วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

เกาหลีใต้จะปรับปรุงเรือดำน้ำชั้น KSS-II ด้วยระบบใหม่ 3ลำ

South Korea to upgrade three KSS-II submarines





ROKS Lee Beom-seok (SS 081), eighth submarine of the KSS-II class (pictured). HD HHI is upgrading three KSS-II-class submarines with new combat systems and sonars. (US Navy)

สำนักงานโครงการจัดหากลาโหม(DAPA: Defense Acquisition Program Administration) สาธารณรัฐเกาหลีได้ริเริ่มโครงการที่จะปรับปรุงเรือดำน้ำชั้น KSS-II หรือเรือดำน้ำชั้น Type 214 เยอรมนี
ที่ประจำการในกองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี(RoKN: Republic of Korea Navy) จำนวน 3ลำจากทั้งหมด 9ลำในชื่อเรือดำน้ำชั้น Son Won-il(https://aagth1.blogspot.com/2022/10/type-214.html)

โครงการมุ่งเป้าที่การปรับปรุงขีดความสามารถการตรวจการณ์และโจมตีต่างๆของเรือดำน้ำชั้น KSS-II(Type 214) จำนวน 3ลำ(https://aagth1.blogspot.com/2022/02/type-214.html)
และจะดำเนินการโดยบริษัท HD Hyundai Heavy Industries(HD HHI) สาธารณรัฐเกาหลี(https://aagth1.blogspot.com/2023/12/hd-hhi.html) DAPA สาธารณรัฐเกาหลีประกาศเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2025

ภายใต้โครงการ บริษัท HD HHI สาธารณรัฐเกาหลีจะแทนที่ระบบการรบต่างๆและระบบ sonar ลากท้ายของเรือดำน้ำชั้น KSS-II สามลำด้วยระบบที่มีความก้าวหน้ามากกว่า
เรือดำน้ำชั้น KSS-II สามลำจะยังได้รับการติดตั้งด้วย sonar หลีกเลี่ยงทุ่นระเบิดใหม่, sonar ค้นหา scan ด้านข้างใหม่, และสายอากาศทุ่นลอยใหม่ เพื่อเพิ่มขยายขีดความสามารถของเรือที่จะตรวจจับและระบุภัยคุกคามต่างๆ DAPA กล่าว

ระบบการรบใหม่ในเรือดำน้ำชั้น KSS-II เหล่านี้จะถูกพัฒนาภายในสาธารณรัฐเกาหลี DAPA เสริม ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าระบบ sonar จะถูกจัดหาจากระบบที่พัฒนาจากบริษัทต่างๆของสาธารณรัฐเกาหลีหรือของต่างประเทศ
DAPA สาธารณรัฐเกาหลีกล่าวว่าตนมีแผนที่จะขอรับการจัดสรรวงเงินราว 468.9 billion Korean Won($319 million) ภายในปี 2033 เพื่อเป็นงบประมาณสำหรับโครงการนี้

บริษัท HD HHI ประกาศเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2025 ว่าตนได้รับการประกาศสัญญาจากสำนักงานโครงการจัดหากลาโหมสาธารณรัฐเกาหลี DAPA เพื่อจะปรับปรุงเรือดำน้ำชั้น KSS-II สามลำที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 10ปี
เรือดำน้ำชั้น KSS-II ทั้งหมด 9ลำที่ถูกนำเข้าประจำการในระหว่างปี 2007-2020 ประกอบด้วยลำแรกเรือดำน้ำ SS-072 ROKS Son Won-il, ลำที่สองเรือดำน้ำ SS-073 ROKS Jeong Ji, ลำที่สามเรือดำน้ำ SS-075 ROKS An Jung-geun, ลำที่สี่เรือดำน้ำ SS-076 ROKS Kim Jwa-jin, 

ลำที่ห้า SS-077 ROKS Yun Bong-gil, ลำที่หกเรือดำน้ำ SS-078 ROKS Yu Gwan-sun, ลำที่เจ็ดเรือดำน้ำ SS-079 ROKS Hong Beom-do, ลำที่แปดเรือดำน้ำ SS-081 ROKS Lee Beom-seok, และลำที่เก้าเรือดำน้ำ SS-082 ROKS Shin Dol-seok
แม้ว่า HD HHI และ DAPA ไม่ได้เปิดเผยว่าเรือดำน้ำชั้น KSS-II สามลำใดที่จะได้รับการปรับปรุง แต่น่าจะเป็นไปได้มากว่าจะเป็นสามลำแรกคือเรือดำน้ำ ROKS Son Won-il, เรือดำน้ำ ROKS Jeong Ji, และเรือดำน้ำ ROKS An Jung-geun ที่เข้าประจำการในปี 2007, 2008 และ 2009 ตามลำดับครับ

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

Embraer บราซิลเสร็จสิ้นการส่งมอบเครื่องบินลำเลียง KC-390 แก่ฮังการีครบ 2เครื่อง

Embraer completes KC/C-390 deliveries to Hungary





The second of two KC/C-390 airlifters was delivered to Hungary on 21 November 2025, making the country the first customer to complete its programme of record. (Embraer)



