วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ตุรกีรับมอบรถถังหลัก Altay รุ่นสายการผลิตจำนวนมากคันแรก

Türkiye receives first Altay MBT







Turkish President Recep Tayyip Erdoğan attends the ceremony for the opening of the BMC Ankara tank and new-generation armoured vehicles production facility and the first delivery of new Altay tanks at Kahramankazan district, Ankara, on 28 October 2025. (Turkish Presidency/Mustafa Kamaci/Anadolu via Getty Images)





ตุรกีรับมอบรถถังหลัก Altay MBT(Main Battle Tank) ชุดแรกของตนระหว่างพิธีที่เป็นเครื่องหมายถึงการเปิดโรงงานผลิตรถถังและยานเกราะยุคอนาคต BMC Ankara เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2025
การกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีโดยมีรถถัง Altay สองคันขนาบข้าง รัฐมนตรีกลาโหมตุรกี Yaşar Güler กล่าวว่า "ภารกิจที่ไม่สามารถจะขาดไปได้ของรถถังในสงครามอสมาตรและสภาพแวดล้อมการปฏิบัติการที่ท้ายทายต่างๆ"

"โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสงครามตามแบบด้วยอำนาจการยิงของพวกมัน, เกราะป้องกันที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง และความคล่องแคล่วการเคลื่อนที่เผยให้เห็นว่าโครงการนี้มีคุณค่าเพียงใดสำหรับกองทัพและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของเรา
ในเรื่องนี้ รถถังหลัก Altay ของเราจะยกระดับอำนาจการรบของกองทัพบกตุรกี(Turkish Land Forces, Türk Kara Kuvvetleri) ของเราไปสู่ระดับที่สูงขึ้นยิ่งกว่า ขณะที่ยังเพิ่มขยายความปลอดภัยกำลังพลของเรา..."

พัฒนาการที่อ่อนไหวในภูมิภาคของเราและทั่วโลก เช่นเดียวกับยุทธศาสตร์ทางภูมิรัฐศาสตร์ของเรา เป็นความจำเป็นที่จะต้องมีกองทัพที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพที่ประจำการด้วยอาวุธที่เป็นผลิตภัณฑ์ภายในประเทศและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศแห่งชาติ" 
ประธานสำนักงานอุตสาหกรรมกลาโหมตุรกี(Turkish Presidency of Defence Industries, SSB: Savunma Sanayii Başkanlığı) Haluk Görgün ประกาศในบัญชี X(Twitter เดิม) ทางการเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2025 ว่า

รถถังหลัก Altay จำนวน 3คันจะถูกส่งมอบภายในปี 2025 ตามมาด้วยในแบบแผนรุ่นรถถังหลัก Altay T1 จำนวน 85คันภายในปี 2028 เขาเสริมว่าการส่งมอบในแบบแผนรุ่นรถถังหลัก Altay T2 จำนวน 165คันจะเริ่มต้นในปี 2028 
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2024 สำนักงานอุตสาหกรรมกลาโหมตุรกี SSB ได้ประกาศว่าตุรกีได้ลงนามสัญญาสายการผลิตจำนวนมากของรถถังหลัก Altay MBT และกำหนดขอบเขตโครงการรวมถึงการจัดตั้งสายการผลิตจำนวนมาก(https://aagth1.blogspot.com/2024/06/altay.html

ใน tweet บน X ของเขาเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2025 ประธาน SSB ตุรกี Görgün กล่าวว่ารถถังหลัก Altay กำลังถูกสร้างในพื้นที่ขนาดประมาณ 1ล้านตารางเมตร ณ โรงงานของบริษัท BMC ตุรกีที่กำลังทำการผลิตรถถัง ด้วยวิศวกร 800คน, คนงาน 1,250คน, และผู้รับสัญญารอง 90ราย 
ได้เสร็จสิ้นงานทางวิศวกรรม 17ล้านชั่วโมง, การทดสอบ 2,500ชั่วโมง, และ 30,000km ในการทดสอบบนถนน เขาเสริมว่าโรงงานวิทยาการขั้นสูงได้ถูกจัดตั้งขึ้นด้วยพื้นที่ทดสอบยานเกราะกลางแจ้ง(Armor Open Test Area, ZATA), ศูนย์ทดสอบการป้องกันกระสุน(Ballistic Protection Center, BKM) นอกเหนือจากโรงงานการผลิตรถถังยานเกราะสมัยใหม่

กองทัพตุรกี(Turkish Armed Forces, TSK: Türk Silahlı Kuvvetleri) รับมอบรถถังหลัก Altay MBT สองคันแรกของตนสำหรับการทดสอบในเดือนเมษายน 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/04/altay.html
รถถังหลัก Altay ติดอาวุธปืนใหญ่รถถังลำกล้องเรียบขนาด 120mm L/55 และปืนกลร่วมแกนขนาด 7.62mm และสามารถบรรจุกระสุนปืนใหญ่รถถังขนาด 120mm ได้ 40นัด(https://aagth1.blogspot.com/2021/11/altay.html

รถถังหลัก Altay มีคุณสมบัติระบบป้องกันเชิงรุก(APS: Active Protection System), ระบบเกราะป้องกันที่เพิ่มขึ้น, ระบบควบคุมการยิงและระบบควบคุมรถที่สร้างขึ้นมาใหม่ และระบบรองอื่นๆที่ผลิตในตุรกี 
BMC ตุรกีเปิดตัวรถถังหลัก Altay ใหม่พร้อมกับระบบการหยั่งรู้สถานการณ์ 360องศาแบบ Örümcek ของบริษัท Aselsan ตุรกีในเดือนมีนาคม 2023 รถที่ส่งมอบติดตั้งระบบขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์ของสาธารณรัฐเกาหลีครับ

วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2568

Sikorsky สหรัฐฯถอนตัวการเสนอเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงหนัก CH-53K ในโครงการแข่งขันของเกาหลีใต้

ADEX 2025: Sikorsky exits bidding for South Korea's heavy helicopter project





Sikorsky has described the CH-53K King Stallion as a good fit for the SOHH programme, citing the platform's digital architecture that can support future software and hardware updates. (USMC/Lance Cpl James Bricker)



บริษัท Sikorsky สหรัฐฯได้ถอนเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงหนัก CH-53K King Stallion ของตนจากการแข่งขันสำหรับโครงการเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงหนักปฏิบัติการพิเศษ(SOHH: Special Operations Heavy Helicopter) ของสาธารณรัฐเกาหลี
หลังจากการพิจารณาตัดสินใจว่างบประมาณที่ได้รับการจัดสรรโดยรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีต่ำกว่าระดับที่คาดไว้(https://aagth1.blogspot.com/2022/06/ch-47f-chinook-sth.html)

"หลังจากวิเคราะห์อย่างระมัดระวัง เราได้ข้อสรุปว่างบประมาณของโครงการเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงหนักปฏิบัติการพิเศษ SOHH ในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับการลงทุนที่จำเป็นที่จะวางกำลังเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงหนัก CH-53K"
Sikorsky สหรัฐฯกล่าวในแถลงการณ์ต่อ Janes เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2025 การถอนตัวของบริษัท Sikorsky จากการแข่งขันดูจะเป็นการทำให้เหลือเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงหนัก Boeing CH-47F Chinook ในฐานะผู้เข้าแข่งขันรายเดียวสำหรับโครงการ

การพูดคุยกับ Janes ระหว่างนิทรรศการการบินและการป้องกันประเทศนานาชาติ Seoul International Aerospace & Defense Exhibition (ADEX) 2025 ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 17-24 ตุลาคม 2025
Frank Crisafulli ผู้อำนวยการฝ่ายการพัฒนายุทธศาสตร์ทางพาณิชย์, การค้า และธุรกิจนานาชาติของบริษัท Sikorsky กล่าวว่าแม้ว่าบริษัทจะใช้เวลาไปสามปีในการทำให้ข้อเสนอของตนเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

งบประมาณของสำนักงานโครงการจัดหากลาโหม(DAPA: Defense Acquisition Program Administration) สาธารณรัฐเกาหลี และหลักเกณฑ์การประเมินค่าไม่ได้คำนึงถึงระดับการลงทุนที่จำเป็นต่อการจัดหาและปฏิบัติงานของเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงหนัก CH-53K
สำนักงานโครงการจัดหากลาโหมสาธารณรัฐเกาหลี DAPA ได้อนุมัติโครงการ SOHH ในเดือนเมษายน 2025 เพื่อจะจัดหาเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงหนักจำนวน 18เครื่อง งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรอยู่ที่วงเงิน 3.36 trillion Korean Won($2.3 billion)

จากมุมมองของบริษัท Sikorsky การจัดสรรทางงบประมาณของ DAPA สาธารณรัฐเกาหลีสำหรับโครงการเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงหนักปฏิบัติการพิเศษ SOHH ไม่ได้รับการพิจารณาการเพิ่มวงเงินในหลายปีที่ผ่านมาล่าสุด
ตามข้อมูลจาก Crisafulli ความต้องการของ DAPA สาธารณรัฐเกาหลีสำหรับโครงการ SOHH ได้เป็นรูปเป็นร่างก่อนการอุบัติขึ้นของ "เหตุการณ์หงส์ดำ"(black swan event) เช่น การแพร่ระบาดของ Covid-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานและทำให้ค่าใช้จ่ายต่างๆที่เพิ่มขึ้น

"ในสามปี ทุกคนในภาคอุตสาหกรรม(ไม่ว่าจะเป็น)การผลิตแปรงสีฟันหรือเครื่องบินต่างได้รับประสบการณ์วิกฤตด้านห่วงโซ่อุปทาน โดยวัตถุดิบเพียงอย่างเดียวได้เพิ่มขึ้นที่ร้อยละ30, ร้อยละ40 และร้อยละ50" เขากล่าว ตามที่ Janes ได้รายงานก่อนหน้า
นอกจากนาวิกโยธินสหรัฐฯ(USMC: US Marine Corps) ในฐานะผู้ใช้งานหลักที่สั่งจัดหาจำนวน 200เครื่อง ลูกค้าส่งออกรายเดียวในขณะนี้ของเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงหนัก CH-53K King Stallion คืออิสราเอลจำนวน 12เครื่องที่ได้รับมอบเครื่องแรกในปี 2028 ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2022/01/ch-53k-kc-46a.html)

วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ตุรกีมองจะจัดหาเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon มือสองจากโอมานและกาตาร์

Türkiye seeks surplus Eurofighters from Oman and Qatar, says Erdogan







The Turkish president has said he is negotiating for the buy of Eurofighter combat aircraft from Oman and Qatar (pictured). (Janes/Gareth Jennings)





ตุรกีกำลังมองที่จะจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon ส่วนเกิน(surplus) จากทั้งโอมานและกาตาร์(https://aagth1.blogspot.com/2022/08/eurofighter-typhoon-4.html)
ประธานาธิบดีตุรกี Recep Tayyip Erdoğan กล่าวเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2025 ในการพูดคุยกับผู้สื่อข่าวต่างๆระหว่างการเดินทางเยือนภูมิภาคประเทศกลุ่มอ่าว persia

