วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2561

มาเลเซียพิจารณาเครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเลใหม่ทั้งแบบมีคนขับและไร้คนขับ

Malaysia considers mix of manned, unmanned aircraft for maritime surveillance requirements
Leonardo’s ATR 72MP, seen here at LIMA 2017 in Langkawi. It is one of several aircraft types being considered for Malaysia’s maritime patrol requirements. Source: IHS Markit/Ridzwan Rahmat
https://www.janes.com/article/82310/malaysia-considers-mix-of-manned-unmanned-aircraft-for-maritime-surveillance-requirements

รัฐบาลมาเลเซียกำลังพิจารณาเครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเลใหม่ทั้งในรูปแบบอากาศยานมีคนขับและอากาศยานไร้คนขับ(UAV: Unmanned Aerial Vehicle) ใช้งานผสมกันเพื่อเติมเต็มความต้องการการลาดตระเวนทางทะเลของประเทศ
ในการตอบคำถามจากสมาชิกสภาจาก Mersing ที่อยู่ในความรับผิดชอบของรัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย Mohamad Sabu ที่ได้ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลชุดใหม่หลังการเลือกตั้งเดือนพฤษภาคม 2018 ว่าจะให้เกียรติต่อแผนที่ได้รับการจัดทำโดยรัฐบาลชุดก่อนหน้า

โดยแผนเหล่านี้ได้ร่วมถึงโครงการจัดหาเครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเลใหม่(MPA: Maritime Patrol Aircraft) สำหรับกองทัพอากาศมาเลเซีย(RMAF: Royal Malaysian Air Force, TUDM: Tentera Udara Diraja Malaysia)
อย่างไรก็ตามรัฐบาลมาเลเซียชุดปัจจุบันได้ทำการเปรียบเทียบราคาระหว่าระบบอากาศยานมีคนขับและอากาศยานไร้คนขับ และอาจประเมินค่าตัดสินใจที่จะใช้งานในทั้งสอบรูปแบบเพื่อเติมเต็มความต้องการการตรวจการณ์ทางทะเลของประเทศ

รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซียไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆเกี่ยวแบบอากาศยานและอุปกรณ์ที่นำมาเปรียบเทียบ "เมื่อเราไป(งานแสดงการบินที่) Farnborough เราได้รับการเสนอเทคโนโลยีใหม่ที่หลากหลาย
แต่เราจะต้องเปรียบเทียบสิ่งเหล่านี้ด้วยแบบของความชำนาญที่เรามีในมาเลเซียเพื่อให้เห็นว่าสิ่งใดจะให้ความคุ้มค่ากว่ากัน" รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย Mohamad Sabu กล่าวในสำเนาบันทึกขั้นตอนการดำเนินการประชุมรัฐสภามาเลเซีย(Hansard)ที่ได้รับเมื่อ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา

"เราจำเป็นต้องมีทั้งเครื่องบินตรวจการณ์(แบบมีคนขับ) และ UAV การผสมผสานร่วมกันทั้งสองระบบเป็นความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สุดเพื่อการตรวจการณ์ในทะเลจีนใต้และช่องแคบมะละกา"
รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย Mohamad Sabu ย้ำ เขาเน้นเป็นพิเศษต่อช่องแคบมะละกาว่าเป็นช่องทางการค้าที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับประเทศ

ในเดือนธันวาคม 2017 หัวหน้าฝ่ายเสนาธิการกองบัญชาการทางอากาศภาคที่1 กองทัพอากาศมาเลเซีย พลอากาศจัตตวา Yazid Bin Arshad ได้เปิดเผยว่า
กองทัพอากาศมาเลเซียได้จัดทำรายชื่อเครื่องบินสี่แบบสำหรับการพิจารณาตามความต้องการจัดหาเครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเลใหม่(http://aagth1.blogspot.com/2017/12/blog-post_22.html)

โดยเครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเลใหม่สี่แบบที่อยู่ในรายการพิจารณาประกอบด้วย Airbus C-295 สเปน, Leonardo ATR 72MP อิตาลี, Boeing P-8 Poseidon สหรัฐฯ และ CN-235
ซึ่งสำหรับ CN-235 นั้นเป็นไปได้ว่าจะจัดหามาจากเครื่องที่สร้างโดย PT Dirgantara รัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมอากาศยานของอินโดนีเซียที่ Bandung ครับ

วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2561

กองทัพเรือฟิลิปปินส์ทดสอบยิงอาวุธปล่อยนำวิถี Spike ER ในทะเล

Philippine Navy completes sea acceptance test of Spike ER missile system
The Typhoon MLS-ER system for Spike-ER missiles, seen here on one of the Philippine Navy’s Mk III MPAC. Source: Philippine Navy
https://www.janes.com/article/82289/philippine-navy-completes-sea-acceptance-test-of-spike-er-missile-system


ตัวแทนจากบริษัท Rafael Defense Systems อิสราเอล และกองทัพเรือฟิลิปปินส์(PN: Philippine Navy) ได้ดำเนินการทดลองในทะเลของระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้น Spike Extended Range (ER)
โดยประสบความสำเร็จในการทดสอบยิงจากเรือเร็วโจมตีเอนกประสงค์ Multipurpose Attack Craft(MPAC) ของกองทัพเรือฟิลิปปินส์

การทดสองได้ดำเนินการเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม นอกคาบสมุทร Bataan และทำการยิงอาวุธปล่อยนำวิถี Spike ER หนึ่งนัดต่อเป้าหมายที่จอดลอยในทะเลไว้ห่างออกไป 6km ตามที่เจ้าหน้าที่กองประชาสัมพันธ์กองทัพเรือฟิลิปปินส์กล่าว
ด้วยการทดสอบนี้ทำให้ขณะนี้กองทัพเรือฟิลิปปินส์ได้รับการติดตั้งขีดความสามารถด้านอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือน้ำกับเรือผิวน้ำของตนเป็นครั้งแรกอย่างทางการ

