แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ MiG-29K แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ MiG-29K แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

รัสเซียอาจจะละทิ้งการซ่อมเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov

Russia may abandon refit of Admiral Kuznetsov



The Russian aircraft carrier, Admiral Kuznetsov, is seen in a photograph released by the Russian Ministry of Defence on 24 January 2017. (Russian Ministry of Defence)




Admiral Kuznetsov aircraft carrier at Murmansk, Kola Peninsula. (Massimo Frantarelli)

ตามรายงานโดยหนังสือพิมพ์รัสเซีย Izvestia งานที่กำลังดำเนินอยู่เกี่ยวกับการซ่อมปรับปรุงคืนสภาพใหม่(refurbishment) และการปรับปรุงความทันสมัยของเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov ของกองทัพเรือรัสเซีย(RFN: Russian Federation Navy) ได้ถูกระงับมาระยะหนึ่งแล้ว
ตัวแทนจากกองทัพเรือรัสเซียและ United Shipbuilding Corporation(USC) กลุ่มรัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมการสร้างเรือของรัสเซียจะตัดสินใจในเร็วๆนี้ว่าการเดินหน้าทำงานต่อมีความคุ้มค่าพอหรือไม่

ตั้งแต่ที่กลับจากการวางกำลังปฏิบัติการครั้งสุดท้ายของตนในเดือนกุมภาพันธ์ 2017 เรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov ได้ถูกจอดที่คาบสมุทร Kola Peninsula ในรัสเซีย(https://aagth1.blogspot.com/2020/02/blog-post_24.html)
ครั้งแรกที่อู่ซ่อมเรือหมายเลข28(No 82 Ship Repair Yard) ของ USC รัสเซียใกล้ Roslyakovo และจากนั้นที่โรงงานซ่อมเรือ35(35th Ship Repair Plant) ที่ Rosta(https://aagth1.blogspot.com/2017/02/admiral-kuznetsov.html) และล่าสุดในปี 2025 ที่ท่าเรือใน Murmansk

งบประมาณระยะแรกเป็นวงเงินประมาณ $800 million ได้รับการจัดสรรเพื่อซ่อมทำใหญ่(overhaul) ระบบตรวจจับต่างๆ, ระบบอาวุธป้องกันตัว, และระบบภารกิจต่างๆของเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov
อย่างไรก็ตามในเดือนตุลาคม 2017 รายงานต่างๆบ่งชี้ว่างบประมาณส่วนนี้ได้ถูกลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง และการซ่อมบำรุงเล็ก(refit) นั้นได้ถูกเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับการปรับปรุงใหม่(renovating) ของสิ่งอำนวยความสะดวกและแหล่งกำเนิดพลังงานของเรือแทน

การเสร็จสิ้นงานซ่อมบำรุงเล็กนี้เดิมมีกำหนดในปี 2021 แต่แทบจะทันทีที่เริ่มต้นงานก็ประสบปัญหาต่างๆมากมาย(https://aagth1.blogspot.com/2020/05/admiral-kuznetsov-2022.html)
การขาดแคลนอู่แห้ง(graving dock) ที่มีขนาดเพียงพอจะรองรับ USC รัสเซียถูกบังคับให้ใช้งานอู่ลอย PD-50 ซึ่งเป็นอู่แห้งลอยแบบเดียวที่สามารถรองรับเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov ได้

ต่อมาในเดือนตุลาคม 2018 อู่ลอย PD-50 ได้จมลงขณะที่เรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov อยู่ภายในอู่ลอย(https://aagth1.blogspot.com/2018/10/admiral-kuznetsov.html
และขณะที่ตัวเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov ถูกรักษาไว้ได้แต่เรือก็ได้รับความเสียหายบางส่วนจากการที่ดาดฟ้าเรือถูกแขนยก crane ของอู่ลอยถล่มลงมาใส่(https://aagth1.blogspot.com/2018/11/admiral-kuznetsov.html)

หายนะได้เกิดขึ้นกับเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov อีกครั้งในเดือนธันวาคม 2019 เมื่อเกิดไฟไหม้ขึ้นบนเรือ นำไปสู่การเสียชีวิตของคนงานอย่างน้อย 2ราย(https://aagth1.blogspot.com/2019/12/admiral-kuznetsov.html) จนถึงตอนนี้กำหนดการส่งมอบเรือได้ถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆ
กองทัพเรือรัสเซียกำลังประสบปัญหาความล่าช้าต่อทั้งการซ่อมและสร้างเรือขนาดใหญ่จากข้อจำกัดของอู่ต่อเรือที่ส่วนใหญ่จะเป็นอู่เรือสำหรับเรือขนาดเล็ก รวมถึงการขาดแคลนงบประมาณที่มีผลจากสงครามกับยูเครนที่ยืดเยื้อตั้งแต่ปี 2022 ครับ

วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2568

อินเดียลงนามสัญญาจัดหาเครื่องบินขับไล่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน Rafale M ฝรั่งเศส 26เครื่อง

India signs contract to procure Rafale M fighter aircraft





The India Navy's initial contract for the Rafale M naval fighter aircraft covers the acquisition of 22 single-seat and four twin-seat aircraft. (Dassault)



รัฐบาลอินเดียได้ลงนามข้อตกลงกับรัฐบาลฝรั่งเศสที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน Dassault Rafale M จำนวน 26เครื่องสำหรับกองทัพเรืออินเดีย(IN: Indian Navy)
ข้อตกลงระหว่างรัฐบาล(IGA: Intergovernmental agreement) ได้รับการลงนามเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2025 ที่ผ่านมา(https://aagth1.blogspot.com/2023/07/rafale-m.html)

