วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

สิงคโปร์จะทดแทนเรือคอร์เวตชั้น Victory ด้วยเรือ MRCV และเรืออู่ยกพลขึ้นบกชั้น Endurance ด้วยเรือ JMMS

Singapore to replace Victory-class missile corvettes with Multi-Role Combat Vessels
The Victory-class corvette, RSS Valiant. The class will reach the end of its operational life in 2025. Source: Singapore MINDEF
http://www.janes.com/article/81474/singapore-to-replace-victory-class-missile-corvettes-with-multi-role-combat-vessels

Singapore to replace Endurance class with Joint Multi Mission Ship after 2020
A Republic of Singapore Navy Endurance-class ship, RSS Endurance. The class will be replaced by the JMMS after 2020. Source: Singapore Armed Forces
http://www.janes.com/article/81429/singapore-to-replace-endurance-class-with-joint-multi-mission-ship-after-2020

กองทัพเรือสิงคโปร์(RSN: Republic of Singapore Navy) จะปลดประจำการเรือคอร์เวตชั้น Victory ทั้ง 6ลำ และจะทดแทนด้วยเรือรบแบบใหม่ที่เรียกว่า Multi-Role Combat Vessel(MRCV)
เรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยโดยรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ Ng Eng Hen ในการประชุมร่วมกับสื่อที่จัดขึ้นในวันกองทัพสิงคโปร์(SAF: Singapore Armed Forces) เมื่อ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา

เรือลำแรกของชั้นคือ RSS Victory หมายเลขเรือ 88 เข้าประจำการในปี 1990 และปัจจุบันประจำการในกองเรือที่188(188 Squadron) กองทัพเรือสิงคโปร์
เรือคอร์เวตชั้น Victory มีความยาวตัวเรือ 62m ทำความเร็วได้สูงสุด 35knots มีพิสัยทำการปกติที่ 2,000nmi ที่ความเร็วมัธยัสถ์ 22knots

เรือคอร์เวตชั้น Victory แต่ละลำติดตั้งปืนใหญ่เรือ OTO Melara 76mm/62 อิตาลี ในตำแหน่งหลักที่หัวเรือ และท่อ Torpedo เบาปราบเรือดำน้ำแบบ A244/S Mod 1 อิตาลี ขนาด 324mm ในท่อยิงแฝดสาม 6ท่อยิง
รวมถึงยังติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ McDonnell Douglas RGM-84 Harpoon สหรัฐฯ และอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ Israel Aerospace Industries/RAFAEL Barak I อิสราเอล

เรือคอร์เวตชั้น Victory ได้เข้ารับโครงการยืดอายุการใช้งาน(SLEP: Service-Life Extension Programme) ในช่วงปี 2009-2014 และได้รับการขยายเพิ่มขีดความสามารถที่รวมการติดตั้ง Radar แบบ Saab Sea Giraffe AMB(Agile Multiple Beam) สวีเดน
ปรับปรุงระบบอำนวยการรบเพิ่มเติม และระบบส่งและเก็บกู้กลับคืนสำหรับอากาศยานไร้คนขับ(UAV: Unmanned Aerial Vehicle) แบบ Boeing ScanEagle สหรัฐฯ

เรือคอร์เวตชั้น Victory ซึ่งปกติถูกวางกำลังในการตรวจการณ์ทางทะเลในช่องแคบ Malacca และทะเลจีนใต้ จะใกล้หมดอายุการใช้งานในปี 2025 ขณะเดียวกันเรือ MRCV ซึ่งจะถูกนำเข้าประจำการหลังปี 2020 จะเป็นที่เข้าใจว่าจะถูกใช้เป็น "เรือแม่" สำหรับปฏิบัติการของหลายระบบไร้คนขับ
ทั้ง UAV, ยานผิวน้ำไร้คนขับ(USV: Unmanned Surface Vehicle) และยานใต้น้ำไร้คนขับ(UUV: Unmanned Underwater Vehicle) ตามที่รัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์กล่าว

ในการแข่งขันเพื่อขยายขีดความสามารถด้านการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมระดับนานาชาติของกองทัพสิงคโปร์ กองทัพเรือสิงคโปร์จะปลดประจำการเรืออู่ยกพลขึ้นบก(LPD: Landing Platform Dock) ชั้น Endurance หลังปี 2020
และเรืออู่ยกพลขึ้นบกชั้น Endurance ทั้ง 4ลำจะถูกทดแทนด้วยเรือยกพลขึ้นบกแบบใหม่ที่เรียกว่า Joint Multi Mission Ship(JMMS)

เรือ LPD ชั้น Endurance ซึ่งถูกเรียดกำหนดแบบว่าเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่(LST: Landing Ship Tank) ซึ่งทั้ง 4ลำประจำการในกองเรือที่191(191 Squadron) กองทัพเรือสิงคโปร์ ถูกนำเข้าประจำการในช่วงเดือนมีนาคม 1998-กุมภาพันธ์ 2000
และปกติส่งไปวางกำลังสนับสนุนสำหรับการฝึกนักเรียนนายเรือภาคทะเล(MSTD: Midshipman Sea Training Deployment) ของกองทัพเรือสิงคโปร์

เรือ LPD ชั้น Endurance ยังเคยถูกนำไปวางกำลังสนับสนุนปฏิบัติการช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมระดับนานาชาติหลายเหตุการณ์ เช่น ภัยพิบัติทสึนามิมหาสมุทรอินเดียวปี 2004 และภารกิจค้นหาเครื่องบินโดยสารสายการบิน AirAsia เที่ยวบิน QZ 8501 ในเดือนธันวาคม 2014
รวมถึงยังเป็นพื้นฐานของแบบเรืออู่ยกพลขึ้นบก ร.ล.อ่างทอง(LPD-791 HTMS Angthong) กองทัพเรือไทย(Royal Thai Navy) ที่เข้าประจำการในเดือนเมษายน 2012 โดยมีการปรับปรุงที่แตกต่างจากชั้น Endurance ในหลายจุด

เรืออู่ยกพลขึ้นบกชั้น Endurance มีความยาวตัวเรือ 141m ทำความเร็วได้สูงสุด 15knots มีพิสัยทำการปกติที่ 10,400nmi ที่ความเร็วมัธยัสถ์ 12knots มีโรงเก็บและลานจอดเฮลิคอปเตอร์รองรับเฮลิคอปเตอร์ Super Puma ได้ 2เครื่อง
แต่ละลำติดตั้งปืนใหญ่เรือ Otobreda 76 mm/62 Super Rapid ที่หัวเรือ และปืนใหญ่กล Bushmaster 25mm 2กระบอกที่กราบซ้ายและกราบขวาใกล้แต่ละปีกของสะพานเดินเรือ

ขณะที่แผนการทดแทนเรือ LPD ชั้น Endurance ด้วยเรือ JMMS ได้รับการเปิดเผยครั้งแรกโดยรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ Ng เมื่อเดือนมีนาคม 2014 ระหว่างการประชุมของรัฐสภาสิงคโปร์
เรือยกพลขึ้นบก JMMS ใหม่จะขยายขีดความสามารถของสิงคโปร์ในการประสานงานร่วมในปฏิบัติการบรรเทาภัยพิบัติในระดับภูมิภาค และทำงานร่วมกับหุ้นส่วนนานาชาติในวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมครับ