Kruk(นกกา Raven) ของตน(https://aagth1.blogspot.com/2023/08/ah-64e-apache-96.html)
โดยที่กำลังพลของโปแลนด์ขณะนี้กำลังทำการฝึกกับเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64D Apache Longbow กองทัพบกสหรัฐฯ การส่งมอบเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64E แก่โปแลนด์จะมีขึ้นในปี 2028 และดำเนินไปจนถึงปี 2032

ขณะที่อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้น Spike NLOS Mk 5 รุ่นที่ยิงจากยานพาหนะภาคพื้นดินและเรือผิวน้ำจะมีระยะยิงที่ระหว่าง 1-25km(https://aagth1.blogspot.com/2023/11/defense-security-2023-dti-rafale-spike.html)
อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น Spike NLOS Mk 5 รุ่นยิงจากอากาศปีกหมุนจะมีระยะยิงที่ระหว่าง 1-32km และในรุ่นใหม่ล่าสุดอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น Spike NLOS Mk 6 จะมีระยะยิงที่ไกลถึง 50km ครับ

วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2568

กองทัพอากาศไทยและสหรัฐฯเสร็จสิ้นการฝึกผสม Enduring Partners 2025























We're thrilled to share just a taste of the incredible action from Enduring Partners 2025!
We're still buzzing from two weeks of intense training, groundbreaking collaborations, and unforgettable moments here in Thailand. 
This video (courtesy of our WORLD CLASS PA team) gives you a quick glimpse into the diverse missions – from high-flying aerial operations and critical ground training to vital cyber defense and humanitarian efforts – all powered by the incredible teamwork between the Royal Thai Air Force and our U.S. National Guard forces.
Get ready to see some serious interoperability in action! More incredible content is on its way, but for now, enjoy this little preview of what Enduring Partners is all about!

The Royal Thai Air Force (RTAF) and U.S.Air Foce (USAF) concluded the third annual Enduring Partners exchange on August 28, 2025 at Korat Air Force Base, Wing 1 in Nakhon Ratchasima, Thailand. 
Enduring Partners builds joint readiness by integrating U.S. and Thai forces in mission areas including ground-controlled interception, cyber, humanitarian aid and disaster relief, tactical air control party, and space.
U.S. aircraft deployed in support of the exchange include two KC-135 Stratotankers from the 141st Air Refueling Wing, Fairchild Air Force Base, Washington and the 151st Wing, Roland R. Wright Air National Guard Base, as well as two UH-60 Black Hawks from the 1st Battalion, 168th General Support Aviation, Joint Base Lewis-McChord, Washington.
RTAF's aircrafts participated with AT-6TH Wolverine light attack aircrafts of 411th Squadron, Wing 41 Chiang Mai for first time; F-16A/B Block 15 OCU/ADF of 103rd Squadron, Wing 1 and F-16AM/BM EMLU of 403rd Squadron, Wing 4 Takhli; and C-130H Hercules of 601st Squadron, Wing 6 Don Muang. (Royal Thai Air Force and US Air Force)

