วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ศรชล. กองทัพเรือไทยและตำรวจน้ำไทย ร่วมการฝึกผสม SEACAT 2021 กับกองทัพเรือสหรัฐฯ

PHUKET, Thailand (Aug. 14, 2021) U.S. Navy and Thailand Maritime Enforcement Command Center (Thai MECC) personnel practice maritime tactics, techniques and procedures during Southeast Asia Cooperation and Training (SEACAT) exercise, Aug. 15, 2021. 
In its 20th year, SEACAT is a multilateral exercise designed to enhance cooperation among 21 participating Southeast Asian countries and provide mutual support and a common goal to address crises, contingencies, and illegal activities in the maritime domain in support of a free and open Indo-Pacific. (U.S. Navy photo courtesy of Thailand Maritime Enforcement Command Center)








Training to stop the bad guys 
US Navy and Thailand Maritime Enforcement Command Center personnel practice maritime tactics, techniques & procedures during Southeast Asia Cooperation and Training exercise.

Indo-Pacific forces from 21 partner nations kick off 20th SEACAT Exercise

ศรชล.ร่วมการฝึกผสม SEACATกับทร.สหรัฐครั้งแรก

วันนี้ (11 สิงหาคม 2564) พลเรือตรี ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) เปิดเผยว่า ศรชล. และ กองทัพเรือสหรัฐอเมริกาได้จัดให้มี การฝึกผสม   SEA – CAT (South East Asia Cooperation in Anti Terrorism at Sea) ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยมีลักษณะการฝึก เป็นการฝึกค้นหา สกัดกั้น และฝึกตรวจค้นเรือต้องสงสัยที่แสดงการขัดขืน (Non - Compliant Boarding) การฝึกอบรมการตรวจค้นเรือต้องสงสัย และการสังเกตการณ์บนเรือ / อากาศยาน ของ กองทัพเรือสหรัฐฯ 

การฝึกผสม SEACAT เป็นการฝึกผสมทางเรือในลักษณะพหุภาคี ระหว่าง กองทัพเรือ ในภูมิภาคอาเซียน และ กองทัพเรือสหรัฐฯ มีวัตถุประสงค์การฝึกฯ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการรักษาความมั่นคงทางทะเล มุ่งเน้นการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดในทะเล 
ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายภายในของแต่ละประเทศ  ซึ่งทาง กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้ทำการฝึกผสม SEACAT ร่วมกับกองทัพเรือไทย มาตั้งแต่ปี 2544 โดยปีนี้เป็นครั้งแรกที่ กองทัพเรือสหรัฐได้ทำการฝึกร่วมกับ ศรชล.ในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน 
ซึ่งทาง ศรชล.ได้มอบหมายให้ พลเรือโท เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3/ ผอ.ศรชล.ภาค 3 เป็นผู้จัดการฝึก การฝึกผสม SEACAT 2021 โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 - 20 สิงหาคม 2564 
ซึ่งเป็นการฝึกตามกรอบความร่วมมือเรื่องความมั่นคงทางทะเลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมกับสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นการขยายกรอบความร่วมมือในการป้องกันการกระทำผิดกฎหมายในทะเล 
เช่น การกระทำอันเป็นโจรสลัด การลักลอบค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การลำเลียงสินค้าสองวัตถุประสงค์ ฯลฯ เพื่อให้เกิดแนวทางในการประสานงานขององค์กรที่รับผิดชอบความมั่นคง การรักษากฎหมาย ไม่ใช่การซ้อมรบ ซึ่งแตกต่างจากการฝึกทางทหารอื่นๆ 

เดิมทีจะมีการปฏิบัติการฝึก 3 ส่วนหลักๆ ประกอบด้วย การอบรมความรู้ให้กับเจ้าหน้าที่/การสัมมนาเรื่อง Maritim domain Awaness ของหน่วยงานความมั่นคงทางทะเล ผ่านระบบออนไลน์ / การฝึกแก้ปัญหาที่บังคับการ (CPX) และการฝึกปฏิบัติการในทะเล (FTX) 
แต่เนื่องจากในปีนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้ประเทศไทยปรับการฝึก โดยยกเลิกการฝึกปฏิบัติการในทะเลฯ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ 
กับได้ขอให้ทางสหรัฐฯ เพิ่มการฝึกอบรมในเรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการกู้ชีพ ฉุกเฉิน การส่งกลับสายแพทย์ทางทะเล/ ทางอากาศ ยุทธวิธีเรือเล็กในการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การตรวจค้นในทะเล 
การวางแผนปฏิบัติการสำหรับการตรวจค้นและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล ซึ่งการฝึกอบรมดังกล่าว จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ ในการปฏิบัติงาน และสัมพันธ์กับความรับผิดชอบหลัก ที่ ศรชล. ได้รับมอบหมายให้สนับสนุนจังหวัดต่างๆ 
ในการสกัดกั้นการแพร่ระบาดฯ และการให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชน รองรับนโยบายของรัฐบาลในการเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยว ตามโครงการ Phuket Sandbox และที่กำลังจะเกิดขึ้นและขยายเป็น Andaman Sandbox ในอนาคต 

