วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2568

เอสโตเนียเสร็จสิ้นการรับมอบปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง CAESAR 6x6 ฝรั่งเศสครบ 12ระบบ

Estonia completes CAESAR 6x6 SPH procurement





EDF conscripts conducted their first live-fire exercises with CAESAR SPHs in March using the domestically produced Tooru fire-control system. (EDF)



กองทัพเอสโตเนีย(EDF: Estonian Defence Forces, Eesti Kaitsevägi) ได้รับมอบปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง CAESAR Mk I 6x6 155mm SPH(Self-Propelled Howitzer) จากฝรั่งเศสเพิ่มเติมจำนวน 6ระบบ
ศูนย์การลงทุนด้านกลาโหมเอสโตเนีย(ECDI: Estonian Centre for Defence Investments) ประกาศเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2025 ปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง CAESAR Mk I จะเข้าประจำการในกรมทหารปืนใหญ่ของกองพลเอสโตเนีย(Estonian Division)

การส่งมอบได้เสร็จสิ้นการจัดซื้อจัดจ้างปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง CAESAR ของเอสโตเนียที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2024 เมื่อ ECDI เอสโตเนียลงนามสัญญากับสำนักงานจัดหากลาโหมฝรั่งเศส(DGA: Direction Générale de l'Armement)
และบริษัท KNDS ฝรั่งเศสสำหรับปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง CAESAR Mk I จำนวน 12ระบบ โดยมีตัวเลือกสำหรับการจัดหาเพิ่มเติมอีกหลายระบบ(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/caesar-mkii-109.html)

ปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง CAESAR Mk I ชุดแรกจำนวน 6ระบบได้มาถึงเอสโตเนียในช่วงเริ่มต้นของปี 2025 และกองร้อยยิงปืนใหญ่ที่สองของกรมทหารปืนใหญ่ได้ถูกบรรจุกำลังพลจากกำลังสำรองในเดือนกรกฎาคม 2025 ระหว่างห้วงการฝึก
ECDI เอสโตเนียเน้นว่าปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง CAESAR Mk I เป็นระบบอาวุธยิงเล็งจำลอง(indirect fire weapon) ที่ทำให้หน่วยต่างๆสามารถที่จะวางกำลังได้อย่างรวดเร็วตลอดระยะทางที่ห่างไกล

และปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง CAESAR Mk I สามารถโจมตีเป้าหมายต่างๆที่ระยะยิงเกินกว่า 40km ด้วยขนาดลำกล้องมาตรฐานทำให้สามารถใช้กระสุนปืนใหญ่ขนาด 155mm มาตรฐาน NATO ได้หลากหลายแบบ
การนำระบบอัตโนมัติอย่างมีระดับมาใช้ผสมผสานกับความเรียบง่ายทำให้กำลังพลประจำปืนใหญ่สามารถถูกฝึกได้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ตามข้อมูลจากศูนย์การลงทุนด้านกลาโหมเอสโตเนีย ECDI

ซึ่ง ECDI เอสโตเนียเสริมว่าปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง CAESAR ได้ถูกใช้งานแล้วเป็นจำนวนมากในหลายประเทศสร้างความมั่นใจในการส่งกำลังบำรุงในและความพร้อมของอะไหล่ต่างๆในระยะยาว
(รวมถึงกองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army) จำนวน ๖ระบบในกองพันทหารปืนใหญ่ที่๗๒๑ กรมทหารปืนใหญ่ที่๗๒ ป.๗๒ พัน.๗๒๑ กองพลทหารปืนใหญ่)(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/blog-post.html)

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ทหารกองประจำการชุดแรกของกองพันทหารปืนใหญ่ กองพลเอสโตเนีย กองทัพบกเอสโตเนีย(Estonian Land Forces, Maavägi) ได้เริ่มต้นการฝึกเพื่อใช้งานปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง CAESAR
ในฐานะส่วนหนึ่งของหลักสูตรหน่วยย่อยกองร้อยปืนใหญ่ โดยการฝึกยิงด้วยกระสุนจริงมีขึ้นครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2025 โดยการใช้ระบบควบคุมการยิง(FCS: fire-control system) แบบ Tooru ของเอสโตเนียเองครับ

วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2568

คณะรัฐมนตรีไทยอนุมัติการแก้ไขสัญญาเครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า CHD620 สำหรับเรือดำน้ำ S26T กองทัพเรือไทย
















Thailand's Cabinet approved to amend government-to-government (G-to-G) contract on CHD620V16H6 diesel generator engine for Royal Thai Navy (RTN) S26T Submarine programme on 5 August 2025.
The presentation video realesed on RTN's official social media account also seen new photos of testing Chinese Henan Diesel Engine Co., Ltd (HND) CHD620V16H6 diesel generator engine for 8 of Pakistan Navy (PN) Hangor-class and one RTN S26T Submarine. (Royal Thai Navy)



