วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2562

กองทัพบกสหรัฐฯออกเอกสารขอข้อมูลสำหรับอากาศยานจู่โจมระยะไกลอนาคต FLRAA

US Army issues RFI for Future Long-Range Assault Aircraft
The Sikorsky-Boeing SB>1 Defiant co-axial compound helicopter is one of two platforms developed for the JMR-TD effort. JMR-TD will feed into FLRAA requirement that the US Army is seeking as part of its wider FVL family of systems. Source: Sikorsky-Boeing

JMR-TD programme has seen Bell develop the V-280 Valor tiltrotor. Source: Bell
https://www.janes.com/article/87694/us-army-issues-rfi-for-future-long-range-assault-aircraft

กองทัพบกสหรัฐฯ(US Army) ออกเอกสารขอข้อมูล(RFI: Request for Information) สำหรับอากาศยานจู่โจมระยะไกลอนาคต(FLRAA: Future Long-Range Assault Aircraft) ที่จะเข้าประจำการในปี 2030
เอกสาร RFI ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2019 ได้ครอบคลุมการทดแทนเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป Sikorsky UH-60 Black Hawk และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Boeing AH-64 Apache ที่ก่อนหน้ารู้จักในชื่อ Capability (Cap) Set 3 (Assault)/Future Vertical Lift (FVL)-Medium

ตามที่ระบุในการเชิญชวนค่ากำหนดสมรรถนะกว้างๆของ FLRAA เหล่านี้สะท้อนถึงอากาศยานจู่โจม/อากาศยานขึ้นลงทางดิ่งอนาคต Cap Set 3 (Assault)/FVL-Medium ซึ่งมีโครงการอากาศยานสาธิต JMR-TD(Joint MultiRole - Technology Demonstrator) ที่มีผู้พัฒนาประกอบด้วย
อากาศยานใบพัดกระดก Bell V-280 Valor(https://aagth1.blogspot.com/2017/12/bell-v-280-valor.html) และเฮลิคอปเตอร์สองใบพัดร่วมแกน Boeing-Sikorsky SB>1 Defiant(https://aagth1.blogspot.com/2019/03/sikorsky-boeing-sb1-defiant.html)

ขณะที่โครงการอากาศยาน FLRAA เป็นความพยายามที่จะนำโดยกองทัพบกสหรัฐฯ กองบัญชาการปฏิบัติการพิเศษสหรัฐฯ(USSOCOM: US Special Operations Command) และนาวิกโยธินสหรัฐฯ(USMC: US Marine Corps) จะมองการจัดหาของตนเองหลังจากกองทัพบกสหรัฐฯประมาณสองปี
ภารกิจของ FLRAA ที่ตั้งไว้จะประกอบด้วยการใช้งานธุรการ, การขนส่ง, การส่งกำลังพลเข้าแทรกซึมพื้นที่และถอนกำลัง, การสนับสนุนทางอากาศใกล้ชิด, การส่งกลับทางสายแพทย์ และการคุ้มกันอากาศยานใบพัดกระดก Bell V-22 Osprey

คุณสมบัติที่จัดวางโดยกองทัพบกสหรัฐฯรวมถึง การบินลอยตัวเหนือผลกระทบปรากฏการณ์เบาะอากาศ(HOGE: Hover-Out-of-Ground-Effect) ที่ความสูง 6,000ft และอุณหภูมิ 95องศาฟาเรนไฮต์(มาตรฐาน 6K/95 ของกองทัพบกสหรัฐฯ) ที่รัศมีการรบและกับการบรรทุกภารกิจ,
รัศมีการรบเมื่อไม่เติมเชื้อเพลิงใหม่ที่ 170-229nmi โดยบินร่อนลอยวน(loiter)ได้นาน 30นาที, ความเร็วต่อเนื่องสูงสุด 230-270knots ด้วยการบรรทุกสูงสุด น้ำหนักบรรทุกภายใน 3,500-4,000lbs น้ำหนักบรรทุกภายนอก 6,000-8,000lbs, บรรทุกผู้โดยสารได้ 10-12นาย

สามารถวางกำลังด้วยตนเองในระยะทาง 2,100nmi โดยปราศจากการเติมเชื้อเพลิงใหม่ และด้วยการวิ่งบินขึ้น(rolling take-off), มีขีดความสามารถการทำงานร่วมกันสำหรับการปฏิบัติการร่วม, สามารถปฏิบัติการได้ถึง 30วันโดยปราศจากการสนับสนุนจากภายนอก,
มีระบบตัวรับและจ่ายเชื้อเพลิงสำหรับการเติมเชื้อเพลิงระหว่างการบิน, มีอัตราความพร้อมปฏิบัติการที่เกินกว่าร้อยละ90, มีความเป็นแบบแผนพื้นฐานร่วมกันกับอากาศยานอื่นๆในตระกูล FVL และมีขีดความสามารถการอยู่รอดครับ