กองทัพอากาศจัดพิธีเปิดการฝึกผสม ENDURING PARTNERS 2025
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2568 นาวาอากาศเอก ณัฎฐ์  คำอินทร์ รองผู้อำนวยการสำนักยุทธการและการฝึก กรมยุทธการทหารอากาศ/ผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกผสม ENDURING PARTNERS 2025 ฝ่ายไทย 
พร้อมด้วย Brigadier General Kenneth A.Borchers, Assistant Adjutant General and Commander, Washington Air National Guard (WA ANG) ในฐานะ Head of Delegation กองอำนวยการฝึกผสม ENDURING PARTNERS 2025 ฝ่ายสหรัฐอเมริกา ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกผสม ENDURING PARTNERS 2025 อย่างเป็นทางการ ณ อาคาร STARFIRE กองบิน 1 จังหวัดนครราชสีมา
การฝึกผสม ฯ เป็นการฝึกผสมระหว่าง กองทัพอากาศ กับ Washington Air National Guard (WA ANG) โดยการฝึกผสม ฯ ครั้งนี้ WA ANG ได้เชิญ Washington Army National Guard (WA ARNG) และ Utah Air National Guard (UT ANG) นำอากาศยาน เข้าร่วมการฝึกผสม ฯ รวมทั้งได้เชิญ จนท.Air National Guard จากรัฐต่าง ๆ รวมทั้ง จนท.จาก Headquarters National Guard Bureau เข้าร่วมการฝึกผสม ฯ 
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำรงความพร้อมรบของผู้เข้ารับการฝึก (Combat Readiness) และพัฒนาขีดความสามารถ ในการปฏิบัติทางอากาศผสม (Interoperability) โดยในการฝึกผสม ฯ ในปีนี้วางแผนจัดภายใต้แนวคิดการปฏิบัติการหลายมิติ (Multidomain Operation Concept : MDO Concept) 
โดยนำผลกระทบที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติภารกิจในแต่ละมิติทั้งมิติทางอากาศ มิติทางอวกาศ และมิติทางไซเบอร์ มาบูรณาการสถานการณ์การฝึกผสม ฯ ให้กับการปฏิบัติการทางอากาศ นอกจากนี้ยังมีการฝึกด้านการแพทย์ การฝึกการค้นหาและช่วยชีวิต การฝึกการสถาปนาระบบสื่อสาร การฝึกด้านการส่งกำลังบำรุง และการฝึกด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ 
เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ ยกระดับขีดความสามารถ และความพร้อมรบในการปฏิบัติการร่วมกันของกำลังทางอากาศทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาคพลเรือน ได้แก่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) และ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ที่เข้าร่วมสนับสนุนการฝึกครั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและความปลอดภัยด้านการบินร่วมกันระหว่างภาครัฐและพลเรือน
โดยการฝึก ENDURING PARTNERS 2025 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 - 29 สิงหาคม 2568 ณ กองบิน 1 จังหวัดนครราชสีมา กองบิน 2 จังหวัดลพบุรี กองบิน 4 จังหวัดนครสวรรค์ สนามฝึกใช้อาวุธทางอากาศชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี และที่ตั้งฐานทัพอากาศดอนเมือง
การฝึกผสม ENDURING PARTNERS 2025 นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างกองทัพอากาศ และกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิทางอากาศ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา อันจะนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพด้านความมั่นคง และความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างยั่งยืน

F-16 ไทย บินทะยานก้าวข้ามขีดจำกัด ด้วยการเติมเชื้อเพลิงทางอากาศ (AAR) จากเครื่องบิน Tanker สหรัฐอเมริกา
กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบิน #F16 ขึ้นบินฝึกเติมเชื้อเพลิงทางอากาศ ( AAR : Air-to-Air Refueling)กับ เครื่องบิน #KC135 จาก Washington Air National Guard (WA ANG) และ Utah Air National Guard (UT ANG) ในการฝึกผสม Enduring Partners 2025 เพื่อดำรงขีดความสามารถของนักบิน และเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติที่จะต้องอาศัยทักษะ ความแม่น และประสบการณ์อย่างสูง 
การเติมเชื้อเพลิงทางอากาศจะช่วยสร้างความยืดหยุ่นในการปฏิบัติการทางอากาศได้หลายมิติ อาทิเช่น การเพิ่มพิสัยการบิน การเพิ่มเวลาบิน การดำรงความต่อเนื่องในการครองอากาศ เป็นต้น โดยการฝึกฯ ครั้งนี้ได้ทำการร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือในการปฏิบัติการร่วมทางอากาศกับชาติพันธมิตร  
ที่จะตอกย้ำถึงความร่วมมืออันแน่นแฟ้นระหว่างกองทัพอากาศไทยและสหรัฐอเมริกา
กองทัพอากาศให้ความสำคัญของทุกการฝึกเพื่อสร้างความพร้อมของกำลังทางอากาศ เพราะประสบการณ์ที่ได้เหล่านี้จะเป็นเครื่องรับประกันว่าภารกิจในการปกป้องความมั่นคงของชาติจะสำเร็จลุล่วงได้เป็นอย่างดี
ภาพโดย : Noppasin Poompo / RTAF Team

