วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2568

Saab และ FMV สวีเดนเจรจาสัญญาเรือดำน้ำชั้น A26 Blekinge ที่มีปัญหาใหม่เป็นครั้งที่สอง

Saab, FMV renegotiate troubled A26 submarine contract for second time




Sweden's new A26 Blekinge-class submarines will cost more and be delivered later under a contract amendment signed by Saab and FMV. (Saab)

สำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์กลาโหมสวีเดน(Defence Material Administration, FMV: Försvarets materielverk) และบริษัท Saab สวีเดนได้ถูกบังคับให้ปรับพื้นฐานสัญญาใหม่
สำหรับโครงการเรือดำน้ำชั้น A26 Blekinge เป็นครั้งที่สอง ตามผลลัพธ์ของกำหนดการที่ล่าช้าเพิ่มเติมและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/2030.html)

ภายใต้เงื่อนไขที่ถูกปรับแก้ใหม่ที่ถูกประกาศเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2025 การส่งมอบเรือดำน้ำชั้น A26 สองลำคือเรือดำน้ำ HMS Blekinge และเรือดำน้ำ HMS Skåne ได้ถูกเลื่อนออกไปเป็นต้นปี 2030s
และงบประมาณเพิ่มเติมวงเงิน  9.6 billion Swedish Krona($1 billion) ได้รับการอัดฉีดเข้าไปในโครงการเรือดำน้ำชั้น A26 Blekinge(https://aagth1.blogspot.com/2021/09/saab-a26.html)

การแก้ไขสัญญา ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดรองต่างๆจะปรับปรุงการรักษาความปลอดภัยของการจัดส่งในภาคส่วนเรือดำน้ำ ทำให้มูลค่ารวมของสัญญาเพิ่มขึ้นเป็น 25 billion Swedish Krona($2.62 billion)
ได้รับการสร้างภาคธุรกิจ Kockums ของ Saab สวีเดน โครงการเรือดำน้ำชั้น A26 มีวัตถุประสงค์ที่จะประจำการเรือดำน้ำยุคอนาคตที่ติดตั้งระบบขับเคลื่อนแบบไม่ใช้อากาศ(AIP: Air Independent Propulsion) ใหม่จำนวน 2ลำ

ที่จะเข้าประจำการในกองทัพเรือสวีเดน(RSwN: Royal Swedish Navy, Svenska marinen) ควบคู่ไปกับเรือดำน้ำชั้น A19 Gotland จำนวน 3ลำซึ่งติดตั้งระบบ AIP ที่ได้รับการปรับปรุง
เรือดำน้ำชั้น A26 ติดตั้งระบบการรบและระบบตรวจจับที่สำคัญที่มีคุณสมบัติร่วมกันเรือดำน้ำชั้น A19 ที่ได้รับการปรับปรุงความทันสมัย(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/saab-gotland-hswms-halland-mlu.html)

แต่เรือดำน้ำชั้น A26 ได้รับการออกแบบให้มีขนาดที่ใหญ่กว่ามอบระยะเวลาการปฏิบัติการที่เพิ่มขยายขึ้น และคุณลักษณะการแพร่สัญญาณร่องรอยอันเป็นเอกลักษณ์ต่างๆ
และมีการนำช่องปล่อยพหุภารกิจ(multimission portal) ที่ติดตั้งในส่วนหัวเรือมาใช้ สำหรับการวางกำลังของนักประดาน้ำและยานใต้น้ำไร้คนขับ(UUV: Unmanned Underwater Vehicle) ต่างๆ

สำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์กลาโหมสวีเดน FMV ได้ทำสัญญาวงเงิน 7.6 billion Swedish Krona($920 million) กับบริษัท Saab สำหรับการออกแบบและสร้างเรือดำน้ำชั้น A26 จำนวน 2ลำ
การส่งมอบของเรือดำน้ำ HMS Blekinge และเรือดำน้ำ HMS Skåne แก่กองทัพเรือสวีเดนเดิมวางแผนว่าเป็นปี 2024 และ 2025 ตามลำดับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/10/fmv.html)