บริษัท Embraer บราซิลได้เสร็จสิ้นการส่งมอบเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC/C-390 Millennium ของตนแก่ฮังการีแล้ว ตามการส่งมอบเครื่องที่สองและเครื่องสุดท้ายเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2025
Embraer บราซิลได้ส่งมอบเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC-390 Millennium เครื่องสุดท้ายแก่กองทัพอากาศฮังการี(Hungarian Air Force) อย่างเป็นทางการ

พิธีการส่งมอบเครื่องบินลำเลียง KC-390 เครื่องสุดท้ายมีขึ้น ณ ฐานทัพอากาศ Kecskemét โดยเชิญรัฐมนตรีกลาโหมฮังการี Kristóf Szalay-Bobrovniczky เข้าร่วมพิธีเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2025
"ขีดความสามารถการลำเลียงของเครื่องบินแบบนี้เคยขาดแคลนในคลังแสงของกองทัพอากาศฮังการี แต่ตอนนี้เป็นที่พร้อมปฏิบัติงานแล้ว" รัฐมนตรีกลาโหมฮังการี Szalay-Bobrovniczky กล่าว

การเสร็จสิ้นการส่งมอบมีขึ้นตามมาให้หลังราว 19เดือนหลังจากเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC/C-390 เครื่องแรกได้เดินทางมาถึงฮังการีในเดือนเมษายน 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/04/kc-390.html)
ก่อนหน้าการทำพิธีส่งมอบอย่างเป็นทางการแก่กองทัพอากาศฮังการีตามมาภายหลังในเดือนกันยายน 2024 ณ ฐานทัพอากาศ Kecskemét(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/kc-390.html)

"ตั้งแต่ที่เครื่องบินเข้าประจำการในปลายปี 2024 เครื่องบินลำเลียง KC-390 เครื่องแรกของฮังการีได้ดำเนินการปฏิบัติภารกิจต่างๆที่หลายหลายที่มีอัตราความสำเร็จเกินร้อยละ99
ด้วยการส่งมอบเครื่องบินเครื่องที่สอง ฮังการีได้กลายเป็นผู้ใช้งานเครื่องบินลำเลียง C-390 รายแรกที่ได้รับมอบเครื่องบินครบตามที่ลงนามสัญญา" บริษัท Embraer กล่าว(https://aagth1.blogspot.com/2021/11/embraer-kc-390.html)

ฮังการได้ลงนามสัญญาจัดหา KC/C-390 จำนวน 2เครื่อง(KC-390 เป็นในรูปแบบเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ โดย C-390 เป็นรูปแบบเครื่องบินลำเลียงพื้นฐาน) ในเดือนพฤศจิกายน 2020(https://aagth1.blogspot.com/2020/11/embraer-kc-390.html)
KC-390 สำหรับฮังการีขณะนี้จะถูกใช้สำหรับการปฏิบัติการลำเลียงทางยุทธวิธี, การเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศให้แก่เครื่องบินขับไล่ Saab Gripen C/D ของกองทัพอากาศฮังการี(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/gripen-c-4.html),

และสำหรับภารกิจการส่งกลับทางสายแพทย์(medevac: medical evacuation) KC/C-390 ของฮังการีจะเป็นเครื่องบินแบบแรกของรุ่นที่รวมการจัดเตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือสำหรับพื้นที่ห้องผู้ป่วยหนัก(ICU: Intensive Care Unit)
KC-390 สองเครื่องจะเข้าร่วมกับเครื่องบินโดยสาร Airbus A319 จำนวน 2เครื่องที่กองทัพอากาศฮังการีประจำการมาตั้งแต่ปี 2018 เครื่องบินลำเลียง KC-390 จะให้ความสามารถที่จะบรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่ผ่านประตู ramp ท้ายเครื่องได้ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เครื่องบินลำเลียง Airbus A319 ทำได้ครับ

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

เครื่องบินขับไล่ Tejas อินเดียตกในงานแสดงการบิน Dubai Airshow 2025 นักบินเสียชีวิต

Indian Tejas fighter crashes at Dubai Airshow





This picture taken on 20 November 2025 shows an IAF HAL Tejas Mk 1 performing an aerial display flight at Al Maktoum International Airport during the Dubai Airshow 2025. (Giuseppe CACACE/AFP via Getty Images)



เครื่องบินขับไล่ Hindustan Aeronautics Limited(HAL) Tejas กองทัพอากาศอินเดีย(IAF: Indian Air Force) ที่เข้าร่วมงานแสดงการบินนานาชาติ Dubai Airshow 2025 ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ได้เกิดอุบัติเหตุตกเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2025 ขณะทำการแสดงการดำเนินกลยุทธ์ทางอากาศ Janes ซึ่งอยู่ในงานแสดงการบิน Dubai Airshow 2025 ณ ท่าอากาศยานนานาชาติ Al Maktoum ประเมินว่า

อุบัติเหตุตกของเครื่องบินขับไล่ Tejas กองทัพอากาศอินเดียเกิดขึ้นในประเวลาประมาณ 1413h ตามเวลาท้องถิ่น อุบัติเหตุเกิดขึ้นขณะที่เครื่องบินทำการบินจากตะวันออกไปตะวันตกเฉียงใต้ของสนามบินเหนือสนามบิน
ในแถลงการณ์ราว 30นาทีหลังอุบัติเหตุ กองทัพอากาศอินเดียยืนยันว่าได้สูญเสียเครื่องบินขับไล่ Tejas โดยเสริมว่ากองทัพอากาศอินเดียจะสอบสวนหาสาเหตุการตกของเครื่องบิน

"นักบินได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุ ศาลไต่สวน(court of inquiry)ได้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ" กองทัพอากาศอินเดียกล่าว ต่อมาสื่อทางการของงาน Dubai Airshow 2025 ได้รายงานว่า
นักบินของเครื่องบินขับไล่ Tejas กองทัพอากาศอินเดียที่เกิดอุบัติเหตุตก นาวาอากาศโท Namansh Syal ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งเป็นการสูญเสียชีวิตนักบินครั้งแรกตั้งแต่ที่เครื่องบินต้นแบบทำการบินครั้งแรกในปี 2001

ภาพถ่ายของบริเวณที่เครื่องบินขับไล่ Tejas อินเดียตกที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวรัฐบาล Dubai บน X ให้หลังไม่นานบ่งชี้ว่า เครื่องบินได้ตกกระแทกพื้นในพื้นที่เปิดโล่งห่างออกไปจากสนามบินไม่มาก
"ทีมดับเพลิงและทีมกู้ภัยฉุกเฉินได้ตอบสนองต่อเหตุการณ์อย่างรวดเร็ว" สำนักข่าวรัฐบาล Dubai เสริม อุบัติเหตุตกเกิดขึ้นในวันสุดท้ายของงานแสดงการบิน Dubai Airshow 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-21 พฤศจิกายน 2025

โดยเกิดขึ้นขณะที่เครื่องบินขับไล่ Tejas กองทัพอากาศอินเดียกำลังเข้าร่วมตารางการแสดงการบินทางอากาศ ซึ่งดำเนินขึ้นตลอดพื้นที่งาน Dubai Airshow 2025 ในช่วงบ่าย Janes สังเกตว่าเครื่องบินขับไล่ Tejas ทำการบินขึ้น
หลังจากที่เครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35A Lightning II กองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force) จากทีมสาธิตทางการอากาศ F-35 สังกัดกองบินขับไล่ที่388(388th Fighter Wing) ได้เสร็จสิ้นการทำการแสดงการบินของตน

อุบัติเหตุล่าสุดนี้เป็นการตกครั้งที่สองของเครื่องบินขับไล่ Tejas จากอุบัติเหตุตกครั้งแรกใกล้เมือง Jaisalmer ในรัฐ Rajasthan ทางตะวันตกของอินเดีย เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2024 ซึ่งนักบินสามารถดีดตัวได้อย่างปลอดภัย(https://aagth1.blogspot.com/2024/03/tejas.html)
กองทัพอากาศอินเดียกำลังอยู่ระหว่างการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Tejas Mk 1A  เพิ่มเติมที่ผลิตโดย HAL รัฐวิสาหกิจผู้ผลิตอากาศยานของอินเดียครับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/tejas-mk-1a-97.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/02/hal-tejas-mk-1a-2025.html)

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

เยอรมนีเปิดตัวรถถังหลัก Leopard 2A8 และปืนใหญ่อัตตาจร PzH 2000 A4 สร้างใหม่คันแรก

First Leopard 2A8s, PzH 2000 A4 rolled out





The first Leopard 2A8 MBTs for Germany (right) and Norway (left) and PzH 2000 A4 SPH (centre, behind Pistorius) were rolled out at KNDS Deutschland in Munich on 19 November. (Bundeswehr/Jana Neumann)



รถถังหลัก Leopard 2A8 MBT(Main Battle Tank) คันแรกสำหรับกองทัพบกเยอรมนี(German Army, Heer) และนอร์เวย์(https://aagth1.blogspot.com/2023/02/leopard-2a7-54.html)
และปืนใหญ่อัตตาจรสายพาน Panzerhaubitze(PzH) 2000 A4 ระบบแรกได้ถูกเปิดตัว ณ บริษัท KNDS Deutschland เยอรมนีใน Munich เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2025 ที่ผ่านมา

กระทรวงกลาโหมเยอรมนี(Federal Ministry of Defence, BMVg: Bundesministerium der Verteidigung) และสำนักงานยุทโธปกรณ์กลาโหมนอร์เวย์(NDMA: Norwegian Defence Materiel Agency, FMA: Forsvarsmateriell) ประกาศใน website ของพวกตนภายหลังในวันเดียวกัน
กระทรวงกลาโหมเยอรมนีเน้นว่า รถถังหลัก Leopard 2A8 มีคุณลักษณะติดตั้งระบบป้องกันเชิงรุก(APS: Active Protection System) แบบ Trophy และการปรับปรุงในระบบควบคุมการยิง, ระบบควบคุม และเครื่องยนต์ของรุ่นก่อนหน้า

สำนักงานยุทโธปกรณ์กลาโหมนอร์เวย์ NDMA กล่าวว่ารถถังหลัก Leopard 2A8 ซึ่งกำหนดแบบเป็นรถถังหลัก Leopard 2A8 NOR ในประจำการกองทัพบกนอร์เวย์(Norwegian Army, Hæren) เป็นรถถังหลักที่ทันสมัยและมีความเป็น digital ที่สุดที่เคยมีการผลิตมา
ปืนใหญ่อัตตาจรสายพาน PzH 2000 A4 จะทดแทนปืนใหญ่อัตตาจร PzH 2000 รุ่นก่อนหน้าที่บริจาคให้ยูเครนไปแล้ว เยอรมนีได้สั่งจัดหาปืนใหญ่อัตตาจร PzH 2000 ใหม่จำนวน 10ระบบเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2023