ซึ่งข้อตกลงครอบคลุมการจัดซื้อจัดจ้างของอินเดียของเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดียว Rafale M จำนวน 22เครื่อง และเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง Rafale สำหรับเป็นเครื่องบินฝึกจำนวน 4เครื่อง กระทรวงกลาโหมอินเดียกล่าว
สัญญาซึ่งมีมูลค่าที่วงเงิน 630 billion Indian Rupee($7.3 billion) ตามรายงานสื่ออินเดีย ยังรวมถึงการฝึก, เครื่องจำลองการบิน simulator, อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง, อาวุธ, และการส่งกำลังบำรุงอย่างมีประสิทธิภาพ

สัญญายังรวมถึง "สิ่งอุปกรณ์เพิ่มเติม" สำหรับฝูงเครื่องบินขับไล่ Rafale EH/DH ที่อยู่ในประจำการของกองทัพอากาศอินเดีย(IAF: Indian Air Force) แล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2020/09/rafale.html)
กระทรวงกลาโหมอินเดียกล่าวว่าข้อตกลงยังประกอบด้วยการถ่ายทอดวิทยาการ(ToT: Transfer of Technology) เพื่อจะบูรณาการอาวุธที่พัฒนาสร้างในอินเดียกับเครื่องบินขับไล่ Rafale M

ข้อตกลงยังได้รวมการจัดตั้งโรงงานการผลิตในอินเดียเพื่อจะผลิตโครงสร้างลำตัว(fuselage) ของเครื่องบินขับไล่ Rafale(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/rafale-80.html
เช่นเดียวกับศูนย์การซ่อมบำรุง, ซ่อมแก้ และซ่อมทำใหญ่(MRO: Maintenance, Repair and Overhaul) สำหรับเครื่องยนต์อากาศยาน, ระบบตรวจจับ, และอาวุธต่างๆ

การส่งมอบของเครื่องบินขับไล่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน Rafale M จำนวน 26เครื่องจะเสร็จสิ้นภายในปี 2030 กระทรวงกลาโหมอินเดียกล่าวโดยเสริมว่านักบินกองทัพเรืออินเดียจะถูกฝึกในฝรั่งเศสและอินเดีย
เครื่องบินขับไล่ Rafale M มีความเหมือนกับเครื่องบินขับไล่ Rafale EH/DH จำนวน 36เครื่องของกองทัพอากาศอินเดียในแง่สมรรถนะและคุณลักษณะ(https://aagth1.blogspot.com/2020/12/fa-18ef-ski-jump.html)

ตามข้อมูลของ Janes เครื่องบินขับไล่ Rafale M คุณสมบัติร่วมด้านโครงสร้างและอุปกรณ์ที่ร้อยละ80 และด้านระบบต่างๆประมาณร้อยละ95 กับเครื่องบินขับไล่ Rafale E
อย่างไรก็ตามเครื่องบินขับไล่ Rafale M มีน้ำหนักภารกรรมบรรทุกน้อยกว่าที่ 6,000kg เปรียบเทียบกับเครื่องบินขับไล่ Rafale EH ที่ 9,500kg เครื่องบินขับไล่ Rafale M ยังมีน้ำหนักเครื่องมากกว่า Rafale EH รุ่นใช้งานบนบกที่ 610kg ด้วย

Janes ได้รายงานก่อนหน้านี้ว่าเครื่องบินขับไล่ Rafale M ฝรั่งเศสได้รับเลือกสำหรับโครงการเครื่องขับไล่พหุภารกิจประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน(MRCBF: Multi-Role Carrier Borne Fighter) ของกองทัพเรืออินเดีย
ที่จะนำมาวางกำลังบนเรือบรรทุกเครื่องบิน R33 INS Vikramaditya และเรือบรรทุกเครื่องบิน R11 INS Vikrant ทดแทนเครื่องบินขับไล่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน MiG-29K/KUB ที่สร้างโดยรัสเซียครับ(https://aagth1.blogspot.com/2023/02/tejas-lca-mig-29k-ins-vikrant.html)

วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

อินเดียนำเครื่องบินขับไล่ Tejas LCA และ MiG-29K ขึ้นลงบนเรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant ครั้งแรก

India marks first landing of naval light combat aircraft, MiG-29K, on INS Vikrant







India's naval LCA and MiG-29K conducting its maiden landing on INS Vikrant . (Ministry of Defence, India)





อินเดียได้แสดงอีกเหตุการณ์สำคัญในความพยายามที่จะทำการปฏิบัติการเรือบรรทุกเครื่องบิน R11 INS Vikrant ด้วยการลงจอดครั้งแรกของเครื่องบินขับไล่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน Tejas LCA(Light Combat Aircraft) และเครื่องบินขับไล่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน MiG-29K บนเรือ
เหตุการณ์สำคัญได้บรรลุผลโดยกองทัพเรืออินเดีย(IN: Indian Navy) เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2023 ในฐานะส่วนหนึ่งของการทดสอบทางการบินของเรือ กระทรวงกลาโหมอินเดียประกาศในการเผยแพร่ต่อสื่อในวันเดียวกัน

เรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกที่ออกแบบและสร้างในอินเดีย และถูกนำเข้าประจำการโดยกองทัพเรืออินเดียในเดือนกันยายน 2022(https://aagth1.blogspot.com/2022/09/ins-vikrant.html)
เรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant เข้าร่วมกับเรือบรรทุกเครื่องบินอีกลำ เรือบรรทุกเครื่องบิน R33 INS Vikramaditya ซึ่งเข้าประจำการในกองทัพเรืออินเดียในปี 2013(https://aagth1.blogspot.com/2020/01/tejas-mk1-lca-navy-ins-vikramaditya.html)

ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2022 เรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant ได้รับการดำเนินการปฏิบัติการกับอากาศยานปีกหมุนและอากาศยานปีกตรึงหลายแบบในฐานะส่วนหนึ่งของกระบวนการรับรองทางอากาศบูรณาการการบิน กระทรวงกลาโหมอินเดียกล่าวในการเผยแพร่
เครื่องบินขับไล่ Tejas Naval LCA ซึ่งถูกเรียกในอินเดียว่าเครื่องบินขับไล่ Tejas Navy เป็นรุ่นใช้งานบนเรือบรรทุกเครื่องบินของเครื่องบินขับไล่ขนาดเบาพหุภารกิจปีกสามเหลี่ยมเครื่องยนต์เดี่ยว Tejas ของอินเดีย

เครื่องบินขับไล่ Tejas Mark 1 Navy ที่ลงจอดบนเรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant เป็นเครื่องต้นแบบที่สร้างโดย Hindustan Aeronautics Limited(HAL) รัฐวิสาหกิจผู้ผลิตอากาศยานอินเดีย
ภายใต้การผลักดันของอินเดียสำหรับเครื่องบินขับไล่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบินที่พัฒนาในประเทศ เครื่องบินขับไล่ Tejas Navy ยังไม่ได้รับการรับรองแบบสำหรับการวางกำลังบนเรือบรรทุกเครื่องบิน

เครื่องบินขับไล่ MiG-29K เป็นเครื่องบินขับไล่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบินที่สร้างโดยรัสเซียที่เริ่มนำเข้าประจำการในกองทัพเรืออินเดียในปี 2012(https://aagth1.blogspot.com/2017/08/pak-fa-su-57-mig-29k.html)
กองทัพเรืออินเดียจัดหาเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว MiG-29K จำนวน 37เครื่อง และเครื่องบินขับไล่และฝึกสองที่นั่ง MiG-29KUB จำนวน 8เครื่องระหว่างปี 2004-2010 แต่หลังจากนั้นมีหลายเครื่องที่สูญเสียไปจากอุบัติเหตุ

เรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant มีความยาวเรือรวม 262m โดยมีระวางขับน้ำปกติที่ราว 40,000tonnes และสามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 28knots มีระยะการปฏิบัติการปกติได้ที่ 7,500nmi ที่ความเร็วมัธยัสถ์ที่ 18knots 
ได้รับการออกแบบโดยมีระบบส่งอากาศยานขึ้นบินและทางวิ่ง ski-jump และถูกติดตั้งสำหรับการปฏิบัติการรับส่งอากาศยานแบบ STOBAR(Short Takeoff But Arrested Recovery) รองรับกองบินอากาศนาวีที่ประกอบด้วยอากาศยานถึง 30เครื่องครับ

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2565

อินเดียขึ้นระวางประจำการเรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant ที่สร้างในประเทศลำแรก

India commissions Indigenous Aircraft Carrier



The Indian Navy's Indigenous Aircraft Carrier was commissioned as INS Vikrant on 2 September 2022. (Indian Navy)





กองทัพเรืออินเดีย(IN: Indian Navy) ได้ทำพิธีขึ้นระวางประจำการเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกที่สร้างในประเทศโครงการ Indigenous Aircraft Carrier(IAC) ในชื่อเรือบรรทุกเครื่องบิน R11 INS Vikrant
พิธีขึ้นระวางประจำการมีขึ้นในวันที่ 2 กันยายน 2022 โดยนายกรัฐมนตรีอินเดีย Narendra Modi ซึ่งยังมีการเปิดตัวธงนาวี(naval ensign) ใหม่ของกองทัพเรืออินเดียที่จัดขึ้น ณ สถานที่ของผู้สร้างเรือของโครงการอู่เรือ Cochin Shipyard Limited(CSL) อินเดีย

เรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant ถูกวางกระดูกงูเรือโดยอู่เรือ CSL ในเดือนกุมภาพันธ์ 2009 และถูกปล่อยลงน้ำในเดือนมิถุนายน 2015 ถูกส่งมอบให้กองทัพเรืออินเดียในเดือนกรกฎาคม 2022(https://aagth1.blogspot.com/2022/08/ins-vikrant.html)
หลังจากผ่าน "การทดลองเรือโดยผู็ใช้งานอย่างเข้มงวด" ที่เริ่มต้นตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2021(https://aagth1.blogspot.com/2022/07/ins-vikrant.html) กล่าวโดยรัฐมนตรีกลาโหมอินเดียในสื่อที่เผยแพร่แสดงถึงการส่งมอบเรือ ซึ่งวันส่งมอบเรือช้ากว่ากำหนดการที่ตั้งไว้อย่างน้อย 6ปี

เรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant มีความยาวเรือรวม 262m โดยมีระวางขับน้ำปกติที่ราว 40,000tonnes ติดตั้งระบบขับเคลื่อนเครื่องยนต์ gas turbine แบบ General Electric GE LM2500 สี่เครื่อง 
และสามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 28 knots เรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant สมารถทำระยะการปฏิบัติการปกติได้ที่ 7,500nmi ที่ความเร็วมัธยัสถ์ที่ 18knots

เรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant ได้รับการออกแบบโดยมีระบบส่งอากาศยานขึ้นบินและทางวิ่ง ski-jump และถูกติดตั้งสำหรับการปฏิบัติการรับส่งอากาศยานแบบ STOBAR(Short Takeoff But Arrested Recovery)
INS Vikrant สามารถรองรับกองบินอากาศนาวีที่ประกอบด้วยอากาศยานถึง 30เครื่อง รวมถึงเครื่องบินขับไล่ MiG-29K และเฮลิคอปเตอร์อย่างเช่น เฮลิคอปเตอร์ Kamov Ka-31 และเฮลิคอปเตอร์ MH-60R

