Thailand's Cabinet approved to amend government-to-government (G-to-G)
contract on CHD620V16H6 diesel generator engine for Royal Thai Navy (RTN) S26T
Submarine programme on 5 August 2025.
The presentation video realesed on RTN's official social media account also
seen new photos of testing Chinese Henan Diesel Engine Co., Ltd (HND)
CHD620V16H6 diesel generator engine for 8 of Pakistan Navy (PN) Hangor-class
and one RTN S26T Submarine. (Royal Thai Navy)
กองทัพเรือ
เดินหน้าโครงการจัดหาเรือดำน้ำเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลของประเทศ
กองทัพเรือ ขอขอบคุณคณะรัฐมนตรีที่ได้มีมติเห็นชอบ
ให้แก้ไขข้อตกลงฯเปลี่ยนเครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและขยายระยะเวลาการส่งมอบเรือดำน้ำ
ซึ่งทำให้กองทัพเรือสามารถเดินหน้าโครงการจัดหาเรือดำน้ำได้
และจะทำให้กองทัพเรือมีขีดความสามารถของกำลังทางเรือที่ครบสมบูรณ์ทั้งมิติผิวน้ำ
มิติเหนือน้ำ และมิติใต้น้ำ
รวมทั้งจะเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านความมั่นคงและรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของประเทศเพิ่มมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้การดำเนินการแก้ไขข้อตกลงฯ เป็นไปด้วยความรอบคอบ โปร่งใส
ภายใต้กรอบกฎหมายโดยผ่านการพิจารณาจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอน
จนสามารถเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
กองทัพเรือขอยืนยันว่า นโยบายควบคุมการส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ (Embargo
Policy)ของสหภาพยุโรป ที่ได้ประกาศนั้นเกิดขึ้น ในปี พ.ศ.2562
ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากการลงนามในข้อตกลงจ้างสร้างเรือดำน้ำ ซึ่งมีผลเมื่อปี
2560 ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องแก้ไขข้อตกลงฯ และการแก้ไขข้อตกลงฯ ครั้งนี้
ยังได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมต่าง ๆ
ได้แก่ การขยายระยะเวลาการรับประกันและอะไหล่ การฝึกอบรมกำลังพล
และสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมถึงการสนับสนุนเครื่องฝึกจำลองควบคุมเรือดำน้ำ
(Simulator)
เพื่อเป็นการเสริมสร้างประสิทธิภาพและความพร้อมของเรือดำน้ำอย่างยั่งยืน
รวมทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเรือดำน้ำในอนาคต
สำหรับเครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่จะใช้กับเรือดำน้ำ
ได้รับการตรวจทดสอบทดลองคุณภาพแล้ว
มีขีดสมรรถนะและความปลอดภัยเทียบเท่าหรือดีกว่ารุ่นเดิม
และได้รับการรับรองจากสถาบันจัดชั้นเรือระดับโลก คือ Lloyd’s Register
สหราชอาณาจักร
รวมทั้งได้มีการใช้งานจริงในเรือดำน้ำของประเทศคู่สัญญารายอื่นซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่กองทัพเรือจัดหา
ขอให้พี่น้องประชาชนจงเชื่อมั่นว่า กองทัพเรือพร้อมที่จะใช้งานอาวุธ
ยุทโธปกรณ์ ให้คุ้มค่ามากที่สุด เพื่อปกป้องเอกราช
อธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
รวมทั้งช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในทุกสถานการณ์
การประชุมคณะรัฐมนตรีไทยที่มีขึ้นทุกวันอังคารของสัปดาห์เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม
พ.ศ.๒๕๖๘(2025) ได้มีการเห็นชอบการอนุมัติโครงการทางกลาโหมหลายโครงการ
ในส่วนของกองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy) รวมถึงการอนุมัติงบประมาณวงเงินราว
๑๗,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($533,617,930) สำหรับโครงการจัดหาเรือฟริเกตใหม่ระยะที่๑ จำนวน
๑ลำจาก ๒ลำที่จะสร้างในไทยในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๙(2026)
และการเห็นชอบการแก้ไขสัญญาแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล(G-to-G: government-to-government)
สำหรับโครงการเรือดำน้ำ S26T จีน
หลังจากที่กระทรวงกลาโหมไทยได้ให้ความเห็นชอบในการแก้ไขสัญญาก่อนหน้าในปลายเดือนมิถุนายน
พ.ศ.๒๕๖๘ ก่อนจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘
ซึ่งเป็นความคืบหน้าที่สำคัญของโครงการที่ล่าช้าและยืดเยื้อมายาวนาน
กองทัพเรือไทยได้เผยแพร่วีดิทัศน์ประชาสัมพันธ์การชี้แจงรายละเอียดการแก้ไขสัญญาแบบรัฐต่อรัฐเพื่อเดินหน้าโครงการจัดหาเรือดำน้ำ
S26T จีนตามมาทางช่องทางสื่อสังคม online ของตน
โดยสาระสำคัญคือการแก้ไขข้อตกลงในการเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
CHD620V16H6 ที่พัฒนาโดยบริษัท Henan Diesel Engine Co., Ltd(HND)
ผู้พัฒนาผลิตเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับใช้งานทางเรือของจีน
ทดแทนเครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า MTU 16V396SE84-GB31L
สำหรับเรือดำน้ำจากเยอรมนี
ซึ่งเยอรมนีได้ปฏิเสธที่จะส่งออกให้จีนตามการเพิ่มความเข้มงวดมาตรการคว่ำบาตรทางทหารต่อจีนของสหภาพยุโรป(EU:
European Union) ในปี พ.ศ.๒๕๖๒(2019) และบริษัท MTU
เยอรมนีได้ปิดสายการเครื่องยนต์ตระกูล MTU 396 ในปี พ.ศ.๒๕๖๓(2020)(https://aagth1.blogspot.com/2023/08/chd620v16h6.html)
วีดิทัศน์ยังได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมใหม่ๆเกี่ยวกับความคืบหน้าของโครงการจัดหาเรือดำน้ำ
S26T ระยะที่๑ หนึ่งลำแรกที่ลงนามสัญญาเมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๐(2017)
และทำพิธีวางกระดูกงูเรือลำแรกเมื่อวันที่ ๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๒(2019)(https://aagth1.blogspot.com/2019/09/s26t.html) ณ อู่เรือ Wuchang Shipbuilding Industry Group Company Ltd(WSIG) ในนคร Wuhan
สาธารณรัฐประชาชนจีน
ว่าขณะนี้เรือดำน้ำ S26T
สำหรับกองทัพเรือไทยมีสถานะการสร้างตัวเรือล่าสุดอยู่ที่ร้อยละ๖๔
ซึ่งจนถึงขณะนี้ได้มีการชำระเงินไปแล้วประมาณ ๗,๗๒๔,๑๔๐,๕๒๒บาท($238,915,622)
หรือร้อยละ๖๓ เหลือที่ต้องชำระอีก ๕,๕๔๐,๘๕๙,๔๗๘บาท($171,384,490) หรือร้อยละ๓๗
การแก้ไขสัญญายังจะยืดระยะเวลาการส่งมอบเรือออกไปอีก ๑,๒๐๗วัน
ซึ่งในทางปฏิบัติอาจจะสามารถร่นระยะเวลาในสั้นกว่านี้ได้
ภาพประกอบในวีดิทัศน์ยังได้แสดงให้เห็นถึงการตรวจทดสอบทดลองคุณภาพของเครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
CHD620V16H6 ที่จีนเป็นเวลามากกว่า
๖,๐๐๐ชั่วโมงภายใต้มาตรฐานทางทหารแห่งชาติ(National Military Standard)
หรือมาตรฐาน GJB(Guo-jia Jun-yong) ของจีน
และได้รับการรับรองจากสถาบันจัดชั้นเรือ Lloyd’s Register สหราชอาณาจักรในปี
2020-2025
เรือดำน้ำ S26T ของไทยจะติดตั้งเครื่องยนต์ CHD620 จำนวน
๓เครื่องในแต่ละลำเช่นเดียวกับเรือดำน้ำชั้น Hangor ทั้ง