กองทัพเรือ เดินหน้าโครงการจัดหาเรือดำน้ำเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลของประเทศ
กองทัพเรือ ขอขอบคุณคณะรัฐมนตรีที่ได้มีมติเห็นชอบ ให้แก้ไขข้อตกลงฯเปลี่ยนเครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและขยายระยะเวลาการส่งมอบเรือดำน้ำ ซึ่งทำให้กองทัพเรือสามารถเดินหน้าโครงการจัดหาเรือดำน้ำได้ และจะทำให้กองทัพเรือมีขีดความสามารถของกำลังทางเรือที่ครบสมบูรณ์ทั้งมิติผิวน้ำ มิติเหนือน้ำ และมิติใต้น้ำ 
รวมทั้งจะเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านความมั่นคงและรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของประเทศเพิ่มมากขึ้นด้วย ทั้งนี้การดำเนินการแก้ไขข้อตกลงฯ เป็นไปด้วยความรอบคอบ โปร่งใส ภายใต้กรอบกฎหมายโดยผ่านการพิจารณาจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอน จนสามารถเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
กองทัพเรือขอยืนยันว่า นโยบายควบคุมการส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ (Embargo Policy)ของสหภาพยุโรป ที่ได้ประกาศนั้นเกิดขึ้น ในปี พ.ศ.2562 ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากการลงนามในข้อตกลงจ้างสร้างเรือดำน้ำ ซึ่งมีผลเมื่อปี 2560 ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องแก้ไขข้อตกลงฯ และการแก้ไขข้อตกลงฯ ครั้งนี้ ยังได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมต่าง ๆ 
ได้แก่ การขยายระยะเวลาการรับประกันและอะไหล่ การฝึกอบรมกำลังพล และสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมถึงการสนับสนุนเครื่องฝึกจำลองควบคุมเรือดำน้ำ (Simulator) เพื่อเป็นการเสริมสร้างประสิทธิภาพและความพร้อมของเรือดำน้ำอย่างยั่งยืน รวมทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเรือดำน้ำในอนาคต
​สำหรับเครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่จะใช้กับเรือดำน้ำ ได้รับการตรวจทดสอบทดลองคุณภาพแล้ว มีขีดสมรรถนะและความปลอดภัยเทียบเท่าหรือดีกว่ารุ่นเดิม และได้รับการรับรองจากสถาบันจัดชั้นเรือระดับโลก คือ Lloyd’s Register สหราชอาณาจักร รวมทั้งได้มีการใช้งานจริงในเรือดำน้ำของประเทศคู่สัญญารายอื่นซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่กองทัพเรือจัดหา  
ขอให้พี่น้องประชาชนจงเชื่อมั่นว่า กองทัพเรือพร้อมที่จะใช้งานอาวุธ ยุทโธปกรณ์ ให้คุ้มค่ามากที่สุด เพื่อปกป้องเอกราช อธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวมทั้งช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในทุกสถานการณ์

การประชุมคณะรัฐมนตรีไทยที่มีขึ้นทุกวันอังคารของสัปดาห์เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘(2025) ได้มีการเห็นชอบการอนุมัติโครงการทางกลาโหมหลายโครงการ ในส่วนของกองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy) รวมถึงการอนุมัติงบประมาณวงเงินราว ๑๗,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($533,617,930) สำหรับโครงการจัดหาเรือฟริเกตใหม่ระยะที่๑ จำนวน ๑ลำจาก ๒ลำที่จะสร้างในไทยในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๙(2026)
และการเห็นชอบการแก้ไขสัญญาแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล(G-to-G: government-to-government) สำหรับโครงการเรือดำน้ำ S26T จีน หลังจากที่กระทรวงกลาโหมไทยได้ให้ความเห็นชอบในการแก้ไขสัญญาก่อนหน้าในปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๘ ก่อนจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘ ซึ่งเป็นความคืบหน้าที่สำคัญของโครงการที่ล่าช้าและยืดเยื้อมายาวนาน

กองทัพเรือไทยได้เผยแพร่วีดิทัศน์ประชาสัมพันธ์การชี้แจงรายละเอียดการแก้ไขสัญญาแบบรัฐต่อรัฐเพื่อเดินหน้าโครงการจัดหาเรือดำน้ำ S26T จีนตามมาทางช่องทางสื่อสังคม online ของตน โดยสาระสำคัญคือการแก้ไขข้อตกลงในการเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า CHD620V16H6 ที่พัฒนาโดยบริษัท Henan Diesel Engine Co., Ltd(HND) ผู้พัฒนาผลิตเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับใช้งานทางเรือของจีน
ทดแทนเครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า MTU 16V396SE84-GB31L สำหรับเรือดำน้ำจากเยอรมนี ซึ่งเยอรมนีได้ปฏิเสธที่จะส่งออกให้จีนตามการเพิ่มความเข้มงวดมาตรการคว่ำบาตรทางทหารต่อจีนของสหภาพยุโรป(EU: European Union) ในปี พ.ศ.๒๕๖๒(2019) และบริษัท MTU เยอรมนีได้ปิดสายการผลิตเครื่องยนต์ตระกูล MTU 396 ในปี พ.ศ.๒๕๖๓(2020)(https://aagth1.blogspot.com/2023/08/chd620v16h6.html

วีดิทัศน์ยังได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมใหม่ๆเกี่ยวกับความคืบหน้าของโครงการจัดหาเรือดำน้ำ S26T ระยะที่๑ หนึ่งลำแรกที่ลงนามสัญญาเมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๐(2017) และทำพิธีวางกระดูกงูเรือลำแรกเมื่อวันที่ ๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๒(2019)(https://aagth1.blogspot.com/2019/09/s26t.html) ณ อู่เรือ Wuchang Shipbuilding Industry Group Company Ltd(WSIG) ในนคร Wuhan สาธารณรัฐประชาชนจีน
ว่าขณะนี้เรือดำน้ำ S26T สำหรับกองทัพเรือไทยมีสถานะการสร้างตัวเรือล่าสุดอยู่ที่ร้อยละ๖๔ ซึ่งจนถึงขณะนี้ได้มีการชำระเงินไปแล้วประมาณ ๗,๗๒๔,๑๔๐,๕๒๒บาท($238,915,622) หรือร้อยละ๖๓ เหลือที่ต้องชำระอีก ๕,๕๔๐,๘๕๙,๔๗๘บาท($171,384,490) หรือร้อยละ๓๗ การแก้ไขสัญญายังจะยืดระยะเวลาการส่งมอบเรือออกไปอีก ๑,๒๐๗วัน ซึ่งในทางปฏิบัติอาจจะสามารถร่นระยะเวลาในสั้นกว่านี้ได้

