วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2564

ฝูงบินเครื่องบินลำเลียง C-130J ร่วมฝรั่งเศส-เยอรมนีถูกจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ

Franco-German transport squadron officially established






The Luftwaffe's first C-130J was rolled out of the Lockheed Martin plant in Marietta, Georgia, in mid-August. (Lockheed Martin/David L Key)



รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี Annegret Kramp-Karrenbauer และรัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศส Florence Parly ได้ลงนามสัญญาข้อตกลงระหว่างรัฐบาลที่สองเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2021
ในการปฏิบัติการร่วมการบินลำเลียงทางยุทธวิธีฝรั่งเศส-เยอรมนี(https://aagth1.blogspot.com/2018/05/c-130j-6-a400m.html, https://aagth1.blogspot.com/2018/01/c-130j.html, https://aagth1.blogspot.com/2017/10/c-130j.html)

กระทรวงกลาโหมเยอรมนีประกาศในสื่อประชาสัมพันธ์ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2021 กล่าวว่าข้อตกลงจัดตั้งฝูงบินเครื่องบินลำเลียง Lockheed Martin C-130J Super Hercules สองชาติอย่างเป็นทางการใน Évreux ใน Normandy ฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2021
ฝูงบินลำเลียงประกอบด้วยเครื่องบินลำเลียง C-130J กองทัพอากาศและอวกาศฝรั่งเศส(French Air and Space Force, Armée de l'Air et de l'Espace) และกองทัพอากาศเยอรมนี(German Air Force, Luftwaffe)

เครื่องบินลำเลียง C-130J จำนวน 2เครื่อง และเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC-130J จำนวน 2เครื่อง รวม 4เครื่องของกองทัพอากาศและอวกาศฝรั่งเศส
ที่ประจำการ ณ ฐานทัพอากาศ123(Air Base 123) ที่ Orléans-Bricy อยู่ระหว่างการดำเนินการย้ายไป Évreux เพื่อจะเข้าร่วมกับเครื่องบินลำเลียง C-130J จำนวน 6เครื่องของกองทัพอากาศเยอรมนี

กองทัพอากาศเยอรมนีประกาศใน website ของตนเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2021 ว่าเครื่องบินลำเลียง C-130J เครื่องแรกของตนได้เปิดตัวออกจากบริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯ
บริษัท Lockheed Martin กล่าวกับ Janes เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2021 ว่าเครื่องบินลำเลียง C-130J เครื่องแรกของเยอรมนีเปิดตัวจากโรงงานอากาศยานของตนใน Marietta มลรัฐ Georgia ในกลางเดือนสิงหาคม 2021

โดยการส่งมอบเครื่องบินลำเลียง C-130J แก่กองทัพอากาศเยอรมนีมีแผนที่จะไม่ช้าเกินกว่าช่วงเริ่มต้นปี 2022 การส่งมอบเครื่องมีกำหนดการจะเสร็จสิ้นในปี 2024 เมื่อฝูงบินมีกำหนดจะเข้าสู่ความพร้อมปฏิบัติการเต็มอัตรา(FOC: Full Operational Capability)
เครื่องของกองทัพอากาศเยอรมนี 3เครื่องจะเป็นเครื่องบินลำเลียง C-130J และ 3เครื่องจะเป็นเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC-130J

กระทรวงกลาโหมเยอรมนีกล่าวว่างานกับฝูงบินลำเลียงทางยุทธวิธีเริ่มต้นในปี 2016 โดยมุ่งเป้าที่จะเพิ่มความร่วมมือการปฏิบัติการระหว่างกองทัพอากาศเยอรมนีและกองทัพอากาศฝรั่งเศส
กระทรวงกลาโหมเยอรมนีคาดว่าฝูงบินจะเข้าสู่ความพร้อมปฏิบัติการขั้นต้น(IOC: Initial Operational Capability) ในฤดูใบไม้ร่วง 2021 นี้ 

โดยการจัดตั้งฝูงบินซึ่งจะดำเนินภารกิจต่างๆของชาติ แต่จะเป็นปฏิบัติการแรกด้วยกำลังพลผสมฝรั่งเศสและเยอรมนี ฝูงบินจะดำเนินการปฏิบัติภารกิจการลำเลียงทางอากาศและเติมเชื้อเพลิงทางอากาศ
สำหรับกองบัญชาการขนส่งทางอากาศยุโรป(EATC: European Air Transport Command) ใน Eindhoven เนเธอร์แลนด์ครับ 

วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2564

คาซัคสถานลงนามจัดหาเครื่องบินลำเลียง A400M ยุโรป

Kazakhstan signs for A400M airlifters

An artist's impression of an A400M in Kazakhstan markings. As can be seen in this image, the two aircraft for the Kazakhstan Air Defence Forces will be the first not to be fitted with an in-flight refuelling probe. (Airbus)


The lastest order marking perhaps the largest milestone for the multinational programme since Malaysia joined in 2005. (Royal Malaysian Air Force)

คาซัคสถานได้ลงนามสัญญาสำหรับการจัดหาเครื่องบินลำเลียง Airbus A400M Atlas จำนวน 2เครื่อง นับเป็นลูกค้าส่งออกต่างประเทศรายล่าสุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา
บริษัท Airbus Defence & Space ยุโรปผู้ผลิตประกาศการสั่งจัดหาเครื่องบินลำเลียง A400M โดยคาซัคสถานประเทศในเอเชียกลางจำนวน 2เครื่องเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2021

การได้รับคำสั่งซื้อล่าสุดนับเป็นก้าวย่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับโครงการเครื่องบินลำเลียงนานาชาติตั้งแต่ที่มาเลเซียเข้าร่วมในปี 2005(https://aagth1.blogspot.com/2020/02/a400m.html)
กองทัพอากาศมาเลเซีย(RMAF: Royal Malaysian Air Force, TUDM: Tentera Udara Diraja Malaysia) ปัจจุบันได้รับมอบเครื่องบินลำเลียง A400M เข้าประจำการแล้ว 4เครื่อง และเป็นลูกค้าส่งออกนอกกลุ่ม NATO รายแรก

การส่งมอบเครื่องบินลำเลียง A400M แก่คาซัคสถานจะเริ่มต้นในปี 2024 "A400M จะกลายเป็นเสาหลักของปฏิบัติการขนส่งทางอากาศทางยุทธวิธีและทางยุทธศาสตร์ของคาซัคสถาน" 
Michael Schoellhorn ผู้อำนวยการบริหาร Airbus DS ถูกอ้างคำกล่าว โดย Airbus เน้นว่าขีดความสามารถเครื่องบินลำเลียงจะรองรับรายการสิ่งอุปกรณ์และความต้องการภารกิจทางทหาร, พลเรือน และมนุษยธรรมของคาซัคสถาน

ในกองกำลังป้องกันทางอากาศคาซัคสถาน(KADF: Kazakhstan Air Defence Forces) เครื่องบินลำเลียง A400M จะปฏิบัติการควบคู่กับเครื่องบินลำเลียง Airbus DS C295 เช่นเดียวกับเครื่องบินลำเลียงสมัยอดีตสหภาพโซเวียต
อาทิ เครื่องบินลำเลียง Antonov An-12BP Cub(จะถูกทดแทนด้วยเครื่องบินลำเลียง C295), เครื่องบินลำเลียง An-24 Coke, เครื่องบินลำเลียง An-26 Curl, เครื่องบินลำเลียง An-72 Coale และเครื่องบินลำเลียง An-2 Colt

คาซัคสถานได้ถูกจัดว่าเป็นลูกค้าที่เป็นไปได้ของ A400M ตั้งแต่มีการทำการบินสาธิตในคาซัคสถานในปี 2014 ขณะนี้ Airbus ได้รับคำสั่งจัดหาเครื่องบินลำเลียง A400M รวมทั้งหมด 176เครื่อง
จากเบลเยี่ยม 7เครื่อง, ฝรั่งเศส 50เครื่อง, เยอรมนี 53เครื่อง, ลักเซมเบิร์ก 1เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2020/10/a400m.html), สเปน 27เครื่อง, ตุรกี 10เครื่อง, สหราชอาณาจักร 22เครื่อง และมาเลเซีย 4เครื่อง

เครื่องบินลำเลียง A400M สองเครื่องของกองกำลังป้องกันทางอากาศคาซัคสถานจะเป็นเครื่องชุดแรกที่จะไม่ได้รับการติดตั้งท่อรับเชื้อเพลิงกลางอากาศ
Airbus DS ยังคงมองที่จะได้รับคำสั่งจัดหา A400M เพิ่มเติม เช่นอินโดนีเซียที่สนใจจัดหา 2เครื่องสำหรับสายการบินของรัฐบาลครับ(https://aagth1.blogspot.com/2019/10/airbus-a400m.html)