เพื่อปกป้องเรือจากภัยคุกคามระยะประชิด INS Vikrant ได้รับการติดตั้งระบบป้องกันระยะประชิด(CIWS: Close-In Weapon System) ปืนกลหกลำกล้องหมุน AK-630 ขนาด 30mm สี่แท่นยิง
และระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ Barak-8 ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างองค์การวิจัยและพัฒนากลาโหมอินเดีย(DRDO: Defence Research and Development Organisation) และบริษัท Israel Aerospace Industries(IAI) อิสราเอลครับ

วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2565

กองทัพเรืออินเดียรับมอบเรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant ที่สร้างในประเทศลำแรก

Indian Navy takes delivery of Indigenous Aircraft Carrier





The future INS Vikrant , seen here with the first-of-class Kolkata-class destroyer. (Indian Ministry of Defence)

กองทัพเรืออินเดีย(IN: Indian Navy) ได้รับมอบเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกที่สร้างในประเทศในโครงการ Indigenous Aircraft Carrier(IAC) ซึ่งจะเข้าประจำการในชื่อเรือบรรทุกเครื่องบิน R11 INS Vikrant
เรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant ได้ถูกส่งมอบโดยอู่เรือ Cochin Shipyard Limited(CSL) อินเดียเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2022 กระทรวงกลาโหมอินเดียประกาศในวันเดียวกัน(https://aagth1.blogspot.com/2022/07/ins-vikrant.html

การส่งมอบเรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant มีขึ้นตามมาหลังจาก "การทดลองเพื่อตรวจรับโดยผู้ใช้อย่างเข้มงวด" ซึ่งดำเนินในระหว่างเดือนสิงหาคม 2021-กรกฎาคม 2022 กระทรวงกลาโหมอินเดียกล่าว(https://aagth1.blogspot.com/2021/08/ins-vikrant.html)
ส่วนหนึ่งของการทดลองเรือ คุณลักษณะต่างๆของเรือบรรทุกเครื่องบินได้รับการรับรองโดยกองทัพเรืออินเดียรวมถึง ระบบขับเคลื่อน, สิ่งอำนวยความสะดวกทางการบิน และความทนทะเลและความคล่องแคล่วการเคลื่อนที่ของเรือ กระทรวงกลาโหมอินเดียเสริม

เรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant ถูกวางกระดูกงูเรือโดยอู่เรือ CSL ในเดือนกุมภาพันธ์ 2009 เรือมีความยาวเรือ 262m โดยมีระวางขับน้ำปกติที่ประมาณ 40,000 tonnes
เรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant ติดตั้งระบบขับเคลื่อนเครื่องยนต์กังหัน gas-turbine แบบ General Electric GE LM2500 สี่เครื่อง และสามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 28 knots

สำหรับการป้องกันเฉพาะจุด(point defence) เรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant ติดตั้งระบบป้องกันระยะประชิด(CIWS: Close-In Weapon System) ปืนกลหกลำกล้องหมุน AK-630 ขนาด 30mm สี่แท่นยิง
เรือยังน่าจะติดตั้งระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ Barak-8 ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างองค์การวิจัยและพัฒนากลาโหมอินเดีย(DRDO: Defence Research and Development Organisation) และบริษัท Israel Aerospace Industries(IAI) อิสราเอล

INS Vikrant มีคุณสมบัติระบบส่งอากาศยานขึ้นบินทางวิ่ง ski-jump และได้รับการติดตั้งสำหรับปฏิบัติการเรือบรรทุกเครื่องบินแบบแบบ STOBAR(Short Takeoff But Arrested Recovery)
เรือสามารถรองรับกองบินอากาศนาวีที่ประกอบด้วยอากาศยานถึง 30เครื่อง รวมถึงเครื่องบินขับไล่ MiG-29K และเฮลิคอปเตอร์เช่นเฮลิคอปเตอร์ Kamov Ka-31 และเฮลิคอปเตอร์ MH-60R(https://aagth1.blogspot.com/2020/05/lockheed-martin-mh-60r.html)

นอกจากนี้รัฐบาลอินเดียกำลังประเมินค่าหลายตัวเลือกสำหรับโครงการเครื่องขับไล่พหุภารกิจประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน(MRCBF: Multi-Role Carrier Borne Fighter) จำนวน 57เครื่อง ซึ่งในที่สุดอาจจะถูกนำมาวางกำลังบนเรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินขับไล่ F/A-18E/F Super Hornet(https://aagth1.blogspot.com/2022/07/fa-18ef.html) หรือเครื่องบินขับไล่ Rafale M จากดาดฟ้าบินนของเรือครับ

วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

เรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant อินเดียที่สร้างในประเทศลำแรกเสร็จสิ้นการทดลองเรือในทะเลครั้งที่สี่

India’s indigenous aircraft carrier Vikrant completes 4th phase of sea trials

India's first indigenous aircraft carrier Vikrant (Indian Navy photo)


A photo from the sea trials of Vikrant (Indian Navy photo)
India's indigenous aircraft carrier Vikrant completed the fourth phase of sea trials of major equipment and systems, including major aviation equipment, on July 10, 2022. 