ภาพประกอบในวีดิทัศน์ยังได้แสดงให้เห็นถึงการตรวจทดสอบทดลองคุณภาพของเครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า CHD620V16H6 ที่จีนเป็นเวลามากกว่า ๖,๐๐๐ชั่วโมงภายใต้มาตรฐานทางทหารแห่งชาติ(National Military Standard) หรือมาตรฐาน GJB(Guo-jia Jun-yong) ของจีน และได้รับการรับรองจากสถาบันจัดชั้นเรือ Lloyd’s Register สหราชอาณาจักรในปี 2020-2025 
เรือดำน้ำ S26T ของไทยจะติดตั้งเครื่องยนต์ CHD620 จำนวน ๓เครื่องในแต่ละลำเช่นเดียวกับเรือดำน้ำชั้น Hangor ทั้ง ๘ลำของกองทัพเรือปากีสถาน(PN: Pakistan Navy) ที่ ๔ลำแรกต่อในจีน และ ๔ลำหลังที่อู่เรือ Karachi ในปากีสถานและมีการทดสอบเครื่องยนต์เพิ่มเป็นเวลา ๑,๑๐๐ชั่วโมงหรือ ๕ปีรวมใช้เครื่องยนต์ ๒๔เครื่อง โดยติดตั้งเครื่องยนต์ในเรือดำน้ำไปแล้ว ๓ลำ(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/hangor-pns-shushuk.html)

วีดิทัศน์ยังกล่าวว่ากองทัพเรือไทยได้รับข้อเสนอจาก China Shipbuilding & Offshore International Company(CSOC) กิจการการค้าและส่งออกของ China State Shipbuilding Corporation(CSSC)  กลุ่มรัฐวิสาหกิจผู้สร้างเรือจีน และกระทรวงกลาโหมจีนในการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในกรอบวงเงินรวมประมาณ ๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($24,744,824) เพื่อชดเชยความล่าช้าที่รวมถึง
๑.การขยายระยะเวลาการรับประกันเครื่อง อะไหล่ และการสนับสนุนด้านเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงจาก ๒ปีเป็น ๘ปี พร้อมการฝึกอบรมด้านการซ่อมบำรุงเป็นวงเงินราว ๗๕,๐๐๐,๐๐๐บาท($2,319,827) ๒.การมอบยุทโธปกรณ์ที่กองทัพเรือไทยต้องจัดหาในอนาคตรวมวงเงินราว ๑๒๕,๐๐๐,๐๐๐บาท($3,866,379) ๓.สนับสนุนเครื่องฝึกจำลองการควบคุมเรือดำน้ำ(simulator) พร้อมยุทโธปกรณ์อื่นๆรวมวงเงินราว ๖๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($18,558,618)

กองทัพเรือไทยไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จะได้รับการจัดหาผ่านข้อเสนอความช่วยเหลือนี้ แต่มีการพูดคุยในสื่อสังคม online ของจีนว่าน่าจะรวมถึง Torpedo หนักขนาด 533mm ยิงจากเรือดำน้ำรุ่นส่งออกแบบ ET-39 หรือ ET-40 หรือรุ่นส่งออกของ Torpedo หนักแบบ Yu-10 แบบล่าสุดของกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAN: People's Liberation Army Navy) ที่เข้าประจำการในปี 2015
โดยเพิ่งจะมีการทดสอบยิงจริงของ torpedo แบบ Yu-10 จากเรือดำน้ำชั้น Type 039B(NATO กำหนดรหัสชั้น Yuan) ที่เป็นพื้นฐานของเรือดำน้ำ S26T ไทยและเรือดำน้ำชั้น Hangor ปากีสถานเมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๘ แต่ข้อมูลอีกด้านเชื่อว่าจะเป็น torpedo หนักแบบ ET38 ซึ่งเป็นรุ่นส่งออกที่มีพื้นฐานจาก torpedo หนักแบบ Yu-6 รุ่นเก่ากว่า ในจำนวนอย่างน้อยมากกว่า ๔นัด

โดย Torpedo หนักรุ่นส่งออกที่จะยิงจากเรือดำน้ำเหล่ามีคุณสมบัติเบื้องต้นนำวิถีผ่านเส้นลวด(wire guided), เสียงเชิงรับและเชิงรุก และพลิ้วคลื่น(wake homing) ทำความเร็วได้มากกว่า 50knots และมีระยะยิงไม่น้อยกว่า 50km ซึ่งสามารถโจมตีได้เป้าหมายเรือผิวน้ำและเรือดำน้ำที่กำลังเคลื่อนที่ ระบบอาวุธอื่นๆยังน่าจะรวมถึงทุ่นระเบิดทะเลแบบ Smart Sea Mine ที่ปล่อยจากท่อยิง torpedo ของเรือดำน้ำ
และอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นยิงจากท่อยิง torpedo ของเรือดำน้ำขณะดำใต้น้ำแบบ CM-708UNB จำนวนมากกว่า ๖นัด ที่เป็นรุ่นส่งออกของอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำตระกูล YJ-82/YJ-83 ซึ่งมีระยะยิงไกลถึง 290km และโจมตีได้ทั้งเป้าหมายเรือผิวน้ำและเป้านิ่งบนชายฝั่ง อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตว่าวงเงินที่ระบุในข้างต้นน้อยเกินไปที่จะจัดหา Torpedo และอาวุธปล่อยนำวิถีได้ในจำนวนที่กล่าวมานี้ครับ

วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2568

คณะรัฐมนตรีไทยอนุมัติการจัดหาเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F ระยะที่๑ จำนวน ๔เครื่องแรก

Thailand approves acquisition of four Saab Gripen fighters



Thai cabinet greenlights purchase of four Gripen E/F fighters in $587 million deal. 
Thailand is the third country to order the Gripen E/F after Sweden and Brazil. Source: Saab



There are many rumours spreading at the moment regarding the purchase of Gripen fighter jets by the Royal Thai Air Force.
There has been no decision taken to suspend further Gripen sales to Thailand.