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2564

สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯที่สำคัญมองการแข่งขันเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-35A

Key US lawmaker seeks F-35A engine competition



An F-35A assigned to the 63rd Fighter Squadron from Luke Air Force Base in Arizona takes off on 25 August 2021. 
An important US lawmaker wants an engine competition for the F-35A, and is proposing allowing increased investment in an advanced engine programme to help it happen. (US Air Force)

สมาชิกรัฐสภา Congress สหรัฐฯที่มีอิทธิพลต้องการการแข่งขันเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35A Lightning II Joint Strike Fighter(JSF) กองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force)
และได้เสนอที่จะให้มีการอนุมัติวงเงินเพิ่มเติมที่จะนำมาใช้จ่ายเพื่อทำให้ความพยายามจัดหาระบบขับเคลื่อนขั้นก้าวหน้าเกิดขึ้นได้(https://aagth1.blogspot.com/2021/07/f-35.html)

Adam Smith ประธานคณะกรรมาธิการเหล่าทัพรัฐสภาสหรัฐฯ(HASC: House Armed Services Committee) กล่าวเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2021 ว่า 
เขาได้เสนอการอนุมัติการลงทุนเพิ่มเติมในโครงการเปลี่ยนย้ายเครื่องยนต์ปรับเปลี่ยนได้(AETP: Adaptive Engine Transition Program) เงินทุนเพิ่มเติมที่เป็นไปได้เหล่านี้สำหรับโครงการเครื่องยนต์ AETP จะมีผลบังคับใช้ในปีงบประมาณ 2022

เครื่องยนต์จะถูกพัฒนาและผลิตภายใต้โครงการ AETP และถูกออกแบบสำหรับเครื่องบินขับไล่ครองอากาศยุคอนาคต Next-Generation Air Dominance(NGAD) ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ
แต่แบบพื้นฐานของเครื่องยนต์จะสามารถติดตั้งเข้ากับห้องเครื่องยนต์ของเครื่องบินขับไล่ F-35A ได้(https://aagth1.blogspot.com/2021/03/2029.html, https://aagth1.blogspot.com/2020/09/ngad.html

กองทัพอากาศสหรัฐฯได้ร้องขอวงเงินราว $14 million ในปีงบประมาณ 2022 สำหรับโครงการเครื่องยนต์ AETP "เรามีความสามารถที่จะผลักดันการแข่งขันเครื่องยนต์ และเรากำลังจะทำเช่นนั้น" 
Smith กล่าวระหว่างงานระดมความคิด think-tank สถาบัน Brookings สภา Congress สหรัฐฯได้เริ่มการพิจารณาการอนุมัติทางกฎหมายเหล่าทัพสหรัฐฯสำหรับปีงบประมาณ 2022

Smith ต้องการให้กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯจะยื่นแผนยุทธศาสตร์การจัดซื้อจัดจ้างสำหรับการพัฒนาต่อเนื่อง, การบูรณาการ และการวางกำลังปฏิบัติการ
ของระบบขับเคลื่อนเครื่องยนต์ AETP เข้ากับฝูงบินเครื่องบินขับไล่ F-35A ที่จะเริ่มต้นในปี 2027(https://aagth1.blogspot.com/2021/06/f-35.html)

เครื่องบินขับไล่ F-35A ที่ประจำการในกองทัพอากาศสหรัฐฯ และผู้ใช้งานต่างๆทั่วโลกปัจจุบันติดตั้งเครื่องยนต์ไอพ่น turbofan แบบ Pratt & Whitney F135-PW-100
มีรายงานว่า บริษัท GE Aviation สหรัฐฯกำลังทำงานของโครงการ AETP ของกองทัพอากาศสหรัฐฯที่ถ้าเสร็จสิ้นจะกลายเป็นเครื่องยนต์ในสายการผลิตครับ

Saab สวีเดนเจรจาสัญญาเรือดำน้ำ A26 ใหม่ตามที่ราคาสูงขึ้นและล่าช้า

Saab, FMV, renegotiate A 26 submarine contract as costs rise, schedule slips



Sweden's A 26 Blekinge-class submarine programme has been renegotiated to take into account schedule delays and escalating costs. (Saab Kockums)