การทดลองเรือในทะเลครั้งที่สี่ของเรือบรรทุกเครื่องบิน R11 INS Vikrant เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของกองทัพเรืออินเดีย(IN: Indian Navy) ในโครงการ Indigenous Aircraft Carrier(IAC) ได้เสร็จสิ้นโดยประสบความสำเร็จเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2022
ซึ่งระหว่าการทดสอบการบูรณาการของอุปกรณ์และระบบหลักต่างๆบนเรือรวมถึงอุปกรณ์ระบบสิ่งอำนวยความสะดวกทางการบินบางส่วนได้รับการดำเนินการ(https://aagth1.blogspot.com/2021/08/ins-vikrant.html)

การส่งมอบเรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant ถูกตั้งเป้าสำหรับสิ้นเดือนกรกฎาคม 2022 โดยการขึ้นระวางประจำการเรือจะมีในเดือนสิงหาคม 2022 เพื่อเฉลิมฉลองวันประกาศอิสรภาพของอินเดีย 'Azadi ka Amrit Mahotsav' ปีที่75
การออกแบบและสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินภายในประเทศโดยกองทัพเรืออินเดีย และอู่เรือบริษัท Cochin Shipyard Ltd(CSL) อินเดียเป็นตัวอย่างที่แจ่มจ้าในภารกิจของชาติ 

สำหรับคำขวัญ  'AatmaNirbhar Bharat' และการริเริ่มนโยบาย 'Make in India' โดยมีชิ้นส่วนมากกว่าร้อยละ76 ที่ผลิตในอินเดีย นี่นำไปสู่การเติบโตในด้านขีดความสามารถการออกแบบและการสร้างในประเทศ 
นอกจากการพัฒนาของภาคอุตสาหกรรมรายย่อยจำนวนมากแล้ว โดยโอกาสการจ้างงานสำหรับบุคลากรของอู่เรือบริษัท CSL อินเดียมากกว่า 2,0009ตำแหน่ง และราว 12,000ตำแหน่งในอุตสาหกรรมรายย่อยต่างๆ

การทดลองเรือในทะเลครั้งแรกของเรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant ได้ประสบความสำเร็จเสร็จสิ้นในเดือนสิงหาคม 2021 นี่ตามมาการทดลองเรือในทะเลครั้งที่สองและครั้งที่สามในเดือนตุลาคม 2021 และมกราคม 2022 ตามลำดับ
ระหว่าการทดลองเรือในทะเลสามครั้งเหล่านี้ การทดสอบความคงทนของเครื่องจักรระบบขับเคลื่อน, ชุดระบบไฟฟ้า, เครื่องจักรดาดฟ้า, อุปกรณ์ชูชีพ, ระบบการนำร่องและการสื่อสารของเรือได้รับการดำเนินการทดสอบ

ย้อนกลับไปในปี 2015 รัฐมนตรีกลาโหมอินเดียในขณะนั้นประกาศว่า INS Vikrant เรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกที่อินเดียสร้างในประเทศจะส่งมอบให้กองทัพเรืออินเดียได้ในเดือนธันวาคม 2018 ต่อมามีรายงานว่าจะเป็นภายในปี 2021
สื่อท้องถิ่นของอินเดียรายงานในเดือนพฤษภาคม 2017 ว่าการจัดซื้อจัดจ้างที่ล่าช้าได้รับการแก้ไขและเรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant ได้รับการติดตั้งสิ่งอุปกรณ์เสร็จแล้วร้อยละ62 โดยการทดลองระบบสนับสนุนต่างๆมีกำหนดการภายในปลายปี 2017

เรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant มีความยาวเรือ 260m และกว้าง 60m และมีระวางขับน้ำ 37,500tonnes ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 28knots โดยมีระยะทำการที่ 7,500nmi ที่ความเร็วมัธยัสถ์ 18knots กำลังพลประจำเรือประกอบด้วยนายทหารสัญญาบัตร 160นาย และชั้นประทวนและกลาสี 1,400นาย
เรือบรรทุกเครื่องบินแบบ STOBAR(Short Takeoff But Arrested Recovery) รองรับเครื่องบินขับไล่และเฮลิคอปเตอร์ถึง 30เครื่อง รวมถึงเครื่องบินขับไล่ MiG-29K และเฮลิคอปเตอร์ Ka-31 ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2022/05/fa-18e.html)

วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant อินเดียที่สร้างในประเทศลำแรกเริ่มทดลองเรือในทะเลครั้งแรก

COMMENCEMENT OF SEA TRIALS OF INDIGENOUS AIRCRAFT CARRIER (IAC(P71)) ‘VIKRANT’






The Indian Navy's future aircraft carrier, Vikrant , left the southwestern port of Kochi on 4 August to embark on its maiden sea trials. (Indian Navy )



เรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของกองทัพเรืออินเดีย(IN: Indian Navy) ในโครงการ Indigenous Aircraft Carrier(IAC) ได้ออกเรือเพื่อทดลองเรือในทะเลครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2021 จากท่าเรือใน Kochi รัฐ Kerala ฝั่งตะวันตกของตอนใต้อินเดีย
INS Vikrant ได้รับการออกแบบโดยกองออกแบบเรือ(DND: Directorate of Naval Design) และถูกสร้างโดยอู่เรือ Cochin Shipyard Limited(CSL) รัฐวิสาหกิจของกระทรวงการขนส่งทางเรืออินเดีย(MoS: Ministry of Shipping)

โครงการ IAC เป็นตัวอย่างชั้นนำของการแสวงหาของชาติอินเดียตามคำขวัญ "Atma Nirbhar Bharat" โดยมีส่วนประกอบที่สร้างภายในประเทศมากกว่าร้อยละ76
นี่เป็นความพยายามครั้งแรกของกองทัพเรืออินเดียและอู่เรือ Cochin ที่จะออกแบบและสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินในประเทศ(https://aagth1.blogspot.com/2018/07/blog-post_14.html, https://aagth1.blogspot.com/2015/06/ins-vikrant.html)

เรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant ระวางขับน้ำปกติราว 40,000tonnes มีความยาว 262m, กว้างในส่วนที่กว่างสุด 62m และสูง 59m เมื่อรวมส่วนดาดฟ้ายก ตัวเรือมีทั้งหมด 14ชั้นดาดฟ้าในทุกส่วนรวมถึงส่วนดาดฟ้ายก 5ชั้น
เรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant มีห้องมากกว่า 2,300ส่วน ออกแบบสำหรับลูกเรือประมาณ 1,700นาย รวมถึงห้องพักและใช้งานพิเศษที่รองรับนายทหารและกำลังพลที่เป็นสุภาพสตรี

เรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant ได้รับออกแบบด้วยระบบอัตโนมัติชั้นสูงมากสำหรับการปฏิบัติการเครื่องจักร, การนำร่องเรือ และความอยู่รอด มีความเร็วสูงสุดที่ราว 28knots และมีความเร็วมัธยัสถ์ที่ 18knots โดยมีพิสัยปฏิบัติการราว 7,500nmi
เรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant สามารถรองรับทั้งอากาศปีกตรึงและอากาศยานปีกหมุนจำนวน 40เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2021/02/hal-tedbf.html, https://aagth1.blogspot.com/2020/12/fa-18ef-ski-jump.html)

เรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant มีกำหนดจะวางกำลังด้วยเครื่องบินขับไล่ MiG-29K, เฮลิคอปเตอร์แจ้งเตือนทางอากาศ Ka-31 AEW(Airborne Early Warning), เฮลิคอปเตอร์ MH-60R(https://aagth1.blogspot.com/2020/05/lockheed-martin-mh-60r.html)
และเฮลิคอปเตอร์ Dhruv ALH(Advanced Light Helicopter) ที่อินเดียพัฒนาในประเทศ อย่างไรก็ตามคาดว่าเรือจะเข้าประจำการโดยปราศจากระบบสิ่งอำนวยความสะดวกอากาศยาน(AFC: Aviation Facility Complex) ซึ่งระบบของสำนักออกแบบ Nevskoe รัสเซียจะถูกติดตั้งภายหลัง

เช่นเดียวกับเรือบรรทุกเครื่องบิน R33 INS Vikramaditya ที่กองทัพเรืออินเดียประจำการในปัจจุบันลำเดียว(เดิมคือเรือลาดตระเวนบรรทุกเครื่องบินชั้น Kiev รัสเซียชื่อ Admiral Gorshkov)(https://aagth1.blogspot.com/2020/01/tejas-mk1-lca-navy-ins-vikramaditya.html
INS Vikrant เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินแบบ STOBAR(Short Takeoff But Arrested Recovery) ที่ใช้ระบบส่งอากาศยานขึ้นบินด้วยทางวิ่ง ski-jump ที่หัวเรือ และรับอากาศยานกลับลงจอดด้วยการใช้ตะขอเกี่ยวลวดบนดาดฟ้าบินท้ายเรือ

การดำเนินการสร้างเรือส่วนใหญ่เสร็จสิ้นแล้วและเรือได้เข้าสู่ขั้นการทดลองเรือ ความพร้อมของระบบขับเคลื่อนและอุปกรณ์กำเนิดพลังงานได้รับการทดสอบที่ท่าเรือในฐานะส่วนหนึ่งการทดสอบหน้าที่เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2020
ความคืบหน้าการสร้างเรือได้รับการตรวจสอบโดยรัฐมนตรีกลาโหมอินเดีย Rajnath Singh ระหว่างการเยี่ยมเรือเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2021 คาดว่าเรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant จะเข้าประจำการในครึ่งแรกของปี 2022

แม้ว่าการเริ่มต้นการทดลองเรือในทะเลของเรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant ได้ล่าช้าเนื่องจากการระบาดของ Covid-19 ระลอกสองในอินเดีย(โครงการรวมล่าช้ากว่ากำหนดการ 6ปี) ด้วยความพยายามอย่างทุ่มเทและอุทิศตนของผู้คนจำนวนมาก
ทั้งคนงาน, ผู้ผลิตที่มาดั้งเดิม, วิศวกร, ผู้ควบคุมงาน, ผู้ตรวจสอบ, นักออกแบบ และกำลังพลประจำเรือ ผู้ซึ่งได้ใส่หัวใจและจิตวิญญาณของตนมุ่งสู่ความพร้อมของเรือเพื่อการทดลองเรือในทะเล

นี่เป็นการดำเนินหลักก้าวย่างที่สำคัญและเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่ง ในฐานะที่พวกเขาบรรลุความสำเร็จนออกจากความท้าทายของโรคระบาดในปัจจุบันและสิ่งที่วัดค่าไม่ได้
ระหว่างการเดินเรือครั้งแรกของ INS Vikrant สมรรถนะของเรือรวมถึงตัวเรือ, ระบบขับเคลื่อนหลัก, ระบบกำเนิดพลังงาน(PGD: Power Generation System) และอุปกรณ์เสริมจะได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิด

โดยการส่งมอบเรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant อินเดียจะเข้าร่วมกลุ่มชาติที่เลือกการมีขีดความสามารถที่ออกแบบและสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินด้วยตนเองในประเทศ ซึ่งการเป็นการยืนยันหลักฐานที่แท้จริงต่อความเชื่อถือในนโยบาย 'Make in India' ของรัฐบาลอินเดีย
การสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินเองในประเทศเป็นตัวอย่างที่เฉิดฉายในการแสวงหานโยบาย 'Atma Nirbhar Bharat' และการริ่เริ่ม 'Make in India'  