การดำเนินการตามที่กล่าวมานั้น อยู่บนพื้นฐานและคำนึงถึง มาตราการการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้รวมถึงการขออนุญาตและกำกับ ดูแลให้กำลังพลที่เข้าร่วมการฝึก ปฏิบัติตามมาตราการของรัฐบาล และ จังหวัดภูเก็ต ไม่มีข้อยกเว้น 
โดยกำลังพลที่เข้ารับการฝึกเป็น เจ้าหน้าที่ ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบทั้ง 2 เข็ม มีการตรวจหาเชื้อแบบ RTPCR ก่อนและหลังการฝึก ในห้วงการฝึกต้องปฏิบัติตาม มาตราการ D-M-H-T-T-A โดยเคร่งครัด 
สำหรับเจ้าหน้าที่ของ สหรัฐฯ เป็นผู้เชี่ยวชาญจาก  Special Boat Team ของ กองทัพเรือสหรัฐฯ   ซึ่งมีความรู้ความสามารถและเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในเรื่องการปฐมพยาบาลและการส่งกลับสายแพทย์ฉุกเฉินทางทะเล 

โฆษก ศรชล. กล่าวว่า "ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นว่าเราจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และเราทำหน้าที่ในการระงับยับยั้ง ป้องกัน ไม่ให้เกิดการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ 
กับมุ่งเสริมสร้างขีดความสามารถให้กับ เจ้าหน้าที่ ในการให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ที่เป็นเจ้าของทะเลของไทย ให้มีความปลอดภัย ประกอบกิจการงานของท่านได้อย่างมั่นใจ"

การฝึกผสม SEACAT(Southeast Asia Cooperation and Training) 2021 ที่จัดระหว่างขึ้นวันที่ ๑๐-๒๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๔(2021) โดยมี ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ศรชล.(TMECC: Thailand Maritime Enforcement Command Center) ของฝ่ายไทยเข้าร่วม
ประกอบกำลังจากหน่วยต่างๆ เช่น กองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy) และตำรวจน้ำ สำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย(Marine Police, RTP: Royal Thai Police) กับกองทัพเรือสหรัฐฯ(USN: US Navy) เป็นส่วนหนึ่งการฝึกขนาดใหญ่ร่วมกับมิตรประเทศในเอเชียใต้และเอเชียแปซิฟิก
โดย ๒๑ประเทศที่เข้าร่วมการฝึกประกอบด้วย ออสเตรเลีย, บังคลาเทศ, บรูไน, แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, มัลดีฟส์, นิวซีแลนด์, ฟิลิปปินส์, สาธารณรัฐเกาหลี, สิงคโปร์, ศรีลังกา, ไทย, ติมอร์-เลสเต, สหราชอาณาจักร, สหรัฐฯ และเวียดนาม

การฝึกผสม SEACAT 2021 ครั้งล่าสุดนี้นับเป็นการฝึกครั้งที่นับเป็นการฝึกครั้งที่๒๐ แล้ว โดยกำลังพลจากกองทัพเรือสหรัฐฯมากว่า ๔๐๐นาย ที่ทำการฝึกในประเทศต่างตลอดภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ซึ่งมีศูนย์กลางการฝึกหลักในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สิงคโปร์รวมถึง
เรือ Littoral Combat Ship(LCS) ชั้น  Independence เรือ LCS-16 USS Tulsa, กองเรือพิฆาตที่7(DESRON 7: Destroyer Squadron 7), เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล P-8A Poseidon หมู่เรือเฉพาะกิจ Task Force 72, 73, 76 กองเรือที่7(US 7th Fleet), กองเรือแปซิฟิก(US Pacific Fleet)
อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของ Covid-19 การฝึกผสม SEACAT 2021 จึงมีการปรับรูปแบบการฝึกโดยมีการฝึกและการประชุมผ่านทางระบบ Online มีการตรวจคัดกรองกำลังที่เข้าร่วมการฝึก และเพิ่มหัวข้อการฝึกใหม่ๆให้เหมาะสมกับสถานการณ์

การฝึกผสม SEACAT 2021 เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลระหว่าง ศรชล.ที่รวมถึงกองทัพเรือไทยกับมิตรประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐฯ ในการรักษาความปลอดภัยด้านทางทะเลซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามตรงข้ามกับการประชาสัมพันธ์การฝึกตามปกติ 
ผู้เขียนพบว่ามีสื่อไร้จรรยาบรรณที่บริหารการทำงานโดยกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อชาติ มีความพยายามที่จะนำเสนอข่าวการฝึกนี้ในแนวทางที่มีจุดประสงค์ในการโจมตีใส่ร้ายกองทัพเรือ โดยสื่อไร้จรรยาบรรณเหล่านี้ได้ใช้อิทธิพลในวงการสื่อสารและสื่อสังคม Online เขียนข่าวชี้นำผู้อ่านในแนวทางที่ว่า 
กองทัพเรือไม่นำเสนอข่าวการฝึกเพราะไม่มีนายทหารระดับสูงร่วมงาน พอมีผู้นำ Link ข่าวจากทางการเช่นกองทัพเรือสหรัฐฯไปลงกลับถูกลบ เป็นการกระทำที่สวนทางกับที่สื่อเหล่านี้ชอบพูดว่าไทยไม่มีเสรีภาพในการแสดงออก แต่ตัวเองก็สั่งปิดปากคนอื่นที่ไม่ได้มีความเห็นตรงกับตนเช่นกันครับ

วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ลิทัวเนียแสดงรถยนต์บรรทุก JLTV สหรัฐฯที่ตนจัดหาชุดแรก

Lithuania presents JLTVs





The Lithuanian Army presented its first batch of JLTVs on 17 August. (Lithuanian MND/Pliadis)





กองทัพบกลิทัวเนีย(Lithuanian Army, Lietuvos sausumos pajėgos) แสดงรถยนต์บรรทุก JLTV(Joint Light Tactical Vehicle) ชุดแรกของตนที่ Rukla เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2021 กระทรวงกลาโหมลิทัวเนียประกาศใน Website ของตนภายหลัง
กระทรวงกลาโหมลิทัวเนียกล่าวในวันเดียวกันว่าตนได้สั่งจัดหารถยนต์บรรทุก JLTV จำนวน 200คันจากรัฐบาลสหรัฐฯในปี 2019(https://aagth1.blogspot.com/2017/07/jltv.html)

การจัดหารถยนต์บรรทุก JLTV ในรูปแบบการขาย Foreign Military Sale(FMS) ของสหรัฐฯแก่ลิทัวเนียรวมถึงอุปกรณ์, อาวุธ, การฝึกบุคลากร, การจัดซื่อและการบำรุงรักษาชิ้นส่วนอะไหล่, และการติดตั้งอุปกรณ์ 
ซึ่งควบคู่ไปกับรถยนต์บรรทุก JLTV ซึ่งทั้งหมดมีกำหนดจะส่งมอบครบภายในปี 2024(https://aagth1.blogspot.com/2016/10/jltv-general-dynamics-land-systems.html)

รถยนต์บรรทุก JLTV ชุดแรกของลิทัวเนียจำนวน 50คันถูกขนส่งจากสหรัฐฯมายังลิทัวเนียผ่านเยอรมนี JLTV เหล่านี้ได้ถูกรับมอบโดยหน่วยฝึกของกองทัพลิทัวนีเนีย(Lithuanian Armed Forces, Lietuvos ginkluotosios pajėgos)
ใน Rukla และ Kazlų Rūda ลิทัวเนีย ที่ซึ่งพลขับ 12นาย และช่างเครื่อง 15นายของรถยนต์บรรทุก JLTV ได้รับการฝึกไปแล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2015/08/oshkosh-defense-jltv-hmmwv.html)

กระทรวงกลาโหมลิทัวเนียกล่าวว่ารถยนต์บรรทุก JLTV ได้ถูกส่งมอบโดยปราศจากป้อมปืน ซึ่งจะถูกติดตั้งในเร็วๆนี้ และจะติดอาวุธปืนกลหนัก M2 QCB(Quick Change Barrel) ขนาด 12.7x99mm(.50cal)
รถยนต์บรรทุก JLTV จะถูกนำเข้าประจำการในกองพลน้อยทหารราบยานเกราะ 'Iron Wolf' และกองพลน้อยทหารราบยานยนต์ Žemaitija โดยลำดับความสำคัญการถูกนำเข้าประจำการแก่กองกำลังตอบโต้เคลื่อนที่เร็วแห่งชาติ(National Rapid Reaction Force)

รองรัฐมนตรีกลาโหมลิทัวเนีย Margiris Abukevičius กล่าวว่าการจัดหา JLTV "เป็นหนึ่งในก้าวย่างที่สำคัญที่สุดในการปรับปรุงความทันสมัยของกองทัพลิทัวเนีย พวกมันจะมอบเกราะป้องกันที่ดีขึ้นของกำลังพลของเราและเพิ่มพูนปฏิบัติการข่าวกรอง, ปืนใหญ่ และการสนับสนุนทางอากาศ
JLTV ได้ถูกผลิตตามความต้องการของกองทัพลิทัวเนียสำหรับทั้งภารกิจการประกันชาติและนานาชาติ และจะยังเพิ่มการทำงานรวมกันระหว่างกองทัพลิทัวเนียและกองทัพสหรัฐฯ" 

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2564

นาวิกโยธินสหรัฐฯยิงอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ NSM จากระบบแท่นยิงอัตตาจร NMESIS ใหม่

USMC fires two Naval Strike Missiles with new mobile launcher







A Navy Marine Expeditionary Ship Interdiction System (NMESIS) launcher deploys into position aboard Pacific Missile Range Facility Barking Sands, Hawaii, on 16 August. (US Marine Corps)



The NMESIS and its Naval Strike Missiles participated in a live-fire exercise during Large-Scale Exercise 2021. (US Marine Corps)