กองทัพเรือฟิลิปปินส์มีเรือเร็วโจมตี MPAC ประจำการ 9ลำ เรือมีระวางขับน้ำ 19tons ความยาวเรือ 16.5m ติดตั้งเครื่องยนต์ Caterpillar C32 สหรัฐฯ 2เครื่อง ระบบขับเคลื่อน Hamilton waterjets นิวซีแลนด์ สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 45knots
ที่ 3ลำแรกออกแบบสร้างโดยบริษัท Lung Teh Shipbuilding Co. Ltd. ไต้หวัน ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับเรือเร็ว Combat Boat 90 สวีเดน ในฐานะส่วนหนึ่งของหน่วยกองรบชายฝั่ง(Littoral Combat Force Unit) กองทัพเรือฟิลิปปินส์

เรือเร็วโจมตี MPAC ชุด 3ลำหลังล่าสุดซึ่งถูกเรียกว่า MPAC Mk III โดยเจ้าหน้าที่กองทัพเรือฟิลิปปินส์ ซึ่งสร้างโดยบริษัท Propmech Corp ฟิลิปปินส์ที่ได้สร้างเรือเร็วโจมตี MPAC Mk II จำนวน 3ลำในประเทศก่อนหน้า
เรือเร็วโจมตี MPAC Mk III 3ลำล่าสุดนี้ได้รับการติดตั้งแท่นยิง Typhoon MLS ER และป้อมปืน Remote แบบ Mini Typhoon ขนาด 12.7mm ของ Rafael อิสราเอล

แท่นยิง Typhoon MLS ER ที่รวมกล้องเล็งยิง electro-optical และระบบควบคุมการยิง สามารถจะทำงานได้ทั้งในแบบยิงแล้วลืม(fire-and-forget), การยิง, การตรวจการณ์, การปรับข้อมูล หรือยิงแล้วควคุมการหัวเลี้ยว(fire-and-steer)
ซึ่งรูปแบบการยิงแบบหลักสุดสามารถทำให้ทำการยิงอาวุธปล่อยนำวิถี Spike ER จากแท่นยิงได้โดยไม่ต้องจับ lock เป้าหมายก่อนล่วงหน้า

อาวุธปล่อยนำวิถี Spike ER มีระยะยิงหวังผล 8km และแท่นยิง Typhoon MLS ER สามารถติดตั้งจรวดได้สูงสุด 4นัด นอกจากการดำเนินการต่อเป้าหมายผิวน้ำแล้ว
แท่นยิง Typhoon MLS ER ยังสามารถที่ระบบตรวจจับที่ติดตั้งในฐานะระบบตรวจการณ์ทั้งกลางวัน-กลางคืน สำหรับปฏิบัติการลาดตระเวนทางทะเลตามวงรอบด้วยครับ

วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ระบบป้องกันภัยทางอากาศ Tor-E2 รัสเซียจะสามารถเชื่อมต่อกับระบบมาตรฐาน NATO ได้

Russia's air defense system Tor-E2 can be interfaced with NATO air defense standards
Tor anti-aircraft missile system/Anton Novoderezhkin/TASS
Russia will soon offer its foreign customers the newest air defense system Tor-E2 which can be integrated with NATO standards-based air defenses
http://tass.com/defense/1016681

ในเร็วๆนี้รัสเซียจะเสนอลูกค้าต่างประเทศของตนด้วยระบบป้องกันภัยทางอากาศอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ Tor-E2 รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งสามารถจะบูรณาการเข้ากับระบบป้องกันภัยทางอากาศมาตรฐาน NATO ได้
Rosoboronexport หน่วยงานจัดการส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซีย(ที่มี Rostec กลุ่มอุตสาหกรรมความมั่นคงรัสเซียในเครือ) กล่าวกับสื่อเมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา

"ความเป็นไปได้ของการเชื่อมต่อ Tor-E2 กับระบบป้องกันภัยทางอากาศใดๆที่มีอยู่ รวมถึงกลุ่มระบบที่มีพื้นฐานตามมาตรฐาน NATO จะเป็นการขยายศัยภาพในการส่งออกของมันได้เป็นอย่างมาก
ชุดยิงที่ประกอบด้วยรถฐานยิงอัตตาจร 4คัน จะถูกขึ้นตรงกับศูนย์บัญการที่รับผิดชอบการควบคุมและประสานงานรถรบ Tor และการติดต่อของพวกมันกับระบบควบคุมระบบป้องกันภัยทางอากาศของลูกค้า" Rosoboronexport กล่าว

Tor-E2 ถูกพัฒนาและผลิตโดยบริษัทด้านความมั่นคงทางอากาศและอวกาศรัสเซีย Almaz-Antey ได้คงรักษาคุณสมบัติที่ดีสุดที่ระบบตระกูล Tor มี
และระบบยังได้กลายเป็นอาวุธที่ทรงพลังอย่างมากที่สามารถมอบการป้องกันจากการโจมตีทางอากาศสมัยใหม่ในรูปแบบใดๆก็ตาม

"มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ลูกค้าต่างประเทศจำนวนมากจากหลายๆภาคส่วนจากทั่วโลกได้แสดงความสนใจมัน มันมีขีดความสามารถการรบเป็นเอกลักษณ์ และมีคุณสมบัติทางเทคนิคที่เหนือกว่าบรรดาระบบแบบเดียวกันใดๆในตลาด
ในแง่ของความคล่องแคล่วการเคลื่อนที่และระยะเวลาปฏิบัติการมันไม่มีระบบใดเทียบเท่า Rosoboronexport กำลังเตรียมการพิจารณาการร้องขอสำหรับระบบเหล่านี้จากหุ้นส่วนของมัน" Alexander Mikheyev ผู้อำนวยการบริหาร Rosoboronexport กล่าว

Tor-E2 มีขีดความสามารถในการทำลายเครื่องบิน, เฮลิคอปเตอร์, อาวุธปล่อยนำวิถีร่อน, อาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้าน Radar และอาวุธปล่อยนำวิถีแบบอื่นๆ
อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพในการทำลายล้างการโจมตีเป็นกลุ่มของอาวุธฉลาด เช่น ระเบิดนำวิถี และระเบิดนำวิถีร่อน เช่นเดียวกับอากาศยานไร้คนขับ(UAV: Unmanned Aerial Vehicle)