ขณะที่รถถังหลัก Leoprad 2 รุ่นก่อนหน้าเป็นการปรับปรุงรถถังที่มีอยู่แล้ว รถถังหลัก Leopard 2A8 เป็นยานเกราะในประจำการกองทัพเยอรมนี(Bundeswehr) 'Panzertruppe' ที่สร้างใหม่คันแรกตั้งแต่ปี 1992
รถถังหลัก Leopard 2A7A1 รุ่นก่อนหน้าที่เปิดตัวในปี 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/leopard-2a7a1-trophy-aps.html) เป็นยานเกราะแบบแรกของของกองทัพเยอรมนีที่ติดตั้งระบบป้องกันเชิงรุก APS

โดยรถถังหลัก Leopard 2A7A1 ติดตั้งระบบป้องกันเชิงรุก Trophy APS เช่นเดียวกับที่ติดตั้งกับรถถังหลัก Leopard 2A8 รถถังหลักทั้งสองรุ่นติดตั้งปืนใหญ่รถถัง L55A1 ขนาด 120mm ของบริษัท Rheinmetall เยอรมนี ที่สามารถยิงกระสุนเจาะเกราะพลังงานจลน์ DM73 และกระสุนระเบิดแรงสูงแตกสะเก็ด DM11 
รถถังหลักทั้งสองรุ่นติดตั้งปืนกลร่วมแกนและปืนกลบนหลังคาป้อมขนาด 7.62mm สองกระบอก และเครื่องยิงลูกระเบิดควัน รถถังหลัก Leopard 2A8 ได้รับการติดตั้งกล้องตาเรือ periscope รุ่นปรับปรุงใหม่สำหรับผู้บังคับรถและการควบคุมที่เรียบง่ายขึ้นสำหรับพลยิง

รถถังหลัก Leopard 2A8 รุ่นล่าสุดที่สร้างใหม่ได้ถูกสั่งจัดหาโดยเยอรมนีจำนวน 124คัน, นอร์เวย์จำนวน 54คัน, เนเธอร์แลนด์จำนวน 46คัน(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/leopard-2a8-46.html), ลิทัวเนียจำนวน 44คัน(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/leopard-2a8-44.html), 
สวีเดนจำนวน 44คัน(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/leopard-2a8-strv-123-44.html) และสาธารณรัฐเช็กจำนวน 44คัน(https://aagth1.blogspot.com/2025/09/leopard-2a8-44.html) ยังรวมถึงโครเอเชียในอนาคตจำนวนถึง 50คันด้วยครับ(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/leopard-2a8-m142-himars.html)

วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

BAE Systems, Boeing สหรัฐฯและ Saab สวีเดนเสนอเครื่องบินฝึกไอพ่น T-7A แก่อังกฤษ

BAE Systems, Boeing, and Saab pitch T-7A jet trainer to UK





A T-7A Red Hawk AJT aircraft undergoing flight trials. BAE Systems, Boeing, and Saab are to offer the aircraft to the UK and to the wider international flight training market. (Boeing)

บริษัท BAE Systems สหราชอาณาจักร, บริษัท Boeing สหรัฐฯ และบริษัท Saab สวีเดนได้ลงนามจดหมายแสดงความจำนง(LOI: Letter of Intent) ที่จะเสนอเครื่องบินฝึกไอพ่นขั้นก้าวหน้า T-7A Red Hawk AJT(Advanced Jet Trainer) แก่สหราชอาณาจักร
ในฐานะการทดแทนเครื่องบินฝึกไอพ่น BAE Systems Hawk ภายในปี 2030 บริษัท BAE Systems, บริษัท Boeing, และบริษัท Saab ประกาศการลงนามจดหมายแสดงความจำนง LOI เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025

ทั้งสามบริษัทกล่าวว่าพวกตนจะทำงานร่วมกันเพื่อการที่จะได้รับสัญญาในความต้องการเครื่องบินฝึกไอพ่นความเร็วสูงของกองทัพอากาศสหราชอาณาจักร(RAF: Royal Air Force) ในเวลาเดียวกับแสวงหาโอกาสการฝึกนักบินนานาชาติในอนาคตต่างๆ
"ทั้งสามบริษัทจะมีความร่วมมือการทำงานในระบบการฝึก, การบูรณาการขีดความสามารถการฝึกแบบในความเป็นจริงและแบบสังเคราะห์จำลอง และระบบภารกิจที่เกี่ยวข้องต่างๆ" แถลงการณ์ร่วมกล่าว

"และจะสำรวจโอกาสต่างๆเพิ่มเติมสำหรับการเติบโตของห่วงโซ่อุปทานของเครื่องบินในสหราชอาณาจักร" BAE Systems สหราชอาณาจักรจะเป็นผู้นำกิจกรรม ซึ่งจะรวมการประกอบขั้นสุดท้ายในสหราชอาณาจักร
ได้รับการพัฒนาโดย Boeing สหรัฐฯ และ Saab สวีเดน เครื่องบินฝึกไอพ่น T-7A Red Hawk ถูกออกแบบสำหรับโครงการการฝึกนักบินขั้นก้าวหน้า T-X Advanced Pilot Training ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force)