๘ลำของกองทัพเรือปากีสถาน(PN: Pakistan Navy) ที่ ๔ลำแรกต่อในจีน และ
๔ลำหลังที่อู่เรือ Karachi ในปากีสถานและมีการทดสอบเครื่องยนต์เพิ่มเป็นเวลา
๑,๑๐๐ชั่วโมงหรือ ๕ปีรวมใช้เครื่องยนต์ ๒๔เครื่อง
โดยติดตั้งเครื่องยนต์ในเรือดำน้ำไปแล้ว ๓ลำ(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/hangor-pns-shushuk.html)
วีดิทัศน์ยังกล่าวว่ากองทัพเรือไทยได้รับข้อเสนอจาก China Shipbuilding &
Offshore International Company(CSOC) กิจการการค้าและส่งออกของ China State
Shipbuilding Corporation(CSSC) กลุ่มรัฐวิสาหกิจผู้สร้างเรือจีน
และกระทรวงกลาโหมจีนในการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในกรอบวงเงินรวมประมาณ
๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($24,744,824) เพื่อชดเชยความล่าช้าที่รวมถึง
๑.การขยายระยะเวลาการรับประกันเครื่อง อะไหล่
และการสนับสนุนด้านเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงจาก ๒ปีเป็น ๘ปี
พร้อมการฝึกอบรมด้านการซ่อมบำรุงเป็นวงเงินราว ๗๕,๐๐๐,๐๐๐บาท($2,319,827)
๒.การมอบยุทโธปกรณ์ที่กองทัพเรือไทยต้องจัดหาในอนาคตรวมวงเงินราว
๑๒๕,๐๐๐,๐๐๐บาท($3,866,379)
๓.สนับสนุนเครื่องฝึกจำลองการควบคุมเรือดำน้ำ(simulator)
พร้อมยุทโธปกรณ์อื่นๆรวมวงเงินราว ๖๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($18,558,618)
กองทัพเรือไทยไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จะได้รับการจัดหาผ่านข้อเสนอความช่วยเหลือนี้
แต่มีการพูดคุยในสื่อสังคม online ของจีนว่าน่าจะรวมถึง Torpedo หนักขนาด 533mm
ยิงจากเรือดำน้ำรุ่นส่งออกแบบ ET-39 หรือ ET-40 หรือรุ่นส่งออกของ Torpedo
หนักแบบ Yu-10 แบบล่าสุดของกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAN: People's
Liberation Army Navy) ที่เข้าประจำการในปี 2015
โดยเพิ่งจะมีการทดสอบยิงจริงของ torpedo แบบ Yu-10 จากเรือดำน้ำชั้น Type
039B(NATO กำหนดรหัสชั้น Yuan) ที่เป็นพื้นฐานของเรือดำน้ำ S26T
ไทยและเรือดำน้ำชั้น Hangor ปากีสถานเมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๘
แต่ข้อมูลอีกด้านเชื่อว่าจะเป็น torpedo หนักแบบ ET38
ซึ่งเป็นรุ่นส่งออกที่มีพื้นฐานจาก torpedo หนักแบบ Yu-6 รุ่นเก่ากว่า
ในจำนวนอย่างน้อยมากกว่า ๔นัด
โดย Torpedo
หนักรุ่นส่งออกที่จะยิงจากเรือดำน้ำเหล่ามีคุณสมบัติเบื้องต้นนำวิถีผ่านเส้นลวด(wire
guided), เสียงเชิงรับและเชิงรุก และพลิ้วคลื่น(wake homing)
ทำความเร็วได้มากกว่า 50knots และมีระยะยิงไม่น้อยกว่า 50km
ซึ่งสามารถโจมตีได้เป้าหมายเรือผิวน้ำและเรือดำน้ำที่กำลังเคลื่อนที่
ระบบอาวุธอื่นๆยังน่าจะรวมถึงทุ่นระเบิดทะเลแบบ Smart Sea Mine ที่ปล่อยจากท่อยิง
torpedo ของเรือดำน้ำ
และอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นยิงจากท่อยิง torpedo ของเรือดำน้ำขณะดำใต้น้ำแบบ
CM-708UNB จำนวนมากกว่า ๖นัด
ที่เป็นรุ่นส่งออกของอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำตระกูล
YJ-82/YJ-83 ซึ่งมีระยะยิงไกลถึง 290km
และโจมตีได้ทั้งเป้าหมายเรือผิวน้ำและเป้านิ่งบนชายฝั่ง
อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตว่าวงเงินที่ระบุในข้างต้นน้อยเกินไปที่จะจัดหา Torpedo
และอาวุธปล่อยนำวิถีได้ในจำนวนที่กล่าวมานี้ครับ