สวีเดน ยืนยัน ไม่ระงับ การขายเครื่องบิน Gripen E/F ให้ไทย
สถานทูตสวีเดน ประจำประเทศไทย ชี้แจงกรณีที่ปรากฏข่าวที่แพร่หลายไปในขณะนี้เกี่ยวกับการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Gripen โดย กองทัพอากาศไทย  ขอเรียนว่า ยังไม่มีการตัดสินใจใด ๆ เพื่อระงับการจำหน่ายเครื่องบินขับไล่ให้แก่ประเทศไทย
ข้อมูลโดยเพจ : Embassy of Sweden in Bangkok

Saab JAS 39 Gripen E/F ... Ready for Take Off
ครม.อนุมัติจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ทดแทนแบบ Saab JAS 39 Gripen ให้กองทัพอากาศเสริมความแข็งแกร่งเพื่อดำรงขีดความสามารถในการรักษาอธิปไตยเหนือน่านฟ้าสืบไป

คณะรัฐมนตรีรัฐบาลไทยได้อนุมัติการจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๒๐ข/ค บ.ข.๒๐ข/ค Saab JAS 39 Gripen E/F ระยะที่๑ จำนวน ๔เครื่องแรกจากทั้งหมด ๑๒เครื่องสำหรับกองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) ในการประชุมคณะรัฐมตรีไทยเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘(2025)

ข้อตกลงโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๒๐ข/ค บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F ระยะที่๑ ในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๙(2026) สำหรับมีมูลค่าที่วงเงินประมาณ ๑๙,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($587 million)
และครอบคลุมเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๒๐ข บ.ข.๒๐ข Gripen E รุ่นที่นั่งเดี่ยวจำนวน ๓เครื่อง และเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๒๐ค บ.ข.๒๐ค Gripen F รุ่นที่นั่งเดี่ยวจำนวน ๑เครื่อง ตามรายงานของสื่อไทยที่อ้างอิงเจ้าที่ทางการของรัฐบาลไทย

การลงนามสัญญาจัดหาอย่างเป็นทางการระหว่างกองทัพอากาศไทยและบริษัท Saab สวีเดนผู้ผลิตกับสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์กลาโหมสวีเดน(Defence Material Administration, FMV: Försvarets materielverk)
มีกำหนดที่จะมีขึ้นที่สวีเดนในวันที่ ๒๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘ ตามการเดินทางเยือนสวีเดนของผู้บัญชาการทหารอากาศไทย พลอากาศเอก พันธ์ภักดี  พัฒนกุล โดยการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F ระยะที่๑ จำนวน ๔เครื่องแรกคาดว่าจะมีขึ้นภายในปี พ.ศ.๒๕๗๒(2029)

การจัดหาเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F ระยะที่๑ จำนวน ๔เครื่องแรกจะมีระยะเวลาดำเนินการในช่วงปี พ.ศ.๒๕๖๘-พ.ศ.๒๕๗๒(2025-2029) การจัดหาระยะที่๒ จำนวน ๔เครื่องที่ประกอบด้วย บ.ข.๒๐ข Gripen E จำนวน ๓เครื่อง และ บ.ข.๒๐ค Gripen F จำนวน ๑เครื่อง จะมีระยะเวลาดำเนินการในช่วงปี พ.ศ.๒๕๗๑-พ.ศ.๒๕๗๕(2028-2032)
และการจัดหาระยะที่๓ จำนวน ๔เครื่องที่ประกอบด้วย บ.ข.๒๐ข Gripen E จำนวน ๔เครื่องจะมีระยะเวลาดำเนินการในช่วงปี พ.ศ.๒๕๗๓-พ.ศ.๒๕๗๗(2030-2034) โดยจะถูกนำเข้าประจำการ ณ  ฝูงบิน๑๐๒ กองบิน๑ โคราช โดยจะเข้าประจำการครบทั้ง ๑๒เครื่องภายในปี พ.ศ.๒๕๗๘-พ.ศ.๒๕๗๙(2035-2036)

ชุดการขายได้รวมถึง AESA(Active Electronically Scanned Array) radar ที่เครื่องบินขับไล่ Gripen E/F ได้ติดตั้งระบบ AESA radar แบบ Leonardo Raven ES-05 ที่มีขีดความสามารถการตรวจจับ กำหนด และโจมตีเป้าหมายทั้งภาคอากาศสู่อากาศและอากาศสู่พื้น
เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๘ กองทัพอากาศไทยได้ประกาศการเลือกเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F สวีเดนอย่างเป็นทางการซึ่งมาพร้อมกับชุดการชดเชย(offset) อย่างครอบคลุม(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/gripen-ef.html)

องค์ประกอบอื่นๆในข้อตกลงยังรวมถึงอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยยิงนอกระยะสายตา(BVRAAM: Beyond-Visual-Range Air-to-Air Missile) แบบ MBDA Meteor ที่ไม่ระบุจำนวน(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/tai-saab-340-erieye.html)
บริษัท Saab สวีเดนจะยังปรับปรุงเครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศแบบที่๑ บ.ค.๑ Saab 340 ERIEYE AEW(Airborne Early Warning) จำนวน ๒เครื่องที่ประจำการ ณ ฝูงบิน๗๐๒ กองบิน๗ สุราษฎร์ธานี ให้เป็นมาตรฐานเครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศ Saab 340 ERIEYE AEW&C(Airborne Early Warning and Control) ด้วย