เพื่อจะทดแทนเครื่องบินฝึกไอพ่น Northrop T-38 Talon ยุคปี 1960s ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ซึ่งบริษัท Boeing และบริษัท Saab ได้รับสัญญาในปี 2018 สำหรับการสั่งจัดหาเครื่องบินฝึกไอพ่น T-7A จำนวน 351เครื่อง

เครื่องบินฝึกไอพ่น T-7A Red Hawk ติดตั้งระบบขับเคลื่อนเครื่องยนต์ไอพ่น Turbofan เดี่ยวแบบ General Electric F414(เช่นเดียวกับที่ติดตั้งกับเครื่องบินขับไล่ Boeing F/A-18E/F Super Hornet สองเครื่อง และเครื่องบินขับไล่ Saab Gripen E/F หนึ่งเครื่อง)
T-7A Red Hawk เป็นเครื่องบินฝึกไอพ่นขั้นก้าวหน้าสองที่นั่งเรียงกันที่มีคุณสมบัติห้องนักบินติดตั้งจอแสดงผลขนาดใหญ่(LAD: Large-Area Display) ทำให้ดูเหมือนและให้ความรู้สึกแบบเดียวกับเครื่องบินขับไล่สมัยใหม่

เช่นเดียวกับคันบังคับรูปแบบด้านข้างนักบิน sidestick และระบบควบคุมบนคันบังคับและคันเร่งแบบ HOTAS(Hands-on-Throttle-and-Stick) นอกจากคำสั่งจัดหาปัจจุบันของกองทัพอากาศสหรัฐฯ รวมถึงโอกาสในกองทัพเรือสหรัฐฯ(USN: US Navy)
(https://aagth1.blogspot.com/2021/08/boeing-lockheed-martin-leonardo.html) Boeing สหรัฐฯ และ Saab สวีเดนวาดภาพตลาดทั่วโลกสำหรับเครื่องบินฝึก T-7A Red Hawk จำนวนถึง 2,600เครื่องในระหว่างหลายปีข้างหน้าที่จะถึงครับ

วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ภาพเปิดเผยพม่าเป็นลูกค้าส่งออกรายแรกของเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป Mi-38T รัสเซีย

Update: Myanmar emerges as first export operator of Mi-38T







Myanmar's new Mi-38T assault transport helicopters have a single-tone green colour scheme. (Government of Myanmar)

พม่าได้ปรากฎว่าเป็นลูกค้าส่งออกรายแรกของเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป/ลำเลียงจู่โจมแบบ Mil Mi-38T รัสเซีย(https://aagth1.blogspot.com/2019/08/mi-28nm-mi-38t-2019.html)
หลังจากรัฐบาลทหารพม่าที่รู้จักในชื่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงและสันติภาพแห่งรัฐ(SSPC: State Security and Peace Commission) ได้เผยแพร่ชุดภาพของเฮลิคอปเตอร์ Mi-38T จำนวน 3เครื่องถูกนำเข้าประจำการเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2025

ชุดภาพถ่ายของเฮลิคอปเตอร์ Mi-38T ได้ปรากฏในสื่อที่เผยแพร่โดยฝ่ายประชาสัมพันธ์ของผู้บัญชาการแห่งกองทัพพม่า(CICNDS: Commander-in-Chief of Defence Services) เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2025
ภาพถ่ายและภาพวีดิทัศน์เคลื่อนไหวที่ออกอากาศทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์เมียนมา MRTV(Myanmar Radio and Television) ของรัฐบาลพม่าเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2025 บ่งชี้ว่า

นอกเหนือจากเฮลิคอปเตอร์ Mi-38T สามเครื่องหมายเลข "60-10", "60-11", และ "60-12" แล้ว กองทัพอากาศพม่า(Myanmar Air Force, Tatmadaw Lei) ยังได้รับมอบเครื่องบินลำเลียง Shaanxi Y-8F-200W จีนใหม่จำนวน 2เครื่อง
หมายเลข "5923" และ "5924" เพิ่มเติมต่อเครื่องบินลำเลียงตระกูล Y-8 ที่มีประจำการอยู่ก่อนแล้ว 7เครื่องที่จัดหาตั้งแต่ปี 1990s ด้วย(https://aagth1.blogspot.com/2022/12/su-30sme-ka-28-ftc-2000g.html)

ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงและสันติภาพแห่งรัฐ SSPC พม่า พลเอกอาวุโส Min Aung Hlaing อธิบายการจัดซื้อจัดจ้างของเฮลิคอปเตอร์ลำเลียง Mi-38T และเครื่องบินลำเลียง Y-8F-200W ใหม่ว่า
"เป็นความต้องการที่สำคัญสำหรับกองทัพอากาศเมียนมาเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการดำเนินหน้าที่รับผิดชอบการป้องกันประเทศและความมั่นคงแห่งชาติของตน"(https://aagth1.blogspot.com/2024/04/uav-nay-pyi-taw.html)

