วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2567

เครื่องบินฝึกไอพ่น L-39NG สาธารณรัฐเช็กเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น L-39 Skyfox

Czech L-39NG jet renamed L-39 Skyfox





The new Skyfox moniker can be seen displayed on the air intake of the L-39, in this computer-generated image released by the manufacturer. (Aero Vodochody)

บริษัท Aero Vodochody สาธารณรัฐเช็กผู้ผลิตอากาศยานได้ให้ชื่อใหม่แก่เครื่องบินฝึกไอพ่นขั้นก้าวหน้าและโจมตีเบา L-39NG ของตนโดยกำหนดแบบและชื่อเป็นเครื่องบินฝึกไอพ่นและโจมตีเบา L-39 Skyfox
การประกาศเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2024 ชื่อได้รับการตั้งขึ้นเป็นเวลา 6ปีหลังจากเครื่องบินฝึกไอพ่นรุ่นล่าสุดในตระกูลเครื่องบินฝึกไอพ่น L-39 ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2018(https://aagth1.blogspot.com/2018/10/l-39ng.html)

"ชื่อเครื่องบินฝึกไอพ่น L-39 Skyfox ได้สะท้อนถึงแก่นแท้อย่างสมบูรณ์แบบของเครื่องบินฝึกของ Aero" Viktor Sotona ประธานคณะกรรมการอำนวยการและผู้อำนวยการบริหารของ Aero Vodochody สาธารณรัฐเช็กกล่าว
อากาศยานก่อนหน้าที่พัฒนาและสร้างโดย Aero สาธารณรัฐเช็กรวมถึงเครื่องบินขับไล่ปีกสองชั้น A-18 Starling, เครื่องบินฝึกไอพ่น L-29 Delfín(Dolphin "โลมา") และเครื่องบินฝึกไอพ่น L-39 Albatros(นก Albatross)

"ทำเครื่องบินถึงชื่อว่า fox(สุนัขจิ้งจอก) สัตว์ชนิดนี้มีความเหมาะสมอย่างที่สุดต่อเครื่องบินเนื่องจากธรรมชาติและพฤติกรรมของพวกมัน มันอาจจะไม่ใช่สัตว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในป่า 
แต่มันเป็นสัตว์ที่ปรับตัวเก่งอย่างสุดยอด, ดื้อดึง, เจ้าปัญญา, ดูแลพวกมันที่เด็กกว่าเหมือนเครื่องบินที่ดูแลเหล่านักบิน และเมื่อมันมาถึงจุดนี้(ที่ต้องต่อสู้) มันสามารถกัดได้แรงมาก" Aero สาธารณรัฐเช็กกล่าว

เปรียบเทียบกับเครื่องบินฝึกไอพ่น L-39 รุ่นพื้นฐาน เครื่องบินฝึกไอพ่น L-39 Skyfox รุ่นล่าสุดมีคุณลักษณะติดตั้งด้วยเครื่องยนต์ไอพ่น turbofan แบบ Williams International FJ44-4M ที่ให้กำลังขับสูงกว่า, 
ปีกแบบมีถังเชื้อเพลิงภายใน wet wing, ห้องนักบินแบบสมัยใหม่ และโครงสร้างอากาศยาน(airframe) ที่เบากว่ารุ่นก่อนหน้าของมัน ในบทบาทเครื่องบินโจมตีเบา L-39 Skyfox มีตำบลอาวุธ 5จุดแข็ง(เทียบกับ 2จุดแข็งสำหรับ L-39 รุ่นพื้นฐาน)

เครื่องบินฝึกไอพ่นและโจมตีเบา L-39 Skyfox สามารถที่จะบรรทุกภารกรรมบรรทุก(payload) ทั้งอาวุธและอุปกรณ์ได้หลากหลายรูปแบบ และมีตัวเลือกสำหรับกระเปาะปืนใหญ่อากาศ gun pod ด้วย
ตามข้อมูลจาก Janes All the World's Aircraft: Development & Production เครื่องบินฝึกไอพ่นและโจมตีเบา L-39 Skyfox มีความเร็วสูงสุดที่ 420knots, น้ำหนักบรรทุกที่ 1,200kg, ระยะเวลาการปฏิบัติการที่ 4.5ชั่วโมง, ระยะทำการบินที่ 1,400nmi และมีเพดานบินปฏิบัติการที่ 38,000feet 

มีรายงานว่าเครื่องบินฝึกไอพ่นและโจมตีเบา L-39 Skyfox มีราคาในการจัดหาที่น้อยกว่าเครื่องละ $10 million ผู้ใช้งานส่งออกของ L-39 Skyfox รวมถึงกองทัพอากาศประชาชนเวียดนาม(VPAF: Vietnam People's Air Force) 
ที่จะทดแทนเครื่องบินฝึกไอพ่น L-39C รุ่นเก่าซึ่งเข้าประจำการตั้งแต่ปี 1980 โดยจะได้รับมอบครบจำนวน 12เครื่องภายในสิ้นปี 2024 นี้ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/l-39ng-6-12.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/02/l-39ng.html)

วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2567

กองทัพอากาศไทยและ Diehl Defence เยอรมนีลงนามสัญญาการสนับสนุนอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ IRIS-T

Royal Thai Air Force and Diehl Defence strengthen collaboration





Royal Thai Air Force (RTAF) Northrop F-5E/F TH Super Tigris of 211st Squadron, Wing 21 Ubon Ratchathani with Diehl IRIS-T short-range air-to-air missile. (Royal Thai Air Force)


The Royal Thai Air Force (RTAF) has signed a support contract with Diehl Defence with respect to the IRIS-T short-range missile system.