Tor-E2 สามารถปฏิบัติการได้ท่ามกลางการยิงที่หนาแน่นและการต่อต้านทางวิทยุ-ไฟฟ้าในทุกสภาพกาลอากาศ รถฐานแท่นยิงอัตราจรแต่ละคันติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถี 16นัด มากกว่าระบบ Tor รุ่นก่อนหน้าเป็นสองเท่า
"Rosoboronexport กำลังเตรียมที่จะแสดงข้อมูลอย่างหมดเปลือกเกี่ยวกับระบบ Tor-E2 ในงานแสดงเทคโนโลยีทางทหาร Army 2018 ที่กำลังจะถึง เราหวังที่จะเห็นความสนใจอย่างมากของแขกต่างชาติต่อผลิตภัณฑ์ระบบป้องกันภัยทางอากาศอื่นๆจาก Almaz-Antey" Mikheyev เสริมครับ

วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เครื่องบินฝึกไอพ่น JL-10H เข้าประจำการในกรมบินแรกของกองทัพเรือจีน

PLANAF’s first regiment of Hongdu JL-10H trainers enters service


China's PLANAF announced on 3 August that it commissioned its first regiment of JL-10H advanced jet trainers. (PLANAF)
https://www.janes.com/article/82229/planaf-s-first-regiment-of-hongdu-jl-10h-trainers-enters-service

กองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAN: People’s Liberation Army Navy) ได้นำเครื่องบินฝึกไอพ่นขั้นก้าวหน้า/โจมตีเบา JL-10H ที่พัฒนาสร้างโดย Hongdu Aviation Industry Group(HAIG) เข้าประจำการในกรมบินแรกของตน
ตามที่กองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีนได้ประกาศใน Web page WeChat ของตนเมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา

ชุดภาพพิธีการนำเข้าประจำการซึ่งจัดขึ้น ณ วิทยาลัยการบินอากาศนาวีกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน(People’s Liberation Army Naval Aeronautical University)
ทำให้มีข้อสังเกตุว่ากรมบินที่ได้รับมอบเครื่องบินฝึกไอพ่น JL-10H ใหม่ดังกล่าวจะได้รับเครื่องขั้นต้นจำนวน 12เครื่อง

วิทยาลัยการบินอากาศนาวีกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนที่ได้รับการจัดตั้งเมื่อปี 2017 มีตั้งใกล้เมือง Yantai ในมณฑล Shandong ใกล้ทะเลเหลือง(หรือที่รู้จักในชื่อทะเลตะวันตก)
โดยมีวัตถุประสงค์การจัดตั้งเพื่อเป็นสถาบันการฝึกศึกษาสำหรับนักบินนาวีของกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีนที่มีความต้องการการขยายขนาดกำลังพลเพิ่มขึ้น

เครื่องบินฝึกไอพ่นสองเครื่องยนต์ JL-10H ได้มีภาพปรากฎเผยแพร่ต่อสาธารณะครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน 2017 ขณะนี้จะถูกนำมาใช้เสริมกับเครื่องบินฝึกไอพ่นเครื่องยนต์เดี่ยว JL-9A/JL-9H ที่สร้างโดย Guizhou Aircraft Corporation (GAC)
ซึ่งเครื่องบินฝึกไอพ่น JL-9H ได้เข้าประจำการในกองการบินกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLANAF: People’s Liberation Army Navy Air Force) ในปี 2014(http://aagth1.blogspot.com/2016/11/ftc-2000-6-radar-stealth.html)

JL-10H เป็นรุ่นใช้งานสำหรับกองทัพเรือของเครื่องบินฝึกไอพ่นขั้นก้าวหน้า JL-10A/L-15A ที่ประจำการในกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAAF: People's Liberation Army Air Force)
ซึ่งมีความแตกต่างจากเครื่องบินฝึกไอพ่น JL-9A/JL-9H คือ JL-10H ติดตั้งเครื่องไอพ่น Turbofan สองเครื่องซึ่งเป็นไปได้ว่าจะไม่มีสันดาปท้าย(Afterburners) ขณะที่เครื่องบินขับไล่ฝึก/โจมตีเบา L-15B รุ่นใหม่มีสันดาปท้าย(http://aagth1.blogspot.com/2017/05/l-15b.html)

ทั้ง JL-9H และ JL-10H เป็นเครื่องบินฝึกที่มีห้องนักบินแบบก้าวหน้าพร้อมขีดความสามาถในการจำลองในตัวเพื่อช่วยในการฝึกเปลี่ยนแบบไปยังเครื่องบินขับไล่ยุคที่4 เช่น Chengdu J-10A, Shenyang J-11B และ Shenyang J-15 ของนักบินกองการบินกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน
แต่ทั้ง JL-9H และ JL-10H ต่างไม่ได้มีการติดตั้งตะขอเกี่ยวสำหรับใช้ในการเกี่ยวลวดหยุดอากาศยานเพื่อใช้สนับสนุนการฝึกการลงจอดบนดาดฟ้าเรือบรรทุกเครื่องบินครับ

วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ญี่ปุ่นยืนยันการพัฒนาปืนรางแม่เหล็กไฟฟ้า Railgun

Japan confirms development of electromagnetic railgun
A screenshot of a video released by Japan's MoD on 31 July showing a small-calibre developmental electromagnetic railgun along with its support and test equipment. (ATLA)
https://www.janes.com/article/82225/japan-confirms-development-of-electromagnetic-railgun


สำนักงานการจัดซื้อจัดจ้าง, เทคโนโลยี และการส่งกำลังบำรุง(ATLA: Acquisition, Technology and Logistics Agency) กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นได้เผยแพร่วิดีทัศน์เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา
แสดงถึงการพัฒนาปืนรางแม่เหล็กไฟฟ้า(EM: Electromagnetic) ขนาดลำกล้องเล็ก ประกอบกับอุปกรณ์สนับสนุนและทดสอบที่เกี่ยวข้อง