FMV และ Saab สวีเดนได้เจรจาการแก้ไขสัญญาใหม่ครั้งแรกในปี 2021 ซึ่งเลื่อนกำหนดการส่งมอบเป็นปี 2027 และ 2028 ตามลำดับ และวงเงินเพิ่มเติม 5.2 billion Swedish Krona($600 million) ถูกอัดฉีดเข้าไปในโครงการ
การแก้ไขสัญญาครั้งที่สองล่าสุดจะทำให้กำหนดการส่งมอบเรือดำน้ำ HMS Blekinge และเรือดำน้ำ HMS Skåne แก่กองทัพเรือสวีเดนถูกเลื่อนออกไปอีกเป็นปี 2031 และ 2033 ตามลำดับครับ

วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ญี่ปุ่นทำพิธีปล่อยเรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่หกลงน้ำ SS-518 Sougei

Japan Launches Sixth Taigei-Class Submarine for JMSDF



JS Sogei, the sixth Taigei-class submarine, entered the water on October 14 in a ceremony held at KHI’s shipyard in Kobe City. Picture by Japan Maritime Self-Defense Force.



อู่เรือบริษัท Kawasaki Heavy Industries(KHI) ญี่ปุ่นได้ทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้า(SSK)ชั้น Taigei ลำที่หก เรือดำน้ำ SS-518 JS Sougei(そうげい) สำหรับกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น(JMSDF: Japan Maritime Self-Defense Force)
เรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่หก เรือดำน้ำ SS-518 Sougei ระวางขับน้ำ 3,000tonne ได้ถูกปล่อยลงสู่น้ำเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ในพิธีที่จัดขึ้นโดยอู่เรือบริษัท KHI ญี่ปุ่นในนคร Kobe และจะใช้เครื่องยนต์ดีเซล Kawasaki 12V 25/31 รุ่นใหม่ที่ให้กำลังขับสูง
ตามเรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่สี่ เรือดำน้ำ SS-516 JS Raigei(https://aagth1.blogspot.com/2023/10/taigei-ss-516-raigei.html) และเรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่ห้า เรือดำน้ำ SS-517 JS Chogei

เรือดำน้ำ SS-518 Sougei ซึ่งมีราคาในการสร้างเรือที่ราว 73.6 billion yen($484 million) คาดว่าจะขึ้นระวางประจำการในกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นในเดือนมีนาคม 2027 "Soegei" (そうげい, 蒼鯨)ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า "วาฬสีน้ำเงิน"(blue whale) 
นี่เป็นครั้งแรกที่กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นมีเรือชื่อนี้และอดีตกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น(IJN: Imperial Japanese Navy) ไม่เคยมีเรือที่ได้รับการตั้งชื่อนี้ เรือดำน้ำชั้น Taigei ทั้งหมดได้นำคำว่า "Gei"(鯨, วาฬ, whale) ในภาษาญี่ปุ่นมาตั้งเป็นชื่อเรือ 
โดยตัวคำว่า "Taigei"(たいげい, 大鯨) มีความหมายว่า 'วาฬใหญ่'(big whale) เช่นเดียวกับเรือดำน้ำชั้น Oyashio ที่ใช้คำว่า "Shio"(潮, กระแสน้ำ, tide) และเรือดำน้ำชั้น Soryu ที่ใช้คำว่า "Ryu"(龍, มังกร, dragon) มาใช้ประกอบในตั้งเป็นชื่อเรือดำน้ำที่เข้าประจำการในกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นก่อนหน้า

ตามข้อมูลจากกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น เรือดำน้ำ SS-518 Sougei ใหม่มีกำลังพลประจำเรือประมาณ 70นาย มีความยาวเรือรวมที่ 84m, ความกว้าง 9.1m กินน้ำลึก 10.4m และมีระวางขับน้ำปกติที่ราว 3,000tonnes 
มีขนาดใหญ่กว่าเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้า(SSK)ชั้น Soryu รุ่นก่อนหน้าซึ่งมีระวางขับน้ำปกติที่ 2,950tonnes เล็กน้อย(https://aagth1.blogspot.com/2021/03/soryu-12-ss-512-toryu.html
เรือดำน้ำชั้น Taigei มีคุณสมบัติพื้นที่ห้องภายในเรือสำหรับทหารที่เป็นสุภาพสตรี เช่น พื้นที่พักอาศัยที่รองรับทหารเรือหญิง 6คน ตามข้อมูลจากกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น เป็นเรือดำน้ำชั้นแรกของญี่ปุ่นที่มีคุณลักษณะเช่นนี้

จนถึงเรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่สาม เรือดำน้ำ SS-515 JS Jingei(https://aagth1.blogspot.com/2024/03/taigei-ss-515-jingei.html) เครื่องยนต์ดีเซล  Kawasaki 12V 25/25SB สองเครื่องได้ถูกใช้เป็นเครื่องยนต์หลักของเรือดำน้ำชั้น Taigei 
แต่เรือดำน้ำ SS-516 Raigei ได้เริ่มต้นที่จะใช้เครื่องยนต์ดีเซล Kawasaki 12V 25/31 ใหม่ที่มีกำลังขับสูงเป็นครั้งแรก เครื่องยนต์ดีเซลใหม่เหล่านี้มีความเข้ากันได้กับระบบท่อรับอากาศเข้า snorkel แบบใหม่ด้วยการเพิ่มขยายการกำเนิดพลังงานไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ 
โดยเครื่องยนต์ดีเซลกำเนิดพลังงานไฟฟ้า Kawasaki 12V 25/25SB ที่ใช้ในเรือดำน้ำชั้น Taigei ปัจจุบันสามารถสร้างพลังงานให้ mortor ไฟฟ้าขับเพลาใบจักรได้ที่ 6,000hp มีทำความเร็วขณะดำใต้น้ำได้สูงสุดที่ 20knots

กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นกล่าวว่าเรือดำน้ำชั้น Taigei ติดตั้งด้วยแหล่งกักเก็บพลังงาน battery แบบ Lithium-ion แทนที่ battey แบบตะกั่ว-กรด lead-acid เดิมเช่นเดียวกับเรือดำน้ำชั้น Soryu สองลำสุดท้ายเรือดำน้ำ SS-511 JS Oryu และเรือดำน้ำ SS-512 JS Toryu 
บริษัท GS Yuasa ญี่ปุ่นใน Kyoto ผู้พัฒนาและผลิตระบบ battery ได้ส่งมอบ lithium-ion battery แก่เรือดำน้ำใหม่เหล่านี้ จนถึงตอนนี้ญี่ปุ่นเป็นประเทศเดียวที่เป็นที่ทราบว่าได้ติดตั้ง lithium-ion battery ในเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้า SSK ของตน 
สาธารณรัฐเกาหลีถูกคาดว่าจะเป็นประเทศต่อไปที่จะใช้ lithium-ion battery ดังกล่าวกับเรือดำน้ำชั้น KSS-III Batch II ระวางขับน้ำ 3,600ton จำนวน 3ลำ ซึ่งเรือดำน้ำเหล่ามีกำหนดจะเข้าประจำการในปี 2027(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/hanwha-ocean-orka.html)

เรือดำน้ำชั้น Taigei ยังติดตั้งด้วยระบบอำนวยการรบ(CMS: Combat Management System) แบบใหม่ที่ผสมผสานระบบตรวจจับบูรณาการขั้นก้าวหน้า, ระบบควบคุมและบัญชาการ และระบบการโจมตีด้วยอาวุธ กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นกล่าว นอกจากนี้ยังนำระบบท่อ snorkel แบบเพิ่มขยายเพื่อลดการแพร่สัญญาณ
และระบบ sonar รุ่นใหม่ที่มีพื้นฐานจากวิทยาการ fiber-optic array เพื่อเพิ่มขยายขีดความสามารถการตรวจจับ เรือดำน้ำชั้น Taigei ติดตั้งด้วยชุดระบบ sonar คุณลักษณะสมรรถนะสูงแบบ ZQQ-8 ซึ่งมีขีดความสามารถที่เพิ่มขึ้นจากชุด sonar แบบ ZQQ-7 ที่ติดตั้งในเรือดำน้ำชั้น Soryu
เรือดำน้ำชั้น Taigei ติดตั้งระบบมาตรการต่อต้าน torpedo แบบเดียวกับที่ใช้งานในเรือดำน้ำชั้น soryu สี่ลำสุดท้าย เป็นที่คาดว่าเรือดำน้ำชั้น Taigei จะใช้ torpedo หนักแบบ Type 18 รุ่นใหม่ล่าสุดของญี่ปุ่นที่มาแทนที่ torpedo หนัก Type 89 torpedo แบบ Type 18 ใหม่จะมีคุณสมบัติที่เพิ่มขึ้นหลายด้านรวมถึงระบบขับเคลื่อน การจับเป้าหมาย และการประมวลผล  
เรือดำน้ำชั้น Taigei ยังสามารถที่จะวางกำลังอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำยิงจากเรือดำน้ำใต้น้ำ Boeing UGM-84L Harpoon Block II เพื่อต่อต้านเป้าหมายผิวน้ำ อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้น Harpoon Block II มีระยะยิงที่ 248km เพียงพอที่จะมอบขีดความสามารถ "การโจมตีโต้กลับ" แก่ญี่ปุ่น