นาวิกโยธินสหรัฐฯ(USMC: US Marine Corps) ใกล้มากขึ้นเรื่อยๆที่จะวางกำลังแนวคิดระบบต่อต้านเรือผิวน้ำสำหรับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และล่าสุดได้ทดสอบยิงอาวุธปล่อยนำวิถี 2นัดที่ยิงโดนเรือเป้าในทะเล นาวิกโยธินสหรัฐฯประกาศเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2021
ในฐานะส่วนหนึ่งของสถานการณ์ในการฝึก Large-Scale Exercise 2021 นาวิกโยธินสหรัฐฯได้ใช้ระบบขัดขวางเรือกองทัพเรือนาวิกโยธินโพ้นทะเล NMESIS(Navy Marine Expeditionary Ship Interdiction System) ใหม่ของตนเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2021
เพื่อยืนยันแนวคิดการปฏิบัติการบางอย่างของตน รวมถึงการวางกำลังจากเครื่องบินลำเลียง C-130 Hercules และยานเบาะอากาศ LCAC(Landing Craft Air Cushion)

"ระหว่างการฝึกกองกำลังส่วนหน้าต่างๆของฐานส่วนหน้าโพ้นทะเลตรวจพบ และหลังจากนั้นส่วนบัญชาการและควบคุมร่วมในความร่วมมือกับกองกำลังสหรัฐอื่นๆ ตอบสนองต่อระบบทางเรือข้าศึก
การพุ่งชนอย่างต่อเนื่องจากระบบอาวุธหลายๆชนิดหลายรูปแบบที่กระจายตัวกันออกไปจากเหล่าทัพที่แตกต่างกันของสหรัฐฯรวมถึงระบบ NMESIS โจมตีภัยคุกคามทางเรือ" นาวิกโยธินสหรัฐฯกล่าว
ตั้งแต่ที่ระบบ NMESIS ยังคงอยู่ในการพัฒนา นาวิกโยธินสหรัฐฯกล่าวว่าวิศวกรได้เป็นผู้จัดการระบบควบคุมการยิงของระบบอาวุธระหว่างการทดสอบ แต่ย้ำว่านาวิกโยธินสหรัฐฯสามารถที่จะฝึกการดำเนินกลยุทธ์ของระบบได้

นาวิกโยธินสหรัฐฯกำลังพัฒนาระบบสงครามต่อต้านเรือผิวน้ำอัตตาจรในฐานะส่วนหนึ่งของแผนออกแบบกำลังรบ Force Design 2030 ของตน(https://aagth1.blogspot.com/2020/03/m1a1-abrams.html)
ในรูปแบบปัจจุบันระบบถูกติดตั้งบนรถยนต์บรรทุก 4x4 แบบ Oshkosh Defense JLTV(Joint Lightweight Tactical Vehicle) รุ่นไร้คนขับที่เรียกว่า ROGUE Fires(Remotely Operated Ground Unit for Expeditionary)
ระบบนี้ติดตั้งแท่นยิงที่สามารถยิงอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ Naval Strike Missile(NSM) ของบริษัท Raytheon Missiles & Defense สหรัฐฯ และบริษัท Kongsberg Defence & Aerospace นอร์เวย์ ได้สองนัด

การฝึก Large-Scale Exercise 2021 ระหว่างวันที่ 3-16 สิงหาคม 2021 ในมหาสมุทรแปซิกนอกชายฝั่งมลรัฐ Hawaii ได้มีการนำเรือฟริเกต FFG-61 USS Ingraham ที่ปลดประจำการแล้วมาใช้เป็นเรือเป้าสำหรับการฝึกยิงอาวุธจมเรือ(SINKEX: Sink Exercise)
USS Ingraham เป็นเรือฟริเกตชั้น Oliver Hazard Perry ลำสุดท้ายจากที่ถูกสร้างและเคยเข้าประจำการในกองทัพเรือสหรัฐฯ(USN: US Navy) ทั้งหมด 51ลำ โดยเรือฟริเกต USS Ingraham เข้าประจำการในปี 1989 และปลดประจำการในปี 2015
อาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ NSM ยังถูกเลือกสำหรับติดตั้งกับเรือ Littoral Combat Ship(LCS) ทั้งสองชั้น(https://aagth1.blogspot.com/2018/06/nsm-lcs.html) คือชั้น Freedom และชั้น Independence ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2021/07/lcs-independence-lcs-2-uss-independence.html)

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2564

อากาศยานของอดีตกองทัพอากาศอัฟกานิสถานบินหนีออกนอกประเทศมากกว่า 40เครื่อง

Dozens of Afghan Air Force aircraft flown out of Afghanistan



An Afghan Air Force (AAF) A-29B Super Tucano light attack aircraft. 