รัฐบาลสวีเดนและบริษัท Saab สวีเดนได้เห็นชอบในการปรับเปลี่ยนพื้นฐานสัญญาใหม่สำหรับโครงการเรือดำน้ำชั้น A26 Blekinge ท่ามกลางกำหนดการที่ล่าช้าและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น

ภายใต้กรอบการเจรจาใหม่การส่งมอบเรือดำน้ำ A26 สองลำที่จะมีชื่อว่าเรือดำน้ำ HMS Blekinge และเรือดำน้ำ HMS Skåne ได้ถูกเลื่อนออกไปอีกสามปี
และวงเงินเพิ่มเติม 5.2 billion Swedish Krona($600 million) ถูกอัดฉีดเข้าไปในโครงการ ในเวลาเดียวกันขีดความสามารถเพิ่มเติมต่างๆจะถูกนำมาติดตั้งกับเรือดำน้ำระหว่างสร้าง

สำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์กลาโหมสวีเดน(Defence Material Administration, FMV: Försvarets materielverk) ได้ทำสัญญาวงเงิน 7.6 billion Swedish Krona($872 million) กับ Saab สวีเดนในเดือนมิถุนายน 2015 สำหรับการออกแบบและสร้างเรือดำน้ำยุคอนาคตชั้น A26 สองลำ 
หลายปีก่อนหน้า Saab ได้เข้าซื้อบริษัท Kockums สวีเดนจากบริษัท ThyssenKrupp Marine Systems(TKMS) เยอรมนี หลังจากกลุ่มธุรกิจเยอรมันถูกกดดันอย่างหนักจากรัฐบาลสวีเดนให้ขายอู่เรือกลับมาเป็นของสวีเดน

ตั้งแต่นั้นมา Saab ได้ลงทุนเป็นจำนวนมากในการปรับปรุงความทันสมัยของสถานที่ในอู่เรือ Karlskrona เพื่อสนับสนุนการส่งมอบเรือดำน้ำ A26 และโครงการในอนาคต
นี่ได้รวมถึงการสร้างโรงงานใหม่, การบูรณาการพื้นที่ และสิ่งอำนวยความสะดวกวิทยาการสารสนเทศ(IT: Information Technology) บริษัท Saab ยังได้ดำเนินการรับสมัครงานหลักเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของแรงงาน

การส่งมอบเรือดำน้ำ HMS Blekinge และเรือดำน้ำ HMS Skåne แก่กองทัพเรือสวีเดน(RSwN: Royal Swedish Navy, Svenska marinen) เดิมมีแผนจะมีขึ้นในปี 2024 และ 2025 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตามโครงการสร้างเรือที่อู่เรือ Karlskrona ล่าช้ากว่ากำหนดการ และค่าใช้จ่ายโครงการสูงขึ้นกว่าที่ประมาณการไว้อย่างมีนัยสำคัญ สำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์กลาโหมสวีเดน FMV และบริษัท Saab สวีเดนขณะนี้ได้บรรลุข้อตกลงในการแก้ไขกรอบสัญญาใหม่แล้ว

นอกจากเรือดำน้ำสองลำสำหรับกองทัพเรือสวีเดน Saab สวีเดนยังได้เสนอเรือดำน้ำ A26 ของตนในโครงการจัดหาเรือดำน้ำของหลายประเทศ แต่ยังไม่ถูกรับเลือกจากประเทศใดในขณะนี้ครับ 

วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2564

ความคืบหน้าโครงการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพไทยในปี ๒๕๖๔-๘








Royal Thai Army (RTA) is looking to buy Javelin anti-tank missiles from the United States to replace the RTA's M40 series 106 mm recoilless rifle, seen mounted on M151 and Thailand's domestic 4x4 utility trucks Chaiseri "ChaiPrabSuek" and Type 50/51.