เรือดำน้ำชั้น Taigei ลำแรกเรือดำน้ำ SS-513 Taigei เข้าประจำการในเดือนมีนาคม 2022(https://aagth1.blogspot.com/2022/03/taigei-ss-513-taigei.html) เรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่สอง เรือดำน้ำ SS-514 JS Hakugei เข้าประจำการในเดือนมีนาคม 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/03/taigei-ss-514-hakugei.html
เรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่สาม เรือดำน้ำ SS-515 JS Jingei เข้าประจำการในเดือนมีนาคม 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/03/taigei-ss-515-jingei.html) เรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่สี่ เรือดำน้ำ SS-516 JS Raigei เข้าประจำการในเดือนมีนาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/taigei-ss-516-raigei.html)
เรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่ห้า เรือดำน้ำ SS-517 JS Chogei ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนตุลาคม 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/taigei-ss-517-chogei.html) และปัจจุบันกำลังอยู่ในการดำเนินงานติดตั้งสิ่งอุปกรณ์และการทดสอบที่หลากหลายในการเตรียมการสำหรับการเข้าประจำการในเดือนมีนาคม 2026

เรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สามของกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAN: People's Liberation Army Navy)  เรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Type 003 เรือบรรทุกเครื่องบิน CV-18 Fujian คาดว่าจะเข้าประจำการภายในปี 2025 นี้(https://aagth1.blogspot.com/2025/09/cv-18-fujian.html)
จัดตั้งกองเรือเฉพาะกิจที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินสามลำ เรือบรรทุกเครื่องบินลำแรก เรือบรรทุกเครื่องบิน CV-16 Liaoning และเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่าสอง เรือบรรทุกเครื่องบิน CV-17 Shandong ทุกวันนี้เรือรบของกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีนได้เดินเรือบ่อยครั้งผ่านส่วนที่เรียกว่าหมู่เกาะแรก(first island chain) ระหว่างเกาะ Kyushu ของญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์
ซึ่งประกอบด้วยหมู่เกาะทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่นเป็นหลัก และน่าจะเป็นไปได้อย่างมากดที่สุดที่จะเดินเรือบ่อยครั้งขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกโดยรอบญี่ปุ่น กองเรือดำน้ำของญี่ปุ่นในฐานะ "นินจาทะเล" เป็นที่คาดว่าจะตรวจสอบการกระทำต่างๆที่แสดงออกอย่างมั่นใจเหล่านี้ของกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีนครับ

วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2568

Sikorsky สหรัฐฯเปิดตัวเฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับ S-70UAS U-Hawk

AUSA 2025: Sikorsky unveils Black Hawk-based unmanned S-70 U-Hawk





The U-Hawk has 25% more cargo space than the UH-60L Black Hawk. (Lockheed Martin )



บริษัท Sikorsky สหรัฐฯในเครือบริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯได้เปิดตัวต้นแบบระบบอากาศยานไร้คนขับ(UAS: Unmanned Aircraft System) แบบ S-70UAS U-Hawk(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/uh-60-black-hawk-2070.html)
ที่มีพื้นฐานจากการนำเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป UH-60L Black Hawk มาใช้ใหม่ ณ งานสัมมนาประจำปีแหล่งสมาคมกองทัพบกสหรัฐฯ AUSA 2025(Association of the United States Army 2025) ระหว่างวันที่ 13-15 ตุลาคม 2025 ใน Washington, DC