คุ้มกันเข้ม Pilot View F-16 Lightning  และ C-130H Lucky ส่งด่วน ยุทธภัณฑ์ ให้ทหารแนวหน้า ในการฝึกผสม Enduring Partners 2025
กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบิน F-16 ฝูงบิน 103 กองบิน 1 พร้อมด้วย C-130H  ฝูงบิน 601 กองบิน 6 ฝึก LOW INTERCEPT พร้อม ฝึกการบินเดินทางต่ำ/การทิ้งบริภัณฑ์ทางอากาศ (Low-Level Airdrop) เพื่อสนับสนุนกำลังส่วนหน้าของไทย และหน่วย Tactical Air Control Party (TACP) จาก Washington Air National Guard สหรัฐอเมริกา  
 การฝึกร่วมกันครั้งนี้ เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือในโครงการ State Partnership Program ซึ่งเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองชาติที่ได้ขยายขอบเขตความร่วมมือครอบคลุมหลายมิติ - จากยุทธวิธีการรบ ไปสู่ภารกิจเพื่อมนุษยธรรม และการพัฒนาศักยภาพกำลังพลในทุกระดับ 
โดย หน่วยปฏิบัติการจากทั้งสองประเทศได้ร่วมกัน ออกแบบสถานการณ์ฝึก ซักซ้อม และแลกเปลี่ยนความรู้  เพื่อพัฒนาขีดความสามารถด้านความมั่นคงของทั้ง 2 ชาติ ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ภาพโดย : RTAF / Noppasin poompo

กองทัพอากาศจัดพิธีปิดการฝึกผสม ENDURING PARTNERS 2025
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม 2568 นาวาอากาศเอก ณัฎฐ์  คำอินทร์ รองผู้อำนวยการสำนักยุทธการและการฝึก กรมยุทธการทหารอากาศ/ผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกผสม ENDURING PARTNERS 2025 ฝ่ายไทย 
พร้อมด้วย Brigadier General Kenneth A.Borchers, Assistant Adjutant General and Commander, Washington Air National Guard (WA ANG) ในฐานะ Head of Delegation กองอำนวยการฝึกผสม ENDURING PARTNERS 2025 ฝ่ายสหรัฐอเมริกา ร่วมเป็นประธานในพิธีปิดการฝึกผสม ENDURING PARTNERS 2025  ณ กองบิน 1 จังหวัดนครราชสีมา
การฝึกผสม ENDURING PARTNERS 2025 นี้ กองกำลังพลของทั้งสองประเทศได้ทำการฝึกเคียงข้างกัน แบ่งปันความรู้ และเสริมสร้างการทำงานเป็นทีม ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความพร้อมทางยุทธวิธีและการปฏิบัติของกองทัพอากาศเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์ของมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างกองทัพอากาศและกองกำลังของสหรัฐอเมริกาที่เข้าร่วมการฝึกผสมฯ ในครั้งนี้ 
ประกอบกับความเป็นมืออาชีพ และการอุทิศตน กองทัพอากาศจึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถเผชิญกับความท้าทายในอนาคตร่วมกันด้วยความไว้วางใจและมั่นใจ สานต่อจิตวิญญาณแห่งความร่วมมือที่ได้สร้างไว้ที่นี่นำไปสู่การมีส่วนร่วมในอนาคต เพื่อความสัมพันธ์ระหว่างกองกำลังของทั้งสองประเทศจะยังคงแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ในครั้งนี้ Washington Air National Guard (WA ANG) ได้นำอากาศยานและเจ้าหน้าที่ทั้งจาก Air National Guard จากรัฐต่าง ๆ และจาก Headquarters National Guard Bureau นอกจากนั้นยังได้เชิญ Washington Army National Guard (WA ARNG) และ Utah Air National Guard (UT ANG) เข้าร่วมการฝึกผสมฯ ในครั้งนี้ด้วย 
ซึ่งถือได้ว่าเป็นการฝึกผสมฯ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาการฝึกผสมฯ อื่นๆ ภายใต้ State Partnership Program ของทางสหรัฐอเมริกา ซึ่งการฝึกผสม ENDURING PARTNERS 2025 ในปีนี้ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 29 สิงหาคม 2568 
ครอบคลุมพื้นที่การฝึกทั้งในพื้นที่ กองบิน 1 จังหวัดนครราชสีมา กองบิน 2 จังหวัดลพบุรี กองบิน 4 จังหวัดนครสวรรค์ สนามฝึกใช้อาวุธทางอากาศชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี และที่ตั้งฐานทัพอากาศดอนเมือง 
นอกจากนี้ กองทัพอากาศยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาคพลเรือน ได้แก่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ในการร่วมวางแผนและบริหารจัดการห้วงอากาศเพื่อให้เกิดประโยขน์ต่อการฝึกโดยไม่ส่งผลกระทบต่อภาคส่วนอื่นๆ ของประเทศไทย
การฝึกผสม ENDURING PARTNERS 2025 นับเป็นอีกก้าวสำคัญของความร่วมมือด้านความมั่นคงและยกระดับขีดความสามารถทางทหารแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างกองทัพอากาศ และกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิทางอากาศ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา อันจะนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพด้านความมั่นคง และความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างยั่งยืน

กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) และกองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force) ได้เสร็จสิ้นการฝึกผสม ENDURING PARTNERS 2025 ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘(2025) โดยมีพิธีเปิดการฝึกเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘ และพิธีปิดเมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘ ณ กองบิน๑ โคราช ในจังหวัดนครราชสีมาประเทศไทย
การฝึกผสม ENDURING PARTNERS 2025 เป็นการฝึกครั้งที่๓ แล้วนับจากครั้งแรกการฝึกผสม ENDURING PARTNERS 2023 ระหว่างวันที่ ๑๑-๒๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๖(2023)(https://aagth1.blogspot.com/2023/09/enduring-partners-2023.html, https://aagth1.blogspot.com/2023/09/enduring-partners-engagement-2023.html)

และครั้งที่สองการฝึกผสม Enduring Partners 2024 ระหว่างวันที่ ๒๙ เมษายน-๑๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๗(2024)(https://aagth1.blogspot.com/2024/05/enduring-partners-2024.html) โดยมีส่วนร่วมจากกองกำลังรักษาดินแดนทางอากาศ Washington(WA ANG: Washington Air National Guard) และกองกำลังรักษาดินแดนทางอากาศ Utah(UT ANG: Utah Air National Guard)
ที่ได้นำเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Boeing KC-135R Stratotanker จำนวน ๒เครื่องจากกองบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศที่๑๔๑(141st Air Refueling Wing) ฐานทัพอากาศ Fairchild Air Force Base(AFB) มลรัฐ Washington และกองบินที่๑๕๑(151st Wing) ฐานทัพรักษาดินแดนทางอากาศ Roland R. Wright Air National Guard Base มลรัฐ Utah

การฝึกผสม Enduring Partners 2025 ยังเป็นครั้งแรกที่ได้มีส่วนร่วมจากกองกำลังรักษาดินแดน Washington National Guard กองทัพบกสหรัฐฯ(US Army) ที่ได้นำเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป Sikorsky UH-60M Black Hawk จำนวน ๒เครื่องจาก กองพันที่๑(1st Battalion), กรมบินสนับสนุนทั่วไปที่๑๖๘(168th General Support Aviation), ฐานทัพร่วม Joint Base Lewis-McChord มลรัฐ Washington เข้าร่วม
กองทัพอากาศไทยได้เครื่องบินโจมตีแบบที่๘ บ.จ.๘ Beechcraft AT-6TH Wolverine ฝูงบิน๔๑๑ กองบิน๔๑ เชียงใหม่ เข้าร่วมเป็นครั้งที่สองต่อจากครั้งแรกในการฝึกผสมทางอากาศ AIR THAISING 2025 กับกองทัพอากาศสิงคโปร์(RSAF: Republic of Singapore Air Force) ระหว่างวันที่ ๑๔-๒๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/at-6th-air-thaising-2025.html)

อากาศยานของกองทัพอากาศที่มีส่วนรวมในการฝึกยังรวมถึงเครื่องขับไล่แบบที่๑๙/ก บ.ข.๑๙/ก Lockheed Martin F-16A/B Block 15 OCU/ADF ฝูงบิน๑๐๓ กองบิน๑ โคราช และเครื่องขับไล่แบบที่๑๙/ก บ.ข.๑๙/ก F-16AM/BM EMLU ฝูงบิน๔๐๓ กองบิน๔ ตาคลี ที่ได้รวมถึงการฝึกเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศกับเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC-135R กองทัพอากาศสหรัฐฯ
และเครื่องบินลำเลียงแบบที่๘ บ.ล.๘ Lockheed Martin C-130H Hercules ฝูงบิน๖๐๑ กองบิน๖ ดอนเมือง ที่ฝึกร่วมกับชุดควบคุมการรบ(CCT: Combat Control Team) จาก กรมปฏิบัติการพิเศษ อากาศโยธิน ปพ.อย.(SOR: Special Operations Regiment, SFC: Security Force Command) กองทัพอากาศไทย ร่วมกับหน่วย Tactical Air Control Party(TACP) จาก WA ANG ด้วยครับ