ตามที่เอกสารของ DSCA สหรัฐฯเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔(2021) ระบุว่ากองทัพบกไทยมีความต้องการจัดหาอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง FGM-148 Javelin เพื่อทดแทนปืนไร้แรงสะท้อน M40 ขนาด 106mm ที่ใช้มาตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม
โดยปัจจุบัน ปรส.M40 จะถูกพบติดตั้งบนรถยนต์บรรทุก รยบ.M151 4x4 (Jeep สิงห์ทะเลทราย) ซึ่งใช้งานมาตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนามเช่นกัน ใน หมวดปืนโจมตี กองร้อยลาดตระเวนเฝ้าตรวจ ที่เป็นหน่วยขึ้นตรงของกรมทหารราบ ในหลายกองพลทหารราบ
ในการปรับปรุงขีดความสามารถระบบต่อสู้รถถังของกองทัพบกไทยนั้น ปรส.M40 นั้นจัดเป็นระบบต่อสู้รถถังที่ล้าสมัยไปแล้วในปัจจุบัน โดยที่ไม่มีอะไหล่ผลิตใหม่อีกแล้ว และแหล่งจัดหากระสุนในปัจจุบันก็เหลือเพียงอินเดียเท่านั้น ซึ่งในอนาคตอันใกล้ก็จะไม่สามารถจะจัดหาเพิ่มได้แล้ว

เช่นเดียวกับ รยบ.M151 ที่กำลังจะถูกเลิกใช้งานทั้งหมดเนื่องจากสภาพอายุการใช้งานของรถที่ยาวนาน และแนวทางนำรถแคร่ฐานใหม่มาติดตั้ง ปรส.M40 ทั้งรถยนต์บรรทุก รยบ.๕๐/๕๑ 4x4 หรือรถชัยปราบศึก ของชัยเสรี Chaiseri ที่สร้างในไทย ก็มีการทดสอบแล้วว่าไม่คุ้มค่าในทางปฏิบัติ
มีรายงานในปลายปี ๒๕๖๓(2020) ว่ากองทัพบกไทยได้จัดหาอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง Spike MR อิสราเอล เข้าประจำการใน กองพลทหารราบที่๖ กองทัพภาคที่๒ แล้วจำนวนหนึ่ง เพื่อทดแทน ปรส.M40 ในส่วน ร้อย.ลว/ฝต.(https://aagth1.blogspot.com/2020/12/rafael-spike-mr.html)
อย่างไรตามแนวโน้มที่งบประมาณกลาโหมจะถูกตัดลงต่อเนื่องอีกหลายปีจากระะบาด Covid-19 และภาวะเศรษฐกิจที่หนักว่าช่วงปี ๒๕๔๐(1997) การจัดหาอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง Javelin ก็เป็นหนึ่งในอีกหลายๆโครงการจัดหาของกองทัพไทยที่จะต้องถูกระงับไปในช่วงสิบปีข้างหน้าครับ(https://aagth1.blogspot.com/2021/05/covid-19.html)




Directorate of Operations, Royal Thai Air Force announced to cancel the bidding for one of Short-Range Air-Defence (SHORAD) system on 2 August 2021, 
no further details provided but types of SHORAD system likely compared to MBDA Land Ceptor, Diehl IRIS-T SLS or Rafael SPYDER-SR.

ประกาศยกเลิกการซื้อโครงการพัฒนาการป้องกันฐานที่ตั้งทางทหารของกองทัพอากาศ - จัดซื้อระบบการป้องกันภัยทางอากาศระยะใกล้ พร้อมติดตั้ง และการฝึกอบรม จำนวน ๑ ระบบ โดยวิธีคัดเลือก

กรมยุทธการทหารอากาศ กองทัพอากาศไทย ได้ประกาศเมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๔ ในระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ(Thai Government Procurement) ถึงการยกเลิกโครงการจัดซื้อระบบการป้องกันภัยทางอากาศระยะใกล้ จำนวน ๑ระบบ วงเงิน ๙๓๙,๙๙๙,๙๙๖.๙๐บาท($28,101,647.71)
นับการยกเลิกโครงการพัฒนาการป้องกันฐานที่ตั้งทางทหารของกองทัพอากาศไทย เป็นครั้งที่สอง นับการการยกเลิกประกาศเชิญชวนครั้งแรกในวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔ และประกาศใหม่ในวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔(https://aagth1.blogspot.com/2021/07/shorad.html)
ไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบการป้องกันภัยทางอากาศระยะใกล้ที่กองทัพอากาศไทยต้องการ แต่น่าจะเป็นระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศพิสัยใกล้ที่เทียบเคียงได้กับเช่น MBDA Land Ceptor(CAMM) สหราชอาณาจักร, Diehl IRIS-T SLS เยอรมนี หรือ Rafael SPYDER-SR อิสราเอล