ประธานาธิบดีตุรกี Erdoğan กล่าวว่าการเจรจาต่างๆสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างนั้นเป็นส่วนหนึ่งของหลากหลายการเสริมสร้างขีดความสามารถการรบทางอากาศต่างๆของตุรกีกำลังมีความคืบหน้าด้วยดี
"เราได้หารือการเจรจาที่กำลังดำเนินอยู่กับฝ่ายกาตาร์และโอมานที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อเครื่องบินรบ Eurofighter การเจรจาในประเด็นทางเทคนิคนี้กำลังคืบหน้าในเชิงบวก" สำนักข่าว AP อ้างคำกล่าวของประธานาธิบดีตุรกี

ความเห็นของประธานาธิบดีตุรกี Erdoğan มีขึ้นหลายเดือนให้หลังจากตุรกีและสหราชอาณาจักรลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU: Memorandum of Understanding) ในเดือนกรกฎาคม 2025 
ที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/mou-eurofighter-typhoon.html) สำหรับกองทัพอากาศตุรกี(TurAF: Turkish Air Force, THK: Türk Hava Kuvvetleri)

ขณะที่ MOU ไม่ได้เปิดเผยจำนวนเครื่องที่เป็นไปได้ที่จะจัดหา กลุ่มกิจการค้าร่วม Eurofighter ยุโรป กล่าวก่อนหน้านี้ว่าตุรกีกำลังมองที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon Tranche 5 สร้างใหม่จำนวน 40เครื่อง
มีรายงานก่อนหน้าว่าก่อนการลงนามสัญญาสำหรับเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon สร้างใหม่(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/eurofighter-typhoon-warton.html

ตุรกีจะจัดหาเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon Tranche 1 ที่ปัจจุบันปลดประจำการจากกองทัพอากาศสหราชอาณาจักร(RAF: Royal Air Force) แล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/eurofighter-typhoon-tranche-1.html)
เพื่อจะช่วยการจัดตั้งความชำนาญของกองทัพอากาศตุรกีในเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon และตรงต่อความต้องการเร่งด่วนของตนได้ สื่อตุรกีได้รายงานว่าความคืบหน้าของข้อตกลงที่คาดว่าจะมีขึ้นนี้ยังคงหยุดชะงัก 

และนั่นทำให้ขณะนี้ตุรกีกำลังมองที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon Tranche 3+ ของโอมานและกาตาร์แทนจำนวนรวมราว 24เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/eurofighter-typhoon.html
กองทัพอากาศโอมาน(Royal Air Force of Oman) มีเครื่องบินขับไล่ Typhoon ในประจำการจำนวน 12เครื่อง ขณะที่กองทัพอากาศกาตาร์(QEAF: Qatar Emiri Air Force) มีเครื่องบินขับไล่ Typhoon ในประจำการจำนวน 24เครื่อง 

กลุ่มกิจการค้าร่วม Eurofighter ไม่ได้ตอบสนองต่อการร้องขอการตั้งคำถามจาก Janes เกี่ยวกับความเป็นได้ที่ตุรกีจะจัดหาเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon จากโอมานและกาตาร์ ณ เวลาที่บทความนี้เผยแพร่
ล่าสุดตุรกีได้ลงนามสัญญากับสหราชอาณาจักรเป็นวงเงิน 8 billion British Pound($10.7 billion) สำหรับการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon จำนวน 20เครื่องเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2025 รวมจำนวนที่คาดว่าจะจัดหาทั้งหมด 44เครื่องครับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/10/typhoon-tranche-5-eurofighter-ek-20.html)

วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2568

LIG Nex1 เกาหลีใต้เปิดตัวยานยนต์รบไร้คนขับ G-Sword UGV

ADEX 2025: LIG Nex1 unveils G-Sword unmanned ground vehicle





LIG Nex1 showcased its G-Sword UGV at ADEX 2025. (Janes/Sunil Nair, LIG Nex1)

บริษัท LIG Nex1 สาธารณรัฐเกาหลีกำลังพัฒนายานยนต์รบไร้คนขับ Combat UGV(Unmanned Ground Vehicle) แบบสายพานใหม่ G-Sword ที่ติดตั้งระบบอาวุธด้วย
ป้อมปืน remote (RCWS: Remote-Controlled Weapon Station) และอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง Raybolt ATGM(Anti-tank Guided Missile)(https://aagth1.blogspot.com/2022/09/defense-security-2022-lig-nex1-kggb.html)

บริษัท LIG Nex1 ได้อธิบายยานยนต์รบไร้คนขับสายพาน G-Sword UGV ที่เปิดตัว ณ นิทรรศการการบินและการป้องกันประเทศนานาชาติ Seoul International Aerospace & Defense Exhibition (ADEX) 2025
ซึ่งจัดขึ้นและสิ้นสุดลงแล้วระหว่างวันที่ 17-24 ตุลาคม 2025 ที่ผ่านมา ในฐานะแนวคิดยานยนต์ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า hybrid-electric ที่ติดตั้งด้วยปืนกลสามลำกล้องหมุน Gatling gun

LIG Nex1 สาธารณรัฐเกาหลีกล่าวว่ายานยนต์รบไร้คนขับ G-Sword UGV มีน้ำหนักที่ประมาณ 3 tonnes, ทำความเร็วบนถนนสูงสุดได้ที่ 50 km/h และมีระยะเดินทางที่ประมาณ 300km 
ไม่ได้มีการให้รายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องยนต์ของ G-Sword UGV ป้อมปืน RCWS ที่พัฒนาโดยบริษัท LIG Nex1 มีความจุกระสุนที่ 400นัด และมีอัตราการยิงที่ 1,200นัด/นาที