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2568

PT PAL อินโดนีเซียมีความล่าช้าในการสร้างเรือยกพลขึ้นบกอู่ลอยชั้น Tarlac SSV ลำที่สามและสี่ของฟิลิปปินส์

Delays hamper Philippines' follow-on Tarlac-class LPDs





The Philippine Navy's first SSV, BRP Tarlac , seen here arriving in Surabaya for an MRO work in April 2025. Construction work for follow-on vessels to this class has been delayed. (PT PAL)

โครงการที่จะนำเรือยกพลขึ้นบก SSV(Strategic Sealift Vessel) รูปแบบคล้ายเรือยกพลขึ้นบกอู่ลอย(LPD: Landing Platform Dock) ชั้น Tarlac เพิ่มเติมสองลำเข้าประจำการในกองทัพเรือฟิลิปปินส์(PN: Philippine Navy) 
ได้ล่าช้ากว่ากำหนดการหลังจาก PT PAL รัฐวิสาหกิจผู้สร้างเรือของอินโดนีเซียล้มเหลวที่จะบรรลุเหตุการณ์หลักสำคัญสี่ประการที่ถูกระบุในสัญญาที่ตนได้ลงนามกับรัฐบาลฟิลิปปินส์ในนครหลวง Manila

เอกสารสัญญาต่างๆที่ถูกมอบให้แก่ Janes โดยแหล่งข่าวในภาคอุตสาหกรรมการต่อเรือยืนยันว่าเหตุการณ์สำคัญเหล่านี้คือกำหนดวันปล่อยเรือลงน้ำและวันส่งมอบเรือยกพลขึ้นบกชั้น Tarlac SSV ลำที่สามและลำที่สี่ตามลำดับ
ฟิลิปปินส์ได้ลงนามสัญญาสำหรับจัดหาเรือยกพลขึ้นบกชั้น Tarlac SSV เพิ่มเติมจำนวน 2ลำกับ PT PAL อินโดนีเซียในเดือนมิถุนายน 2022 สัญญามีขึ้นตามหลังจากสัญญาวงเงิน $92 million 

ที่ได้รับการลงนามระหว่างรัฐบาลฟิลิปปินส์และ PT PAL อินโดนีเซียในเดือนมิถุนายน 2014 สำหรับการสร้างเรือยกพลขึ้นบก SSV สองลำเช่นเดียวกัน ซึ่งทั้งสองลำประจำการในกองทัพเรือฟิลิปปินส์ในชื่อเรือยกพลขึ้นบกอู่ลอยชั้น Tarlac
เรือลำแรก เรือยกพลขึ้นบกอู่ลอย LD-601 BRP Tarlac ถูกขึ้นระวางประจำการในเดือนมิถุนายน 2016 ขณะที่เรือลำที่สอง เรือยกพลขึ้นบกอู่ลอย LD-602 BRP Davao del Sur ถูกขึ้นระวางประจำการในเดือนพฤษภาคม 2017

แบบเรือยกพลขึ้นบกชั้น Tarlac SSV ของ PT PAL อินโดนีเซียมีพื้นฐานจากเรืออเนกประสงค์ขนาด 122-125m ที่ประจำการในกองทัพเรืออินโดนีเซีย(Indonesian Navy, TNI-AL: Tentara Nasional Indonesia-Angkatan Laut)
ซึ่งในทางกลับกันมีพื้นฐานการออกแบบจากบริษัท Dae Sun Shipbuilding สาธารณรัฐเกาหลี(https://aagth1.blogspot.com/2024/05/lunas-mou-pt-pal.html, https://aagth1.blogspot.com/2023/03/lpd-pt-pal.html)