ประกาศเชิญชวนแรกอ้างอิงแหล่งที่มาราคากลางสองรายคือบริษัท Datagate ไทย และบริษัท RV Connex ไทย แต่ในประกาศเชิญชวนที่สองมีสามรายคือ Datagate, บริษัท United Defense ไทย และบริษัท Chankasem International ไทย โดยที่ RV Connex ถูกตัดออก
ซึ่งบริษัทต่างๆดังกล่าวทำหน้าที่เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายแก่ต่างประเทศ เช่น RV Connex เป็นตัวแทนนำเข้าอาวุธจากยุโรปเช่นสวีเดนและเยอรมนี, Datagate จากรัสเซีย ยูเครน และยุโรปเช่นสหราชอาณาจักร, United Defense จากฝรั่งเศส และ Chankasem International จากจีน เป็นต้น
ยังไม่เป็นที่ทราบเหตุผลถึงการเปลี่ยนแปลงโครงการระบบการป้องกันภัยทางอากาศระยะใกล้ของกองทัพอากาศไทยดังกล่าว แต่มีสื่อไร้จรรยาบรรณที่ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลหรือมีส่วนได้ส่วนเสีย โจมตีกองทัพอากาศว่ากำลังยกเลิกนโยบายจัดหาและพัฒนา Purchase and Development ซึ่งไม่จริงครับ







The Hand-over ceremony of Defence Technology Institute (DTI) Multi-Purposes Maritime Security Craft to Royal Thai Navy (RTN) at RTN Special Warfare Command (RTN SEAL) in 16 August 2021.



สทป. ส่งมอบต้นแบบอุตสาหกรรมเรืออเนกประสงค์เพื่อความมั่นคงทางทะเล ให้กองทัพเรือ เพื่อตอบสนองภารกิจของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ 

สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ส่งมอบต้นแบบอุตสาหกรรมเรืออเนกประสงค์เพื่อความมั่นคงทางทะเล ให้กองทัพเรือ เพื่อตอบสนองภารกิจของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ 
โดยได้รับเกียรติจาก พลอากาศเอก ดร.ปรีชา ประดับมุข ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เป็นผู้ส่งมอบต้นแบบอุตสาหกรรมเรืออเนกประสงค์เพื่อความมั่นคงทางทะเล 
ให้กับ พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ โดยมี พลเอก พอพล มณีรินทร์ ประธานกรรมการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ และ พลเรือเอก สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เข้าร่วมแสดงความยินดี 
ณ บริเวณหาดน้ำใส หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ  

โครงการพัฒนาจัดสร้างต้นแบบอุตสาหกรรมเรืออเนกประสงค์เพื่อความมั่นคงทางทะเล ถือเป็นโครงการวิจัยและพัฒนายานพาหนะทางน้ำโครงการแรกของสถาบันเทคโนโลยป้องกันประเทศ 
เกิดจากความร่วมมือระหว่าง สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ กับ กองทัพเรือ เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคงและการใช้งานของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ (นสร.กร.) 3 ด้าน ได้แก่ 
1. ด้านความมั่นคงทางทหาร สนับสนุนภารกิจหลักสูตรต่าง ๆ ของ นสร.กร. เช่น นักทำลายใต้น้ำจู่โจม, ปฏิบัติงานใต้น้ำ, ลาดตระเวน และการขนส่งในพื้นที่ที่เรือใหญ่เข้าไม่ถึง (เข้าเกยหาด) 
2. ด้านความมั่นคงทางทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่ การสนับสนุนโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในนามของพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย (อพ.สธ.) 
เช่น การวางทุนสำหรับผูกเรือ การเป็นฐานปฏิบัติการดำน้ำ และการเก็บขยะในทะเล 
3. ด้านความมั่นคงทางสังคม การมีส่วนร่วมรับผิดชอบสังคมสร้างการตระหนักถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและปัญหาขยะในทะเลให้แก่ประชาชน เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาขยะให้หมดไป โดยมีกำหนดระยะเวลาดำเนินการโครงการฯ 2 ปี จนแล้วเสร็จ 






Manned and Unmanned aircraft conduct maritime patrol. 
Fokker F27 Mk200 maritime patrol aircraft of 102 Naval Air Squadron, Naval Air Wing 1 and Aeronautics Defense Systems Orbiter 3B Small Tactical UAS (Unmanned Aerial Systems) of 104 Naval Air Squadron, Naval Air Wing 1, Royal Thai Naval Air Division (RTNAD), Royal Thai Fleet, Royal Thai Navy.

