วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

KAI เกาหลีใต้กล่าวมาเลเซียจะจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตี FA-50 เพิ่มอีก 18เครื่อง

LIMA 2023: KAI says Malaysia keen to order 18 additional FA-50s




Malaysia's KAI FA-50 Block 20 aircraft will have the ability to integrate a Lockheed Martin Sniper Advanced Targeting Pod (ATP), 500 lb GBU-38 Joint Direct Attack Munitions (JDAM), GBU-12 Paveway II laser-guided bombs, 
and the AGM-65 Maverick missile. (Janes/Akhil Kadidal)

บริษัท Korea Aerospace Industries(KAI) สาธารณรัฐเกาหลีกล่าวว่าคำสั่งจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีเบา FA-50 จำนวน 18เครื่องของมาเลเซียจะตามมาด้วยการสั่งจัดหาระยะที่สองเพิ่มเติมอีก 18เครื่อง 
การพูดคุยในงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทะเลและทางอากาศนานาชาติ Langkawi International Maritime and Aerospace(LIMA) 2023 ในมาเลเซียระหว่างวันที่ 23-27 พฤษภาคม 2023

โฆษกของบริษัท KAI สาธารณรัฐเกาหลีกล่าวว่ารัฐบาลมาเลเซียได้อนุมัติการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตี FA-50 ชุดที่สองแล้ว "มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนการลงนามสัญญาที่สองอย่างเป็นทางการ" โฆษก KAI เสริม
การประกาศมีให้หลังการประกาศของ KAI เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2023 ของข้อตกลงวงเงิน $920 million กับกระทรวงกลาโหมมาเลเซียที่จะส่งมอบเครื่องบินขับไล่โจมตี FA-50 ชุดแรกจำนวน 18เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2023/02/fa-50.html)

โฆษก KAI กล่าวกับ Janes ระหว่างงานแสดง LIMA 2023 ว่า KAI กำลังเตรียมการที่จะส่งมอบเครื่องบินขับไล่โจมตี FA-50 เครื่องแรกสำหรับมาเลเซียใน 42เดือนหลังการลงนามสัญญา 
"เครื่องบินที่เหลือของคำสั่งจัดหาแรกนี้จะถูกส่งมอบตามมาภายในระยะเวลาต่อเนื่อง 10เดือน" โฆษก KAI กล่าว Janes ได้รายงานก่อนหน้านี้ว่ามาเลเซียจะรับมอบเครื่องบินขับไล่โจมตี FA-50 Block 20 มาตรฐานใหม่ล่าสุด ที่ไม่ระบุจำนวน

KAI กล่าวกับ Janes ว่า เครื่องบินขับไล่โจมตี FA-50 Block 20 ที่จะถูกส่งมอบให้มาเลเซียจะติดตั้งด้วย Radar ควบคุมการยิงขั้นก้าวหน้าแบบ Raytheon PhantomStrike
นี่มีขึ้นตามหลังแถลงการณ์ของบริษัท Raytheon สหรัฐฯเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2023 ซึ่งระบุว่า PhantomStrike radar จะถูกส่งออกให้กับ  KAI สาธารณรัฐเกาหลีในฐานะ "ผลิตภัณฑ์การขายโดยตรงเชิงพาณิชย์(DCS: Direct Commercial Sales)"

Raytheon อธิบาย AESA(Active Electronically Scanned Array) radar แบบ PhantomStrike ว่าเป็น "radar ควบคุมการยิงระบายความร้อนด้วยอากาศเต็มรูปแบบที่ออกแบบเพื่อมอบการตรวจจับ, การติดตาม และชี้เป้าหมายภัยคุกคามในระยะไกล"
ด้วยน้ำหนักที่เพียง 150pounds หรือประมาณ 68kg PhantomStrike เป็น radar ขนาดกะทัดรัดที่ออกแบบสำหรับเครื่องบินโจมตีเบา, อากาศยานปีกหมุน, อากาศยานไร้คนขับ(UAV: Unmanned Aerial Vehicle) และระบบประจำที่

เครื่องบินขับไล่โจมตี KAI FA-50 Block 20 ของมาเลเซียจะมีขีดความสามารถที่จะบูรณาการกระเปาะชี้เป้าหมาย Lockheed Martin Sniper Advanced Targeting Pod(ATP)
เช่นเดียวกับโปแลนด์ที่จะติดตั้งร่วมกับ PhantomStrike radar ที่จะติดตั้งกับเครื่องบินขับไล่โจมตีเบา FA-50PL จำนวน 36เครื่องจาก 48เครื่องของตน(https://aagth1.blogspot.com/2023/05/fa-50pl-sniper-atp.html)

กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) ยังกำลังบูรณาการเครื่องบินขับไล่และฝึกแบบที่๒ บ.ขฝ.๒ KAI T-50TH Golden Eagle ของตนติดตั้งกระเปาะชี้เป้าหมาย Sniper ATP ด้วย(https://aagth1.blogspot.com/2023/05/t-50th-sniper-atp.html)
ระบบอาวุธยังรวมถึงระเบิดนำวิถีดาวเทียม GBU-38 JDAM(Joint Direct Attack Munitions) ขนาด 500lbs, ระเบิดนำวิถี laser แบบ GBU-12 Paveway II และอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น AGM-65 Maverick รวมถึงเครือข่าย Link 16 Block 2 datalink รุ่นปรับปรุง

ตามโครงการเครื่องบินรบเบา LCA(Light Combat Aircraft) และเครื่องบินขับไล่ฝึก FLIT(Fighter Lead-in Trainer) ภายใต้แผนการพัฒนาขีดความสามารถ 2055(CAP55: Capability Development Plan 2055)
ของกองทัพอากาศมาเลเซีย(RMAF: Royal Malaysian Air Force, TUDM: Tentera Udara Diraja Malaysia) เพื่อการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตี FA-50 จำนวนรวมทั้งหมด 36เครื่องที่คาดว่าจะได้รับมอบเครื่องแรกในปี 2026 ครับ