ATLA ญี่ปุ่นกล่าวในรายงานว่าได้มีการใช้วงเงิน 1 billion Yen($9 million) จากปีงบประมาณ 2016 ถึงปีงบประมาณ 2021 เพื่อเป็นทุนวิจัยและดำเนินการพัฒนาระบบอาวุธปืนรางแม่เหล็กไฟฟ้า EM Railgun
"นี่เป็นครั้งแรกที่ ATLA (ได้เผยแพร่)วิดีทัศน์ประชาสัมพันธ์บน Internet แสดงถึงชุดภาพของอุปกรณ์ทดสอบที่ถูกใช้สำหรับการพัฒนาปืนรางแม่เหล็กไฟฟ้า" เจ้าหน้าที่ของ ATLA กล่าวกับ Jane's เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่ ATLA ญี่ปุ่นยังเสริมว่าขณะนี้ญี่ปุ่นกำลังทำงานกับต้นแบบปืนรางแม่เหล็กไฟฟ้าอยู่ โดยวิดีทัศน์ดังกล่าวนี้ได้ถูกแสดงครั้งแรกในปี 2017
ในงานแสดงทางกลาโหม Defense Technology Symposium 2017 ที่จัดขึ้นโดย ATLA ระหว่างวันที่ 10-11 พฤศจิกายน 2017 ณ Tokyo ญี่ปุ่น

ในวิดีทัศน์ ATLA ญี่ปุ่นอ้างว่าระบบปืนรางแม่เหล็กไฟฟ้าถ้าได้รับพลังงานไฟฟ้าถึงเกิน 2 MA(mega-amperes) ในทางทฤษฎีจะสามารถยิงกระสุนหนัก 10kg ได้ที่ความเร็ว 2,000m/s
นี่ไม่เพียงแต่จะเพิ่มพิสัยการยิงเท่านั้นแต่ยังจะเพิ่มความแม่นยำขึ้นด้วย ATLA ญี่ปุ่นสริม

วิดีทัศน์ได้แสดงถึงการวิจัยพัฒนาระบบเครื่องกำเนิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า Electromagnetic Pulse(EMP) ของ ATLA ญี่ปุ่นซึ่งสามารถนำไปใช้ในการหยุดการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าได้
เป็นที่ทราบมาก่อนหน้านี้ว่ากองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น(JMSDF: Japan Maritime Self-Defense Force) มีความสนใจที่จะนำปืนรางแม่เหล็กไฟฟ้า Railgun มาติดตั้งกับเรือพิฆาตของตนในอนาคตครับ

วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Saab สวีเดนจะปรับปรุงระบบบัญชาการและควบคุมทางอากาศกองทัพอากาศไทย

Saab to Upgrade Royal Thai Air Force Air Command and Control System
Saab has received an order from the Royal Thai Air Force to upgrade Thailand’s national Air Command and Control System which is based on Saab’s 9AIR C4I.
https://saabgroup.com/media/news-press/news/2018-08/saab-to-upgrade-royal-thai-air-force-air-command-and-control-system/




Saab Gripen C/D 701 Squadron, Wing 7, Royal Thai Air Force in exercise Pitch Black 2018 at Australia(https://www.facebook.com/AviationSpottersOnline/posts/964715060375467)


บริษัท Saab สวีเดนได้รับการสั่งจัดหาจากกองทัพอากาศไทย(Royal Thai Air Force) เพื่อการปรับปรุงระบบบัญชาการและควบคุมทางอากาศ(ACCS: Air Command and Control System) ของชาติไทย
ซึ่งระบบ ACCS ของกองทัพอากาศไทยมีพื้นฐานจากระบบ Saab 9AIR C4I และได้ถูกนำมาใช้ปฏิบัติการโดยกองทัพอากาศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๕๓(2010)

ระบบบัญชาการและควบคุมทางอากาศเป็นส่วนแกนหลักของขีดความสามารถการเชื่อมโยงเครือข่าย(network centric) การป้องกันภัยทางอากาศของกองทัพอากาศไทย
ซึ่งยังรวมถึงเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐ Saab Gripen C/D ฝูงบิน๗๐๑ กองบิน๗ สุราษฎร์ธานี, เครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือน๑ บ.ค.๑ Saab 340B Erieye ฝูงบิน๗๐๒ กองบิน๗ และเครือข่ายทางยุทธวิธี(tactical data links)

ข้อเสนอการปรับปรุงของ Saab สวีเดนสำหรับระบบของกองทัพอากาศไทยได้ถูกรับเลือกผ่านขั้นตอนการประเมินค่าและการสาธิตที่ครอบคลุม
ที่ Saab สามารถสร้างความมั่นใจได้ว่าระบบจะยังคงปฏิบัติการได้เต็มอัตรา มีประสิทธิภาพ และได้รับการพิสูจน์ถึงอนาคต

"การสั่งจัดหานี้ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์ 9AIR C4I ระบบบัญชาการและควบคุมทางอากาศ ACCS ที่ก้าวหน้าของเราได้มอบส่วนสำคัญของระบบป้องกันภัยทางอากาศขององทัพอากาศไทย"
Anders Carp รองประธานอาวุโสและหัวหน้าภาคพื้นที่ธุรกิจและการตรวจการณ์ของ Saab กล่าว

การปรับปรุงระบบ ACCS ของกองทัพอากาศไทยประกอบด้วยส่วนอุปกรณ์และชุดคำสั่งใหม่ที่จะดำรง, เพิ่มพูน และขยายขีดความสามารถทั่วประเทศของระบบสำหรับการปฏิบัติการในอนาคต
การดำเนินงานได้มีขึ้นที่ภาคส่วนของบริษัท Saab ใน Järfälla สวีเดน และสัญญาจะดำเนินการไปจนถึงปี พ.ศ.๒๕๖๓(2020)

9AIR C4I เป็นระบบบัญชาการและควบคุมการปฏิบัติการยุทธวิธีทางอากาศของ Saab สวีเดน ที่ส่งมอบการหยั่งรู้สถานการณ์, การควบคุมอาวุธ, ระบบตรวจจับ และการสื่อสารที่สมบูรณ์
โดยเป็นส่วนหนึ่งของระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบบูรณาการของกองทัพอากาศไทยซึ่งรวมอยู่ในชุดโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Gripen C/D ที่ยังมีแผนจะปรับปรุงทั้ง ๑๑เครื่องด้วยชุดคำสั่งมาตรฐาน MS20 ครับ(http://aagth1.blogspot.com/2018/02/gripen-cd-ms20-software.html)