เครื่องบินขับไล่แบบที่ ๒๐ข/ค บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F จะทดแทนทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๑๙/ก บ.ข.๑๙/ก Lockheed Martin F-16A/B ADF ฝูงบิน๑๐๒ กองบิน๑ โคราช  ของกองทัพอากาศไทย
ภายใต้โครงการเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๑๙/ก บ.ข.๑๙/ก F-16A/B บริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯได้เสนอเครื่องบินขับไล่ F-16C/D Block 70/72 ของตนพร้อมการเสนอข้อตกลงชดเชย offset หลากหลายรูปแบบ

ความเห็นวิเคราะห์
ปัจจุบันกองทัพอากาศไทยมีประจำการด้วยเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐/ก Gripen C/D ณ ฝูงบิน๗๐๑ กองบิน๗ สุราษฎร์ธานี จำนวน ๑๑เครื่องแล้ว(แบ่งเป็นเครื่องบินขับไล่แบบที่๒๐ บ.ข.๒๐ Gripen C ที่นั่งเดี่ยวจำนวน ๗เครื่อง และเครื่องบินขับไล่แบบที่๒๐ก บ.ข.๒๐ก Gripen D สองที่นั่งจำนวน ๔เครื่อง) 
และจะเป็นลูกค้าสำหรับเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F รายที่สามต่อจากกองทัพอากาศสวีเดน(SwAF: Swedish Air Force, Svenska flygvapnet) และกองทัพอากาศบราซิล(Brazilian Air Force, FAB: Força Aérea Brasileira)(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/gripen-ef-kfir.html

กองทัพอากาศไทยยังเป็นผู้ใช้งานเครื่องบินขับไล่ตระกูล Saab Gripen สวีเดนรายแรกของโลกที่นำเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐/ก Gripen C/D ของตนใช้ในการรบจริงด้วยการโจมตีทางอากาศสนับสนุนกองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army) ในการปะทะจากข้อพิพาทเหนือพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาระหว่างวันที่ ๒๔-๒๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘
ก่อนหน้าการประชุมคณะรัฐมนตรีไทยที่มีขึ้นทุกวันอังคารของสัปดาห์ที่การประชุมในวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๘ ได้มีการอนุมัติโครงการกลาโหมของกองทัพไทยหลายโครงการ สถานเอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทยได้ปฏิเสธอย่างเป็นทางการต่อข่าวปลอมที่เผยแพร่ออกมาว่าสวีเดนอาจจะไม่ขายเครื่องบินขับไล่ Gripen เพิ่มให้แก่ไทยครับ

วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2568

สเปนถอนความสนใจที่มีก่อนหน้าในเครื่องบินขับไล่ F-35B และ F-35A สหรัฐฯ

Spain withdraws earlier stated interest in F-35







Spain has said that it is now no longer interested in acquiring either the F-35A or F-35B (pictured), focusing instead on the Eurofighter and FCAS only. (Crown Copyright, US Air Force)

สเปนได้ถอนความสนใจที่ตนระบุก่อนหน้าในการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35 Lightning II สหรัฐฯ(https://aagth1.blogspot.com/2022/10/ef-18-hornet-av-8b-harrier-ii.html) ในฐานะการทดแทนบางส่วนที่เป็นไปได้สำหรับ
เครื่องบินขับไล่ Boeing EF-18 Hornet ของกองทัพอากาศและอวกาศสเปน(Spanish Air and Space Force, EdAE: Ejército del Aire y del Espacio) และเครื่องบินโจมตี McDonnell Douglas AV-8B Harrier II ของกองทัพเรือสเปน(Spanish Navy, Armada)

กระทรวงกลาโหมสเปนยืนยันกับ Janes เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2025 ว่าแผนการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องบินรบในอนาคตของตนขณะนี้กำลังมุ่งเน้นที่เครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon
และเครื่องบินขับไล่ยุคหน้า NGF(New Generation Fighter) ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้โครงการระบบการรบทางอากาศอนาคต FCAS/SCAF(Future Combat Air System/Système de Combat Aérien du Futur) กับฝรั่งเศสและเยอรมนี(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/airbus-fcasscaf-dassault.html)

ตามข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมสเปน "ตัวเลือกของสเปนมีความเกี่ยวข้องกับเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon ในปัจจุบันและโครงการ FCAS ในอนาคต"(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/fcasscaf.html)
ตามรายงานก่อนหน้าในหนังสือพิมพ์สเปน El País ซึ่งรัฐมนตรีในรัฐบาลสเปนกล่าวว่าแผนการจัดซื้อจัดจ้างทางกลาโหมของสเปนจะมุ่งเน้นไปที่อาวุธยุทโธปกรณ์ของยุโรป(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/airbus-a330-mrtt-3.html)

กระทรวงกลาโหมสเปนกล่าวกับ Janes ครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 2021 ว่าสเปนได้ร้องขอข้อมูลเกี่ยวกับทั้งเครื่องบินขับไล่ F-35A รุ่นบินขึ้นลงตามแบบ(CTOL: Conventional Take-Off and Landing)
และเครื่องบินขับไล่ F-35B รุ่นบินขึ้นระยะสั้นและลงจอดทางดิ่ง(STOVL: Short Take-Off and Vertical Landing)(https://aagth1.blogspot.com/2021/11/eurofighter-typhoon-f-35-ef-18-hornet.html)

ในเวลาเดียวกับที่ร้องขอข้อมูลเกี่ยวกับรุ่นการเพิ่มขยายการพัฒนาการระยะยาว(LTE: Long-Term Evolution) ของเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon
กองทัพอากาศสเปนได้ทำสัญญาจัดหาเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon Tranche 4 จำนวน 20เครื่องภายใต้โครงการ Halcon I แล้ว ที่จะส่งมอบตั้งแต่ปี 2026(https://aagth1.blogspot.com/2022/06/eurofighter-typhoon-halcon.html)