เรือยกพลขึ้นบกอู่ลอยชั้น Tarlac SSV ลำที่สามและลำที่สี่ในสัญญาจัดหาเพิ่มเติมจะมีคุณลักษณะความยาวตัวเรือรวมยาวกว่าเล็กน้อยที่ 124m เมื่อเปรียบเทียบกับเรือสองลำแรกที่มีความยาวเรือ 123m
พิธีวางกระดูกงูเรือของเรือยกพลขึ้นบกอู่ลอยชั้น Tarlac SSV รุ่นปรับปรุงลำแรกซึ่งเป็นลำที่สามของชั้นในภาพรวมมีขึ้นโดยอู่เรือ PT PAL อินโดนีเซียในเดือนมกราคม 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/pt-pal-tarlac-ssv.html)

ขณะที่พิธีวางกระดูกงูเรือของเรือยกพลขึ้นบกอู่ลอยชั้น Tarlac SSV รุ่นปรับปรุงลำที่สองภายใต้สัญญานี้ซึ่งเป็นลำที่สี่ของชั้นมีขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/06/pt-pal-tarlac-ssv.html)
เรือชั้น Tarlac SSV ลำแแรก เรือยกพลขึ้นบกอู่ลอย BRP Tarlac ได้เดินเรือมาถึงอู่เรือ PT PAL ใน Surabaya อินโดนีเซียในเดือนเมษายน 2025 เพื่อรับการดำเนินงานซ่อมบำรุง, ซ่อมแก้ และซ่อมทำใหญ่(MRO: Maintenance, Repair and Overhaul) ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2568

แคนาดาเลือก tkMS เยอรมนีและ Hanwha Ocean เกาหลีใต้เพื่อเข้าแข่งขันโครงการเรือดำน้ำใหม่ CPSP

Canada downselects tkMS, Hanwha designs for next submarine programme





Canada's Victoria-class SSK HMCS Corner Brook sails in the Arctic during Operation ‘Nanook' in 2007. Three-ocean presence – particularly in the Arctic – is a core capability requirement for Canada's future submarine. (Department of National Defence, Canada)

แคนาดาได้คัดเลือกบริษัท thyssenkrupp Marine Systems(tkMS) เยอรมนี และบริษัท Hanwha Ocean Co Ltd(Hanwha) สาธารณรัฐเกาหลี "เป็นผู้จัดส่งที่มีคุณสมบัติสองรายสำหรับโครงการเรือดำน้ำลาดตระเวนของแคนาดา CPSP(Canadian Patrol Submarine Project)"
กระทรวงการบริการสาธารณะและการจัดซื้อจัดจ้างแคนาดา(PSPC: Public Services and Procurement Canada) ของรัฐบาลแคนาดากล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2025 ที่ผ่านมา

ช่วงเวลาก่อนการตัดสินใจคัดเลือก แบบเรือดำน้ำต่างๆจากภาคอุตสาหกรรมห้ารายที่อยู่บนโต๊ะยื่นเสนอร่วมไปกับเรือดำน้ำชั้น Type 212 Common Design(Type 212CD) ของ tkMS เยอรมนี(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/type-212cd-4.html
และเรือดำน้ำชั้น KSS-III Batch 2 ของ Hanwha Ocean สาธารณรัฐเกาหลี(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/hanwha-ocean-orka.html, https://aagth1.blogspot.com/2023/12/hd-hhi.html

รวมถึงเรือดำน้ำ Blackfin Barracuda ของบริษัท Naval Group ฝรั่งเศส(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/thales-sonar-orka.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/06/orka-naval-group.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/03/naval-group-walrus.html)
เรือดำน้ำ S-80 Plus ของบริษัท Navantia สเปน(https://aagth1.blogspot.com/2023/12/s80-plus-s81-isaac-peral.html) และเรือดำน้ำชั้น A26 รุ่นเดินสมุทร/ขยายระยะทำการของบริษัท Saab สวีเดน(https://aagth1.blogspot.com/2023/07/saab-c718.html)