เพราะเขาเหล่านี้คือผู้ปกป้องอำนาจอธิปไตยเหนือน่านฟ้าไทย
กองบิน ๒๑ จัดพิธีมอบประกาศนียบัตร นักบินพร้อมรบ  (COMBAT READY) 
นาวาอากาศเอก ประณต คุณอนันต์ ผู้บังคับการกองบิน ๒๑ เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตร นักบินพร้อมรบ อีกทั้งได้มอบโอวาทเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ 
ให้ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วงทุกประการ   ทั้งนี้ได้มี ครอบครัว แขกผู้มีเกียรติ สื่อมวลชน ลูกเสืออากาศ เข้าร่วมแสดงความยินดี ณ ลานจอดแผนกช่างอากาศ กองเทคนิค กองบิน ๒๑ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๗

กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) ได้ลงนามสัญญาการสนับสนุนกับบริษัท Diehl Defence เยอรมนีโดยเกี่ยวข้องกับอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้ IRIS-T นี่มีขึ้นตามความร่วมมือที่ยาวนาน, กว้างขวาง, และประสบความสำเร็จของทั้งสองฝ่ายในการวางกำลังอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ IRIS-T จาก Diehl Defence เยอรมนีบนเครื่องบินรบของกองทัพอากาศไทย
ปัจจุบันกองทัพอากาศไทยได้มีประจำการด้วยเครื่องบินขับไล่แบบที่๒๐/ก บ.ข.๒๐/ก Saab Gripen C/D ฝูงบิน๗๐๑ กองบิน๗ สุราษฎร์ธานี(https://aagth1.blogspot.com/2024/07/gripen-e.html), เครื่องบินขับไล่แบบที่๑๙/ก Lockheed Martin F-16AM/BM EMLU Fighting Falcon ฝูงบิน๔๐๓ กองบิน๔ ตาคลี(https://aagth1.blogspot.com/2024/09/lockheed-martin-f-16v-block-7072.html)
และเครื่องบินขับไล่แบบที่๑๘ข/ค บ.ข.๑๘ข/ค Northrop F-5E/F TH Super Tigris ฝูงบิน๒๑๑ กองบิน๒๑ อุบลราชธานี(https://aagth1.blogspot.com/2023/02/f-5th-super-tigris.html, https://aagth1.blogspot.com/2021/12/f-5th-super-tigris.html) ซึ่งทั้งหมดมีคุณลักษณะในการใช้อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ IRIS-T จากบริษัท Diehl Defence เป็นอาวุธอยู่แล้ว

สัญญาใหม่ที่ได้รับการลงนามในเยอรมนีในช่วงเริ่มต้นเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๗(2024) มุ่งเป้าที่จะเพิ่มขยายขีดความสามารถของกองทัพอากาศไทยสำหรับการปฏิบัติการของอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ IRIS-T ตลอดทั้งฝูงบินทั้งหมดของพวกตน สัญญาครอบคลุมการสนับสนุนการบูรณาการ, การสนับสนุนการส่งกำลังบำรุงทางเทคนิค, และการสนับสนุนการยิงอาวุธจริง
โดยการลงนามข้อตกลงนี้กับบริษัท Diehl Defence กองทัพอากาศไทยได้ก้าวกระโดดไปข้างหน้าอีกครั้ง การมอบขีดความสามารถต่างๆที่วิเศษยิ่งเพื่อจะบูรณาการและเพื่อจะรับรองอาวุธเข้าสู่ฝูงบินอากาศยานที่มีอยู่ของพวกตน มีขึ้นตามความสำเร็จการบูรณาการอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ IRIS-T เข้ากับเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๑๘ข/ค F-5E/F TH
สำหรับ Diehl Defence ข้อตกลงนี้เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญเอเสริมสร้างความแข็งแกร่งความร่วมมือที่ยาวนานกับกองทัพอากาศไทยและเพิ่มขยายการใช้งานของอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้ IRIS-T เข้ากับระบบอากาศยานอื่นๆเพิ่มเติมให้กว้างขวางมากขึ้น(https://aagth1.blogspot.com/2020/11/f-5th-super-tigris-iris-t.html)

อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ IRIS-T ของ Diehl Defence เป็นอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้ยุคที่ห้า ที่ได้รับการบูรณาการอย่างเต็มรูปแบบเข้ากับเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon(https://aagth1.blogspot.com/2024/09/f-35-eurofighter-typhoon.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/06/eurofighter-typhoon-20.html),
เครื่องบินขับไล่ Gripen(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/gripen-ef.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/07/gripen-e.html), เครื่องบินขับไล่ F-16(https://aagth1.blogspot.com/2022/11/f-16ambm-32.html), เครื่องบินขับไล่ Boeing EF-18AM/BM Hornet สเปน(https://aagth1.blogspot.com/2022/10/ef-18-hornet-av-8b-harrier-ii.html), เครื่องบินขับไล่ บ.ข.๑๘ข/ค F-5E/F TH 
และเครื่องบินขับไล่โจมตี Tornado ปัจจุบันการบูรณาการอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ IRIS-T เข้ากับเครื่องบินขับไล่ Korean Aerospace Industries(KAI) KF-21 Boramae กำลังอยู่ในการดำเนินการ(https://aagth1.blogspot.com/2024/07/kf-21-20.html, https://aagth1.blogspot.com/2023/11/kf-21.html, https://aagth1.blogspot.com/2023/11/dapa-offset.html)

ความเห็นวิเคราะห์
เป็นที่น่าจะชัดเจนว่าข้อตกลงระหว่างกองทัพอากาศไทยและบริษัท Diehl Defence เยอรมนีที่ได้รับการลงนามสัญญาล่าสุดในต้นเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๗ นี้คือโครงการสร้างคลังอาวุธและจัดหาอาวุธ กระสุน วัตถุระเบิดวิกฤติของกองทัพอากาศ (อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้ Diehl IRIS-T) วงเงิน ๒๕๖,๕๕๒,๐๐๐บาท($6,996,237) ที่ได้รับการประกาศในเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๗
จากภาพวาดสร้างจาก computer ที่แสดงถึงเครื่องบินขับไล่โจมตีเบา KAI FA-50 ทำการยิงอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ IRIS-T ทำให้มองได้ว่ากองทัพอากาศไทยมีแผนที่จะบูรณาการ IRIS-T เข้ากับเครื่องบินขับไล่และฝึกแบบที่๒ บ.ขฝ.๒ T-50TH Golden Eagle ฝูงบิน๔๐๑ กองบิน๔ ในความร่วมมือกับ KAI สาธารณรัฐเกาหลีผู้สร้างเครื่องบิน(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/kai-tai-mro-t-50th.html)
การบูรณาการอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ IRIS-T กับเครื่องบินรบแบบอื่นของกองทัพอากาศไทยยังน่าจะรวมถึงเครื่องบินโจมตีแบบที่๘ บ.จ.๘ Beechcraft AT-6TH Wolverine ฝูงบิน๔๑๑ กองบิน๔๑ เชียงใหม่ ที่จัดหาจากสหรัฐฯพร้อมการถ่ายทอดวิทยาการให้ไทยด้วยครับ(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/at-6th.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/07/at-6th.html)