ระบบป้อมปืน RCWS สามารถทำการยิงกระสุนระเบิดแรงสูง(HE: High-Explosive), กระสุนเจาะเกราะ(AP: Armour-Piercing), และกระสุนฝึก(TP: Target Practice) ต่างๆ(https://aagth1.blogspot.com/2023/11/defense-security-2023-kggb.html)
ป้อมปืน RCWS มีระยะยิงโจมตีที่ 2km ในการต่อต้านเป้าหมายบุคคลต่างๆ และระยะยิงโจมตีที่ 1.2km ในการต่อต้านเป้าหมายทางอากาศต่างๆ(บริษัท LIG Nex1 ไม่ได้ให้รายละเอียดขนาดกระสุนของปืนกล Gatling)

ยานยนต์รบไร้คนขับสายพาน G-Sword UGV ที่ถูกจัดแสดงในนิทรรศการ Seoul ADEX 2025 ติดตั้งด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง Raybolt ของบริษัท LIG Nex1 ที่มีคุณลักษณะจับเป้าหมายก่อนยิง(LOBL: Lock-on-Before-Launch) และยิงแล้วลืม(fire-and-forget)
G-Sword UGV ที่ถูกจัดแสดงยังติดตั้งด้วยระบบตรวจจับต่างๆที่ Janes ประเมินว่าสามารถที่จะใช้สำหรับการตรวจสอบ(scanning)ภูมิประเทศเพื่อช่วยให้ UGV มีความคล่องแคล่วการเคลื่อนที่ผ่านพื้นผิวที่ยากลำบากได้

G-Sword UGV สามารถปฏิบัติการได้จากระยะไกลผ่านแผงควบคุม สามารถนำทางได้แบบอัตโนมัติร่วมไปกับเส้นทางเดินรถที่วางแผนกำหนดไว้ล่วงหน้า หรือกำหนดเส้นทางอัตโนมัติโดยตัวรถหรือทหาร
บริษัท LIG Nex1 ตั้งใจที่จะเสนอ G-Sword UGV พร้อมการติดตั้ง modular payload ต่างๆสำหรับภารกิจการป้องกันภัยทางอากาศระยะประชิดภาคพื้นดินบูรณาการ, การตรวจการณ์ชายฝั่ง, การยิงสนับสนุน และการตรวจการณ์สิ่งปลูกสร้างที่มีความสำคัญครับ

วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2568

เกาหลีใต้ทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำเรือดำน้ำ KSS-III Batch-II ลำแรก SS-087 ROKS Jang Yeong-sil

Hanwha Ocean Launches First KSS-III Batch-II Submarine



Jang Yeong-sil, the greatest scientist of the Joseon Dynasty who spearheaded remarkable advancements in science and technology, is honored through the ROKS Jang Yeong-sil (SS-087), a 3,600-ton KSS-III Batch-II submarine that embodies South Korea’s cutting-edge design and shipbuilding technology. (ROK Navy Photo)





กองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี(RoKN: Republic of Korea Navy) และสำนักงานโครงการจัดหากลาโหม(DAPA: Defense Acquisition Program Administration) สาธารณรัฐเกาหลีได้ทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำ
ของเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้า(SSK)ชั้น KSS-III Batch-II ลำแรก เรือดำน้ำ SS-087 ROKS Jang Yeong-sil ณ อู่เรือ Geoje ของบริษัท Hanwha Ocean สาธารณรัฐเกาหลีเมื่อตอนบ่ายของวันที่ 22 ตุลาคม 2025

โครงการเรือดำน้ำชั้น KSS-III เป็นโครงการจัดหาเรือดำน้ำขนาด 3,000tons ของสาธารณรัฐเกาหลี เรือดำน้ำชั้น KSS-III Batch-I คือเรือดำน้ำชั้น Dosan Ahn Chang-ho(https://aagth1.blogspot.com/2021/10/hhi-kss-iii-ss-086-roks-shin-chaeho.html, https://aagth1.blogspot.com/2021/08/kss-iii-ss-083-roks-dosan-ahn-changho.html)
และเรือดำน้ำ SS-087 ROKS Jang Yeong-sil ที่ถูกปล่อยเรือลงน้ำใหม่เป็นเรือลำแรกของเรือดำน้ำชั้น KSS-III Batch-II รุ่นปรับปรุง ที่ออกแบบในประเทศและสร้างในสาธารณรัฐเกาหลี การเข้าถึงเหตุการณ์ที่มีนับสำคัญนี้มีขึ้นตามหลังจากลงนามสัญญาการสร้างในปี 2019 พิธีตัดเหล็กในปี 2021 และพิธีวางกระดูงูเรือในปี 2023

ในฐานะเรือดำน้ำชั้น KSS-III Batch-II ขนาดระวางขับน้ำ 3,600tons ลำแรกของกองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี เรือดำน้ำ ROKS Jang Yeong-sil แสดงถึงเรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้าระดับโลกและเป็นทรัพยากรทางยุทธศาสตร์หลักด้วยขีดความสามารถต่างๆที่เพิ่มขยายเพื่อตอบสนองภัยคุกคามความมั่นคงทางทะเลต่างๆที่หลากหลาย
เรือดำน้ำ ROKS Jang Yeong-sil มีคุณลักษณะการปรับปรุงสมรรถนะโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญเหนือเรือดำน้ำชั้น Dosan Ahn Chang-ho รุ่นก่อนหน้า รวมถึงการตรวจจับที่ได้รับการเพิ่มขยาย, ขีดความสามารถการโจมตี, การตรวจจับได้ยาก stealth และความอยู่รอด