กองทัพอากาศมาเลเซียจะลดแบบอากาศยานลงตามแผนการปรับโครงสร้าง

Malaysia reduces aircraft types in air force transformation roadmap
A Royal Malaysian Air Force Airbus A400M transport aircraft, seen here at Langkawi in 2017. Source: IHS Markit/Ridzwan Rahmat
https://www.janes.com/article/82245/malaysia-reduces-aircraft-types-in-air-force-transformation-roadmap

https://www.facebook.com/PortalTUDM/

จำนวนแบบของอากาศยานที่จะถูกใช้ปฏิบัติการโดยกองทัพอากาศมาเลเซีย(RMAF: Royal Malaysian Air Force, TUDM: Tentera Udara Diraja Malaysia) จะถูกลดลง
ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในระยะยาวที่มุ่งเป้าไปยังการดำรงขีดความสามารถในการปฏิบัติการของกองทัพอากาศมาเลเซียจนถึงปี 2055

รายละเอียดของโครงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างซึ่งได้ถูกอ้างอิงในชื่อ 'Capability 55' หรือ 'CAP55' ในเอกสารทางการได้ถูกเปิดเผยในภาพ infographic ที่เผยแพร่โดยกองทัพอากาศมาเลเซียผ่านช่องทางสื่อสังคม Online เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา
"CAP55 จะทำให้เรามีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการบริหารสิ่งอุปกรณ์, การนำไปใช้ในการปฏิบัติการ และจะทำให้มีความได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่กว่าต่อประเทศ" สื่อประชาสัมพันธ์ที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้กล่าว โครงการ CAP55 จะเริ่มต้นในปลายปี 2018 และดำเนินการไปจนถึงปี 2055

ฝูงบินขับไล่ของกองทัพอากาศมาเลเซียประกอบด้วยเครื่องบินขับไล่รัสเซียสองแบบคือ Sukhoi Su-30MKM(NATO กำหนดรหัส Flanker-H) 18เครื่อง และ MiG-29N(NATO กำหนดรหัส Fulcrum-A) 10เครื่อง และเครื่องบินขับไล่ Boeing F/A-18D สหรัฐฯ 8เครื่อง
แม้ว่าเครื่องบินขับไล่ MiG-29N ทุกเครื่องขณะนี้กำลังถูกงดบิน และเครื่องบินขับไล่ Su-30MKM จะมีสภาพทำการบินได้เพียง 4เครื่อง(http://aagth1.blogspot.com/2018/08/su-30mkm-4-mig-29n.html) ทำให้ F/A-18D เป็นเครื่องบินขับไล่แบบเดียวที่มีความพร้อมรบสูงสุด

กองทัพอากาศมาเลเซียยังประจำการด้วยเครื่องบินฝึกไอพ่นสองที่นั่ง BAE Systems Hawk Mk 108/เครื่องบินโจมตีไอพ่นที่นั่งเดียว Hawk Mk 208 สหราชอาณาจักร
และเครื่องบินฝึกไอพ่น Aermacchi MB-339 อิตาลี ซึ่งเครื่องบินไอพ่นความเร็วต่ำกว่าเสียงทั้งสามแบบถูกใช้ในภารกิจโจมตีเบาและการฝึกนักบินขับไล่พร้อมรบ

ในฐานะส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างจะมีการปรับลดเครื่องบินรบลงให้เหลือเพียงสองแบบคือ เครื่องบินรบพหุภารกิจ MRCA(Multirole Combat Aircraft)(http://aagth1.blogspot.com/2017/07/mrca.html, http://aagth1.blogspot.com/2017/12/blog-post_22.html)
และเครื่องบินรบเบา/เครื่องบินขับไล่ฝึก LCA/FLIT(Light Combat Aircraft/Fighter Lead-In Trainer)(http://aagth1.blogspot.com/2018/04/jf-17.html, http://aagth1.blogspot.com/2018/01/t-50th_11.html)

เครื่องบินขับไล่ในโครงการ MRCA จะถูกจัดวางกำลังประจำการในสองฝูงบิน ขณะที่เครื่องบินโจมตีเบา/เครื่องบินขับไล่ฝึกในโครงการ LCA/FLIT จะถูกวางกำลังประจำการในสามฝูงบิน
ฝูงบินอากาศยานปีกหมุนของกองทัพอากาศมาเลเซียที่ปัจจุบันประกอบด้วยเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป Airbus Helicopters EC 725 ฝรั่งเศส และ Sikorsky S-61A Nuri สหรัฐฯ จะยังถูกลดให้เหลือ ฮ.แบบเดียวที่จะประจำการในสองฝูงบิน

ขณะเดียวกันฝูงบินลำเลียงของกองทัพอากาศมาเลเซียจะถูกลดแบบอากาศยานลงเหลือสองแบบคือ เครื่องบินลำเลียงทางยุทธศาสตร์/เครื่องบินเติมเชื้อเพลิงทางอากาศพหุภารกิจ(MRTT: Multirole Tanker Transport) หนึ่งฝูงบิน และเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีสองฝูงบิน
โดยปัจจุบันกองทัพอากาศมาเลเซียมีเครื่องบินลำเลียงทางยุทธศาสตร์ Airbus A400M สเปน 4เครื่อง, เครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธี Lockheed C-130H สหรัฐฯ 10เครื่อง และ CASA CN-235 สเปน 7เครื่อง และเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงทางอากาศ KC-130H สหรัฐฯ 4เครื่อง

การปรับปรุงโครงสร้างเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของกองทัพอากาศมาเลเซียยังรวมถึงโครงการจัดหาอากาศยานแบบใหม่ประกอบด้วย เครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเล(MPA: Maritime Patrol Aircraft) หนึ่งฝูงบิน
อากาศยานรบไร้คนขับเพดานบินปานกลางระยะทำการนาน(MALE UCAV:Medium-Altitude Long-Endurance Unmanned Combat Aerial Vehicle) หนึ่งฝูงบิน และเครื่องบินแจ้งเตือนและควบคุมทางอากา(AEW&C: Airborne Early Warning and Control) หนึ่งฝูงบินครับ

วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ฟิลิปปินส์กับรัสเซียกำลังพิจารณาข้อตกลงเรื่องเรือดำน้ำชั้น Kilo

Philippine, Russian navies consider submarine agreement
The Russian-made Kilo-class submarine is regarded as a possible procurement for the Philippine Navy under its ‘second horizon’ modernisation programme. Source: Russian MoD
https://www.janes.com/article/82217/philippine-russian-navies-consider-submarine-agreement