วันพุธที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2567

รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซียกล่าวคูเวตพอใจที่จะขายเครื่องบินขับไล่ F/A-18C/D มือสองให้

Malaysian defence minister says Kuwait favourable to F/A-18C/D sale



A Kuwait Air Force Boeing F/A-18C of 9 Squadron latches onto a Mobile Aircraft Arresting System (MAAS) following a full-throttle approach at Ali Al Salem Air Base, Kuwait, in July 2023. (USAF/Staff Sergeant Kevin Long)




A Royal Malaysian Air Force (RMAF) F/A-18D Hornet takes off for an air combat training mission during Exercise Elangaroo 24, from RMAF Base Butterworth. (Commonwealth of Australia/LACW Maddison Scott)

คูเวตได้มีการตอบรับที่เอื้ออำนวยแก่ความสนใจของมาเลเซียในการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Boeing F/A-18C/D Hornet ของตน ตามข้อมูลจากรัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย Mohamed Khaled Nordin
รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย Khaled ซึ่งได้เดินทางมาถึงมาเลเซียเพื่อ "เยี่ยมชมการทำงาน" เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2024 ที่ผ่านมาว่า รองนายกรัฐมนตรีคูเวต รัฐมนตรีกลาโหมคูเวต และรัฐมนตรีมหาดไทยคูเวต Fahad Yousef Saud Al-Sabah

ได้ให้ "การตอบรับเชิงบวก" แก่ "ความปรารถนาที่จะจัดหา" ของมาเลเซียต่อเครื่องบินขับไล่ F/A-18C/D รุ่นดั้งเดิมของกองทัพอากาศคูเวต(KAF: Kuwait Air Force) ตามข้อมูลจากรัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย Khaled
เขายังได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีคูเวต Ahmad Al-Abdullah Al-Ahmad Al-Sabah เกี่ยวกับการจัดหาเครื่องบินขับไล่ F/A-18C/D Hornet รุ่นดั้งเดิม และได้รับการบอกว่ามัน "ไม่มีอุปสรรคในเรื่องนี้"

"มาเลเซียและคูเวตได้เห็นชอบที่จะจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อริเริ่มการหารือและเจรจาต่างๆสำหรับ...การจัดซื้อจัดจ้างของเครื่องบินขับไล่ F/A-18C/D Hornet รุ่นดั้งเดิม" รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย Khaled กล่าว
กองทัพอากาศคูเวตมีประจำการด้วยเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว F/A-18C จำนวน 27เครื่อง และเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง F/A-18D จำนวน 6เครื่อง ซึ่งถูกนำเข้าประจำการตั้งแต่ปี 1992 ตามข้อมูลจากรายการยุทโธปกรณ์ของ Janes

กองทัพอากาศคูเวตได้สั่งจัดหาเครื่องบินขับไล่ Boeing F/A-18E/F Super Hornet ใหม่จำนวน 28เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2021/09/boeing-fa-18ef-super-hornet.html, https://aagth1.blogspot.com/2021/01/fa-18ef-super-hornet-covid-19.html)
และเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon ใหม่จำนวน 28เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2019/12/eurofighter-typhoon.html) การจัดหาเครื่องบินขับไล่ใหม่เหล่านี้เป็นที่คาดว่าจะมีผลให้มีการปลดประจำการเครื่องบินขับไล่ F/A-18C/D ลงบางส่วน Janes ประเมิน

ตามข้อมูลจากรัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย Khaled เขาได้เดินทางเยือนฝูงบินที่9(9 Squadron) ของกองทัพอากาศคูเวต ณ ฐานทัพอากาศ Ahmed Al-Jaber เพื่อพิจารณา "สถานภาพ" ของเครื่องบินขับไล่ F/A-18C/D Hornet รุ่นดั้งเดิม "บางส่วน"
อย่างไรก็ตาม Khaled เสริมว่าการขายเครื่องบินขับไล่ F/A-18C/D ของกองทัพอากาศคูเวตแก่การจัดซื้อจัดจ้างของมาเลเซียจะขึ้นอยู่กับการอนุญาตจากประเทศผู้จัดส่ง(สหรัฐฯ) และการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ F/A-18E/F ใหม่ของคูเวต ตามข้อมูลจากสื่อของรัฐบาลมาเลเซีย

ตามข้อมูลจากรายการยุทโธปกรณ์ของ Janes กองทัพอากาศมาเลเซีย(RMAF: Royal Malaysian Air Force, TUDM: Tentera Udara Diraja Malaysia) มีประจำการด้วยเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง Boeing F/A-18D Hornet จำนวน 8เครื่อง ในฝูงบินที่18(18 Squadron) ตั้งแต่ปี 1997 
ในเดือนพฤษภาคม 2024 สหรัฐฯได้อนุมัติการขายกระเปาะชี้เป้าหมาย Lockheed Martin AN/AAQ-33 Sniper Advanced Targeting Pod(ATP) จำนวน 10ระบบสำหรับการปรับปรุงความทันสมัยเครื่องบินขับไล่ F/A-18D ของมาเลเซียครับ(https://aagth1.blogspot.com/2024/05/sniper-atp.html)

วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2567

Boeing สหรัฐฯเริ่มการสร้างเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล P-8A Poseidon เครื่องแรกของเยอรมนี

Boeing begins build of first German Poseidon MMAs




A screen-grab of a Bundeswehr video released on 9 October, showing the first three Boeing P-8A Poseidon airframes for Germany beginning the manufacture process in the US. (Bundeswehr/Boeing)
บริษัท Boeing สหรัฐฯได้เริ่มการสร้างเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลพหุภารกิจ P-8A Poseidon MMA(Multimission Maritime aircraft) เครื่องแรกสำหรับเยอรมนีแล้ว 
กองทัพเยอรมนี(Bundeswehr) ประกาศเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2024 ที่ผ่านมา(https://aagth1.blogspot.com/2022/06/p-8a-maws.html, https://aagth1.blogspot.com/2021/09/p-8a-poseidon.html)

สำนักงานยุทโธปกรณ์, สารสนเทศ, วิทยาการ และการสนับสนุนระหว่างประจำการกองทัพสหพันธรัฐเยอรมนี(Federal Office of Bundeswehr Equipment, Information Technology and In-Service Support ,BAAINBw: Bundesamt für Ausrüstung, Informationstechnik und Nutzung der Bundeswehr)
ได้เผยแพร่วีดิทัศน์แสดงถึงโครงสร้างอากาศยาน(airframe)ของเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล P-8A Poseidon จำนวน 3เครื่องแรกจากทั้งหมด 8เครื่องกำลังเข้าร่วมสายการผลิต ณ โรงงานอากาศยาน Renton ของ Boeing ใน Seattle

"เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล P-8A Poseidon สามเครื่องแรกสำหรับการลาดตระเวนทางทะเลและสงครามปราบเรือดำน้ำ(ASW: Anti-Submarine Warfare) กำลังอยู่ในสายการผลิตในสหรัฐฯ 
การวางแผนสำหรับการบินครั้งแรกคือในเดือนพฤศจิกายน 2024 กำลังอยู่ภายในการดำเนินการ การส่งมอบจะเริ่มต้นในปี 2025" BAAINBw เยอรมนีกล่าวจากบัญชี X(Twitter เดิม) ทางการของตน

กองการบินทหารเรือเยอรมนี(Marineflieger) กองทัพเรือเยอรมนี(German Navy, Deutsche Marine) กำลังสั่งจัดหาเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล P-8A Poseidon ในฐานะมาตรการหยุดช่องว่าง
จนกว่ากองทัพเรือเยอรมนีจะวางกำลังเครื่องบินที่จะมาทดแทนในระยะยาวสำหรับเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล Lockheed P-3C Orion MPA(Maritime Patrol Aircraft) จำนวน 8เครื่องของตน

หลังจากที่โครงการปรับปรุงความทันสมัยของเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล P-3C Orion ดังกล่าวของกองการบินทหารเรือเยอรมนีได้ถูกระงับไปเนื่องจากค่าใช้จ่ายและความยุ่งยากทางเทคนิคต่างๆ
การจัดซื้อจัดจ้างเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล P-8A มีจุดประสงค์เพื่อเป็นสะพานเชื่อมช่องว่างระหว่างเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล P-3C และโครงการพัฒนาเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลร่วมกับฝรั่งเศสในชื่อโครงการระบบสงครามทางอากาศทางทะเล MAWS(Maritime Airborne Warfare System)

โดยการให้เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล P-8A Poseidon ยังคงเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาคั่นระยะ(เป็นทางการอย่างน้อย) กองการบินทหารเรือเยอรมนีได้กล่าวว่าตนจะไม่มีการสร้างสถานที่อำนวยความสะดวกสำหรับเครื่องรุ่นนี้โดยเฉพาะ
แต่จะพึ่งพา "การแก้ไขปัญหางานเฉพาะหน้า"(workaround) ต่างๆแทน กองการบินทหารเรือเยอรมนีเดิมมีกำหนดที่จะได้รับมอบเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล P-8A Poseidon จำนวน 5เครื่องโดยการส่งมอบถูกระบุเป็นปลายปี 2024 

แต่ได้มีการเพิ่มจำนวนเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล P-8A Poseidon ที่สั่งจัดหาอีก 3เครื่องในเดือนพฤศจิกายน 2023 การเพิ่มจำนวนเครื่องขึ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของหลากหลายการเพิ่มงบประมาณกลาโหมแห่งชาติของเยอรมนี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบประมาณพิเศษ(special fund, Söndervermögen) วงเงิน 100 billion Euros($109 billion) ที่ถูกเพิ่มขึ้นตามหลังการรุกรานยูเครนของรัสเซียตั้งแต่ปี 2022 ครับ

วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2567

NHI ยุโรปและนอร์เวย์นำข้อพิพาทเฮลิคอปเตอร์ NH90 เข้าสู่ศาล

NHI, Norway take NH90 dispute to court





With no resolution to their dispute over Norway's cancellation of its NH90 programme, NHI and the Norwegian government will now settle the matter in court. (Norwegian Ministry of Defence)

บริษัท NHIndustries(NHI) ยุโรปไม่สามารถแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งของตนกับนอร์เวย์เกี่ยวกับการยกเลิกโครงการเฮลิคอปเตอร์ NH90 ได้ โดยทั้งสองฝ่ายจะนำข้อพิพาทเข้าสู่ศาล
การพูดคุยต่อ Janes และสื่อความมั่นคงอื่นๆ ณ โรงงานอากาศยาน Marignane ของบริษัท Airbus Helicopters ยุโรป ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย(chief stakeholder) ของกิจการค้าร่วม NHI(ถือหุ้นร่วมกับบริษัท Leonardo อิตาลี และบริษัท Fokker เนเธอร์แลนด์)

ประธานบริษัท NHI ยุโรป Axel Aloccio กล่าวว่าความพยายามในการไกล่เกลี่ยปัญหาระหว่าง NHI และนอร์เวย์ไม่ประสบความสำเร็จ และประเด็นนี้นั้นขณะนี้จะมีข้อยุติผ่านช่องทางตามกฎหมาย
"ทั้งหมดที่ผมสามารถบอกคุณได้คือการเจรจาไกล่เกลี่ยได้ล้มเหลว และนั่นเรากำลังนำเรื่องนี้เข้าสู่ศาลเมือง Oslo เราพยายามที่จะหาข้อตกลงที่เห็นชอบกับ แต่เราไม่สามารถทำได้" Aloccio กล่าว

"และขณะนี้พวกเขาได้นำเราเข้าสู่ศาลและเรากำลังนำพวกเขาเข้าสู่ศาลเช่นกัน มันมีสองข้อร้องเรียนซึ่งถูกควบรวมกันเป็นข้อร้องเรียนเดียว ดังนั้นในจุดจบของเรื่องนี้มันจึงเป็นเพียงหนึ่งข้อพิพาทใหญ่" Aloccio กล่าว
ในเดือนมิถุนายน 2022 รัฐมนตรีกลาโหมนอร์เวย์(ในเวลานั้น) Bjørn Arild Gram กล่าวว่า แม้ว่าประเทศของเขาได้พยายามอย่างดีที่สุด เฮลิคอปเตอร์ NH90 จำนวน 14เครื่องไม่สามารถที่จะเติมเต็มกองทัพนอร์เวย์(Norwegian Armed Forces, Forsvaret) ได้ และนั่นทำให้ไม่สามารถที่จะเก็บรักษาเฮลิคอปเตอร์แบบนี้ได้อีกต่อไป 