นี่ได้นำการเติบโตในขีดความสามารถการสร้างและออกแบบเรือเองในประเทศ นอกจากการพัฒนาจำนวนมากของภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยโอกาสการการจ้างงานสำหรับอู่เรือ CSL จำนวน 2,000ตำแหน่ง และราว 12,000ตำแหน่งในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
ส่วนประกอบภายในประเทศมากกว่าร้อยละ76 มุ่งสู่การจัดหาอุปกรณ์ นอกจากงานโดยอู่เรือ CSL และผู้รับสัญญาย่อยของพวกตนได้สร้างการลงทุนโดยตรงกลับมาสู่เศรษฐกิจของอินเดีย

ราว 550 กิจการของอินเดียรวมถึงกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กมาก, ขนาดเล็ก และขนาดกลาง(MSME: Micro, Small and Medium Enterprises) ราว 100รายที่ขึ้นทะเบียนกับ CSL ซึ่งมอบหลายๆการบริการในการสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินโครงการ IAC
โครงการสร้างเรือของกองทัพเรืออินเดียเป็นทิศทางที่ถูกต้องในการมอบ 'การกระตุ้นทางเศรษฐกิจ' ที่จำเป็นต้องการ ด้วยเรือและเรือดำน้ำรวม 44ลำที่ได้รับการสั่งจัดหาเพื่อสร้างในอินเดียครับ

วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

HAL อินเดียเปิดตัวแบบจำลองแนวคิดเครื่องบินขับไล่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน TEDBF

Aero India 2021: Indian TEDBF naval fighter showcased by HAL




A concept model for the TEDBF for the Indian Navy was shown for the first time at Aero India 2021. (Janes/Akshara Parakala)

Hindustan Aeronautics Limited(HAL) รัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมอากาศยานอินเดียได้เปิดตัวแนวคิดเครื่องบินขับไล่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบินสองเครื่องยนต์ TEDBF(Twin-Engine Deck Based Fighter) สำหรับกองทัพเรืออินเดีย(IN: Indian Navy) 
โดยแบบจำลองแนวคิดเครื่องบินขับไล่ TEDBF ได้ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานแสดงการบินนานาชาติ Aero India 2021 ระหว่างวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ 2021 ณ สถานีกองทัพอากาศ Air Force Station Yelahanka ใน Bangalore อินเดีย

แนวคิดเครื่องบินขับไล่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบินที่นั่งเดี่ยว TEDBF เป็นการพัฒนาจากเครื่องบินขับไล่ขนาดเบาประจำฐานบินบนบก Tejas LCA(Light Combat Aircraft) ของ HAL อินเดีย(https://aagth1.blogspot.com/2020/01/tejas-mk1-lca-navy-ins-vikramaditya.html)
โดยถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการเครื่องขับไล่พหุภารกิจประจำเรื่องบรรทุกเครื่องบิน(MRCBF: Multi-Role Carrier Borne Fighter) เพื่อเสริมและทยอยทดแทนฝูงเครื่องบินขับไล่ MiG-29K 'Fulcrum' กองทัพเรืออินเดีย(https://aagth1.blogspot.com/2017/01/blog-post_29.html)

ตามข้อสังเกตจากชื่อแนวคิดเครื่องบินขับไล่ TEDBF มีคุณสมบัติสองเครื่องยนต์ไอพ่นสำหรับสมรรถนะการบินขึ้นระยะสั้นที่ดีกว่าสำหรับเรือบรรทุกเครื่องบินแบบ STOBAR(Short Takeoff But Arrested Recovery) ที่ใช้ระบบส่งอากาศยานขึ้นบินด้วยทางวิ่ง ski-jump ที่หัวเรือของกองทัพเรืออินเดีย
คือเรือบรรทุกเครื่องบิน R33 INS Vikramaditya(เดิมคือเรือลาดตระเวนบรรทุกเครื่องบินชั้น Kiev รัสเซียชื่อ Admiral Gorshkov) และเรือบรรทุกเครื่องบิน INS Vikrant (IAC 1: Indigenous Aircraft Carrier 1) ที่อินเดียสร้างเองในประเทศ

คุณสมบัติอื่นที่มุ่งไปสู่ภารกิจทางทะเลของเครื่องบินขับไล่ TEDBF รวมถึงปลายปีกแบบพับได้สำหรับการเก็บในโรงเก็บอากาศยานใต้ดาดฟ้าบินได้ง่ายขึ้น และตะขอเกี่ยวลวดบนดาดฟ้าบินท้ายเรือในการรับอากาศยานกลับลงจอด
คุณลักษณะทางกายภาพเครื่องบินขับไล่ TEDBF มีปีกกว้าง 11.2m(7.6m เมื่อพับปีกเก็บบนเรือบรรทุกเครื่องบิน) และมีความยาวลำตัว 16.3m

ด้วยปีก Canards ที่ติดตั้งบนส่วนด้านหน้าของปีกของเครื่องบินขับไล่ TEDBF ทำให้มันคล้ายกับเครื่องบินขับไล่ Dassault Rafale ที่ประจำการในกองทัพอากาศอินเดีย(IAF: Indian Air Force)(https://aagth1.blogspot.com/2020/09/rafale.html)
สมรรถนะที่เผยแพร่โดย HAL เครื่องบินขับไล่ TEDBF มีน้ำหนักบินบินขึ้นสูงสุดที่ 26tonnes มีความเร็วสูงสุดที่ Mach 1.6, เพดานบินสูงสุดที่ 60,000feet และมีอัตราความเร่งแรงโน้มถ่วงจำกัดที่ +8g/-3g

ในโครงการเครื่องบินขับไล่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบินใหม่ MRCBF เครื่องบินขับไล่ Boeing F/A-18E/F Block III Super Hornet สหรัฐฯ(https://aagth1.blogspot.com/2020/12/fa-18ef-ski-jump.html
และเครื่องบินขับไล่ Dassault Rafale M ฝรั่งเศส(https://aagth1.blogspot.com/2019/01/rafale-f4-rafale-m-f3r.html) ถูกมองในฐานะผู้เข้าแข่งขันที่กำลังนำสำหรับความต้องการนี้ของกองทัพเรืออินเดียครับ

วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2563

เครื่องบินขับไล่ F/A-18E/F สหรัฐฯแสดงการบินขึ้นจากทางวิ่ง ski-jump สำหรับความต้องการใช้งานบนเรือบรรทุกเครื่องบินอินเดีย

F/A-18E/F demonstrates ski-jump launch for Indian carrier requirement
An F/A-18E Super Hornet successfully completes a first ski-jump launch demonstration on 13 August. (US Navy)



The Indian Navy's second STOBAR carrier, the indigenously designed and built INS Vikrant , has recently completed basin trials and is expected to begin sea trials in early 2021. (Indian Navy)



กองทัพเรือสหรัฐฯ(USN: US Navy) และบริษัท Boeing สหรัฐฯได้เปิดเผยรายละเอียดของการทดสอบที่ถูกออกแบบเพื่อแสดงให้เห็นว่าเครื่องบินขับไล่โจมตี F/A-18E/F Super Hornet
สามารถปฏิบัติการได้จากเรือบรรทุกเครื่องบินแบบ STOBAR(Short Takeoff But Arrested Recovery) ที่ใช้ระบบส่งอากาศยานขึ้นบินด้วยทางวิ่ง ski-jump ที่หัวเรือ และรับอากาศยานกลับลงจอดด้วยการใช้ตะขอเกี่ยวลวดบนดาดฟ้าบินท้ายเรือ

การดำเนินการใช้สถานที่ตั้งทางวิ่ง ski-jump ภาคพื้นดิน ณ สถานีอากาศนาวี(NAS: Naval Air Station) Patuxent River ในมลรัฐ Maryland การรณรงค์ทดสอบได้รับการปฏิบัติโดยเครื่องบินขับไล่ F/A-18E(หมายเลข BuNo 165167/SD-213)
เพื่อสาธิตความเหมาะสมของเครื่องบินขับไล่ F/A-18E/F สำหรับการปฏิบัติการจากเรือบรรทุกเครื่องบิน STOBAR ของกองทัพเรืออินเดีย(IN: Indian Navy) การทดสอบได้รับการยืนยันรับรองก่อนหน้าจากการศึกษาผ่านการจำลองสถานการณ์ Boeing กล่าว

กองทัพเรืออินเดียปัจจุบันประจำการด้วเรือบรรทุกเครื่องบินแบบ STOBAR ลำเดียวคือ R33 INS Vikramaditya(เดิมคือเรือลาดตระเวนบรรทุกเครื่องบินชั้น Kiev รัสเซียชื่อ Admiral Gorshkov)
ปฏิบัติการโดยเครื่องบินขับไล่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน MiG-29K ในฐานะส่วนหนึ่งของกลุ่มอากาศยานของเรือ(https://aagth1.blogspot.com/2020/01/tejas-mk1-lca-navy-ins-vikramaditya.html)

เรือบรรทุกเครื่องบินแบบ STOBAR ลำที่สองที่ออกแบบและสร้างในอินเดียคือ INS Vikrant ล่าสุดได้เสร็จสิ้นการทดลองเรือในอู่เรือ และคาดว่าจะเริ่มต้นการทดลองเรือในทะเลได้ในต้นปี 2021

ในเดือนมกราคม 2018 อินเดียได้ออกเอกสารขอข้อมูล(RFI: Request for Information) สำหรับโครงการเครื่องขับไล่พหุภารกิจประจำเรื่องบรรทุกเครื่องบิน(MRCBF: Multi-Role Carrier Borne Fighter) ของตน
ซึ่งเรียกร้องสำหรับการจัดหาเครื่องบินขับไล่สองเครื่องยนต์ประจำเรือบรรทุกเครื่องบินจำนวนถึง 57เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2017/01/blog-post_29.html)

เครื่องบินขับไล่ Boeing F/A-18E/F Block III Super Hornet สหรัฐฯ(https://aagth1.blogspot.com/2020/06/boeing-fa-18ef-super-hornet-block-3.html)
และเครื่องบินขับไล่ Dassault Rafale M ฝรั่งเศส(https://aagth1.blogspot.com/2020/09/rafale.html, https://aagth1.blogspot.com/2019/01/rafale-f4-rafale-m-f3r.html) ถูกมองในฐานะผู้เข้าแข่งขันที่กำลังนำสำหรับความต้องการนี้ของอินเดีย

ตามข้อมูลจากกองบัญชาการระบบอากาศนาวีกองทัพเรือสหรัฐฯ(NAVAIR: Naval Air Systems Command) ชุดเหตุการณ์การทดสอบที่ดำเนินการ ณ สถานีอากาศนาวี NAS Patuxent River ในเดือนสิงหาคม 2020
เพื่อแสดงการสาธิตการส่งขึ้นบินด้วยทางวิ่ง ski-jump ของเครื่องบินขับไล่ F/A-18E/F Super Hornet ในการบรรทุกอาวุธและอุปกรณ์หลากหลายรูปแบบ

โครงการทดสอบได้รับการประสานงานโดยสำนักงานโครงการเครื่องบินขับไล่ F/A-18 และเครื่องบินโจมตีสงคราม Electronic แบบ EA-18G Growler(ฝ่ายธุรกิจนานาชาติ และการทดสอบและประเมินค่า),
ฝูงบินทดสอบและประเมินค่าอากาศยาน VX-23(Air Test and Evaluation Squadron 23) และบริษัท Boeing สหรัฐฯครับ