Rafael advances fifth-generation Spike variant
Side view of the Spike LR II - full scale development of the new missile is scheduled to be finalised in Q4 2018 Source: Rafael Advanced Defence Systems
Front view of the new Spike LR II - the missile features a new uncooled infrared sensor developed by Rafael Advanced Defence Systems (Rafael Advanced Defence Systems)
http://www.janes.com/article/70874/rafael-advances-fifth-generation-spike-variant
Rafael Advanced Defence Systems อิสราเอลได้เปิดตัวอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถังที่ขีดความสามารถเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายเต็มอัตราแบบ Spike LR II
อาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง Spike LR II ใหม่ถูกออกแบบให้สามารถยิงได้จากทั้งแท่นยิงภาคพื้นดิน, ยานยนต์, เรือ และเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งเป็นรุ่นที่5 ใหม่ล่าสุดในตระกูลระบบอาวุธปล่อยนำวิถีเอนกประสงค์ Spike (รุ่นที่4 ปัจจุบันกำหนดแบบเป็น Spike LR I)
และมีคุณสมบัติในการลดน้ำหนัก, เพิ่มระยะยิงขึ้นเป็นอย่างมาก, เพิ่มอำนาจการสังหาร, การพิสูจน์ทราบและติดตามเป้าหมายขั้นก้าวหน้า และเพิ่มการจัดสรรเป้าหมาย third-partyใหม่(ผ่านเครือข่าย) ด้วยการประกอบฝังหน่วยวัดความเฉื่อย(IMU: Inertial Measurement Unit)
การพัฒนาได้ตอบสนองจากผลตอบรับการปฏิบัติการโดยกลุ่มผู้ใช้งาน Spike 26ประเทศ ทั้งภัยคุกคามเกิดใหม่, กลุ่มเป้าหมายที่มีความท้าทายมากขึ้นในสนามรบร่วมสมัย และจากองค์ความรู้ที่ได้จากการพัฒนาระบบ Spike รุ่นก่อน
Spike LR II ยังคงมีความคล้ายคลึงเต็มรูปแบบกับระบบตระกูล Spike รุ่นดังเดิม และสามารถทำการยิงได้จากแท่นยิงระบบ Spike ได้ทุกแบบ อาวุธปล่อยนำวิถี Spike LR II มีน้ำหนัก 12.7kg เบากว่า Spike LR I ประมาณ 1kg
ความสำเร็จหลักนี้มาจากการเปลี่ยนระบบตรวจจับ IR จากแบบหล่อเย็นมาเป็นแบบไม่หล่อเย็น ถอดความต้องการสำหรับถังบรรจุก๊าซทรงกระบอกและท่อหล่อเย็นภายใน และปรับปรุงในทางวิศวกรรมเพื่อลดน้ำหนักตัวจรวดลง
"เราได้เรียนรู้อย่างมากจากความต้องการการปฏิบัติการจากกลุ่มผู้ใช้ของเรา และยอมรับว่าเราจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถของ Spike ให้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามเราได้พัฒนา Spike LR II ด้วยรูปทรงการทำงานที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถใช้ได้กับแท่นยิง Spike ดังเดิมทุกแบบ
นั่นหมายความว่าลูกค้าทุกรายซึ่งมีแท่นยิง Spike ทั้งบนยานยนต์, เฮลิคอปเตอร์, เรือ และภาคพื้นดินบนขาหยั่ง จะสามารถใช้แท่นยิงที่มีอยู่แล้วของพวกเขาเพื่อยิง Spike LR II โดยเท่ายิงเหล่านี้จำเป็นเพียงต้องการปรับปรุงชุดคำสั่งเล็กน้อยเพื่อใช้งานอาวุธปล่อยนำวิถีใหม่ได้"
Gal Papier ผู้จัดการการตลาด แผนกระบบอาวุธทางยุทธวิถีความแท่นยำสูงของ Rafael Advanced Defence Systems กล่าวกับ Jane's ครับ
Singapore Army reveals Rafael Spike SR anti-armour missile system
The Spike SR missile with its electro-optical seeker and camera sensor suite clearly shown. It is a single-shot, disposable weapon that is capable of engaging stationary and moving armoured vehicles at ranges of up to 1,500 m.