ในการยกเลิกการสั่งจัดหาเฮลิคอปเตอร์ NH90 กระทรวงกลาโหมนอร์เวย์กล่าวว่าตนตั้งใจที่ส่งคืนเฮลิคอปเตอร์และเรียกร้องขอวงเงิน 5 billion Norwegian Krone($460 million) ที่ตนจ่ายไปสำหรับเฮลิคอปเตอร์ของตนคืน รวมถึงดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่นๆ
บริษัท NHI ได้อธิบายเรื่องนี้ว่า "ไม่มีเหตุผลทางกฎหมาย" แต่ภายหลังได้เสนอที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆโดยไม่มีค่าใช้จ่ายแก่นอร์เวย์(https://aagth1.blogspot.com/2022/06/nh90.html

นอร์เวย์ได้ลงนามสัญญากับ NHI ในปี 2001 สำหรับรุ่นเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทางทะเลประจำเรือฟริเกต NH90 NFH(NATO Frigate Helicopter) จำนวน 14เครื่อง เพื่อเข้าประจำการในกองทัพเรือนอร์เวย์(Royal Norwegian Navy, Sjøforsvaret) และหน่วยยามฝั่งนอร์เวย์(Norwegian Coast Guard, Kystvakten) 
ที่เดิมมีกำหนดส่งมอบในช่วงปี 2005-2008 อย่างไรก็ตามการส่งมอบเฮลิคอปเตอร์ NH90 ของนอร์เวย์ได้มีความล่าช้าโดยเครื่องแรกถูกส่งมอบได้ในปี 2011 จนถึงเดือนมกราคม 2016 มีเฮลิคอปเตอร์ NH90 เพียง 6เครื่องเท่านั้นที่ถูกส่งมอบ

รายงานที่ทำขึ้นโดยสำนักงานยุทโธปกรณ์กลาโหมนอร์เวย์(NDMA: Norwegian Defence Materiel Agency, FMA: Forsvarsmateriell) ฝูงบินเฮลิคอปเตอร์ NH90 มีความพร้อมที่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดมาก โดยจากชั่วโมงบินที่ควรอยู่ที่เฉลี่ย 3,900ชั่วโมงบินต่อปี กลับทำได้เพียง 700ชั่วโมงบินต่อปีเท่านั้น 
นอร์เวย์เป็นประเทศที่สองที่ประกาศยุติการใช้งานฝูงบินเฮลิคอปเตอร์ NH90 ของตนต่อจากกองทัพออสเตรเลีย(ADF: Australian Defence Force) ที่เลิกใช้งานเฮลิคอปเตอร์ MRH90 Taipan จำนวน 45เครื่องที่เป็น NH90 รุ่นของตนครับ(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/mrh90-taipan.html)

วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ไทยลงนามข้อตกลงการขายยานเกราะล้อยาง First Win 4x4 แก่ปากีสถานพร้อมการผลิตในประเทศ 100คัน




Thai Defense Industry (TDI) by Chaiseri displayed its First Win ATV (Armoured Tactical Vehicle) 4x4 and First Win AFV (Armoured Fighting Vehicle) 4x4 at the Defense & Security show in Bangkok. (My Own Photos)




On 18 September 2024, Colonel Tanai Phueamphun, Acting Assistant Military Attache of Kingdom of Thailand in Islamabad, with with Major General Atique Ahmed, Director General Technical of Heavy Industry Taxila (HIT), witnessed the signing of a Memorandum of Understanding (MOU) between Mr.Kan Kulhiran, Representative of Thai Defence Industry (TDI) joint venture between Thai private firm Chaiseri metal & rubber Co. Ltd. and Ministry of Defence of Thailand agency's Defence Technology Institute (DTI) and Colonel (Retired) Ajmal Rafique, Chief Executive Officer of Margalla Heavy Industries Limited, HIT, witnessed by Mr. Rashid Zahoor and Mr. Waqar Iqbal, Representatives of Paradigm Technologies International, a partner from Pakistan.
TDI has reached an agreement to sell 100 of First Win (FW 4x4) wheeled Armored Tactical Vehicles (ATVs) and transfer technology to production at HIT factory in Taxila, Punjab, Islamic Republic of Pakistan. (Royal Thai Armed Forces)

เมื่อวันพุธที่ 18 กันยายน  2567 เวลา 11.00 นาฬิกา  พันเอก ทนาย เพิ่มพูล รักษาการผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารไทย ประจำกรุงอิสลามาบัด ร่วมกับ พลตรี Atique Ahmed Director General Technical Heavy Industry Taxila (HIT) เป็นสักขีพยานในการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่าง 
นายกานต์ กุลหิรัญ ผู้แทน  บริษัท ไทยดีเฟนส์อินดัสตรี จำกัด:  Thai Defence Industry (TDI) กับ พันเอก (เกษียณ) Ajmal Rafique Chief Executive Officer, Margalla Heavy Industries Limited, HIT โดยมี นาย Rashid Zahoor และนาย Waqar Iqbal ผู้แทน บริษัท Paradigm Technologies International ซึ่งเป็นหุ้นส่วนฝ่ายปากีสถาน ร่วมเป็นสักขีพยาน 
โดย บริษัท ไทยดีเฟนส์อินดัสตรี จำกัด (TDI) บรรลุข้อตกลงในการขายรถยานเกราะล้อยาง First Win (FW 4x4) จำนวน 100 คัน พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตให้กับ HIT ณ HIT, เมืองตักศิลา จังหวัดปัญจาบ สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน จากนั้นได้เยี่ยมชม Heavy Rebuild Factory M-Series โดยมี พันเอก Muhammad Haroon Aslam (MD) Heavy Rebuild Factory M-Series นำเยี่ยมชม
ทั้งนี้ HIT เป็นองค์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศในการกำกับดูแลของ กองทัพบกปากีสถาน มีขีดความสามารถในการผลิตรถถังและยานเกราะให้กับกองทัพปากีสถาน และมิตรประเทศ การบรรลุข้อตกลงในการขายรถยานเกราะล้อยาง First Win (FW 4x4)  ในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยียานเกราะของไทย ที่มีประโยชน์ในการพัฒนากองทัพปากีสถาน

กองทัพไทย(RTARF: Royal Thai Armed Forces) ได้เผยแพร่ในสื่อสังคม online ของตนเมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๗(2024) ว่า บริษัท Thai Defense Industry จำกัด(TDI) ไทยและ Heavy Industries Taxila(HIT) รัฐวิสาหกิจผู้ผลิตรถถังยานเกราะของปากีสถาน และบริษัท Paradigm Technologies International ปากีสถาน
ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU: Memorandum of Understanding) ในการบรรลุข้อตกลงการขายยานเกราะล้อยาง First Win 4x4 จำนวน ๑๐๐คันพร้อมการถ่ายทอดวิทยาการการผลิตให้กับโรงงาน Margalla Heavy Industries Limited ของ HIT ใน Taxila, Punjab สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๗