เรือดำน้ำ ROKS Jang Yeong-sil มีระวางขับน้ำที่ประมาณ 3,600tons และมีความยาวเรือที่ราว 89m มีขนาดใหญ่กว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเรือดำน้ำชั้น Dosan Ahn Chang-ho ระบบการรบของเรือดำน้ำถูกใช้ในฐานะ "สมอง" ของเรือ และระบบ sonar ทำงานเป็น "หูและตา" ได้รับการปรับปรุงเพื่อเพิ่มขยายขีดความสามารถการประมวลผลและการตรวจจับเป้าหมายขณะที่ยังเพิ่มขีดความสามารถการโจมตีภาคพื้นดิน
ติดตั้งด้วย lithium-ion battery ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว เรือดำน้ำ ROKS Jang Yeong-sil สามารถปฏิบัติการใต้น้ำได้เป็นเวลายาวนานกว่าและดำรงความคล่องแคล่วการเคลื่อนที่ที่ความเร็วสูง จึงลดความเสี่ยงของการเปิดเผยตนระหว่างการปฏิบัติการ วิทยาการการลดเสียงและลดการสั่นต่างๆยังได้ถูกนำมาใช้ ลดเสียงรบกวนที่แพร่ออกมาใต้น้ำและเพิ่มสมรรถนะการตรวจจับได้ยาก

นอกจากนี้ ความอยู่รอดของเรือดำน้ำ ROKS Jang Yeong-sil ได้รับการเพิ่มขยายผ่านการการติดตั้งระบบขับเคลื่อนเสริม(auxiliary propulsion system) ซึ่งทำให้มีความคล่องแคล่วงการเคลื่อนที่แม้ในสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ เช่น เมื่อระบบขับเคลื่อนหลักทำงานล้มเหลว
มากไปกว่านั้น เรือดำน้ำ ROKS Jang Yeong-sil ได้นำส่วนประกอบที่พัฒนาและผลิตในสาธารณรัฐเกาหลีมาใช้เป็นจำนวนมากขึ้นอย่างมาก มีส่วนเสริมความน่าเชื่อถือการปฏิบัติการของเรือดำน้ำขณะที่เพิ่มขยายรากฐานทางวิทยาการและขีดความสามารถการแข่งขันด้านการส่งออกของภาคอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของสาธารณรัฐเกาหลี

พิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือดำน้ำ ROKS Jang Yeong-sil ได้เชิญแขกผู้มีเกียรติมากกว่า 200คนเข้าร่วมรวมถึง ผู้บัญชาการกองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี(Chief of Naval Operations) พลเรือเอก Kang Dong-gil ในฐานะแขกหลัก ร่วมกับนายทหารระดับสูงอื่นๆ และตัวแทนจากภาคอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและภาคการส่งออก
พิธีได้ดำเนินไปตามลำดับดังนี้ การบรรเลงเพลงชาติสาธารณรัฐเกาหลี, การบรรยายโครงการในภาพรวม, การประกาศการตั้งชื่อเรือ, การกล่าวคำรำลึก, การมอบรางวัลแก่ผู้มีส่วนส่งเสริมโครงการ, การกล่าวปราศรัยแสดงความยินดี และสุดท้ายพิธีการปล่อยเรือและการอำนวยพรให้เดินเรือปลอดภัย

ในการกล่าวแสดงความยินดีผู้บัญชาการกองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี พลเรือเอก Kang Dong-gil ระบุว่า "พลเรือเอก Son Won-il บิดาของกองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลีเคยกล่าวไว้ครั้งหนึ่งว่า 'ตัวกองทัพเรือเองถูกสร้างขึ้นผ่านการบูรณาการขององค์ประกอบที่ดีที่สุดและก้าวหน้ามากที่สุดของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่'
ผมมั่นใจว่าเรือดำน้ำ ROKS Jang Yeong-sil สร้างโดยวิทยาการที่เราเป็นเจ้าของเอง จะถูกใช้เป็นพลุไฟสัญญาณสำหรับการก้าวไปข้างหน้าของกองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลีไปเป็นกองทัพที่ฉลาดและชั้นยอด และจะเติมเต็มภารกิจของตนในฐานะทรัพยากรหลักในการปกป้องอธิปไตยทางทะเลของสาธารณรัฐเกาหลี"

Mr. Lee Sang-woo ผู้อำนวยการโครงการเรือดำน้ำ KSS-III ของ DAPA สาธารณรัฐเกาหลีแถลงว่า "ROKS Jang Yeong-sil เป็นเรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้าระดับโลกและเป็นผลสำเร็จของความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์และวิทยาการขั้นสูงที่แสดงถึงภาคอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของสาธารณรัฐเกาหลี พิธีปล่อยเรือลงน้ำนี้ถูกใช้ในฐานะโอกาสอันมีค่า
เพื่อแสดงขีดความสามารถทางวิทยาการอันโดดเด่นของภาคอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของสาธารณรัฐเกาหลีต่อชาวเกาหลีและชาวโลก เราคาดว่าเรือดำน้ำของเกาหลีจะกลายเป็นทรัพยากรทางยุทธศาสตร์หลักที่นำไปสู่ความมั่นคงและสันติภาพของโลกขณะที่มีส่วนช่วยอย่างมหาศาลต่อการขยายการส่งออกภาคอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของสาธารณรัฐเกาหลี"

เรือดำน้ำ ROKS Jang Yeong-sil ถูกตั้งชื่อตามนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสมัยราชวงศ์ Joseon ผู้เป็นหัวหอกในการผลักดันความก้าวหน้าอันน่าทึ่งในด้านวิทยาศาสตร์และวิทยาการ เรือดำน้ำ ROKS Jang Yeong-sil จะเข้ารับชุดการทดลองเรือในทะเลและการประเมินค่าต่างๆก่อนที่จะถูกส่งมอบให้แก่กองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลีภายในสิ้นปี 2027 
หลังการส่งมอบเรือดำน้ำ ROKS Jang Yeong-sil จะเสร็จสิ้นขั้นตอนการวางกำลังการปฏิบัติการของตนและเข้าสู่การขึ้นระวางประจำการเพื่อที่จะมีความพร้อมการปฏิบัติการจริงต่อไปครับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/tkms-hanwha-ocean-cpsp.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/04/hanwha-ocean-orka.html)

คุณลักษณะเรือดำน้ำชั้น KSS-III Batch-II
ระวางขับน้ำ: 3,600 tons (ที่ผิวน้ำ), 4,000 tons (ขณะดำใต้น้ำ)
ความยาวเรือ: 89.4m
ความกว้างเรือ: 9.7m
กินน้ำลึก: 7.6m
ระบบอาวุธ: 
-ท่อยิง torpedo หนักขนาด 533mm แบบ Babcock International WHLS(Weapons Handling and Launch System) จำนวน 6ท่อยิง สำหรับ torpedo หนัก K761 Tiger Shark และอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้น C-Star-III พัฒนาโดยบริษัท LIG Nex1 สาธารณรัฐเกาหลี
-ทุ่นระเบิดทะเลเคลื่อนที่ปล่อยจากเรือดำน้ำ SLMM (Submarine Launched Mobile)
-แท่นยิงแนวดิ่ง(VLS: Vertical Launching System) จำนวน 10ท่อยิงสำหรับขีปนาวุธยิงจากเรือดำน้ำ(SLBM: Submarine-Launched Ballistic Missile) แบบ Hyunmoo-IV-4
ระบบขับเคลื่อน: ดีเซล-ไฟฟ้าพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบไม่ใช้อากาศ(AIP: Air Independent Propulsion) เครื่องยนต์ดีเซลขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า Rolls-Royce MTU 12V 4000 U83 จำนวน 3เครื่อง, Bumhan PH1 Fuel Cell จำนวน 4ระบบพัฒนาโดยบริษัท Bumhan Industries สาธารณรัฐเกาหลี
แหล่งกักเก็บพลังงานไฟฟ้า: lithium-ion battery พัฒนาโดยบริษัท Samsung SDI สาธารณรัฐเกาหลี
ความเร็ว: 20 knots (ขณะดำใต้น้ำ)
ระยะทำการ: 10,000nmi (18,500km) (ที่ผิวน้ำ)

วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2568

Bell สหรัฐฯเสนอเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1Z Viper และเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป UH-1Y Venom แก่ยูเครน

Ukraine conflict: Bell explores supplying Kyiv with Viper, Venom helicopters





The Venom and Viper are being touted for potential transfer to Ukraine under LoIs signed between manufacturer Bell and the Ukrainian government. (Bell/USMC)

บริษัท Bell สหรัฐฯได้ลงนามจดหมายแสดงความจำนง(LOI: Letter of Intent) เพื่อสำรวจการส่งมอบเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1Z Viper(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/ah-1z-viper-12.html)
และเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป UH-1Y Venom(https://aagth1.blogspot.com/2023/07/ah-1z-viper.html) แก่กองทัพยูเครน(Armed Forces of Ukraine)(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/ah-1z-lrpf.html)

จดหมายแสดงความจำนง LoI ที่ลงนามเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2025 ขณะนี้มีผลบังคับใช้กับหน่วยงานต่างๆของรัฐบาลยูเครนในนครหลวง Kyiv เป็นการเร่งที่ความเป็นไปได้ในการจัดซื้่อจัดจ้างรูปแบบการขายForeign Military Sales (FMS)
ของเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1Z Viper และเฮลิคอปเตอร์จู่โจม UH-1Y Venom แบบหลักของ Bell สหรัฐฯ(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/ah-1z-al-kobra-z.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/01/ah-1z.html)

"การริเริ่มนี้ได้อยู่ในการพัฒนามาระยะหนึ่งแล้ว และเรามองไปข้างหน้าที่จะนำมันสู่การเสร็จสมบูรณ์ เรามีความมั่นใจว่าระบบเฮลิคอปเตอร์ H-1 สามารถมีบทบาทสำคัญใรขีดความสามารถกลาโหมเพิ่มเติมในยูฌครน
การมอบการปรับปรุงที่จำเป็นอย่างมากขณะที่เสริมความแข็งแกร่งการสนับสนุนทางอากาศของยูเครนในปัจจุบัน" Jeffrey Schloesser รองประธานอาวุโสฝ่ายการแสวงหาทางยุทธศาสตร์ของบริษัท Bell กล่าวเสริม

ข่าวของการลงนามจดหมายแสดงความจำนง LoI มีขึ้นหลายสัปดาห์ให้หลังจากรัฐมนตรีเศรษฐกิจยูเครน Oleksiy Sobolev กล่าวในเดือนกรกฎาคม 2025 ว่า Bell สหรัฐฯกำลังวางแผนที่จะลงทุนในโรงงานการผลิตในยูเครน
"ผมได้จัดการประชุมการทำงานกับผู้ผลิตเฮลิคอปเตอร์อเมริกัน Bell ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Textron สหรัฐฯ และกำลังสร้างเฮลิคอปเตอร์ทางทหารสมัยใหม่เช่นเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1Z Viper และเฮลิคอปเตอร์จู่โจม UH-1Y Venom"