ในวันที่ 17 ส.ค.64  กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ นำอากาศยาน บ.ตผ.1 (F-27 Mk200) ฝึกบินร่วมกับ อากาศยานไร้คนขับ บร.ตช.๑ (Orbiter 3B) ในภารกิจลาดตระเวนตรวจการณ์ แลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อพิสูจน์ทราบเป้าหมายทางทะเล และฝึกค้นหาผู้ประสบภัยในทะเล 
บริเวณพื้นที่อ่าวไทยตอนบน พร้อมทั้งทดลองระบบถ่ายทอดสัญญาณภาพสถานการณ์แบบ near real time แก่ ผู้บังคับบัญชา ณ ที่ตั้งปกติ ระหว่างการฝึก SEA SURVEX 2021

การทดสอบการปฏิบัติการร่วมกันระหว่างอากาศยานไร้คนขับตรวจการณ์ชี้เป้าแบบที่๑ บร.ตช.๑ Aeronautics Orbiter 3B ฝูงบิน๑๐๔ กองบิน๑ กองการบินทหารเรือ ที่จัดหามาจำนวน ๖ระบบ(https://aagth1.blogspot.com/2020/05/orbiter-3b-uav.html)
และเครื่องบินต่อต้านเรือผิวน้ำแบบที่๑ บ.ตผ.๑ Fokker F-27 MK200 Maritime Enforcer(ME) ฝูงบิน๑๐๒ กองบิน๑ กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ กองทัพเรือไทย(https://aagth1.blogspot.com/2020/08/f-27-mk200.html
ระหว่างการฝึก SEA SURVEX 2021  เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๔ ก็เป็นการแสดงขีดความสามารถการปฏิบัติการร่วมกันระหว่างอากาศยานแบบมีนักบินบังคับและอากาศยานไร้คนขับ ที่หลายๆแบบกองเรือไทยกำลังจะจัดหาตามมาในอนาคตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของตนครับ




two Schiebel Camcopter S-100 rotary-wing UAV(Unmanned Aerial Vehicle) serial 1425 and 1426 of  of 104 Naval Air Squadron, Naval Air Wing 1, Royal Thai Naval Air Division (RTNAD), Royal Thai Fleet, Royal Thai Navy (RTN) at Koh Kra Island, Pak Phanang District, Nakhon Si Thammarat Province in 1 May 2021

ทร.ซื้อเพิ่ม CAMCOPTER  S-100 UAV ! กองทัพเรือเตรียมจัดหาอากาศยานไร้คนขับ แบบ Schiebel CAMCOPTER  S-100 เพิ่มเติมอีก  2 ระบบ จำนวน 2 เครื่อง หลังจากที่งบประมาณที่กองทัพเรือเสนอไปผ่านการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรเรียบร้อยแล้ว เป็นเงินราว 570 ล้านบาท 
ซึ่งก่อนหน้านี้ในปี 2563 ได้รับมอบเข้าประจำการแล้ว 2 ระบบ ซึ่งซื้อมาเป็นเงินราว 600 ล้านบาท เพื่อใช้เพิ่มขีดความสามารถในการลาดตระเวนตรวจการณ์ทางทะเลในภาคใต้ 
CAMCOPTER  S-100 นี้ เป็น UAV ขึ้น-ลง ทางดิ่ง ทำให้พื้นที่ที่ต้องการในการขึ้น-ลง ทำได้ง่ายยิ่งขึ้นและใช้ปฎิบัติการบนเรือได้ด้วย CAMCOPTER  S-100 สามารถปฏิบัติการได้ทั้งเวลากลางวันและกลางคืน ในสภาวะอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ปฏิบัติการบินไกลถึง 200 กม. ทีเดียว.

กองทัพเรือไทยได้จัดหาระบบอากาศยานไร้คนขับ(UAS: Unmanned Aerial System) แบบ Schiebel Camcopter S-100 ออสเตรีย ซึ่งปรากฎภาพสองเครื่องคือหมายเลข 1425 และ 1426(https://aagth1.blogspot.com/2019/11/schiebel-camcopter-s-100.html)
เข้าประจำการแล้วในฝูงบิน๑๐๔ กองบิน๑ กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ การจะจัดหาอากาศยานไร้คนขับ Camcopter S-100 เพิ่มเติม ๒ระบบ ๒เครื่อง ก็เป็นส่วนหนึ่งของการจัดหา UAV หลายๆแบบที่จะเสริมขีดความสามารถการตรวจการณ์ทางทะเลทางอากาศของกองทัพเรือไทย
นอกจาก RQ-21 Blackjack สหรัฐฯที่จะจัดหา(https://aagth1.blogspot.com/2020/11/rq-21-blackjack.html) กองทัพเรือไทยยังมองที่จะจัดหาอากาศยานโจมตีไร้คนขับ จำนวน ๑ระบบประกอบด้วย UCAV(Unmanned Combat Aerial Vehicle) ๓เครื่อง พร้อมระบบตรวจจับและอาวุธด้วยครับ




Training to stop the bad guys
US Navy and Thailand Maritime Enforcement Command Center (TMECC) personnel practice maritime tactics, techniques & procedures during Southeast Asia Cooperation and Training exercise.

การฝึก SEACAT 2021 เมื่อวันที่ ๑๐-๒๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๔ ระหว่าง ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ศรชล. ที่มีกองทัพเรือไทยและตำรวจน้ำ สำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย กับกองทัพเรือสหรัฐฯ(USN: US Navy) นั้นนอกจากการประชาสัมพันธ์ตามช่องทางปกติแล้ว
ผู้เขียนยังพบว่ามีกลุ่มสื่อไร้จรรยาบรรณที่บริหารงานโดยผู้ไม่หวังดีต่อชาติใช้ข่าวการฝึกนี้โจมตีกองทัพเรือว่าไม่ทำข่าวเพราะไม่มีนายทหารระดับสูงร่วมหรือเกรงใจชาติมหาอำนาจ พอมีคนไปชี้แจงข้อเท็จจริงโดยการลง Link ข่าวทางการไปลงกลับโดนลบ ซึ่งทำให้เห็นได้ชัดถึงข้อสงสัยที่มานานว่า
สื่อเหล่านี้ได้สร้างอิทธิพลของตนขึ้นในสื่อสังคม Online เพื่อจะชี้นำคนอ่านในวงการข่าวทหารไปแนวทางที่ตนต้องการเพื่อผลประโยชน์ในการโจมตีทำลายกองทัพเรือให้ได้มากที่สุด แน่นอนสื่อเหล่านี้ต้องกำจัดคนอื่นที่เห็นต่างจากพวกตนโดยการปิดปากเพื่อจะได้มีแต่ตนเองเท่านั้นที่พูดได้ด้วยครับ




Naval Transportation Department, Royal Thai Navy announced to acquire 2 of Eight-wheel drive (8x8) Amphibious Armored Personnel Carrier (APC) and 6 of Four-wheel drive (4x4) Armoured Multi-Purpose Vehicles (MPV).
The Thailand's company competitors include R600 8x8 by Panus Assembly Co.,Ltd. and  Black Widow Spider (BWS) 8x8  by Preecha Thavorn Industry for Amphibious APC 8x8 and First Win II by Chaiseri metal & rubber Co. Ltd. for MPV 4x4.

ตามที่ กรมการขนส่งทหารเรือ กองทัพเรือไทยได้ประกาศถึงโครงการจัดซื้อรถหุ้มเกราะล้อยาง (๘x๘) ชนิดลำเลียงพล จำนวน ๒ คัน และโครงการจัดซื้อรถหุ้มเกราะอเนกประสงค์แบบขับเคลื่อน ๔ ล้อ (แบบ ๔x๔) จำนวน ๖ คัน เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๔ นั้น
ถ้าดูจาก TOR เป็นไปได้ที่ยานเกราะล้อยางสะเทินน้ำสะเทินบก R600A 8x8 ของบริษัท Panus Assembly ไทย จะเป็นผู้ชนะในโครงการรถหุ้มเกราะล้อยาง 8x8 เมื่อเปรียบเทียบกับยานเกราะล้อยาง Black Widow Spider 8x8 ของบริษัท ปรีชาถาวรอุตสาหกรรม(Preecha Thavorn Industry) ไทย
และสำหรับโครงการรถหุ้มเกราะอเนกประสงค์ 4x4 น่าจะเป็นการจัดซื้อรถหุ้มเกราะล้อยาง First Win II 4x4 ของบริษัท Chaiseri ไทย เพิ่มเติมจากโครงการเช่นเดียวกันในปี ๒๕๖๓ ซึ่งทั้งหมดเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมความมั่นคงภายในไทยของกองทัพเรือไทยครับ