การตัดสินเป็นผลที่มาจากประเมินค่าความต้องการต่างๆของโครงการเรือดำน้ำ CPSP ที่รวมถึงกำหนดระยะเวลาการสร้างและการส่งมอบของกองเรือดำน้ำใหม่ แถลงการณ์ของ PSPC แคนาดาเสริมโดยยืนยันในแถลงการณ์ของตนว่า
โครงการเรือดำน้ำ CPSP มีจุดประสงค์ที่จะส่งมอบเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้า(SSK) ชั้นใหม่จำนวนถึง 12ลำสำหรับกองทัพเรือแคนาดา(RCN: Royal Canadian Navy) เพื่อทดแทนเรือดำน้ำชั้น Victoria จำนวน 4ลำที่มีในประจำการ

ตามที่ถูกกำหนดในเอกสารยุทธศาสตร์กลาโหมล่าสุดของแคนาดา "ตอนเหนือของเรา, แข็งแกร่งและเสรี: วิสัยทัศน์ใหม่สำหรับการป้องกันประเทศของแคนาดา(Our North, Strong and Free: a Renewed Vision for Canada's Defence) 
ที่เผยแพร่ในเดือนพฤษภาคม 2024 แคนาดาได้มีความต้องการทางยุทธศาสตร์สำหรับการแสดงกำลังทางเรือ รวมถึงกำลังรบใต้น้ำ ในมหาสมุทรอาร์กติก, มหาสมุทรแอตแลนติก, และมหาสมุทรแปซิฟิก

ระดับกำลังรบทางเรือของเรือดำน้ำจำนวน 12ลำจะมอบขีดความสามารถการปฏิบัติการของกองทัพเรือแคนาดาที่จะมีเรือดำน้ำหนึ่งลำที่พร้อมสำหรับวางกำลังในแต่ละมหาสมุทรในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เพื่อสนับสนุนความมั่นคงแห่งชาติของตน 
แคนาดาจำเป็นต้องมียุทโธปกรณ์กลาโหมที่จะสามารถดำรงความพร้อมปฏิบัติการได้ โดยกองทัพเรือแคนาดาต้องการที่จะรักษาความปลอดภัยชายฝั่งแนวชายฝั่งที่กว้างใหญ่ของแคนาดา และมอบ "ขีดความสามารถการตรวจการณ์ใต้น้ำที่เหนือกว่า" เพื่อปกป้องอธิปไตยในเขต Arctic ของประเทศ แถลงการณ์กล่าว

ตามข้อมูลจาก Janes World Navies เรือดำน้ำชั้น Victoria ทั้ง 4ลำคือ เรือดำน้ำ SSK876 HMCS Victoria ที่เข้าประจำการในปี 2000, เรือดำน้ำ SSK877 HMCS Windsor และเรือดำน้ำ SSK878 HMCS Corner Brook ที่เข้าประจำการในปี 2003, และเรือดำน้ำ SSK879 HMCS Chicoutimi ที่เข้าประจำการในปี 2015 
เดิมเป็นเรือดำน้ำชั้น Upholder ที่ปลดประจำการจากกองทัพเรือสหราชอาณาจักร(RN: Royal Navy) ในปี 1994 ซึ่งกองทัพเรือแคนาดาประสบปัญหาด้านการซ่อมบำรุงที่ส่งผลต่อความพร้อมของเรือมายาวนานครับ

วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2568

โปรแกรมเพื่อความบันเทิงในงาน NSC 2025


การแข่งขันพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย (NSC National Software Contest) ครั้งที่ 27 NSC 2025 ได้จัดในวันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘ ผ่านการนำเสนอผลงานแบบ online และมีการประกาศผลเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘
โดยการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของ NSC 2025 ปีนี้ก็เป็นรูปแบบเดียวกับการแข่ง NSC 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/05/nsc-2023.html) และ NSC 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/nsc-2024.html) ที่ผ่านมา

โปรแกรมเพื่อความบันเทิงที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศนั้นมีดังนี้


ระดับนักศึกษา
1.การพัฒนาเกม Tin Can Boy: เกม Puzzle ที่ประยุกต์ใช้แนวคิด Block Coding ในการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

2.ควบคุมเกมทำอาหารด้วยท่าทางมือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

3.ซิทาเนีย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง

4.ห้วงลึกแห่งความฝัน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน


ระดับนักเรียน
1.เกมขยับพิชิตชัย โรงเรียนสตรีอ่างทอง

2.วิกฤตปลาแซลมอน โรงเรียนเทพศิรินทร์ นนทบุรี

3.ตัวอักษรผงาดปราบผีพันธุ์ดุ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า

4.ผู้พิทักษ์แห่งเส้นเวลา โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย

5.Z.O.O โรงเรียนสารสาสน์พิทยา

6.การผจญภัยของหยดน้ำ โรงเรียนดรุณสิกขาลัย (โครงการ วมว.)