More than 40 AAF aircraft have been flown to Uzbekistan to prevent them from falling in the hands of the Taliban after the group regain control over Afghanistan on 15 August. (USAF 438th Air Expeditionary Wing)

อากาศยานของอดีตกองทัพอากาศอัฟกานิสถาน(AAF: Afghan Air Force) มากกว่า 40เครื่องได้บินไปยังอุซเบกิสถาน เพื่อป้องกันไม่พวกมันตกอยู่ในมือกลุ่ม Taliban หลังที่ได้กลับเข้ามาควบคุมประเทศอัฟกานิสถานเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2021
การมาถึงของอากาศยานของอดีตกองทัพอากาศอัฟกานิสถาน ณ สนามบิน Termez ในตอนใต้ของอุซเบกิสถานถูกรายงานโดยสื่อท้องถิ่นเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2021

โดยภาพถ่ายดาวเทียมของสนามบิน Termez อุซเบกิสถานที่มีตามมาภายหลังยืนยันถึงการย้ายที่ตั้งของกำลังฝูงบินส่วนที่สำคัญของอดีตกองทัพอากาศอัฟกานิสถาน
ชาวอัฟกันเกือบ 600คนถูกรายงานว่าโดยสานมากับอากาศยานกองทัพอากาศอัฟกานิสถานเหล่านี้ และมองที่จะของลี้ภัยในอุซเบกิสถาน

ภาพถ่ายดาวเทียมจาก Planet Labs ปรากฎที่จะบ่งชี้ว่าเฮลิคอปเตอร์จำนวน 26เครื่อง และอากาศยานปีกตรึงขนาดเล็ก 21เครื่องอยู่ที่สนามบิน Termez เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2021 ประกอบด้วย
เครื่องบินธุรการ C-208 จำนวน 11เครื่อง, เครื่องบินโจมตีเบาใบพัด A-29B Super Tucano จำนวน 10เครื่อง รวมกับเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป Mi-17 จำนวน 16เครื่อง เฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-25 จำนวน 5เครื่อง และเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป UH-60 Black Hawk จำนวน 5เครื่อง

ภาพจากสื่อสังคม Online ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2021 ได้ปรากฎยืนยันว่ามีเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป UH-60 อย่างน้อย 3เครื่องอยู่ที่สนามบิน Termez
หนึ่งวันก่อนหน้า website ติดตามอากาศยานแหล่งข้อมูลเปิดได้บ่งชี้ว่า อากาศยานอัฟกานิสถานมากกว่า 10เครื่อง รวมถึงเครื่องบินธุรการ C-208 และเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป Mi-17 ได้ออกจากเมืองหลวง Kabul อัฟกานิสถานมุ่งสู่น่านฟ้าอุซเบกิสถาน

สื่อท้องถิ่นรายงานเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2021 ว่าเครื่องบินโจมตีเบา A-29B กองทัพอากาศอัฟกานิสถาน 1เครื่องได้ถูกยิงตกโดยกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศอุซเบกิสถาน
แม้ว่ารายงานที่ตามมาภายหลังตั้งข้อสังเกตว่าเครื่องบินโจมตีเบา A-29B อัฟกานิสถานชนกลางอากาศกับเครื่องบินขับไล่ MiG-29 กองทัพอากาศอุซเบกิสถาน โดยภาพที่เผยแพร่ทาง online แสดงให้เห็นถึงซากของเครื่องบินครับ

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เครื่องบินลำเลียง IL-112V รัสเซียไฟไหม้เครื่องยนต์ก่อนตก ลูกเรือทั้งหมดเสียชีวิต

Light military transport aircraft crashes in Moscow region — United Aircraft Corporation



Il-112V light military transport aircraft
According to preliminary reports, the aircraft caught fire on impact

Rescue work underway in Moscow Region at crash site of Ilyushin Il-112V military aircraft


The crew of Il-112V plane that crashed in Moscow Region dead

Russian Defense Ministry’s Be-200 firefighting aircraft crashes in Turkey


There were five Russian servicemen and three Turkish representatives, who were showing the locations of wildfires to the crew, aboard the aircraft



On August 13,the Il-112V military transport plane made a flight to the town of Zhukovsky near Moscow and will be unveiled to guests of the Army-2021 forum.

เครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีขนาดเบา Ilyushin IL-112V เครื่องต้นแบบเครื่องแรก ได้ประสบอุบัติเหตุตกใกล้กับสนามบิน Kubinka นอกนครหลวง Moscow ระหว่างการฝึกบิน 
United Aircraft Corporation(UAC) กลุ่มอุตสาหกรรมการบินของรัสเซีย ในเครือ Rostec รัฐวิสาหกิจกลุ่มอุตสาหกรรมความมั่นคงของรัสเซีย แถลงเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2021

"อุบัติเหตุเกิดขึ้นระหว่างการลงจอดของเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีขนาดเบา IL-112V ในพื้นที่ป่าใกล้สนามบิน Kubinka" แถลงการณ์กล่าว ตามข้อมูลจาก UAC รัสเซีย คณะกรรมาธิการพิเศษจะถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อสอบสวนสาเหตุที่เป็นไปได้ของการตก
"มีลูกเรือจำนวนสามนายบนเครื่อง ตามรายงานเบื้องต้นงานจากหลายๆแหล่ง เครื่องยนต์ด้านปีกขวาของเครื่องเกิดไฟไหม้ก่อนที่จะตก ลูกเรือทั้ง 3นายน่าจะเสียชีวิตแล้ว" แหล่งข่าวในหน่วยงานบรรเทาภัยพิบัติและสาธารณภัยฉุกเฉิน และหน่วยงานทางการแพทย์กล่าวกับ TASS