Sobolevกล่าวโดยเสริมว่า "บริษัท Bell ได้กำลังวางแผนที่จะลงทุนและผลิต(เฮลิคอปเตอร์) เรามีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและหวังที่จะเสนอผลลัพธ์ที่เป็นจริงโดยเร็ว
บริษัท Bell ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับ Janes ณ เวลานั้น แต่การลงนามจดหมายแสดงความจำนง LoI ล่าสุดยืนยันความเห็นก่อนหน้าของ Sobolev ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นไปได้ในการขาย ฮ.โจมตี AH-1Z Viper และ ฮ.ท.UH-1Y Venom แก่ยูเครน

ตามข้อมูลจาก Janes World Air Forces กองทัพยูเครนปัจจุบันมีประจำการด้วยเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-24/Mi-35 (NATO กำหนดรหัส 'Hind') จำนวนราว 45เครื่อง และเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป Mi-8/Mi-17 (NATO กำหนดรหัส 'Hip') จำนวนราว 38เครื่อง 
ซึ่งได้สูญเสียไปจำนวนหนึ่งจากสงครามหลังรัสเซียรุกรานยูเครนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2022 เฮลิคอปเตอร์เหล่านี้ยูเครนได้รับการบริจาคส่วนหนึ่งจากกลุ่มชาติยุโรป NATO ที่เคยมีใช้งานตั้งแต่ยุคอดีต Warsaw Pact ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2023/10/mi-24-mi-17.html)

วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2568

กรีซจะจัดหาเรือฟริเกต FREMM มือสองอิตาลี 2ลำ

Greece buys two used Italian FREMM frigates





Italy's first-of-class FREMM, Carlo Bergamini , reportedly one of two vessels of the class to be sold to Greece. (Fincantieri)

ตัวแทนจากกรมการยุทโธปกรณ์แห่งชาติอิตาลี พลเรือเอก Giacinto Ottaviani และตัวแทนของกรีซ พลตรี Ioannis Bouras ได้ลงนามข้อตกลงขั้นต้นสำหรับการส่งมอบเรือฟริเกตเอนกประสงค์ยุโรป FREMM(Fregata Europea Multi-Missione)
ที่ปัจจุบันประจำการในกองทัพเรืออิตาลี(Italian Navy, Marina Militare) ในชื่อเรือฟริเกตชั้น Bergamini(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/bergamini-fremm-f598-spartaco-schergat.html) จำนวน 2ลำแก่กองทัพเรือกรีซ(HN: Hellenic Navy)

ข้อตกลงจะถูกดำเนินการปฏิบัติผ่านรัฐวิสาหกิจการต่อเรือบริษัท Fincantieri อิตาลี และรวมชุดการสนับสนุนที่ถูกมอบให้ด้วยกันกับตัวเลือกที่จะจัดซื้อเรือฟริเกตชั้น Bergamini เพิ่มเติม 2ลำที่อยู่ในประจำการกองทัพเรืออิตาลีเช่นกัน
Fincantieri อิตาลีกล่าวในสื่อประชาสัมพันธ์ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2025 ว่าเรือฟริเกตชั้น Bergamin จำนวน 2ลำคาดว่าจะถูกทดแทนด้วยคำสั่งจัดหาใหม่ในอนาคตอันใกล้(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/constellation.html)

พิธีการลงนามสัญญาได้มีขึ้นโดยการปรากฏตนของผู้เข้าร่วมอื่นๆท่ามกลางแขกเหล่านั้นรวมถึง รัฐมนตรีกลาโหมอิตาลี Guido Crosetto และหุ้นส่วนของเขารัฐมนตรีกลาโหมกรีซ Nikos Dendias
และผู้บัญชาการกองทัพเรืออิตาลี พลเรือเอก Enrico Credendino โดยรัฐมนตรีกลาโหมกรีซ Dendias กล่าวในการแถลงต่อสื่อที่นคร La Spezia อิตาลีเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2025 ว่า

ข้อตกลงนี้ยังรวมเพิ่มเติมด้วยเรือฟริเกตชั้น FDI Belharra สร้างใหม่จากฝรั่งเศส(รู้จักในชื่อเรือฟริเกตชั้น Kimon FDI HN(Frégate de Défense et d'Intervention Hellenic Navy)) จำนวน 4ลำ(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/fdi-hn-f601-hs-kimon.html), 
การปรับปรุงความทันสมัยกองเรือฟริเกต MEKO เยอรมนี ที่จะเสริมความแข็งแกร่งขีดความสามารถต่างๆของกองทัพเรือกรีซ(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/type-214-4.html)

รัฐมนตรีกลาโหมกรีซ Dendias กล่าวว่าข้อตกลง "เปิดประตูสำหรับเราที่จะจัดหาเรือฟริเกต FREMM สองลำ เหมือนกับหนึ่งลำที่เรากำลังอยู่บนเรือลำนี้อยู่นี้ โดยมีตัวเลือกเรือเพิ่มเติมอีก 2ลำ เรือฟริเกต FREEM สองหรือสี่ลำมีอายุราว 10ปีแล้ว
ผมเชื่อว่าด้วย(แผนกลาโหม) 'Agenda 2030' เรากำลังเข้าสู้ยุคใหม่สำหรับกองทัพเรือกรีซ...เป็นการเชื่อมช่องว่างอันมหาศาลอย่างรวดเร็วที่เป็นสิ่งที่เหลือมาจากวิกฤตเศรษฐกิจอันยาวนานกว่าทศวรรษ" เขากล่าว