7.ปลูกให้ทัน! โรงเรียนมัธยมตากสินระยอง

8.โลกที่เเตกสลาย โรงเรียนระยองวิทยาคม

9.รุกฆาตเงา โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จันทบุรี

10.อาณาจักรแห่งเงา โรงเรียนพนัสพิทยาคาร

11.ปลูกผักสร้างโลก โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โครงการการศึกษาพหุภาษา ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา

12.อ๊บอ๊บจอมตะกละ โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย

13.โนอาส์ โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย

14.มรดกแห่งภาคใต้ โรงเรียนแสงทองวิทยา

15.ไฟล์แห่งความจริง โรงเรียนตรังคริสเตียนศึกษา

16.กู้กรุงสี โรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์

17.ตัวโน้ตที่สาบสูญ โรงเรียนนาคประสิทธิ์

18.เสียงกระซิบจากถ้วยแก้ว โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย นครปฐม

"ขอแสดงความยินดีกับโครงการที่ได้รับรางวัล" ปีนี้ด้วยค่ะ"
"NSC" ขอขอบคุณผู้เข้าร่วมการแข่งขันทุกคน ทีมพัฒนา อาจารย์ที่ปรึกษา ผู้สนับสนุนการแข่งขัน ศูนย์ประสานงานภูมิภาค คณะกรรมการทุกท่านที่สละเวลาเข้าร่วมการตัดสินผลงานในทุกรอบการแข่งขัน และผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาผลงานเพื่อส่งเข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้

ขออนุญาตทุกโครงการในการเผยแพร่คลิปแนะนำผลงาน เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันนะคะ

ผลการตัดสิน NSC 2025 กลุ่มโปรแกรมเพื่อความบันเทิง





กลุ่มนิสิต นักศึกษา
รางวัลที่1: ไม่มีรางวัลที่1 
รางวัลที่2: "ควบคุมเกมทำอาหารด้วยท่าทางมือ" มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
รางวัลที่3: "การพัฒนาเกม Tin Can Boy: เกม Puzzle ที่ประยุกต์ใช้แนวคิด Block Coding ในการออกแบบ" มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
รางวัลชมเชย: "ซิทาเนีย" มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง







กลุ่มนักเรียน
รางวัลที่1: "อ๊บอ๊บจอมตะกละ" โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย
รางวัลที่2: "โนอาส์" โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย
รางวัลที่3: "ผู้พิทักษ์แห่งเส้นเวลา" โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
รางวัลชมเชย: "Z.O.O" โรงเรียนสารสาสน์พิทยา
รางวัลชมเชย: "ปลูกผักสร้างโลก" โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โครงการการศึกษาพหุภาษา ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา

ปีนี้ก็มีโครงการโปรแกรมเพื่อความบันเทิงในกลุ่มนักศึกษาเพียง 4 โครงการ และกลุ่มนักเรียน 18โครงการ ขณะที่โครงการในระดับนิสิตนักศึกษายังเป็นอีกปีที่ไม่มีโครงการใดที่ได้รางวัลที่หนึ่ง ส่วนโครงการระดับนักเรียนมีรางวัลที่หนึ่ง ที่สอง และที่สาม และรางวัลชมเชยครบ
ขณะที่จำนวนโครงการที่เข้าแข่งขันในระดับนักศึกษาได้ลดจำนวนลงมากขึ้นไปอีก แต่ในระดับนักเรียนยังคงมรจำนวนหลายโครงการและได้เห็นสถาบันการศึกษาใหม่ต่างๆเข้ามาร่วมการแข่งขันมากขึ้น แต่ก็น่าเสียดายที่การแข่งขัน NSC2025 ไม่มีการจัดนิทรรศการที่เปิดโอกาสแก่ผู้สนใจเข้าชมและทดลองใช้งานโครงการอีกต่อไปครับ