ขณะนี้งานกู้ภัยยังดำเนินการ ณ ขุดที่เครื่องบินลำเลียงเบา IL-112V รุ่นใหม่ล่าสุดของรัสเซียตก พร้อมกับลูกเรือบนเครื่องทั้ง 3นาย UAC รัสเซียกล่าวกับ TASS "เครื่องบินทำการบินหัวหน้านักบินของบริษัท Ilyushin Aircraft Company(ในเครือ UAC)
นักบินทดสอบชั้น1 และวีรบุรุษแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย Nikolai Kuimov, นักบินทดสอบชั้น1 Dmitry Komarov และวิศวกรการบินทดสอบชั้น1 Nikolai Khludeyev ชะตากรรมของลูกเรือยังไม่เป็นที่ทราบ และงานกู้ภัยกำลังดำเนินการอยู่" โฆษกของ UAC รัสเซียระบุ

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่เข้าถึงพื้นที่ระบุว่าตัวเครื่องบินถูกทำลายลงแทบทั้งหมดจากการเกิดไฟไหม้เมื่อเครื่องตกกระแทกพื้น ไม่มีประชาชนหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆได้รับผลกระทบจากการตก
"นักบินพยายามที่จะรักษาสเถียรภาพของเครื่อง และพยายามบังคับเครื่องให้ห่างจากเขตชุมชน" แหล่งข่าวในหน่วยงานบรรเทาภัยพิบัติและสาธารณภัยฉุกเฉินกล่าวกับ TASS ต่อมา UAC ได้แถลงยืนยันว่าลูกเรือทั้ง 3นายเสียชีวิต ไม่มีผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้

เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2021 UAC ประกาศว่าเครื่องบินลำเลียงเบา IL-112V ได้ทำการบินไปยังเมือง Zhukovsky ใกล้นครหลวง Moscow และจะเปิดตัวต่อแขกผู้เข้าชมงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ Army-2021 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-28 สิงหาคม 2021
"เครื่องบินลำเลียง IL-112V ใหม่เครื่องต้นแบบเครื่องทำการบินเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2021 จากสนามบินโรงงานอากาศยาน Voronezh ไปยังสนามบินของบริษัท Ilyushin ใน Zhukovsky เพื่อเข้าร่วมการประชุมทางทหารและเทคนิคนานาชาติครั้งที่7 Army-2021" UAC แถลงก่อนหน้า

อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินลำเลียง IL-112V เครื่องต้นแบบเครื่องแรกของรัสเซียนี้มีขึ้นให้หลังเพียงแค่ 3วันให้หลังจากที่เครื่องบินสะเทินน้ำสะเทินบก Beriev Be-200 กองทัพเรือรัสเซียประสบอุบัติเหตุตกที่ใกล้เมือง Adana ตุรกีเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2021
โดยรัสเซียได้ส่งเครื่องบินสะเทินน้ำสะเทินบก Be-200 ของตนไปยังตุรกีเพื่อช่วยเหลือในภารกิจดับไฟป่าครั้งใหญ่ การตกของ Be-200 ทำให้เจ้าหน้าที่บนเครื่องทั้งหมด 8นายเสียชีวิตประกอบด้วยนักบินและลูกเรือของกองทัพเรือรัสเซีย 5นาย และเจ้าหน้าที่ตุรกีบนเครื่อง 3นาย

Sergey Ganin หัวหน้านักออกแบบของ Ilyushin กล่าวกับ TASS ในปลายเดือนกรกฎาคม 2021 ว่าการทดสอบของเครื่องบินลำเลียงเบา IL-112V จะดำเนินไปตามกำหนดการ
เขาเสริมว่าเครื่องบินลำเลียง IL-112V จะทยอยทดแทนฝูงเครื่องบินลำเลียงเบาของรัสเซียที่ส่วนใหญ่ประกอบด้วยเครื่องบินลำเลียง Antonov An-26

IL-112V เป็นเครื่องบินลำเลียงทางทหารแบบแรกที่ถูกพัฒนาในรัสเซียตั้งแต่แบบร่างในหลังยุคอดีตสหภาพโซเวียต งานพัฒนาเครื่องบินได้การดำเนินการโดยบริษัท Ilyushin ตั้งแต่ปี 2014
เครื่องบินลำเลียง IL-112V มีขีดความสามารถบรรทุกสัมภาระได้ถึง 5tonnes และถูกออกแบบเพื่อลำเลียงขนส่งกำลังพล, สิ่งอุปกรณ์และอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร

โดยการใช้ชิ้นส่วนประกอบ, ระบบ และอุปกรณ์ที่ผลิตในรัสเซียทั้งหมดในการพัฒนา รัสเซียกำลังพัฒนาเครื่องบินลำเลียงเบา IL-112V เพื่อทดแทนเครื่องบินลำเลียงเครื่องยนต์ใบพัด An-26 และ An-24
เครื่องบินลำเลียงเบา IL-112V ทำการบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2019(https://aagth1.blogspot.com/2019/03/il-112v.html) และทำการบินครั้งที่สองเมื่อเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2021(https://aagth1.blogspot.com/2021/04/il-112v.html)