ตามมาด้วยการทำสัญญาเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon ใหม่จำนวน 25เครื่องที่จะถูกจัดหาภายใต้โครงการ Halcon II ในเดือนธันวาคม 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/eurofighter-typhoon-halcon-ii-25.html
โดยเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon Tranche 4+ จำนวน 25เครื่องภายใต้โครงการ Halcon II จะมีขึ้นในฐานะการทดแทนบางส่วนสำหรับเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว EF-18A และเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง EF-18B Hornet จำนวน 91เครื่องของกองทัพอากาศสเปน

ขณะที่เครื่องบินโจมตี EAV-8B/TAV-8B Harrier II+ ของกองทัพเรือสเปนจำนวน 13เครื่องที่ปัจจุบันปฏิบัติการบนเรือยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์อู่ลอย L61 Juan Carlos I(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/sirtap-juan-carlos-i.html
สเปนมีแผนที่จะเริ่มปลดประจำการเครื่องบินโจมตี Harrier II ของตนในต้นปี 2030s ซึ่งเดิมมองที่จะจะทดแทนด้วยเครื่องบินขับไล่ F-35B จำนวน 25เครื่องครับ(https://aagth1.blogspot.com/2021/11/f-35.html)

วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ปากีสถานนำเฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME จีนเครื่องแรกเข้าประจำการ

Pakistan inducts first Z-10ME helicopter into service





The Changhe Z-10ME attack helicopter can be armed with a variety of air-launched munitions. The Pakistan Army has inducted its first Z-10ME attack helicopter. (Directorate of the Inter-Services Public Relations)



กองทัพบกปากีสถาน(PA: Pakistan Army) ได้นำเฮลิคอปเตอร์โจมตี Changhe Z-10ME จีนเครื่องแรกของตนเข้าประจำการแล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/z-10.html
เพื่อเสริมกำลัง "การตอบสนองสนามรบบูรณาการ" ของตน กรมการประชาสัมพันธ์ระหว่างเหล่าทัพ(ISPR: Directorate of the Inter-Services Public Relations) กองทัพปากีสถาน(Pakistan Armed Forces) ได้ประกาศ

เฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME ได้ถูกนำเข้าประจำการในกองทัพบกปากีสถานระหว่างการเยือนของผู้บัญชาการกองทัพบกปากีสถาน(COAS: Chief of Army Staff) จอมพล Syed Asim Munir
ณ ค่าย Multan Garrison ทางตอนกลางของปากีสถาน กรมการประชาสัมพันธ์ระหว่างเหล่าทัพ ISPR กองทัพปากีสถานกล่าวเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/z-10me.html)

ค่าย Multan เป็นที่ตั้งของกองพลน้อยยานเกราะและกองพันบินเฮลิคอปเตอร์โจมตีหลายหน่วยของกองทัพบกปากีสถาน ตามข้อมูลจากกรมการประชาสัมพันธ์ระหว่างเหล่าทัพ ISPR กองทัพปากีสถาน
สื่อของปากีสถาน และฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกองทัพปากีสถาน เฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME จะปรับปรุงความทันสมัยของกองการบินกองทัพบกปากีสถาน(AVN: Pakistan Army Corps of Aviation)

ขณะที่เพิ่มขยายขีดความสามารถของกองทัพบกปากีสถานที่จะดำเนินการตอบโต้แบบบูรณาการในสนามรบ เฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME จะเสริมกำลังกองทัพบกปากีสถานด้วย(https://aagth1.blogspot.com/2020/08/z-10.html)
"ขีดความสามารถที่จะส่งมอบการทำลายอย่างเด็ดขาดต่อศัตรูที่มีศักยภาพต่างๆ...Z-10ME เป็นระบบเฮลิคอปเตอร์โจมตีทุกาลอากาศ(ที่)สามารถปฏิบัติการโจมตีได้อย่างแม่นยำทั้งกลางวันและกลางคืน" ISPR กล่าวเสริม

ISPR ไม่ได้ระบุว่ามีเฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME จำนวนกี่เครื่องในชุดแรกที่ถูกนำเข้าประจำการในกองการบินกองทัพบกปากีสถาน ภาพวีดิทัศน์ที่เผยแพร่โดย ISPR ปากีสถานในสื่อสังคม online ทางการของตน
ปรากฏภาพแสดงถึงเฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME หนึ่งเครื่องที่มีหมายเลขแพนหาง 786-301 อยู่ในพิธีเข้าประจำการ ISPR ปากีสถานได้ตั้งข้อสังเกตว่ามี ฮ.โจมตี Z-10ME มากกว่า 1เครื่องที่ถูกนำเข้าประจำการ

ตามข้อมูลจาก ISPR ปากีสถาน จอมพล Munir "ได้เป็นสักขีพยานในการรับชมการสาธิตอำนาจการยิงโดยเฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME ที่นำเข้าประจำการใหม่" ณ สนามฝึกการใช้อาวุธ Muzaffargarh(MFFR: Muzaffargarh Field Firing Ranges)
อย่างไรก็ตามวีดิทัศน์การสาธิตอำนาจการยิงของ ISPR แสดงถึงเฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME เครื่องเดียวในการปฏิบัติการ ซึ่งที่วีดิทัศน์อื่นๆของการสาธิตซึ่งปรากฎในสื่อสังคม online แสดงเพียง ฮ.โจมตี Z-10ME หมายเลข 786-301 ในการปฏิบัติการเหนือสนามฝึก MFFR เท่านั้น