บริษัท TDI ไทย เป็นกิจการร่วมทุน(joint venture) ระหว่างสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ สปท. DTI(Defence Technology Institute) หน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหมไทย และบริษัท ชัยเสรี เม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด(Chaiseri metal & rubber Co. Ltd.) ไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ของเอกชนแก่ต่างประเทศในรูปแบบข้อตกลงแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล
เป็นที่เข้าใจว่ายานเกราะล้อยาง First Win(FW 4x4) จำนวน ๑๐๐คันที่ส่งออกพร้อมการถ่ายทอดวิทยาการการผลิตแก่ปากีสถาน น่าจะเป็นยานเกราะล้อยางทางยุทธวิธี First Win 4x4 ATV(Armored Tactical Vehicle) ซึ่งเป็นยานเกราะล้อยางในตระกูล First Win 4x4 ที่บริษัท Chaiseri ไทยประสบความสำเร็จในการส่งออกสูงสุด(https://aagth1.blogspot.com/2024/05/first-win-4x4-atv-mi-47-mi-9.html)

แม้ว่าจะไม่มีการเปิดเผยมูลค่าของวงเงินสัญญา การส่งออกยานเกราะล้อยาง First Win 4x4 จำนวน ๑๐๐คันแก่ปากีสถานถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ที่สุดของภาคอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย หลังการส่งมอบยานเกราะล้อยาง First Win 4x4 ATV จำนวน ๑๐คันล่าสุดแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติภูฏาน(Royal Bhutan Police) เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๗ เป็นการเพิ่มเติมต่อ
ยานเกราะล้อยางตระกูล First Win 4x4 รวมจำนวน ๑๕คันที่ TDI ไทยได้ส่งมอบให้แก่กองทัพภูฎาน(RBA: Royal Bhutan Army) เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๔(2021) เพื่อใช้ในภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง(United Nations Mission in the Central African Republic, MINUSCA Peacekeeping)(https://aagth1.blogspot.com/2021/11/chaiseri-dti-first-win-4x4-un.html)

นอกจากภูฏานที่ได้รับมอบยานเกราะล้อยาง First Win 4x4 ของไทยแล้วรวม ๒๕คัน ยานเกราะล้อยางตระกูล First Win 4x4 ของ Chaiseri ไทยยังประสบความสำเร็จในการส่งออกให้แก่กองทัพบกมาเลเซีย(Malaysian Army, Tentera Darat Malaysia) พร้อมการถ่ายทอดสิทธิบัตรการผลิตในมาเลเซียแก่ DRB-HICOM Defence Technologies(Deftech) มาเลเซียในชื่อยานเกราะล้อยาง AV4 Lipan Bara 4x4 จำนวน ๒๐คัน
และยังประสบความสำเร็จการส่งออกให้แก่ กองบัญชาการหน่วยรบพิเศษ(Kopassus: Komando Pasukan Khusus) กองทัพบกอินโดนีเซีย(Indonesian Army, TNI-AD: Tentara Nasional Indonesia-Angkatan Darat) ในชื่อยานเกราะล้อยาง Hanoman 4x4 จำนวนหนึ่งด้วย(https://aagth1.blogspot.com/2019/10/first-win-4x4.html, https://aagth1.blogspot.com/2017/11/chaiseri-first-win-ii-condor-asean.html)

Heavy Industries Taxila(HIT) เป็นผู้ผลิตรถถังและยานเกราะในสังกัดกระทรวงการผลิตกลาโหมปากีสถาน(Ministry of Defence Production of Pakistan) ซึ่งทำการปรับปรุงความทันสมัยและผลิตรถถังยานเกราะหลากหลายแบบให้แก่กองทัพปากีสถาน(Pakistan Armed Forces) มาอย่างยาวนานตั้งแต่เช่น รถรบทหารราบ Viper (IFV: Infantry Fighting Vehicle)(https://aagth1.blogspot.com/2018/12/viper.html)
จนถึงรถถังหลัก Al-Khalid และรถถังหลัก Haider(รถถังหลัก VT4) ที่ได้รับการถ่ายทอดวิทยาการจากจีน(https://aagth1.blogspot.com/2021/10/vt4.html) การส่งออก First Win 4x4 จึงเป็นความสำเร็จของไทยล่าสุดกับปากีสถานหลังจากที่อู่เรือบริษัท Marsun ไทยเคยส่งออกแบบเรือเร็วโจมตี M39 ของตนแก่กองทัพเรือปากีสถาน(PN: Pakistan Navy) ในชื่อเรือเร็วโจมตีติดอาวุธปล่อยนำวิถีชั้น Jurrat ๒ลำครับ

วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2567

KAI เกาหลีใต้วางแผนส่งมอบเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ LAH ในเดือนธันวาคม 2024

KAI plans Light Armed Helicopter deliveries from December







Korea Aerospace Industries' (KAI's) third Light Armed Helicopter (LAH) prototype flies during the 76th anniversary of the Armed Forces Day at Seoul Air Force Base on 25 September 2024. (Kelvin Wong)



บริษัท Korea Aerospace Industries(KAI) สาธารณรัฐเกาหลีกำลังเตรียมการที่จะส่งมอบเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ Light Armed Helicopter(LAH) เครื่องแรกจาก 10เครื่องที่ได้ลงนามสัญญาไว้
แก่กองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลี(RoKA: Republic of Korea Army) ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024 นี้ โฆษกบริษัท KAI สาธารณรัฐเกาหลีได้กล่าว(https://aagth1.blogspot.com/2023/12/lah-ah-1.html)

ตามข้อมูลจากโฆษกบริษัท KAI เฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ LAH เครื่องแรกจากสายการผลิตได้เริ่มต้นการบินทดสอบแล้ว "เฮลิคอปเตอร์สามารถจะถูกส่งมอบให้แก่กองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลีได้หลังจากการบินสอบได้(เสร็จสิ้น)ประสบความสำเร็จแล้ว"
โฆษก KAI กล่าวกับ Janes เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2024 กำหนดการส่งมอบเป็นไปตามข้อตกลงตามสัญญาของ KAI กับรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีในเดือนธันวาคม 2022(https://aagth1.blogspot.com/2023/09/kai-airbus-lah-kuh-1-surion.html)