โครงการเรือฟริเกต FREMM สำหรับกองทัพเรืออิตาลีที่เริ่มต้นในปี 2005 ขณะนี้มีเรือที่ถูกสั่งจัดหาแล้ว 12ลำ ในรูปแบบอเนกประสงค์(GP: General-Purpose), สงครามปราบเรือดำน้ำ(ASW: Anti-Submarine Warfare) และผสมผสาน hybrid GP/ASW
เรือฟริเกต FREMM ที่เดิมจะประจำการในกองทัพเรืออิตาลี 2ลำได้ถูกขายให้แก่กองทัพเรืออียิปต์(Egyptian Navy) ในชื่อเรือฟริเกต FFG-1002 Al-Galala และเรือฟริเกต FFG-1003 Berness ในเดือนธันวาคม 2020 และเดือนเมษายน 2021 ตามลำดับครับ

วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2568

กองทัพเรือฝรั่งเศสรับมอบเรือฟริเกต FDI ลำแรก D660 Amiral Ronarc'h

French Navy receives first FDI frigate





Naval Group handed over Amiral Ronarc'h in Brest on 17 October. (Naval Group)



บริษัท Naval Group ฝรั่งเศสผู้สร้างเรือ, ระบบต่างๆ, และให้บริการต่างๆในฐานะผู้รับสัญญาหลักได้ยืนยันการส่งมอบเรือฟริเกต FDI(Frégate de défense et d'intervention, Defence and Intervention Frigate) 
ลำแรกของกองทัพเรือฝรั่งเศส(French Navy, Marine nationale) เรือฟริเกต D660 Amiral Ronarc'h การประกาศเหตุการสำคัญการส่งมอบเรือเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2025 บริษัท Naval Group กล่าวว่า

เรือฟริเกต D660 Amiral Ronarc'h ได้ถูกลงนามส่งมอบให้แก่สำนักงานจัดหากลาโหมฝรั่งเศส(DGA: Direction générale de l'armement) ใน Brest เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2025
เรือฟริเกต D660 Amiral Ronarc'h ซึ่งถูกสร้างและติดตั้งสิ่งอุปกรณ์ในอู่เรือ Lorient ของบริษัท Naval Group เป็นเรือฟริเกต FDI ลำแรกจาก 5ลำสำหรับกองทัพเรือฝรั่งเศส(https://aagth1.blogspot.com/2022/11/naval-group-fdi-d660-amiral-ronarch.html)

ถูกออกแบบเพื่อทยอยทดแทนเรือฟริเกตชั้น La Fayette จำนวน 5ลำของกองทัพเรือฝรั่งเศส เรือฟริเกตชั้น Amiral Ronarc'h ใหม่มีจุดประสงค์ที่จะทำให้กองทัพเรือฝรั่งเศสสามารถที่จะบรรลุผลการมีเรือฟริเกตชั้นหนึ่งจำนวน 15ลำภายในปี 2030
นอกจากนี้จะเป็นการมอบเรือฟริเกตพหุภารกิจขนาดปานกลางกะทัดรัดแก่กองทัพเรือฝรั่่งเศส เพื่อเสริมต่อเรือฟริเกตสงครามต่อต้านทางอากาศ(AAW: Anti-Air Warfare) เรือฟริเกตชั้น Horizon จำนวน 2ลำ

และเรือฟริเกต FREMM(Fregate Europeenne Multi-Mission) เรือฟริเกตชั้น Aquitaine จำนวน 8ลำ แบบเรือฟริเกต FDI มีวัตถุประสงค์ที่จะจัดตั้งเป็นองค์ประกอบหลักของผลงานเรือรบส่งออกของ Naval Group ฝรั่งเศส

เรือฟริเกต FDI มีระวางขับน้ำที่ประมาณ 4,500tons ออกแบบตัวเรือโดยนำหัวเรือแบบ 'กลับด้าน' ใหม่มาใช้เพื่อเพิ่มความทนทะเล(seakeeping), สะพานเดินเรือสงครามอสมมาตร(asymmetric warfare bridge)
เพื่อประสานงานการป้องกันตนเองของพื้นที่ใกล้เรือ(near-field ship self-defence), และ block เสากระโดงเรือบูรณาการระบบบัญชาการ/ตรวจจับที่เรียกว่า Panoramic Sensors and Intelligence Module(PSIM)

เรือฟริเกต FDI  ติดตั้งระบบขับเคลื่อนเครื่องยนต์ดีเซลรูปแบบ CODAD(Combined Diesel and Diesel) เพื่อมอบความเร็วสูงสุดที่ 27knots และมีระยะปฏิบัติการได้ไกลถึง 5,000nmi ที่ความเร็วมัธยัสถ์ 13knots และมีระยะเวลาปฏิบัติการ 45วัน
การติดตั้งระบบอาวุธรวมถึง ปืนเรือ Leonardo 76/62 Super Rapid, อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ MBDA Aster 15/30 ในแท่นยิงแนวดิ่ง(VLS: Vertical Launching System) แบบ Sylver A50 จำนวน 8ท่อยิงสองชุดรวม 16ท่อยิง ที่ติดตั้งในส่วนหน้าของเรือ,

อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำ(ASM: Anti-Ship Missile) แบบ MBDA MM40 Block 3C Exocet จำนวน 8นัด, แท่นยิงปืนกล remote(RWS: Remote Weapon Station) แบบ Nexter Narwhal ขนาด 20mm สองแท่นยิง และ torpedo เบาปราบเรือดำน้ำ EuroTorp MU90 
โรงเก็บอากาศยานของเรือถูกออกแบบสำหรับการปฏิบัติการและสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทางทะเล NHI NH90 Caïman และระบบอากาศยานไร้คนขับ(UAS: Unmanned Aircraft System) ขึ้นลงทางดิ่ง(VTOL: Vertical Take-off and Landing) แบบ Airbus VSR700 ครับ