กองทัพบกปากีสถานมีความจำเป็นที่จะต้องแทนที่เฮลิคอปเตอร์โจมตี Bell AH-1 Cobra จำนวน 32เครื่องของตนที่มีอายุการใช้งานมานานเกือบ 40ปี ซึ่งเดิมตั้งใจจะทดแทนด้วยเฮลิคอปเตอร์โจมตี Bell AH-1Z Viper จำนวน 12เครื่องที่สั่งจัดหาจากสหรัฐในปี 2016
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะถูกสร้างเสร็จครบแล้วแต่รัฐบาลสหรัฐฯได้ปฏิเสธที่จะส่งมอบเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1Z ทั้ง 12เครื่องเหล่านี้แก่ปากีสถาน ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันว่านี่เป็นผลจากความตึงเครียดด้านความสัมพันธ์ระหว่างปากีสถาน-สหรัฐฯ

เช่นเดียวกับที่ปากีสถานได้ลงนามสัญญาจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตี Turkish Aerospace T129 ATAK จำนวน 30เครื่องจากตุรกี ที่ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้เนื่องจากสหรัฐฯระงับการส่งออกเครื่องยนต์ Turboshaft แบบ LHTEC T800 แก่ตุรกีที่เป็นระบบขับเคลื่อนของเฮลิคอปเตอร์โจมตี T129 
จากผลจากความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างตุรกี-สหรัฐฯ(https://aagth1.blogspot.com/2022/03/t129b-atak.html, https://aagth1.blogspot.com/2021/05/t129b-2021.html, https://aagth1.blogspot.com/2021/05/t129b-atak.html)

โดยที่มีปากีสถานเป็นลูกค้าส่งออกรายแรกที่ได้ถูกยืนยันแล้ว Aviation Industry Corporation of China(AVIC) กลุ่มรัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมการบินของสาธารณรัฐประชาชนจีนกำลังทำการตลาดของเฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME รุ่นส่งออกของตน
ที่มีการเปิดตัวนอกประเทศเป็นครั้งแรก ณ งานแสดงการบินนานาชาติ Singapore Airshow 2024 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-25 กุมภาพันธ์ 2024 ที่สิงคโปร์ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2020/02/z-10-t129-ah-1z.html)

วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2568

โปแลนด์สั่งจัดหารถถังหลัก K2 เกาหลีใต้เพิ่ม 180คัน

Poland orders more K2 MBTs, support vehicles







Poland has signed the second executive contract with Hyundai Rotem for 180 more K2 MBTs. (Ministry of National Defence of Poland)



สำนักงานสรรพาวุธ(AA: Armaments Agency) โปแลนด์ภายใต้กระทรวงกลาโหมโปแลนด์ เป็นตัวแทนกระทรวงการคลังโปแลนด์ในการลงนามสัญญาการบริหารที่สองกับบริษัท Hyundai Rotem สาธารณรัฐเกาหลี
สำหรับรถถังหลัก K2 MBT(Main Battle Tank) เพิ่มเติม ณ โรงงานเครื่องจักร Zakłady Mechaniczne Bumar-Łabędy ใน Gliwice โปแลนด์เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2022/10/k239-chunmoo-k2-k9.html)

Bumar-Łabędy โปแลนด์กล่าวภายหลังใน website ของตนในวันเดียวกันว่าสัญญาวงเงิน $6.5 billion สำหรับรถถังหลัก K2 จำนวน 180คัน(https://aagth1.blogspot.com/2022/07/k2-k9.html) และรถสนับสนุนต่างๆรวมถึง
รถเกราะกู้ซ่อม(ARV: Armoured Recovery Vehicle) จำนวน 31คัน, รถเกราะทหารช่าง(AEV: Armoured Engineer Vehicle) จำนวน 25คัน, และรถเกราะวางสะพาน(AVLB: Armoured Vehicle Launched Bridge) จำนวน 25คัน

ตามข้อมูลจากสื่อประชาสัมพันธ์ที่เผยแพร่โดยสำนักงานสรรพาวุธโปแลนด์เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2025 สัญญาครอบคลุมการส่งมอบรถถังหลัก K2 จำนวน 180คันในระหว่าง 2026-2030 แบ่งเป็น
ในรูปแบบรถถังหลัก K2GF ที่ประจำการแล้วในปัจจุบันจำนวน 116คันที่จะส่งมอบในระหว่างปี 2026-2027 และรูปแบบรถถังหลัก K2PL รุ่นเฉพาะของโปแลนด์จำนวน 64คันระหว่างปี 2028-2030 รถสนับสนุนต่างๆจะถูกส่งมอบในปี 2029-2031

ภายใต้สัญญารถถังหลัก K2PL จำนวน 3คันแรกจะถูกผลิตในสาธารณรัฐเกาหลี(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/hyundai-rotem-ng-mbt.html) และเป็นการเปลี่ยนรูปแบบจากรุ่นรถถังหลัก K2GF จะถูกทดสอบ
โดยการประกอบขั้นสุดท้ายของรถถังหลัก K2PL จำนวน 61คันจะถูกดำเนินการโดยโรงงาน Bumar-Łabędy โปแลนด์(https://aagth1.blogspot.com/2022/09/hyundai-rotem-kongsberg.html)

สัญญายังรวมถึงชุดการฝึกและการส่งกำลังบำรุง และการส่งมอบเครื่องกระสุนที่สำคัญ(รวมถึงกระสุนปืนใหญ่รถถังขนาด 120mm และกระสุนขนาดเล็กต่าง) ชุดการส่งกำลังบำรุงต่างๆรวมถึง
ชิ้นส่วนอะไหล่, ชุดเครื่องมือพิเศษ, อุปกรณ์ทดสอบ, เครื่องมือการซ่อมบำรุง, และเอกสารทางเทคนิค ชุดการฝึกรวมถึงกระสุนฝึก, ระบบการฝึกที่ติดตั้งรวมในเครื่องจำลองสถานการณ์ simulator และการฝึกของผู้ฝึกสอน, พลประจำรถ และช่างเทคนิค