การจัดซื้อจัดจ้างเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ KAI LAH ของกองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลีมีมูลค่าที่วงเงิน 302 billion Korean Won($22.44 million) นี่รวมถึงการสนับสนุนผลิตภัณฑ์และการฝึกสำหรับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการครั้งแรกด้วย Janes รายงาน
ตามข้อมูลจาก KAI สาธารณรัฐเกาหลี บริษัทกำลังทำงานที่จะเสร็จสิ้นการผลิตของเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ LAH ที่เหลืออยู่ในระยะที่หนึ่ง ชุด 10เครื่องนี้(https://aagth1.blogspot.com/2022/11/kai-lah.html)

สำนักงานโครงการจัดหากลาโหม(DAPA: Defense Acquisition Program Administration) สาธารณรัฐเกาหลีได้กล่าวการส่งมอบของเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ LAH ในชุด 10เครื่องนี้
จะมีขึ้นหลังจากกองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลีเสร็จสิ้น "การตรวจรับ"(acceptance inspection) ของตน(https://aagth1.blogspot.com/2021/10/kai-mum-t.html, https://aagth1.blogspot.com/2021/03/kai-lah-mum-t.html)

รัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีได้ประกาศสัญญากับ KAI สำหรับการผลิตเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ LAH ระยะที่สอง มูลค่าที่วงเงิน 1.4 trillion Korean Won ในเดือนธันวาคม 2023(https://aagth1.blogspot.com/2020/12/kai-lah.html)
เฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ LAH จากสายการผลิตระยะที่สองนี้มีกำหนดจะถูกส่งมอบให้แก่กองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลีตั้งแต่ไตรมาสที่สี่ของปี 2025 ตามข้อมูลจาก KAI(https://aagth1.blogspot.com/2020/09/h155.html)

กระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐเกาหลีได้กล่าวว่า เฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ LAH ได้กลายเป็นองค์ประกอบหลักของกองกำลังโจมตีเคลื่อนที่(mobile strike force) ของกองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลี(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/taipers.html)
การวิเคราะห์ชุดภาพถ่ายตั้งข้อสังเกตว่า KAI สาธารณรัฐเกาหลีได้ทำการผลิตต้นแบบเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ LAH ที่มีความสมควรเดินอากาศอย่างน้อยสามเครื่อง เครื่องต้นแบบหมายเลข No 001 ได้ทำการบินทดสอบครั้งแรกของตนในเดือนกรกฎาคม 2019 ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2019/07/kai-lah.html)

วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ฝรั่งเศสเริ่มการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ Rafale F5 มาตรฐานใหม่ล่าสุด

France launches F5 standard for Rafale





The F5 iteration of the Rafale combat aircraft will operate alongside stealthy ‘loyal wingmen', as illustrated in this image showing a nEUROn technology demonstrator unmanned combat aerial vehicle. (Dassault)



ฝรั่งเศสได้เริ่มต้นการพัฒนาอย่างเป็นทางการของเครื่องบินขับไล่ Dassault Rafale F5 มาตรฐานใหม่ล่าสุด โดยรัฐมนตรีกระทรวงกองทัพฝรั่งเศส Sébastien Lecornu ประกาศเหตุการณ์สำคัญนี้เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2024
การเริ่มต้นการพัฒนามาตรฐานเครื่องบินขับไล่ Rafale F5 รัฐมนตรีกระทรวงกองทัพฝรั่งเศส Lecornu กล่าวผ่านบัญชี X(Twiiter เดิม) ทางการของเขาว่า(https://aagth1.blogspot.com/2024/07/rafale.html)

เครื่องบินขับไล่ Rafale F5 มาตรฐานใหม่จะติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้นติดหัวรบนิวเคลียร์ ASN4G ที่ปัจจุบันอยู่ในการพัฒนา และจะสามารถปฏิบัติการสอดประสานกับ 'คู่บินภักดี'(loyal wingman) ที่ถูกตรวจพบได้ต่ำแบบใหม่ได้
"การปรับปรุงความทันสมัยของเครื่องบินขับไล่ Rafale ไปสู่มาตรฐาน F5 จะเป็นการปฏิวัติสำหรับภารกิจตามแบบต่างๆของ(กองทัพฝรั่งเศส)และการป้องปรามทางนิวเคลียร์ของเรา" เขากล่าว(https://aagth1.blogspot.com/2024/05/rafale-asmpa.html)

ตามที่ Lecornu เน้นมาตรฐานเครื่องบินขับไล่ Rafale F5 จะถูกเปิดตัวเพื่อนำเข้าประจำการในฝูงบินเครื่องบินขับไล่ต่างๆของกองทัพอากาศและอวกาศฝรั่งเศส(French Air and Space Force, AAE: Armée de l'Air et de l'Espace) ตั้งแต่ปี 2030
นอกจากภารกิจนิวเคลียร์และการประกอบเสริมด้วยระบบอากาศยานรบไร้คนขับ(UCAV: Unmanned Combat Aerial Vehicle) 'ตรวจจับได้ยาก'(stealthy) ที่ได้รับการประกาศโดยรัฐมนตรีกระทรวงกองทัพฝรั่งเศส Lecornu

Janes ได้รายงานก่อนหน้านี้ว่าเครื่องบินขับไล่ Rafale F5 มาตรฐานใหม่จะเพิ่มการเชื่อมต่ออย่างมหาศาล, ระบบอาวุธและระบบตรวจจับใหม่ต่างๆ, ปัญญาประดิษฐ์(AI: Artificial Intelligence), 
และวิทยาการความเร็วเหนือเสียงสูงมาก hypersonic ต่างๆ(แม้ว่าตัวเครื่องบินขับไล่ Rafale เองจะไม่ใช่ระบบอากาศยานความเร็วเหนือเสียงสูงมาก hypersonic ก็ตาม) และชุดการยืดอายุการใช้งานโครงสร้างอากาศยาน(airframe)

ข่าวของการเริ่มต้นของมาตรฐานเครื่องบินขับไล่ Rafale F5 ใหม่มีขึ้นหลายเดือนให้หลังจากที่ฝรั่งเศสสั่งจัดหาเครื่องบินขับไล่ Rafale เพิ่มเติมจำนวน 42เครื่องในเดือนมกราคม 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/rafale-42-18.html
วงเงิน 5 billion Euros($5.4 billion ในเวลานั้น)ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากกฎหมายโครงการทางทหาร(Military Programming Law, LPM) ปี 2019-2025 โดยประกาศนี้เป็นการแสดงถึงการจัดซื้อจัดจ้างระยะที่5