กองทัพเรือฟิลิปปินส์(PN: Philippine Navy) และกองทัพเรือรัสเซีย(Russian Navy,VMF) กำลังหารือในกรอบของข้อตกลงเพื่อขยายความร่วมมือในด้านเรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้า ตามที่สื่อของรัฐบาลฟิลิปปินส์รายงาน
สำนักข่าว Philippine News Agency(PNA) รายงานเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมาว่าล่าสุดกองทัพเรือทั้งสองประเทศได้หารือร่างบันทึกความเข้าใจ(MOU: Memorandum of Understanding) ซึ่งรัสเซียมองที่จะให้เรือดำน้ำของตนตรงความต้องการจัดหาขีดความสามารถใต้น้ำของฟิลิปปินส์

ตามการอ้างโดยโฆษกกองทัพเรือฟิลิปปินส์ นาวาโท Jonathan Zata กล่าวว่าฟิลิปปินส์กำลังมองไปที่รัสเซียในฐานะ "แหล่งที่มาซึ่งเป็นไปได้" ของเรือดำน้ำ
และนั่นขึ้นกับ MOU ที่น่าจะทำให้รัสเซียสามารถส่งมอบการฝึกเรือดำน้ำให้กองทัพเรือฟิลิปปินส์เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการทางทหาร, การบำรุงรักษา และการดำรงสภาพ

เจ้าหน้าที่กองทัพเรือฟิลิปปินส์ยังได้ถูกเชิญโดยอู่ต่อเรือของรัสเซียเพื่อสังเกตการณ์โครงการสร้างเรือดำน้ำ โฆษกกองทัพเรือฟิลิปปินส์กล่าว
ในปลายเดือนกรกฎาคม 2018 กระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์ได้ยืนยันความเห็นต่อสำนักข่าว PNA ว่าขณะนี้ได้มีการดำเนินการ "วิจัยตลาดและศึกษาหลักนิยม" ในการสนับสนุนโครงการจัดหาเรือดำน้ำของกองทัพเรือฟิลิปปินส์

ในเดือนมิถุนายนประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ Rodrigo Duterte กล่าวว่าเขาได้อนุมัติให้กองทัพเรือฟิลิปปินส์เร่งโครงการจัดหาเรือดำน้ำเพื่อมีขีดความสามารถการโจมตี, ลาดตระเวน, และตรวจการณ์ใต้น้ำ
การจัดหามีกำหนดการก่อนหน้านี้สำหรับช่วงปี 2023-2027 ภายใต้แผนปรับปรุงความทันสมัยกองทัพฟิลิปปินส์ third horizon แต่ขณะนี้ได้ถูกปรับย้ายขึ้นมาในแผน second horizon ช่วงปี 2018-2022

เจ้าหน้าที่กองทัพเรือฟิลิปปินส์ได้บอกกับ Jane's ก่อหน้านี้ว่า กองทัพเรือฟิลิปปินส์จะจัดหาเรือดำน้ำอย่างน้อย 2ลำและโครงการจัดหานี้ได้ริเริ่มในปี 2015 ตามที่มีการออกเอกสารขอข้อมูล(RFI: Request for Information) ขั้นต้น
กองทัพเรือฟิลิปปินส์ยังได้จัดตั้งสำนักโครงการเรือดำน้ำที่เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการวางแผนในการตรวจสอบการออกแบบเรือดำน้ำร่วมสมัยและร่างภาพแนวคิดของการปฏิบัติการ

เรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้าโจมตีชั้น Project 636 Varshavyanka(NATO กำหนดรหัส Improved Kilo) รัสเซียถูกพิจารณาว่าเป็นตัวเลือกที่เป็นไปได้สำหรับกองทัพเรือฟิลิปปินส์ภายใต้โครงการปรับปรุงความทันสมัยกองทัพ second horizon
ในกลุ่มชาติ ASEAN รัสเซียได้ประสบความสำเร็จในการส่งออกเรือดำน้ำชั้น Project 636.1 แก่กองทัพเรือประชาชนเวียดนาม(Vietnam People's Navy) โดยส่งมอบครบจำนวน 6ลำในปี 2017 ครับ(http://aagth1.blogspot.com/2017/01/5-5-kilo-6.html)

กองทัพอากาศสหรัฐฯจะเลือกหนึ่งในสองผู้แข่งขันเครื่องบินโจมตีเบา Light Attack Experiment

The light attack aircraft competition will be down to two competitors
An AT-6 experimental aircraft is prepared for takeoff from Holloman Air Force Base. The AT-6 is participating in the Air Force's Light Attack Experiment, a series of trials to determine the feasibility of using light aircraft in attack roles. (Ethan D. Wagner/Air Force)
https://www.defensenews.com/air/2018/08/06/the-light-attack-aircraft-competition-will-be-down-to-two-competitors/

กองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force) กำลังที่จะเตรียมการเริ่มต้นการจัดหาเครื่องบินโจมตีเบาแบบใหม่ภายในปีหน้า และผู้ชนะโครงการจะมีเพียงหนึ่งแบบคือเครื่องบินโจมตีใบพัด Textron Beechcraft AT-6 Wolverine หรือ Sierra Nevada Corporation/Embraer A-29 Super Tucano
ตามเอกสารก่อนการเชิญชวน(pre-solicitation) ที่เผยแพร่ลงใน FedBizOpps เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา กองทัพอากาศสหรัฐฯจะออกเอกสารขอข้อเสนอ(RFP: Request for Proposal) สุดท้ายต่อผู้แข่งขันสองรายในเดือนธันวาคม 2018 โดยหวังว่าจะประกาศสัญญาในสิ้นเดือนกันยายน 2019

อย่างไรก็ตามโฆษกของกองทัพอากาศสหรัฐฯ Ann Stefanek กล่าวกับ Defense News เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมาว่าบรรดาผู้นำของกองทัพอากาศสหรัฐฯยังไม่ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะเปิดไฟเขียวให้โครงการนี้หรือไม่
ที่ควรจะเป็นนั้นเอกสารก่อนการเชิญชวนจะทำให้มั่นใจได้ว่ากองทัพอากาศสหรัฐฯจะสามารถเดินหน้าได้รวดเร็วตามที่ต้องการเพื่อการจัดหาอากาศยานใหม่ได้ในที่สุด เธอกล่าว