รัสเซียกำลังพัฒนาเครื่องบินลำเลียงเบา IL-112 ในสองรูปแบบคือสำหรับการบินพลเรือน(เครื่องบินลำเลียง IL-112T) และเครื่องบินลำเลียงทางทหาร(IL-112V)
สายการผลิตจำนวนมากของเครื่องบินลำเลียงเบา IL-112V คาดว่าจะเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2023 โดยโรงงานอากาศยาน Voronezh Aviation Enterprise จะมีขีดความสามารถในการผลิต IL-112V ถึง 12เครื่องต่อปีครับ

วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2564

มาเลเซียฝึกยิงอาวุธปล่อยนำวิถี Exocet จากเรือดำน้ำ Scorpene เรือคอร์เวตชั้น Kasturi และเรือฟริเกตชั้น Lekiu

Malaysia flexes missile capabilities of submarine, Kasturi-class corvettes in South China Sea






KD Lekir corvette launched an Exocet MM40 missile at the recently concluded Exercise ‘Taming Sari 20/21'. (Janes/Ridzwan Rahmat)





กองทัพเรือมาเลเซีย(RMN: Royal Malaysian Navy, TLDM: Tentera Laut DiRaja Malaysia) ได้ดำเนินการแสดงสาธิตที่หาโอกาสชมได้ยากของขีดความสามารถการต่อต้านเรือผิวน้ำของตนในทะเลจีนใต้ ด้วยการยิงอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ Exocet ถึง 3นัด
การฝึกยิงซึ่งประกอบด้วยการยิงอาวุธปล่อยนำวิถี Exocet ที่เป็นที่ทราบครั้งแรกของเรือคอร์เวตชั้น Kasturi(Type FS 1500) เรือคอร์เวต KD Lekir หมายเลขเรือ 26 ตั้งแต่ที่เรือเสร็จสิ้นการปรับปรุงในปี 2014 มีขึ้นในวันที่ 12 สิงหาคม 2021 ในฐานะส่วนหนึ่งของการฝึก 'Taming Sari 20/21'

เรือคอร์เวต KD Lekir และเรือฟริเกตชั้น Lekiu เรือฟริเกต KD Lekiu หมายเลขเรือ 30 แต่ละลำทำการยิงอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ Exocet MM40 Block II ลำละนัดโจมตีเป้าหมายผิวน้ำ
ขณะที่เรือดำน้ำชั้น Perdana Menteri(Scorpene) เรือดำน้ำ KD Tun Razak ทำการยิงอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ Exocet SM39 Block II ขณะที่เรือดำอยู่ใต้น้ำ(https://aagth1.blogspot.com/2018/03/34-2040.html)

"การทดสอบยิงอาวุธปล่อยนำวิถีเหล่านี้ประสบความสำเร็จ ซึ่งยิงถูกทุกเป้าหมาย เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนของความเป็นมืออาชีพ, ความสามารถ และความพร้อมของกองทัพเรือมาเลเซีย
ที่จะวางกำลังรบของเราและปกป้องประเทศ" กองทัพเรือมาเลเซียกล่าวในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ผ่านช่องทางสื่อสังคม online ทางการของตนเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2021

การฝึกทางเรือ Taming Sari 20/21 ระยะเวลา 6วันยังรวมถึงการมีส่วนร่วมของเรือและอากาศยานจากสำนักงานบังคับทางทะเลมาเลเซีย(MMEA: Malaysian Maritime Enforcement Agency, APMM: Agensi Penguatkuasaan Maritim Malaysia)
และกำลังพลมากกว่า 1,080นายจากกองทัพเรือมาเลเซีย, สำนักงานบังคับทางทะเลมาเลเซีย และกองทัพอากาศมาเลเซีย(RMAF: Royal Malaysian Air Force, TUDM: Tentera Udara Diraja Malaysia) กองทัพเรือมาเลเซียเสริม

เรือคอร์เวตชั้น Kasturi ทั้งสองลำคือเรือคอร์เวต KD Kasturi หมายเลขเรือ 25 และเรือคอร์เวต KD Lekir 26 ที่สร้างโดยเยอรมนี ระวางขับน้ำ 1,800tonne ได้ถูกนำเข้าประจำการในกองทัพเรือมาเลเซียในปี 1984
เรือทั้งสองลำได้รับการยืดอายุการใช้งาน SLEP(Ship Life Extension Programme) ที่อู่เรือ Boustead Naval Shipyard ในปี 2009 และการปรับปรุงรวมถึงระบบอำนวยการรบใหม่, ปืนใหญ่กล 30mm และระบบตรวจจับ optronic และแท่นยิง Torpedo ใหม่ครับ