โปแลนด์กำลังจะจัดหารถถังหลัก K2 จำนวน 1,000คัน ซึ่งรถถังหลัก K2 ชุดแรกจำนวน 180คันที่ลงนามสัญญาในเดือนกรกฎาคม 2022 มีกำหนดส่งมอบในช่วงปี 2022-2025 โดยรถถังหลัก K2GF ชุดแรกจำนวน 10คันถูกเปิดตัวในเดือนตุลาคม 2022
ตามมาด้วยการเปิดสายการผลิตในโปแลนด์และส่งมอบรถถังหลัก K2PL คันแรกจาก 820คันในปี 2026 โปแลนด์เป็นลูกค้าส่งออกรายแรกสำหรับรถถังหลัก K2 Black Panther ที่สาธารณรัฐเกาหลีพัฒนาในประเทศครับ

วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ออสเตรเลียเลือกเรือฟริเกตชั้น Mogami รุ่นปรับปรุงสำหรับโครงการเรือฟริเกตอเนกประสงค์ใหม่

Australia selects upgraded Mogami class for frigate programme







The JMSDF's fifth Mogami-class frigate, JS Yahagi , seen here during a stop in Singapore. Australia will acquire an improved variant of the warship for its general purpose frigate programme. (Ching Chun Tseng)



ออสเตรเลียได้เลือกเรือฟริเกตชั้น Mogami รุ่นปรับปรุงของบริษัท Mitsubishi Heavy Industries(MHI) ญี่ปุ่น(https://aagth1.blogspot.com/2023/08/mogami.html
ในฐานะระบบที่พึ่งประสงค์สำหรับโครงการเรือฟริเกตอเนกประสงค์ของกองทัพเรือออสเตรเลีย(RAN: Royal Australian Navy) จำนวน 11ลำ(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/hunter-6.html)

การคัดเลือกนี้มีขึ้นตามกระบวนการประเมินค่าการแข่งขันและเรือฟริเกตชั้น Mogami รุ่นปรับปรุงได้ถูกประเมินว่าจะเป็นแบบเรือที่ดีที่สุดที่สามารถจะตรงความต้องการขีดความสามารถต่างๆอย่างรวดเร็ว
และความต้องการทางยุทธศาสตร์ของกองทัพออสเตรเลีย(ADF: Australian Defence Force) กระทรวงกลาโหมออสเตรเลียกล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2025

เรือฟริเกตอเนกประสงค์ใหม่จะทดแทนกองเรือฟริเกตชั้น Anzac ที่มีอายุการใช้งานมานานของกองทัพเรือออสเตรเลียที่เข้าประจำการตั้งแต่ปี 1990s(https://aagth1.blogspot.com/2024/05/anzac-ffh150-hmas-anzac.html)
เรือฟริเกตชั้น Mogami รุ่นปรับปรุงของบริษัท MHI ญี่ปุ่นมีพื้นฐานจากเรือฟริเกตชั้น Mogami ที่ประจำการในกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น(JMSDF: Japan Maritime Self-Defense Force) แล้ว

เรือฟริเกตชั้น Mogami รุ่นปรับปรุงของญี่ปุ่นได้เอาชนะข้อเสนอแบบเรือฟริเกต MEKO A-200 จากบริษัท thyssenkrupp Marine Systems(tkMS) เยอรมนีสำหรับโครงการเรือฟริเกตของออสเตรเลีย
"เรือฟริเกตชั้น Mogami รุ่นปรับปรุงมีระยะปฏิบัติการไกลถึง 10,000nmi, แท่นยิงแนวดิ่ง(VLS: Vertical Launch System) 32ท่อยิง และติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ และอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือ" ตามแถลงการณ์ที่ออกโดยกระทรวงกลาโหมออสเตรเลีย

"เรือจะทำหน้าที่เป็นเรือฟริเกตอเนกประสงค์ตั้งแต่แรกที่สามารถจะยิงอาวุธปล่อยนำวิถีป้องกันภัยทางอากาศ 32นัดถึง 128นัด มอบระบบอาวุธและระบบการรบที่ล้ำสมัยแก่ลูกเรือของเรา
ตามที่พวกเขาจำเป็นที่ต้องการชัยชนะในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนที่เพิ่มสูงมากขึ้น" รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมกลาโหมและการส่งมอบขีดความสามารถออสเตรเลีย Pat Conroy กล่าวในแถลงการณ์เดียวกัน

ในการเปรียบเทียบ กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นได้เลือกที่จะติดตั้งแท่นยิงแนวดิ่ง VLS จำนวน 16ท่อยิงบนเรือฟริเกตชั้น Mogami แต่ละลำของตน แม้ว่าไม่ใช่เรือฟริเกตชั้น Mogami ทุกลำที่ได้รับการติดตั้งแท่นยิง VLS
เรือฟริเกตชั้น Mogami ลำที่เจ็ด เรือฟริเกต FFM-7 JS Niyodo ที่มีพิธีขึ้นระวางประจำการเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/mogami-ffm-7-niyodo.html

และลำที่แปด เรือฟริเกต FFM-8 JS Yubetsu ที่มีพิธีขึ้นระวางประจำการเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2025(https://aagth1.blogspot.com/2023/11/mogami-ffm-8-yubetsu.html) เป็นเรือสองลำแรกที่ได้รับการติดตั้งแท่นยิง VLS แต่แรก
เช่นเดียวกับลำที่เก้า เรือฟริเกต FFM-9 JS Natori(https://aagth1.blogspot.com/2024/06/mogami-ffm-9-natori.html) ลำที่สิบ เรือฟริเกต FFM-10 JS Nagara และลำที่สิบเอ็ด เรือฟริเกต FFM-11 JS Tatsuta ที่มีพิธีปล่อยเรือลงน้ำล่าสุดเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2025 ที่จะเข้าประจำการในอนาคตครับ