สำหรับเครื่องบินขับไล่ Rafale ที่ได้รับการสั่งจัดหาโดยกระทรวงกองทัพฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 1993 เครื่องบินขับไล่ Rafale F5 มาตรฐานใหม่ภายใต้การจัดหาระยะที่5 เหล่านี้เครื่องแรกจะถูกส่งมอบภายในปี 2027
กองทัพอากาศและอวกาศฝรั่งเศสยังจะจัดตั้งกองบินใหม่และฝูงบินใหม่สำหรับเสริมสร้างการขยายขนาดกำลังรบเครื่องบินขับไล่ Rafale ของตน ตามที่กำลังทยอยปลดปลดประจำการเครื่องบินขับไล่ Dassault Mirage 2000 ของตนที่ส่วนหนึ่งจะส่งมอบให้ยูเครนภายในต้นปี 2025 ด้วยครับ

วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2567

เรืออุทกศาสตร์ A09 HMNZS Manawanui นิวซีแลนด์จมที่ซามัว

New Zealand hydrographic ship capsizes in Samoa





A file image of HMNZS Manawanui seen here while it was in the Hauraki Gulf. The vessel capsized in Samoa on 6 October 2024. (Royal New Zealand Navy)

เรือสนับสนุนทางอุทกศาสตร์และการดำน้ำ A09 HMNZS Manawanui กองทัพเรือนิวซีแลนด์(RNZN: Royal New Zealand Navy) ได้จมแบบพลิกคว่ำหลังจากเกยตื้นและเกิดเพลิงไหม้ขณะที่เรือกำลังดำเนินปฏิบัติการสำรวจทางสมุทรศาสตร์ในซามัว
เรือสำรวจอุทกศาสตร์ HMNZS Manawanui ได้ดำเนินการสำรวจที่ราว 1nmi จากชายฝั่งเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2024 ก่อนที่เรือจะเกยตื้นห่างจากชายฝั่งทางตอนใต้ของเกาะ Upolu ของซามัว กองทัพนิวซีแลนด์(NZDF: New Zealand Defence Force) เปิดเผยเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2024

ลูกเรือผู้โดยสารทั้งหมดทั้งหมด 75คนของเรือสำรวจอุทกศาสตร์ HMNZS Manawanui ได้ทำการสละเรือใหญ่โดยการอพยพลงเรือช่วยชีวิตในเวลา 1952h ตามเวลาท้องถิ่นของซามัวเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2024
"ลูกเรือและผู้โดยสารบนเรือช่วยชีวิตและเรือทะเลจากเรืออุทกศาสตร์ HMNZS Manawanui เหล่านี้ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปเรืออื่นๆที่ตอบสนองต่อการร้องขอการช่วยเหลือกู้ภัยและถูกเคลื่อนย้ายไปยังชายฝั่งแล้ว" ตามการอ่านแถลงการณ์ของกองทัพนิวซีแลนด์

"ณ ขั้นระยะนี้สาเหตุที่แท้จริงของการเกยตื้นยังไม่เป็นที่ทราบ และนี่จำเป็นต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติม" กองทัพนิวซีแลนด์กล่าวเสริมว่า เรืออุทกศาสตร์ HMNZS Manawanui ได้เริ่มเอียงอย่างหนักในเวลา 0640h ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 6 ตุลาคม 2024
ขณะที่ควันไฟสามารถมองเห็นการพุ่งออกมาจากตัวเรือ "ในเวลา 0900h ตามเวลาท้องถิ่น เรือเป็นที่ทราบว่าได้พลิกคว่ำและอยู่ใต้ผิวน้ำ กองทัพนิวซีแลนด์กำลังทำงานกับผู้มีอำนาจเพื่อทำความเข้าใจผลกระทบที่ตามมาและลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม" ตามแถลงการณ์กองทัพนิวซีแลนด์

"การสนับสนุนได้รับการมอบให้โดยกระทรวงการต่างประเทศและการค้านิวซีแลนด์ และผู้มีอำนาจของซามัวแก่ลูกเรือและผู้โดยสารจากเรือ HMNZS Manawanui และพวกเขากำลังได้รับการรับรองในซามัว 
กองทัพนิวซีแลนด์จะทำการส่งอากาศยานไปซามัว(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/c-130j-30-hercules-5.html) เพื่อนำพวกเขากลับมานิวซีแลนด์" กองทัพนิวซีแลนด์เสริม

เรือสำรวจอุทกศาสตร์ A09 HMNZS Manawanui ถูกนำเข้าประจำการในเดือนมิถุนายน 2019 ก่อนเข้าประจำการในกองทัพเรือนิวซีแลนด์ เดิมเคยเป็นเรือสนับสนุนไกลฝั่งพาณิชย์ชื่อ Edda Fonn ของนอร์เวย์ 
เรือถูกจัดหาโดยรัฐบาลนิวซีแลนด์ในเดือนสิงหาคม 2018 เป็นวงเงิน NZ$103 million($62 million) เพื่อมาปฏิบัติภารกิจต่างๆเติมเต็มภารกิจเดิมของเรืออุทกศาสตร์ A14 HMNZS Resolution และเรือสนับสนุนการดำน้ำ A09 HMNZS Manawanui(ชื่อและหมายเลขเรือเดียวกัน) ที่ปลดประจำการในปี 2012 และ 2018 ตามลำดับ

เรืออุทกศาสตร์ HMNZS Manawanui ใหม่มีความยาวเรือรวม 84.7m กว้าง 18m และกินน้ำลึก 6.3m ได้ได้ติดตั้งแขนยก crane เก็บกู้ขนาด 100tonne ติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่เครื่องยนต์ดีเซลขับสองชุดขับเคลื่อน azimuth สองระบบ และสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 13knots
อุปกรณ์สำรวจทางสมุทรศาสตร์ที่ติดตั้งบนเรือรวมถึงเครื่องหยั่งความลึกน้ำ(echo sounder) แบบ EM712 multibeam และ EA 440 single-beam จากบริษัท Kongsberg นอร์เวย์ และยังติดตั้งยานใต้น้ำควบคุมระยะไกล(ROV: Remotely Operated Vehicle) แบบ Seaeye Cougar จากบริษัท Saab สวีเดนด้วยครับ