ถ้าโครงการจัดหานี้เดินหน้าไปได้ ปรากฎว่ากองทัพอากาศสหรัฐฯจะมีผู้แข่งขันจำกัดเพียงเครื่องบินโจมตีเบาสองแบบที่ปัจจุบันอยู่ในโครงการ Light Attack Experiment(http://aagth1.blogspot.com/2018/07/light-attack-experiment.html)
เอกสารก่อนการเชิญชวนประกาศว่าบริษัท Sierra Nevada Corporation(SNC) และ Textron Aviation "เป็นเพียงสองรายที่ดูมีขีดความสามารถที่จำเป็นตอบสนองความต้องการภายใต้กรอบเวลาของกองทัพอากาศโดยปราศจากความล่าช้าที่ไม่สามารถยอมรับได้ที่ตรงความจำเป็นของเครื่องบินรบ"

การตัดสินใจของกองทัพอากาศสหรัฐฯที่จะพิจารณาเพียงเครื่องบินโจมตีใบพัด A-29 บราซิล และ AT-6 สหรัฐฯได้มีเค้าลางโดยเจ้าหน้าที่เช่น พลอากาศโท Arnold Bunch ที่เป็นเจ้าหน้าที่จัดซื้อจัดจ้างระดับสูง
ผู้ซึ่งรายงานแถลงว่ากองทัพอากาศสหรัฐฯน่าจะมีผู้แข่งขันโครงการจัดหาเครื่องบินโจมตีเบาจำกัดเพียงผู้เข้าร่วมสองรายเท่านั้น

"ตลอดเส้นทางที่เราไปถึงจุดที่เราส่งคำเชิญเข่าร่วมโครงการและเรามีเพียงสองรายที่เกณฑ์ความต้องการทั้งหมดที่เรามองหา เราได้ดำเนินการทดลองกับเครื่องเหล่านี้และพวกมันมีสมรรถนะดีพอที่เราจะทำในขั้นต่อไป
และพวกมันเป็นเพียงเครื่องบินสองแบบที่เราจะเชิญใน(สำหรับขั้นที่สอง) ดังนั้นถึงจุดเดี๋ยวนี้ผมกำลังเห็นมันในฐานะการแข่งขันระหว่าเครื่องบินสองแบบ" พล.อ.ท. Bunch กล่าวเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามยังมีความมุ่งมั่นถึงความเป็นไปได้ของผู้เข้าแข่งขันรายอื่นที่ได้ไม่ได้เข้าร่วมโครงการทดลองขั้นที่สอง เช่น เครื่องบินโจมตีใบพัด AT-802L Longsword ที่สร้างโดยบริษัท L3 Technologies และบริษัท Air Tractor สหรัฐฯ
หรือบริษัทต่างประเทศ เช่น Aero Vodochody F/A-259 Striker(L-159) สาธารณรัฐเช็ก(http://aagth1.blogspot.com/2018/07/fa-259-l-39ng.html) และ Paramount Group Bronco II แอฟริกาใต้ ซึ่งหวังที่จะให้กองทัพอากาศสหรัฐฯเปิดการแข่งขันอย่างเต็มรูปแบบ

เจ้าหน้าที่กองทัพอากาศสหรัฐฯมีความชื่นชอบในการจัดหาเครื่องบินโจมตีเบาใหม่ที่เชื่อว่าเป็นการลงทุนที่ราคาถูก การจัดหาเครื่องบินที่มีขายในตลาดพร้อมแล้วจะลดค่าใช้จ่ายลงในระยะยาว
อีกทั้งเครื่องบินโจมตีเบานี้สามารถที่จะบรรลุภารกิจระดับล่างได้โดยมีค่าใช้จ่ายการบินต่อชั่วโมงที่ต่ำกว่า ถ้าเทียบกับเครื่องบินขับไล่ยุคที่4 และเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 ที่ปัจจุบันปฏิบัติการในตะวันออกกลาง

"เราต้องพัฒนาขีดความสามารถในการต่อสู้กับพวกหัวรุนแรงสุดโต่งที่ราคาต่ำกว่า กองทัพอากาศทุกวันที่มีขนาดเล็กกว่าความจำเป็นของชาติ และเครื่องบินโจมตีเบาเสนอทางเลือกที่จะเพิ่มขีดความสามารถของกองทัพอากาศนอกเหนือจากที่เรามีในคลังอาวุธหรืองบประมาณของเราตอนนี้" รัฐมนตรีทบวงกองทัพอากาศ Heather Wilson กล่าวในการแถลงเมื่อบ่ายวันที่ 6 สิงหาคม
ผู้นำกองทัพอากาศสหรัฐฯยังหวังอีกว่าการลงนามจัดซื้อเครื่องบินโจมตีเบาจะมีประเทศอื่นกำลังต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายที่อาจจะเข้าร่วมการจัดซื้อกับกองทัพอากาศสหรัฐฯด้วย ราคาต่อเครื่องที่ต่ำสำหรับลูกค้าทุกรายและง่ายสำหรับกองทัพแต่ละประเทศในการสร้างความร่วมมือระหว่างกองกำลังผสมในภารกิจร่วม

"มันสำคัญที่จะมองที่เครื่องบินโจมตีเบาตามเลนส์ของเหล่าพันธมิตรและหุ้นส่วน เครื่องบินโจมตีเบาที่มีความเข้ากันได้จะส่งมอบสถาปัตยกรรมร่วมพื้นฐานและขีดความสามารถเครือข่ายแบ่งปันข่าวกรอง จะขยายขีดความสามารถในการแข่งขันของเราและเอาชนะได้ในทุกภาคส่วน" ผู้บัญชาการกองทัพอากาศสหรัฐฯ พลอากาศเอก Dave Goldfein กล่าวในการแถลง
การออกเอกสารก่อนการเชิญชวนมีตามการสรุปผลของการทดลองขั้นสุดท้ายระหว่างเครื่องบินโจมตีใบพัด AT-6 และ A-29 ที่ทั้งสองเครื่องได้ทำการบินสาธิตในหลายชุด ณ ฐานทัพอากาศ Holloman มลรัฐ New Mixico เมื่อเดือนพฤษภาคม 2018