ตามข้อมูลจากสถาบันป้องกันประเทศและความมั่นคงพม่า(MDSI: Myanmar Defense & Security Institute) องค์การวิจัยที่จัดตั้งขึ้นโดยอดีตนายทหารกองทัพพม่าซึ่งขณะนี้ทำงานให้กับกองกำลังกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าต่างๆ
เฮลิคอปเตอร์ Mi-38T เหล่านี้ได้มาถึงฐานทัพอากาศ Nay Pyi Taw ในเดือนกันยายน 2025 พลเอกอาวุโส Min Aung Hlaing กล่าวว่าเฮลิคอปเตอร์เหล่านี้ถูกส่งมอบอย่างเป็นทางการให้แก่กองทัพอากาศพม่าเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2025

การจัดหาเฮลิคอปเตอร์ Mi-38T ของพม่าน่าจะมีขึ้นตามสัญญาในปี 2020 กับ Rosoboronexport JSC หน่วยงานด้านการส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซีย(https://aagth1.blogspot.com/2018/11/mi-38t.html
ในเดือนกรกฎาคม 2020 โดยปราศจากการระบุถึงพม่า Rosoboronexport ประกาศว่า "สัญญาการค้าต่างประเทศแรกสำหรับการส่งมอบเฮลิคอปเตอร์อเนกประสงค์ขนาดกลาง Mi-38T ที่ผลิตโดยโรงงานอากาศยาน Kazan Helicopters...แก่ลูกค้าต่างประเทศ"

ในเดือนกันยายน 2020 Andrey Boginsky ผู้อำนวยการบริหารของ Russian Helicopters กลุ่มรัฐวิสาหกิจผู้ผลิตเฮลิคอปเตอร์ของรัสเซียในเวลานั้นกล่าวว่า "เราได้ลงนามสัญญาและรับการชำระค่าใช้จ่ายล่วงหน้าจากลูกค้าต่างประเทศสำหรับเฮลิคอปเตอร์ (Mi-38T) สามเครื่อง"
และมีรายงานต่อมาในปี 2021-2022 ว่าลูกค้าส่งออกรายแรก "เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" อย่างไรก็ตามสายการผลิตเฮลิคอปเตอร์ Mi-38T มีความล่าช้าจากพัฒนาตัวเครื่องและเครื่องยนต์ไอพ่น turboshaft แบบ Klimov TV7-117V

เช่นเดียวกับสถานการณ์ภายในประเทศของพม่าตั้งแต่การรัฐประหารรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งในปี 2021 ที่ตามมาด้วยสงครามกลางเมืองอันยาวนานที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่นั้นมา
เฮลิคอปเตอร์ Mi-38T ของพม่าที่ประกอบด้วยรุ่นลำเลียง 2เครื่องและรุ่นรับ-ส่งบุคคลสำคัญ VIP 1เครื่อง เป็นเครื่องสร้างใหม่ที่ผลิตโดย Kazan Helicopters ซึ่งเปิดสายการผลิตตั้งแต่ปลายปี 2021 และโครงการมีมูลค่ารวมที่วงเงินราว 80 million Euros($92.5 million) ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

Defense & Security 2025: ยานยนต์รบไร้คนขับ DTI D-Iron UGV สำหรับกองทัพบกไทยใกล้จะเสร็จสิ้นการทดสอบก่อนพิจารณาจัดหาจำนวนมาก

Defense & Security 2025: Edge positions for THeMIS opportunity in Thailand







The THeMIS Combat UGV is seen displayed at Defense & Security 2025 in Bangkok integrated with Valhalla's LOKI remote-controlled weapon station integrated with a 7.62 mm gun. (My Own Photos and Milrem Robotics/Defense & Security)

หุ่นยนต์ยุทธวิธียานยนต์รบไร้คนขับ D-Iron RCV(Robotic Combat Vehicle) ที่มีพื้นฐานจากยานยนต์รบไร้คนขับ THeMIS(Tracked Hybrid Modular Infantry System) UGV(Unmanned Ground Vehicle) เอสโตเนีย
กำลังใกล้จะเสร็จสิ้นการทดสอบต่างๆกับกองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army) ก่อนโครงการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความเป็นไปได้(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/smart.html)

การพูดคุยกับ Janes ณ นิทรรศการแสดงยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ Defense & Security 2025 ที่ IMPACT เมืองทองธานี กรุงเทพฯ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025) ที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่จากบริษัท Edge Group สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายหลักของบริษัท Milrem Robotics เอสโตเนียผู้พัฒนายานยนต์รบไร้คนขับ THeMIS UGV กล่าวว่า

การทดสอบต่างๆของหุ่นยนต์ยุทธวิธียานยนต์รบไร้คนขับ D-Iron RCV ของกองทัพบกไทยคาดว่าจะเสร็จสิ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้(https://aagth1.blogspot.com/2023/11/defense-security-2023-dti-d-iron.html)
โครงการ D-Iron RCV(THeMIS UGV) ในไทยเป็นการผลักดันร่วมกันโดยบริษัท Edge และสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ สปท. DTI(Defence Technology Institute) หน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหมไทย

"เรามีความเป็นหุ้นส่วนกับ DTI มาเป็นเวลาสักระยะแล้ว เราได้มีการทำโครงการทดสอบและประเมินค่าที่ครอบคลุมร่วมกันกับ DTI ไทยในระบบยานยนต์ไร้คนขับ THeMIS UGV" Miles Chambers รองประธานอาวุโสฝ่ายธุรกิจนานาชาติของ Edge สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กล่าว
"ขณะนี้เรากำลังอยู่ในช่วงการทดลองโดยผู้ใช้งานรวมถึงการวางกำลังใช้งานจริงและนั่นกำลังดำเนินอยู่ เราหวังว่านี่จะเสร็จสิ้นในอีกหลายเดือนข้างหน้าที่จะมาถึง และหลังจากนั้นเรามั่นใจว่าเราจะเห็นโครงการจัดหาที่มีขนาดใหญ่ขึ้น" เขาเสริม

Miles ยังยืนยันว่ายานยนต์รบไร้คนขับ THeMIS UGV รุ่นที่จัดแสดงในงาน Defense & Security 2025 เป็นรูปแบบที่กำลังได้รับการส่งเสริมการนำเสนอแก่กองทัพบกไทย(https://aagth1.blogspot.com/2023/08/dti-d-iron-rcv.html)
รูปแบบที่จัดแสดงนี้มีคุณลักษณะติดตั้งด้วยแท่นยิงอาวุธ remote(RCWS: Remote-Controlled Weapon Station) แบบ LOKI ของบริษัท Valhalla สโลวาเกีย ที่บูรณาการติดตั้งปืนกลขนาด 7.62mm

แท่นยิงอาวุธ LOKI RCWS สนับสนุนการติดอาวุธหลายขนาดลำกล้องตั้งแต่ปืนกลขนาด 5.56mm จนถึงปืนกลหนักขนาด 12.7mm ตามข้อมูลจากบริษัท Edge สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
แท่นยิงอาวุธ LOKI RCWS มีระยะยิงหวังผลในการโจมตีเป้าหมายต่างๆที่ระยะไกลถึง 2,000m และสามารถใช้ในภารกิจการต่อต้านระบบอากาศยานไร้คนขับ(C-UAS: Counter-Unmanned Aircraft System) ได้ด้วย

ความเห็นวิเคราะห์
หุ่นยนต์ยุทธวิธียานยนต์รบไร้คนขับ D-Iron RCV ที่ถูกสร้างต้นแบบเพื่อทดสอบโดยความร่วมมือระหว่าง DTI ไทย และ Milrem Robotics เอสโตเนียก่อนหน้าเป็นรูปแบบสำหรับการรบด้วยการมอบอำนาจการยิงสนับสนุนแก่ทหารราบ
โดยบูรณาการป้อมปืน RWS(Remote Weapon Station) แบบ R400S-Mk2 D-HD(Direct Drive-Heavy Duty) จากบริษัท Electro Optic Systems(EOS) ออสเตรเลีย และติดปืนกล Northrop Grumman M230LF ขนาด 30mm สหรัฐฯ

กองทัพบกไทยมีความต้องการหุ่นยนต์ยุทธวิธี D-Iron สำหรับภารกิจต่างๆรวมถึง การสนับสนุนทหารราบ, การเฝ้าตรวจชายแดน, การลาดตระเวน, การส่งกำลังบำรุง และปฏิบัติการต่อต้านการก่อความไม่สงบ(COIN: Counter-Insurgency) ซึ่งระบบ THeMIS UGV มีขีดความสามารถในการปรับแต่งได้หลากหลายรูปแบบตามความต้องการ 
อย่างไรก็ตามในการสอบถามโดยผู้เขียน(ผู้แปล) DTI ไทยไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธว่ามีการใช้หุ่นยนต์ยุทธวิธียานยนต์รบไร้คนขับ D-Iron RCV วางกำลังในการรบจริงระหว่างการปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘ หรือไม่ครับ

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

Defense & Security 2025: Chaiseri ไทยจะบูรณาการระบบอำนวยการรบ BMS สำหรับยานเกราะล้อยาง Stryker 8x8 กองทัพบกไทย

Defense & Security 2025: Chaiseri, Leonardo DRS partner on BMS for Thai Strykers



General Dynamics Land Systems, Leonardo DRS and Chaiseri at the Defense & Security 2025 show in Bangkok. (My Own Photos and Chaiseri/Defense & Security)




The RTA has operated the Stryker since August 2019. (Royal Thai Army)

บริษัท Leonardo DRS สหรัฐฯในเครือกลุ่มบริษัท Leonardo อิตาลี และบริษัท ชัยเสรี เม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด(Chaiseri metal & rubber Co. Ltd.) ไทยได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU: Memorandum of Understanding)
ณ นิทรรศการแสดงยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ Defense & Security 2025 ที่ IMPACT เมืองทองธานี กรุงเทพฯ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025) ที่ผ่านมา

เป็นการส่งสัญญาณก้าวต่อไปในการบูรณาการแนวทางแก้ไขปัญหาระบบการบัญชาการ, ควบคุม, สื่อสาร, computer และข่าวกรอง(C4I: command, control, communications, computers, and intelligence) ติดตั้งบนระบบต่างๆของกองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army)
บันทึกความเข้าใจ MOU ที่ลงนามเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๘ จะเป็นการส่งมอบขีดความสามารถระบบอำนวยการสนามรบ(BMS: Battle Management System) ชุดแรกแก่ยานเกราะล้อยาง Stryker RTA ICV(Infantry Combat Vehicles) 8x8 ของกองทัพบกไทย

