วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2567

หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือไทย ฝึกยิงอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยาน IGLA-S ในการฝึกกองทัพเรือประจำปี ๒๕๖๗












Air and Coastal Defence Command (ACDC), Royal Thai Navy (RTN) was successful live firing its Russian Dzhigit support launching unit (SLU) with two Igla-S Man-portable air-defence system (MANPADS) short-range surface-to-air missile system mount on Thailand domestic Thairung TR Transformer 4x4 family vehicle with snorkel and add-on armoured, during Combined Arms Live Fire Exercise (CALFEX) as part of RTN Naval Exercise for Fiscal Year 2024 at naval firing range, Fleet Training Command (FTC), Royal Thai Fleet (RTF) in Hat Yao beach Thung Prong, Satthahip district, Chonburi province on 30 May 2023.
ACDC also live firing its Type 59-I 130mm towed howitzers, GHN-45 155mm towed howitzers and Type 74 twin 37mm anti-aircraft guns in CALFEX. (Royal Thai Navy)



ผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจเยี่ยมการฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธีของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2567

วันนี้ (30 พฤษภาคม 2567) พลเรือเอก อะดุง  พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ ตรวจเยี่ยมการฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธี และการฝึกยิงอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ IGLA - S ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2567 
โดยมี พลเรือตรี ศุภสิทธิ์ บูรณะโอสถ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ให้การต้อนรับ ณ สนามฝึกยิงอาวุธทุ่งโปรง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี 
ทั้งนี้ การฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธีดังกล่าว มีจุดประสงค์เพื่อทดสอบความพร้อมขององค์บุคคล องค์วัตถุ และองค์ยุทธวิธี ในการปฏิบัติตามแผนป้องกันประเทศ ทดสอบความพร้อมรบ และขีดความสามารถขององค์บุคคล องค์วัตถุ และองค์ยุทธวิธีในการฝึกยิงอาวุธประจำหน่วย รวมทั้ง ทดสอบการปฏิบัติทางยุทธวิธี ระหว่างหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งกับหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ในการยิงเป้าหมายทางทะเล
เป็นการฝึกตามแผนงานประจำปี พ.ศ.2567 ซึ่งหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งได้จัดปืนใหญ่กลางกระสุนวิธีราบ ขนาด 130 มิลลิเมตร ปืนใหญ่รักษาฝั่งกระสุนวิถีโค้ง ขนาด 155 มิลลิเมตร ปืนต่อสู้อากาศยาน ขนาด 37/70 มิลลิเมตร และอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ IGLA - S เข้าร่วมการฝึก จะยิง 2 แบบ โดยการยิงจากรถและการยิงแบบประทับบ่าที่ระยะ 1,800 เมตร

สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถี IGLA-S เป็นอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ มีหลักการจับเป้าหมายโดยอาศัยการตรวจจับและรับรังสีอินฟราเรดที่แพร่ออกมาจากแหล่งความร้อนของตัวอากาศยาน อาวุธจะล็อคเป้าหมาย และพร้อมให้พลยิงปล่อยตัวจรวดออกมาเพื่อติดตาม และทำลายเป้าหมายต่อไป และเมื่อจรวดแล่นออกจากท่อยิงการทำงานจะเป็นไปในลักษณะ Fire and Forget 
ซึ่งลูกอาวุธนำวิถีที่ใช้ในการฝึกยิงในครั้งนี้เป็นลูกอาวุธวิถีแบบ 9M342 มีคุณลักษณะที่สำคัญคือมีความเร็วโคจรคงที่โดยเฉลี่ย 600 เมตร/วินาที เส้นผ่านศูนย์กลาง 72.2 มิลลิเมตรน้ำหนัก 16.7 กิโลกรัม

ทั้งนี้ ในการฝึกได้กำหนดสถานการณ์ฝึกในการป้องกันพื้นที่สำคัญทางทหารตามที่ทัพเรือภาค 1 มอบหมาย ประกอบกำลังเป็น หน่วยต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งประจำพื้นที่ 1 ซึ่งมีกำลังรบประกอบด้วย กองพันต่อสู้อากาศยาน กองพันรักษาฝั่ง ศูนย์ต่อสู้อากาศยาน และส่วนสนับสนุนส่วนแยก ประกอบกำลังในการป้องกันภัยทางอากาศและป้องกันภัยจากกำลังทางเรือของฝ่ายข้าศึก
โดยการฝึกครั้งนี้เป็นการฝึกยิงอาวุธปืนทางยุทธวิธีด้วยกระสุนจริง และใช้ศูนย์อำนวยการยิงร่วมกันของกองพันรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) และกองพันทหารปืนใหญ่ (นย.) พร้อมทั้งการฝึกยิงอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ IGLA - S ด้วยลูกจรวดจริง และอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้ IGLA - S โดยอาวุธปล่อยนำวิถีและกระสุนปืน เข้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

การฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธีของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ประจำพื้นที่ เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกกองทัพเรือประจำปี 2567 สำหรับขั้นการฝึกภาคสนาม/ภาคทะเลในห้วงเป็นการฝึกสนธิกำลังระหว่างหน่วย ทำการฝึกตามขีดความสามารถการปฏิบัติการทางเรือสาขาต่าง ๆ ทั้งในระดับยุทธการและยุทธวิธี การฝึกควบคุมบังคับบัญชาและการอำนวยการยุทธ์ของศูนย์ปฏิบัติการ (FTX) 
โดยมีรายการฝึกสำคัญ ประกอบด้วย การฝึกยุทธวิธีร่วมกองเรือ การฝึกปฏิบัติการร่วมระหว่างกำลังทางเรือและอากาศยาน การฝึกป้องกันพื้นที่ของทัพเรือภาค การฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธีของหน่วยต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งประจำพื้นที่ การฝึกปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบกและส่งผ่านกำลังทางบก รวมทั้ง การฝึกสนธิกำลังดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง
โดยเป็นการฝึกตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ คือ “ฝึกฝนให้ชำนาญ เพื่อพร้อมปกป้องอธิปไตยให้น่านน้ำไทย”

ภายหลังเสร็จสิ้นการฝึกผู้บัญชาการทหารเรือได้มอบโอวาท แก่กำลังพลที่เข้าร่วมการฝึกโดยมีใจความสำคัญว่า  
"การยิงเข้าเป้ามีความสำคัญมาก บ่งบอกว่าเรามีคุณภาพขอให้รักษาคุณภาพไว้การยิงเข้าเป้ามีความสามารถอย่างยิ่งใน แสดงออกถึงขีดความสามารถในการทำหน้าที่รักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ได้เห็นการเตรียมการและการฝึกในวันนี้แล้ว ดีใจที่เห็นการยิงเข้าเป้าทั้งอาวุธปล่อยนำวิถี และปืนต่อสู้อากาศยานและปืนใหญ่รักษาฝั่ง 
สิ่งที่เราฝึกเหนื่อยกันมาทั้งหมดเราไม่รู้ว่าวันไหนเราต้องใช้ แต่วันนี้เราบอกสังคมเราบอกคนไทยให้รู้ว่าถ้าต้องใช้กองทัพเรือพร้อม คำว่าพร้อมเกิดจากการยิงแล้วถูกเป้า ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่า เราพร้อมในการรักษาฐานขุดเจาะน้ำมัน ท่าเรือ โรงกลั่นน้ำมัน ท่าเทียบเรือพาณิชย์ สนามบิน ให้การดำเนินการของธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศนี้ไม่มีผลกระทบหากเกิดใครรุกราน 
สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนตั้งใจฝึก และรักษาคุณภาพที่แสดงออกในวันนี้ให้คงไว้ตลอดไป"

กองประชาสัมพันธ์
สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ

การฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง(CALFEX: Combined Arms Live Fire Exercise) เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกภาคสนาม/ภาคทะเล(FTX: Field Training Exercise) ในการฝึกกองทัพเรือประจำปี พ.ศ.๒๕๖๗(2024) ที่กองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy) จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๗-๓๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๗ ที่โดยครอบคลุมการฝึกยิงอาวุธในหลายๆด้านทั้งกำลังทางเรือในทะเลและกำลังทางบกบนฝั่ง
หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง สอ.รฝ.(ACDC: Air and Coastal Defence Command) ได่ทำการฝึกยิงจริงของระบบอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้แบบเคลื่อนที่ Igla-S ของตน ณ สนามฝึกยิงอาวุธ กองการฝึก(FTC: Fleet Training Command) กองเรือยุทธการ(RTF: Royal Thai Fleet) หาดยาวทุ่งโปรง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๗
โดยอาวุธนำวิถีพื้นสู่อากาศ Igla-S ได้ทำการยิงเป้าบินติดพลุไฟ(flare) ที่ระยะ 1,800m ที่ลากโดยอากาศยานไร้คนขับปีกหมุนหลายแกนใบพัด(multirotor unmanned aerial vehicle) ที่พัฒนาโดย สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ สวพ.ทร.(NRDO: Naval Research and Development Office) เช่นเดียวการยิงครั้งแรกในปี พ.ศ.๒๕๖๖(2023)(https://aagth1.blogspot.com/2023/05/igla-s.html)

การฝึกยังมีการทำการฝึกยิงกระสุนจริงของ ปืนใหญ่กลางกระสุนวิธีราบ Type 59-I ขนาด 130mm, ปืนใหญ่รักษาฝั่งกระสุนวิถีโค้ง GHN-45 ขนาด 155mm และปืนต่อสู้อากาศยาน Type 74 ขนาด 37mm/70cal สองลำกล้อง ของกองพันรักษาฝั่ง สอ.รฝ.ร่วมกับกองพันทหารปืนใหญ่ นาวิกโยธิน นย.(RTMC: Royal Thai Marine Corps) ด้วย
อาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้แบบเคลื่อนที่ ประกอบด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ Igla-S ความจุสองนัดในแท่นยิงแบบ Dzhigit รัสเซียบนรถยนต์บรรทุกตระกูล Thairung TR Transformer 4x4 ไทยเสริมเกราะ และติดท่อ Snorkel สำหรับการเคลื่อนที่ในน้ำ ที่ทำการติดตั้งภายในไทย(https://aagth1.blogspot.com/2023/01/fk-3-igla-s.html)
แม้ว่าการฝึกยิงด้วยกระสุนจะเป็นการพิสูจน์ยืนยันถึงความพร้อมปฏิบัติการของหน่วย แต่หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง สอ.รฝ.ยังคงจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาและปรับปรุงขีดความสามารถเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต ตามที่อาวุธยุทโธปกรณ์หลายแบบของตนมีอายุการใช้งานมานานและเริ่มล้าสมัยต่อภัยคุกคามในปัจจุบันและอนาคตครับ