วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

กองทัพเรือสหรัฐฯเลือกแบบเรือ FREMM อิตาลีสำหรับโครงการเรือฟริเกตติดอาวุธปล่อยนำวิถี FFG(X) ใหม่

US Navy Awards Guided Missile Frigate (FFG(X)) Contract
200430-N-NO101-150 WASHINGTON (April 30, 2020) An artist rendering of the guided-missile frigate FFG(X). (U.S. Navy graphic/Released)



The new small surface combatant will have multi-mission capability to conduct air warfare, anti-submarine warfare, surface warfare, electronic warfare, and information operations.
https://www.navy.mil/submit/display.asp?story_id=112820


กองทัพเรือสหรัฐฯ(USN: US Navy) ประกาศสัญญาการออกแบบและผลิตเรือรบผิวน้ำขนาดเล็กยุคหน้าโครงการเรือฟริเกตติดอาวุธปล่อยนำวิถี FFG(X) วงเงิน $795 million เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2020
สัญญาสำหรับการออกแบบรายละเอียดและการสร้าง(DD&C: Detail Design and Construction) เรือฟริเกตถึง 10ลำ(ประกอบด้วยเรือพื้นฐาน 1ลำ และเรือตัวเลือก 9ลำ) ถูกประกาศแก่อู่เรือบริษัท Marinette Marine Corporation(MMC) ใน Marinette มลรัฐ Wisconsin กองทัพเรือสหรัฐฯประกาศ

"เรือฟริเกตติดอาวุธปล่อยนำวิถี FFG(X) ของกองทัพเรือสหรัฐฯจะเป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญของกองเรือในอนาคตของเรา FFG(X) เป็นวิวัฒนาการของเรือรบผิวน้ำขนาดเล็กของกองทัพเรือสหรัฐฯ ด้วยการเพิ่มอำนาจการสังหาร, ความอยู่รอด และเพิ่มพูนขีดความสามารถ
เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์กลาโหมแห่งชาติตลอดทั้งการปฏิบัติการทางทหารที่หลากหลายอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ต้องสงสัยว่ามันช่วยเราดำเนินการกระจายปฏิบัติการทางทะเลอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้เราสามารถต่อสู้ทั้งการแข่งขันในสภาพแวดล้อมทะเลหลวง(Blue-Water)และชายฝั่ง
ผู้บัญชาการกองทัพเรือสหรัฐฯ(CNO: Chief of Naval Operations) พลเรือเอก Mike Gilday กล่าว

เรือฟริเกต FFG(X) จะมีขีดความสามารถพหุภารกิจที่จะดำเนินปฏิบัติการสงครามต่อต้านภัยทางอากาศ, ปราบเรือดำน้ำ, ต่อต้านเรือผิวน้ำ, สงคราม Electronic(EW: Electronic Warfare) และปฏิบัติการสารสนเทศ(IO: information operations)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบอุปกรณ์และอาวุธประจำเรือจะประกอบด้วย Radar ตรวจการณ์ทางอากาศ EASR(Enterprise Air Surveillance Radar), ระบบอำนวยการรบ AEGIS Baseline Ten(BL10), แท่นยิงแนวดิ่ง Mk 41 VLS(Vertical Launch System), ระบบสื่อสาร,
ระบบควบคุมการยิงปืนเรือ MK 57 GWS(Gun Weapon System) และเพิ่มขีดความสามารถในภาคส่วน EW/IO ด้วยการออกแบบที่ยืดหยุ่นสำหรับการเติบโตในอนาคต

"ผมภูมิใจอย่างยิ่งต่อการทำงานอย่างหนักจากทีมความต้องการ, จัดซื้อจัดจ้าง และสร้างเรือ ที่มีส่วนร่วมในการแข่งขันที่เต็มนูปแบบและเปิด ทำให้กองทัพเรือสหรัฐฯสามารถจะสร้างการตัดสินใจที่สำคัญวันนี้ได้
ตลอดขั้นตอนนี้ ทีมรัฐบาลสหรัฐฯและหุ้นส่วนภาคอุตสาหกรรมเราได้ดำเนินการปฏิบัติทั้งหมเด้วยความสำนึกเร่งด่วนและมีเป็นระเบียบ การส่งมอบการประกาศสัญญานี้มีขึ้น 3เดือนก่อนกำหนดการ
จุดมุ่งเน้นที่เข้มงวดของทีมต่อราคา, การจัดซื้อจัดจ้าง และทางเทคนิคที่เข้มงวดทำให้รัฐบาลสหรัฐฯส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดต่อผู้เสียภาษีเช่นที่เราส่งมอบเรือฟริเกตยุคหน้าขีดความสามารถสูงแก่นักรบของเรา"
James Geurts รัฐมนตรีช่วยด้านการวิจัย, พัฒนา และจัดซื้อจัดจ้างทบวงกองทัพเรือสหรัฐฯกล่าว

กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างสำหรับโครงการเรือฟริเกต FFG(X) เริ่มต้นในปี 2017 ตั้งแต่นั้นกองทัพเรือสหรัฐฯได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาคอุตสาหกรรมเพื่อสร้างสมดุลราคาและขีดความสามารถ วิธีนี้ประสบความสำเร็จในการบรรลุราคาเฉลี่ยตามมาตลอดเรือ 2-20 ที่ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ใน CDD และจัดตำแหน่งต่อการแถลงเป้าหมายยุทธศาสตร์กลาโหมแห่งชาติของการบรรลุอำนาจการสังหาร,ยืดหยุ่น และว่องไวที่มากขึ้น โดยการผลักดันยุทธศาสตร์การจัดซื้อจัดจ้างเพื่อสร้างเรือที่รวดเร็วและราคาเหมาะสมมากขึ้น
ตัวอย่างเช่นเพราะโครงการจัดหาเรือฟริเกตส่งเสริงการแข่งขันการสร้างเรือรวมถึงการมีส่วนร่วมของภาคอุตสาหกรรมช่วงต้น และการสื่อสารเปิดระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด โครงการสามารถทำให้เร่งเวลาให้เร็วขึ้นได้เกือบ 6ปีเมื่อเปรียบเทียบกับโครงการสร้างเรือปกติ

กองทัพเรือสหรัฐออกเอกสารขอข้อเสนอ(RFP: Request for Proposals) การออกแบบรายละเอียดและการสร้างโครงการเรือฟริเกต FFG(X) ต่อภาคอุตสาหกรรมเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2019
ข้อเสนอทางเทคนิคได้รับในเดือนสิงหาคม 2019 และข้อเสนอราคาได้ีรับในเดือนกันยายน 2019 นี่เป็นการแข่งขันแบบเต็มรูปแบบและเปิดเผยโดยกองทัพเรือสหรัฐฯรับข้อเสนอที่หลากหลาย(https://aagth1.blogspot.com/2018/02/ffgx-5.html)

สี่บริษัทที่เสนอแบบเรือของตนแข่งขันในโครงการ FFG(X) กองทัพเรือสหรัฐฯประกอบด้วยบริษัท Huntington Ingalls สหรัฐฯ, บริษัท Austal USA ออสเตรเลีย-สหรัฐฯ, บริษัท General Dynamics Bath Iron Works สหรัฐฯ และบริษัท Fincantieri ในเครือ Leonardo อิตาลี
Fincantieri อิตาลีผู้ชนะโครงการได้เสนอแบบเรือ FREMM(Fregata Europea Multi-Missione) ที่ประจำการในกองทัพเรืออิตาลี(Italian Navy, Marina Militare) ในชื่อเรือฟริเกตชั้น Carlo Bergamini และกองทัพเรือฝรั่งเศส(French Navy, Marine Nationale) ในชื่อเรือฟริเกตชั้น Aquitaine
รวมถึงส่งออกให้กองทัพเรืออียิปต์(https://aagth1.blogspot.com/2015/06/dcns-fremm.html, https://aagth1.blogspot.com/2014/11/fremm.html) ในชื่อเรือฟริเกต Tahya Misr(เดิมคือเรือฟริเกต D651 Normandie ฝรั่งเศส) และกองทัพเรือโมร็อกโกในชื่อเรือฟริเกต Mohammed VI ครับ

คุณลักษณะทางเทคนิคแบบเรือฟริเกตเอนกประสงค์ FREMM อิตาลีสำหรับเรือฟริเกต FFG(X) กองทัพเรือสหรัฐฯ
ความยาวตัวเรือรวม: 496ft.(142.95m)
ความกว้างตัวเรือรวม: 65ft.(19.8m)
ระวางขับน้ำ: ประมาณ 7,500tonnes
ระบบขับเคลื่อน: CODLAG(Combined Diesel-electric and Gas)
ความเร็วสูงสุด: 26+knots
ความเร็วมัธยัสถ์(ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า): 16+knots
ความเร็วเสริม(ระบบขับดันที่หัวเรือ): 5knots
พิสัยทำการที่ความเร็วมัธยัสถ์(ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า): 6,000+nmi
กำลังพลประจำเรือ: 200นาย
อาวุธ:
-ปืนเรือ MK 110 ขนาด 57mm(Bofors 57mm Mk 3 สวีเดน)
-แท่นยิงแนวดิ่ง Mk 41 VLS รวม 32ท่อยิง
-อาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ Naval Strike Missile(NSM) (พัฒนาโดยบริษัท Kongsberg นอร์เวย์) 8-16นัด(https://aagth1.blogspot.com/2018/06/nsm-lcs.html)
-ระบบป้องกันระยะประชิด CIWS(Close In Weapon System) อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ RIM-116 RAM(Rolling Airframe Missile) ในแท่นยิงแบบ Mk 49 ความจุ 21นัด
โรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ท้ายเรือรองรับเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทางทะเล Sikorsky MH-60R Seahawk ได้ 2ลำ รวมถึง Sonar ลากท้าย และเป้าลวง MK 53 MOD 9 NULKA