"โดยทันทีที่ลูกค้ามีความพร้อม" แหล่งข่าวในภาคอุตสาหกรรมกล่าวกับ Janes การปรับปรุงจะรวมถึงการเพิ่มเเติมของระบบอำนวยการสนามรบ BMS แบบ Mounted Family of Computer Systems ของบริษัท Leonardo DRS
และชุดระบบอำนวยการสนามรบ BMS แบบ Sitaware ของบริษัท Systematic สหรัฐฯ ซึ่ง Leonardo DRS สหรัฐฯจะบูรณาการ บันทึกความเข้าใจ MOU ที่ลงนามเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๘

มีขึ้นตามหลังการประกาศสัญญาวงเงิน $7 million(ประมาณ ๒๓๖,๐๒๖,๐๐๐บาท) ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๘(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/leonardo-drs-chaiseri-bms-stryker-8x8.html)
เพื่อการส่งมอบและบูรณาการสิ่งอุปกรณ์(hardware) และชุดคำสั่ง(software) ระบบ BMS C4I เข้ากับยานเกราะล้อยาง Stryker RTA ICV 8x8 กองทัพบกไทยในฐานะส่วนหนึ่งของการขายรูปแบบ Foreign Military Sale(FMS) จากรัฐบาลสหรัฐฯ

การบูรณาการของระบบ BMS จะเพิ่มพูนขีดความสามารถการบัญชาการและควบคุมของยานเกราะล้อยาง Stryker RTA ICV 8x8 ของกองทัพบกไทยที่ผลิตโดยบริษัท General Dynamics Land Systems สหรัฐฯ ซึ่งเข้าประจำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๖๒(2019)
แหล่งข่าวในภาคอุตสาหกรรมต่างๆยืนยันกับ Janes ว่า ยานเกราะล้อยาง Stryker RTA ICV 8x8 จำนวนหนึ่งได้ถูกวางกำลังใกล้กับพื้นที่ชายแดนของไทยกับกัมพูชาที่มีความตึงเครียดตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๘ จนถึงหลังการปะทะที่เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘

ภายในสิ้นปี พ.ศ.๒๕๖๘ กองทัพบกไทยจะได้รับมอบยานเกราะล้อยาง Stryker RTA ICV 8x8 ทั้งหมดจำนวน ๑๔๐คัน ซึ่งเป็นรถมือสองที่เคยประจำการในกองทัพบกสหรัฐฯ(US Army)
ยานเกราะล้อยาง Stryker RTA ICV 8x8 ส่วนใหญ่ถูกนำเข้าประจำการ ณ กรมทหารราบที่๑๑๒ กองพลทหารราบที่๑๑ ร.๑๑๒ พล.ร.๑๑(112th Infantry Regiment, 11th Infantry Division) กองทัพภาคที่๑ ทภ.๑(1st Army Area) กองทัพบกไทย

"ระบบ BMS มอบการบัญชาการและควบคุมทำให้สามารถเป็นการเร่งความเร็วการปฏิบัติการทางยุทธวิธีต่างๆได้ ระบบยังมอบการหยั่งรู้สถานการณ์สำหรับกองกำลังฝ่ายพันธมิตรต่างๆ, ช่วยในการพิสูจน์ทราบการรบ, 
และทำให้สามารถส่งกลับเหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นในสถานการณ์และสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝ่ายตรงข้าม" บริษัท Leonardo DRS กล่าวก่อนหน้าในต้นปี พ.ศ.๒๕๖๘ 

ความเห็นวิเคราะห์
กรมทหารราบที่๑๑๒ กองพลทหารราบที่๑๑ ร.๑๑๒ พล.ร.๑๑ ซึ่งเป็นกรมชุดรบยานเกราะล้อยาง Stryker(SRCT: Stryker Regiment Combat Team) ของกองทัพบกไทยกำลังเพิ่มขีดความสามารถของกำลังยานเกราะล้อยาง Stryker RTA ICV 8x8 ของตน
นอกจากระบบ BMS C4I ยังรวมถึงติดตั้งระบบควบคุมอาวุธระยะไกลแบบ M153 CROWS II(Common Remotely Operated Weapon Station) ของบริษัท Kongsberg นอร์เวย์ ที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการใช้อาวุธที่แม่นยำจากระยะไกลทั้งกลางวันกลางคืนและปกป้องพลยิงที่ทำการควบคุมการยิงจากภายในตัวรถ

เดิมยานเกราะล้อยางลำเลียงพล Stryker RTA ICV 8x8 ของกองทัพบกไทยติดตั้งด้วยแท่นยิงปืนกลหนัก M2 .50cal หรือเครื่องยิงลูกระเบิดอัตโนมัติ STK 40 AGL 40mm แบบบังคับด้วยมือ(manual) ที่ดำเนินการพัฒนาเองในไทย
ยานเกราะล้อยางลำเลียงพล Stryker RTA ICV 8x8 บางคันยังได้รับการติดเกราะตาข่าย anti-drone mesh เพื่อการป้องกันการโจมตีจากอากาศยานไร้คนขับ FPV drones ซึ่งน่าจะมาจากการศึกษาสงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงการปะทะตามแนวชายแดนที่มีรายงานกองทัพกัมพูชาได้ใช้อากาศยานไร้คนขับหลายรูปแบบในการรบกับทหารไทยครับ