Source: Rafael Advanced Defense Systems
http://www.janes.com/article/70890/singapore-army-reveals-rafael-spike-sr-anti-armour-missile-system
กองทัพบกสิงคโปร์ได้จัดหาอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถังแบบเคลื่อย้ายด้วยบุคคล Spike Short Range(SR) จาก Rafael Advanced Defense Systems อิสราเอลในฐานะอาวุธต่อสู้ยานเกราะนำวิถียุคหน้าสำหนับกองกำลังทหารราบ ตามที่ Jane's ได้ทราบจากงาน Open House 2017 ของกองทัพสิงคโปร์ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-29 พฤษภาคมที่ผ่านมา
Jane's เข้าใจว่าอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง Spike SR จะถูกนำมาแทนที่ปืนไร้แรงสะท้อน Saab Bofors Dynamics Carl Gustaf 84mm และตอนนี้มี "ความพร้อมปฏิบัติการเต็มอัตราแล้ว" โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อนำเข้าประจำการในหน่วยทหารราบ
แม้ว่า Jane's จะเข้าใจว่าอาจจะยังรวมไปถึงนำเข้าประจำการในหน่วยรบพิเศษ Commando และหน่วยเคลื่อนที่เร็ว Guard ของกองทัพบกสิงคโปร์ขึ้นอยู่กับความต้องการภารกิจ
Spike SR เป็นอาวุธปล่อยนำวิถียิงแล้วลืม(fire-and-forget) ในตระกูล Spike รุ่นล่าสุดและมีขนาดเล็กที่สุด คุณสมบัติระบบเป็นแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งท่อยิง ใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน มีความยาว 970mm น้ำหนักรวม 9.8kg ทั้งตัวจรวด, ชุดควบคุมการยิง(CLU: Control Launch Unit) และ Battery
ไม่เหมือนกับระบบค้นหาในเบ้าทรงกลมที่ติดตั้งกับอาวุธปล่อยนำวิถี Spike MR/LR/ER (Medium-/Long-/Extended-Range) Spike-SR ติดตั้งระบบตรวจับและติดตามเป้าหมายกล้อง EO(Electro-Optical)แบบไม่หล่อเย็นติดตายตัวทำงานได้ทั้งกลางวันกลางคืน
ตามข้อมูลของบริษัท Rafael และกองทัพสิงคโปร์ Spike SR มีวงรอบการทำงานจนพร้อมยิงได้ในเวลาน้อยกว่า 6วินาที มีระยะยิงใกล้สุด 100m ไกลสุด 1,000m มีความเป็นไปได้ในการยิงถูกเป้าหมายเคลื่อนที่สูงในระยะ 50-1,500m
พื้นฐานของ Spike SR ประกอบด้วยหัวรบสองชั้นแบบระเบิดแรงสูงต่อสู้รถถัง(Tandem HEAT: High-Explosive Anti-Tank) ที่ออกแบบมาเพื่อโจมตีเป้าหมายยานรบหุ้มเกราะที่อยู่นิ่งและกำลังเคลื่อนที่
อย่างไรก็ตาม Jane's ได้รายงานในปี 2016 ว่า Rafael ได้เปิดตัวหัวรบเจาะเกราะระเบิดแตกสะเก็ด(PBF: Penetration Blast Fragmentation) ใหม่ซึ่งพัฒนาร่วมกับองค์กรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหมสิงคโปร์ (DSTA: Defence Science and Technology Agency)
และบริษัทย่อยของ Dynamit Nobel Defence เยอรมนีสำหรับเครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง MATADOR(Manportable Anti-Tank, Anti-DOoR) ขนาด 90mm เพื่อสนับสนุนหน่วยรบในการปฏิบัติการรบในเขตเมืองด้านขีดความสามารถการทำลายสิ่งปลูกสร้างทางยุทธวิธีครับ