อย่างไรก็ตามอุบัติเหตุตกของเครื่องบินโจมตีเบา A-29 Super Tucano เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2018 นักบินกองทัพเรือสหรัฐฯ(USN: US Navy) เสียชีวิตหนึ่งนาย และนักบินอีกหนึ่งนายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ทำให้กองทัพอากาศสหรัฐฯยกเลิกแผนการบินทดสอบที่เหลือทั้งหมด
โฆษกกองทัพอากาศสหรัฐฯกล่าวว่าตอนนั้นได้มีการเสร็จสิ้นการทดสอบการบินต่างๆไปแล้วราวร้อยละ90ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ จากนั้น Textron และ SNC ได้ส่งข้อมูลการซ่อมบำรุงเพิ่มเติมให้กองทัพอากาศสหรัฐฯ

Michael Rambo ผู้อำนวยการฝ่ายขายกลาโหมของ Textron กล่าวว่าบริษัทได้ส่งมอบข้อมูลที่ต้องการส่วนใหญ่เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคนและรอที่จะได้ยินว่ามันจะทำให้มีการสนับสนุนใดๆที่กองทัพอากาศดำเนินการทดสอบเพิ่มเติมของระบบเครือข่ายซึ่งจะให้เครื่องบินโจมตีเบาควรเดินหน้าต่อได้
"เครื่องบินที่เรามีที่นั้นได้ประสบความสำเร็จอย่างมากในการสาธิตขีดความสามารถของเครือข่ายบางอย่าง ดังนั้นตามที่กองทัพอากาศเดินหน้าที่จะปรับแต่งมัน เรารอพร้อมที่จะช่วยเหลือพวกเขาในการปรับแต่งนั้น" เขากล่าวครับ

วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ฝรั่งเศสจะเปลี่ยนชิ้นส่วนจากสหรัฐฯในอาวุธปล่อยนำวิถีร่อน SCALP สำหรับเครื่องบินขับไล่ Rafale อียิปต์

France could replace US parts in SCALP missile to circumvent ITAR restrictions for Egypt, but at some delay
The SCALP land-attack cruise missile seen in a non-operational orange colour scheme as part of a wider Rafale weapons package. US parts in the missile have triggered ITAR restrictions on it being sold to Egypt. Source: IHS Markit/Patrick Allen
https://www.janes.com/article/82147/france-could-replace-us-parts-in-scalp-missile-to-circumvent-itar-restrictions-for-egypt-but-at-some-delay

อียิปต์ยังสามารถที่จะได้รับมอบอาวุธปล่อยนำวิถีร่อนอากาศสู่พื้น MBDA SCALP สำหรับติดตั้งใช้กับเครื่องบินขับไล่ Dassault Rafale ของตนจากฝรั่งเศสได้
ถ้าอียิปต์เต็มใจที่จะยอมรับความล่าช้าขณะที่จะมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนประกอบที่ผลิตในสหรัฐฯด้วยชิ้นส่วนของฝรั่งเศสแทน

การตอบคำถามเรื่องการส่งออกอาวุธในสมัชชาแห่งชาติ(สภาผู้แทนราษฎร)ฝรั่งเศส รัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศส นาง Florence Parly กล่าวว่า การตัดสินใจโดยสหรัฐฯที่ใช้ข้อตกลงระเบียบการขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ระหว่างประเทศ(ITAR: International Traffic in Arms Regulations)
เพื่อระงับการขายอาวุธปล่อยนำวิถีร่อนทางอากาศโจมตีภาคพื้นดินแก่อียิปต์สามารถที่จะหลบเหลี่ยงได้ถ้าใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตภายในฝรั่งเศสแทน แต่เรื่องนี้นั้นจะต้องใช้เวลา

"ในกรณีนี้เราไม่สามารถที่จะยกการคัดค้านของสหรัฐฯเพื่อการขายอาวุธปล่อยนำวิถี SCALP (แก่อียิปต์)ได้ สิ่งเดียวที่เราทำได้สำหรับบริษัท MBDA คือให้การสร้างการลงทุนบางอย่างในการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้สามารถผลิตชิ้นส่วนที่เหมือนกันที่จะไม่ถูกครอบคลุมโดย ITAR"
รัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศส Parly กล่าวระหว่างวาระการประชุมสมัชชาแห่งชาติฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งสำเนาบันทึกการประชุมเพิ่มจะมีการเผยแพร่เมื่อเร็วๆนี้

"เราสามารถทำเรื่องนี้สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีร่อน SCALP/เครื่องบินขับไล่ Rafale ของอียิปต์ ตราบเท่าที่อาวุธปล่อยนำวิถีใหม่จะสามารถสร้างขึ้นมาได้ด้วยความล่าช้าอย่างมาเหตุผล แม้ว่าลูกค้าอาจมองว่าความล่าช้านี้นานเกินไปสักหน่อย"
รัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศส Parly เสริมโดยปราศจากการระบุถึงความยาวนานของระยะเวลาที่จะมีความล่าช้า

ตามการเน้นโดยรัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศส Parly ในความรับผิดชอบของเธอ ปัญหาของระเบียบ ITAR ไม่เพียงจะมีผลกับการขายอาวุธปล่อยนำวิถีร่อน SCALP ให้อียิปต์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเครื่องบินขับไล่ Rafale ที่จะติดตั้งจรวดด้วย
กองทัพอากาศอียิปต์(EAF: Egyptian Air Force) มองที่จะเพิ่มจำนวนเครื่องบินขับไล่ Rafale ที่จัดหาจากฝรั่งเศสแล้ว 24เครื่องเพิ่มอีก 12เครื่อง ซึ่งเครื่องที่จะจัดหาเพิ่มเติมนี้สามารถติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีร่อน SCALP ได้

ตามรายงานรัฐบาลอียิปต์จะไม่ลงนามสัญญาจัดหาเครื่องบินขับไล่ Rafale ชุดใหม่จากฝรั่งเศสจนกว่าจะรวมการส่งมอบอาวุธปล่อยนำวิถีร่อน SCALP ให้ด้วย
อียิปต์เป็นลูกค้าส่งออกต่างประเทศรายแรกของเครื่องบินขับไล่ Rafale ฝรั่งเศส ตามด้วยอินเดียที่ลงนามจัดหา 36เครื่อง(http://aagth1.blogspot.com/2016/09/rafale-36.html) และกาตาร์ที่สั่งจัดหา 36เครื่องครับ(http://aagth1.blogspot.com/2017/12/rafale-12.html)