เรือคอร์เวต KD Kasturi ได้ทำการฝึกยิงอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ Exocet MM40 Block II ไปก่อนหน้าแล้ว เช่นการฝึกทางเรือ Kerismas และการฝึกทางเรือ Taming Sari ในปีก่อนหน้า(https://aagth1.blogspot.com/2019/07/exocet-mm40-sea-skua.html)
การฝึกยิงอาวุธปล่อยนำวิถี Exocet รวม 3นัดจากเรือคอร์เวต, เรือฟริเกต และเรือดำน้ำของกองทัพเรือมาเลเซียในทะเลจีนใต้ มีขึ้นหลังเกิดความตึงเครียดในน่านน้ำอาณาเขตกับจีนในปลายเดือนพฤษภาคม 2021 ที่ผ่านมาครับ(https://aagth1.blogspot.com/2021/06/hawk-208.html)

วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2564

การสร้างเฮลิคอปเตอร์ Bell 360 Invictus สำหรับกองทัพบกสหรัฐฯ เสร็จไปเกินครึ่งทางแล้ว

Bell reaches midway point of 360 Invictus assembly



The Bell 360 Invictus, pictured in July, passes the halfway mark of assembly in Amarillo, Texas. (Bell)

บริษัท Bell สหรัฐฯ ได้ประกอบสร้างเฮลิคอปเตอร์ Bell 360 Invictus ของตนที่ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับโครงการอากาศยานลาดตระเวนติดอาวุธอนาคต-ต้นแบบการแข่งขัน(FARA-CP: Future Armed Reconnaissance Aircraft-Competitive Prototype) 
ของกองทัพบกสหรัฐฯ เกินร้อยละ50 แล้ว และกำลังดำเนินการติดตั้งระบบขั้นสุดท้าย ตามที่บริษัท Bell ประกาศอย่างเป็นทางการ(https://aagth1.blogspot.com/2020/10/bell-360-invictus.html)

Chris Gehler รองประธาน Bell และผู้อำนวยการโครงการเฮลิคอปเตอร์ Bell 360 Invictus กล่าวกับ Janes เมื่อ 11 สิงหาคม 2021 ว่าบริษัทได้ประกอบตัวเครื่องจากส่วนหัวจนถึงโครงสร้างลำตัวหลังแค่ด้านหน้าของส่วนหาง
แม้ว่าระบบอากาศยานหลายอย่างยังจำเป็นต้องได้รับการติดตั้ง Bell กำลังติดตั้งการเดินสายและท่อทาง hydraulic ในฐานะส่วนหนึ่งของการประกอบขั้นสุดท้ายควบคู่ไปกับระบบ hydraulic และ avionic

บริษัท Bell กำลังประกอบส่วนดุมและใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ Bell 360 Invictus แยกต่างหากจากตัวเครื่อง กลีบใบพัดประธานได้ถูกสร้างและกำลังได้รับวัดประกอบการติดตั้งแล้ว
Gehler กล่าวว่าชิ้นส่วนต่างๆเหล่านี้จะถูกขนส่งไปยังโรงงานอากาศยานของ Bell ใน Amarillo มลรัฐ Texas สำหรับการติดตั้งดุมแกนใบพัดประธาน

Bell ได้นำส่วนประกอบของ ฮ.Bell 360 Invictus เข้าสู่ห้องทดลองทดสอบระบบขับเคลื่อนสำหรับการประเมินค่า ชิ้นส่วนเหล่านี้รวมถึงชุด gear box หลายแบบที่จะถูกใช้กับเครื่อง อย่างเช่นชุด gear box ใบพัดประธาน และ gear box ใบพัดหาง
Gehler กล่าวว่า gear box ใบพัดประธานได้ผ่านแบบแผนการพัฒนาแล้ว และเริ่มต้นที่จะไปสู่การทดสอบ ที่ Bell จะทำงานที่ ฮ.360 Invictus ที่คาดไว้ทั้งหมดและที่ระบบพลังงานสูงกว่า

สิ่งนี้จะเป็นที่พึ่งพอใจของต่อเจ้าหน้าที่อนุมัติความสมควรเดินอากาศ ที่ชุด gear และ gear box สามารถอยู่ได้นานในสถานการณ์แรงบิดเกินอัตราได้ Gehler เสริมว่า Bell ยังใช้กระบวนการทดสอบ gearbox นี้กับอากาศยานใบพัดกระดก V-280 Valor 
ที่ตนกำลังพัฒนาสำหรับโครงการอากาศยานจู่โจมระยะไกลอนาคต(FLRAA: Future Long-Range Assault Aircraft) ของกองทัพบกสหรัฐฯครับ(https://aagth1.blogspot.com/2019/05/bell-v-280-valor.html)

ในโครงการ FARA เฮลิคอปเตอร์ Bell 360 Invictus จะทำการแข่งขันกับเฮลิคอปเตอร์ Sikorsky Raider X ของบริษัท Sikosky ในเครือบริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯ(https://aagth1.blogspot.com/2020/03/bell-sikorsky-fara.html
โดยกองทัพบกสหรัฐฯต้องการอากาศยานปีกหมุนลาดตระเวนและโจมตีเบาเพื่อทดแทนเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวน Bell OH-58D Kiowa Warrior ที่ปลดประจำการในปี 2017 ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2017/09/oh-58d-kiowa-warrior.html