สำหรับอากาศยานไร้คนขับปีกหมุน S-70UAS U-Hawk บริษัท Sikorsky กล่าวว่า "เป็นการเอาห้องนักบิน, นักบิน และยังรวมถึงสถานที่เจ้าหน้าที่ประจำเครื่องของเฮลิคอปเตอร์ออกไปไปอย่างสมบูรณ์" และในส่วนหัวเครื่องได้เพิ่มประตูแบบกาบหอย(clamshell) 
ที่เปิดออกด้านข้าง ดังนั้นพวกมันสามารถทำงานได้ขณะที่ใบพัดยังหมุนอยู่ ผู่อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจโครงการขั้นก้าวหน้า Sikorsky สหรัฐฯ Ramsey Bentley กล่ากับสื่อระหว่างการบรรยายสรุปก่อนงาน AUSA 2025

อากาศยานไร้คนขับปีกหมุน S-70UAS U-Hawk เป็นเช่นเดียวกับ "เครื่องบินลำเลียง C-5 หรือเครื่องบินลำเลียง C-17 ที่โครงสร้างลำตัว(fuselage) แท้จริงของอากาศยานเปิดออกด้วยประตูแบบกาบหอย
และจากนั้นประตูทางลาด(ramp) จะยกลงลงมาเพื่อให้ง่ายต่อการบรรทุกยานพาหนะ นี่ให้เราได้ด้วยห้องบรรทุกทั้งหมดและพื้นที่ห้องนักบินสำหรับทั้งการปฏิบัติการส่งกำลังบำรุงหรือการปฏิบัติการสนับสนุนภารกิจต่างๆ"

"ดังนั้นเราสามารถที่จะขับยานยนตร์ไร้คนขับ(UGV: Unmanned Ground Vehicle) เข้าไปในระบบอากาศยานไร้คนขับเพื่อการวางกำลังได้" Bentley กล่าว(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/uh-60-black-hawk.html
บริษัท Sikorsky ยังได้ "ออกแบบโดยเฉพาะในสิ่งที่้เราเรียกว่าเครื่องปล่อยตัวทำลายเป็นเครือ(launch effects quiver) ที่วางอยู่ในกห้องบรรทุกของอากาศยานไร้คนขับด้านหลังที่ที่เป็นประตูหลักสำหรับพื้นที่ห้องบรรทุก" Bentley กล่าว

ขึ้นอยู่กับขนาดของตัวทำลาย(effector) ที่ถูกปล่อย กองทัพบกสหรัฐฯ(US Army) กำลังมองหาตัวทำลายแบบยิงออกมาระยะสั้นและระยะกลาง ซึ่งแท่นยิงแบบเครือสามารถบรรจุได้ 24-50นัดในส่วนหลังของอากาศยานไร้คนขับ
อากาศยานไร้คนขับปีกหมุน S-70UAS U-Hawk สามารถบรรทุกสัมภาระภายในได้ที่น้ำหนักประมาณ 7,000lbs , ภายน้อยได้น้ำหนักราว 9,000lbs, หรือผสมผสานการบรรทุกภายในและหิ่วสัมภาระภายนอกได้ที่น้ำน้ำประมาณ 10,000lbs

ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรม Sikorsky สหรัฐฯ Igor Cherepinsky กล่าวกับสื่อระหว่างการบรรยายสรุป อากาศยานไร้คนขับปีกหมุน U-Hawk มีพื้นที่บรรทุกสัมภาระเพิ่มขึ้นร้อยละ25 มากกว่าเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป UH-60L Black Hawk
ระบบควบคุมการบินตามแบบที่ถูกเอาออกไปพร้อมกับห้องนักบินยังได้ถูกแทนที่ด้วยวิทยาการระบบควบคุมการบิน fly-by-wire อัตโนมัติราคาประหยัดยุคที่สามที่ถูกเรียกว่า MATRIX ครับ

วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2568

Milrem Robotics เอสโตเนียเปิดตัวยานยนต์รบไร้คนขับล้อยาง HAVOC 8x8 UGV

Milrem Robotics launches Havoc combat UGV




Milrem Robotics' Havoc wheeled combat UGV, launched at DSEI 2025. (Milrem Robotics)



บริษัท Milrem Robotics เอสโตเนียในเครือกลุ่มบริษัท Edge Group สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้เปิดตัวยานยนต์รบไร้คนขับ Combat UGV(Unmanned Ground Vehicle) อย่างเป็นทางการยานยนต์รบไร้คนขับ Havoc 8x8 RCV(Robotic Combat Vehicle) 
ซึ่งเป็นรถรบหุ้มเกราะล้อยางที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่ผลิตโดย Milrem Robotics เอสโตเนีย ณ นิทรรศการยุทโธปกรณ์การป้องกันประเทศและความมั่นคงนานชาติ Defence and Security Equipment International(DSEI) 2025 ที่จัดขึ้นในกรุง London สหราชอาณาจักรระหว่างวันที่ 9-12 กันยายน 2025

ถูกออกแบบในฐานะยานเกราะล้อยางขนาดใหญ่แบบแรกโดยบริษัท Milrem Robotics ยานยนต์รบไร้คนขับล้อยาง Havoc 8x8 สามารถติดตั้งแท่นยิงอาวุธ remote(RWS: Remote Weapon Station) ได้หลายกหลายแบบ
และมีการสื่อสารเช่นเดียวกับระบบอื่นๆที่มีพร้อมใช้งานแล้ว ต้องขอบคุณต่อชุดการบูรณาการรูปแบบการทำงานอัจฉริยะ Milrem Intelligent Function Integration Kit(MIFIK)

ชุดระบบการทำงานอัตโนมัตินี้ประกอบด้วระบบตรวจจับและอุปกรณ์ electro-optical(EO) ต่างๆ รวมถึงอุปกรณ์ตรวจจับแสงและวัดระยะ(LIDAR: Light Detection and Ranging) ต่างๆ, กล้องกลางวันและกลางคืน, และกล้องสร้างภาพความร้อน 
ในหลายตำแหน่งทั่วทั้งตัวถังรถของระบบยานยนต์รบไร้คนขับ Havoc 8x8 RCV ชุด kit เช่นเดียวกันนี้ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้กับระบบยานยนต์ไร้คนขับอื่นๆที่ผลิตโดยบริษัท Milrem Robotics

เช่น ยานยนต์รบไร้คนขับตระกูล THeMIS(Tracked Hybrid Modular Infantry System) UGV(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/smart.html, https://aagth1.blogspot.com/2023/11/defense-security-2023-dti-d-iron.html)
ตามข้อมูลจากตัวแทนของ Milrem Robotics เอสโตเนีย การขับอัตโนมัติสามารถทำได้โดยการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์(AI: Artificial Intelligence)(https://aagth1.blogspot.com/2023/08/dti-d-iron-rcv.html)

ยานยนต์รบไร้คนขับ Havoc 8x8 RCV ได้ถูกจัดแสดงโดยติดตั้งปืนกลหนักขนาด 12.7mm และอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ(C-UAS: Counter-Unmanned Aircraft System) ของบริษัท Frankenburg Technologies เอสโตเนีย
แต่สามารถที่จะติดตั้งระบบอาวุธลำกล้องขนาดใหญ่ได้ Patrick Shepherd ผู้อำนวยการฝ่ายขาย(CSO: Chief Sales Officer) ของบริษัท Milrem Robotics กล่าวกับ Janes ในการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของยานยนต์รบไร้คนขับ HAVOC RCV ที่งาน DSEI 2025

เขาเสริมว่าระบบขับเคลื่อนของยานยนต์รบไร้คนขับ HAVOC RCV ทำให้รถสามารถปฏิบัติการได้ต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 15ชั่วโมง ซึ่งทำให้ระบบมีความเป็นไปได้จริงในการมีระยะปฏิบัติการไกลกว่า 600km ในภูมิประเทศ และ 1,000km บนถนน ขึ้นอยู่กับความต้องการการปฏิบัติการ
ยานยนต์รบไร้คนขับล้อยาง Havoc RCV ที่จัดแสดงในงานยังได้ติดตั้งด้วยป้อมปืนไร้พลประจำภายในแบบ Protector RWS พร้อมปืนใหญ่กลขนาด 30mm ของบริษัท Kongsberg Defence & Aerospace นอร์เวย์ด้วยครับ

วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ไอร์แลนด์รับมอบเครื่องบินลำเลียง C295 เครื่องสุดท้ายครบ 3เครื่อง

Ireland receives final C295 aircraft





The arrival of the third and final C295 into Casement Aerodrome on 7 October marked a significant milestone in Ireland's wider investment in its fixed-wing dual-role capabilities. (Irish Defence Forces)

ไอร์แลนด์ได้รับมอบเครื่องบินลำเลียง Airbus Defence and Space(DS) C295 เครื่องที่สามและเครื่องสุดท้ายของตนและเป็นเครื่องแรกและเครื่องเดียวที่อยู่ในรูปแบบเครื่องบินลำเลียงมากกว่าเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล
เครื่องบินลำเลียง C295 หมายเลข 286 ได้ทำการบินมาถึงฐานทัพอากาศ Casement Aerodrome(ยังรู้จักในชื่อสนามบิน Baldonnel Aerodrome) ใกล้นครหลวง Dublin เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2025

เป็นการเสร็จสิ้นโครงการวงเงิน 300 million Euros($349 million) เพื่อจัดหาเครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเล C295W MSA(Maritime Surveillance Aircraft) จำนวน 2เครื่อง
(https://aagth1.blogspot.com/2023/12/c295-mpa-c295-msa-16.html) และเครื่องบินลำเลียง C295W(winglet) จำนวน 1เครื่อง ที่เริ่มต้นในเดือนธันวาคม 2019(https://aagth1.blogspot.com/2019/12/airbus-c295.html)

"นี่เป็นโครงการยุทโธปกรณ์เดี่ยวขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์กองทัพไอร์แลนด์(Irish Defence Forces) และสะท้อนความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลไอร์แลนด์
ที่จะเสริมความแข็งแกร่งการลำเลียงทางอากาศ, การส่งกำลังบำรุง, และการสนับสนุนทางการแพทย์สำหรับการปฏิบัติการต่างๆในบ้านและต่างประเทศ" กองทัพไอร์แลนด์กล่าวในการจัดซื้อจัดจ้าง

เครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเล C295W MSA และเครื่องบินลำเลียง C295W ทั้งหมดจำนวน 3เครื่องจะประจำการในฝูงบิน101(101 Squadron), กองบินปฏิบัติการที่1(No 1 Operations Wing) กองทัพอากาศไอร์แลนด์(Irish Air Corps)
ในรูปแบบเครื่องบินลำเลียง C295W นี้เครื่องบินจะถูกใช้สำหรับการลำเลียงขนส่งกำลังพลและสัมภาระ, การสนับสนุนหน่วยรบพิเศษ เช่นเดียวกับงานการส่งกลับทางสายแพทย์ทางอากาศ

เครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเล C295W MSA และเครื่องบินลำเลียง C295W ที่ขณะนี้ไอร์แลนด์ได้รับมอบครบแล้วได้รวมคุณลักษณะบางส่วนของรุ่นเพิ่มขยายขีดความสามารถใหม่ที่ถูกเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2019
รูปแบบเครื่องบินลำเลียง C295 ถูกสร้างขึ้นโดยรอบบนชุดระบบ avionic ที่ได้รับการเพิ่มขยาย, เช่นเดียวกับการปรับปรุงระบบและสมรรถนะอื่นๆ(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/c295mw.html)

ปัจจุบันบริษัท Airbus DS ยุโรปได้ส่งมอบเครื่องบินลำเลียง C295 แล้วจำนวน 238เครื่องจาก 311เครื่องที่ได้รับการสั่งจัดหาโดย 35ประเทศทั่วโลก(และหนึ่งบริษัทเอกชน) รวมถึงเครื่องบินลำเลียง บ.ล.๒๙๕ C295W ของกองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army) 
และเป็นตัวเลือกเดียวในขณะนี้ของกองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy) สำหรับโครงการจัดหาเครื่องบินลำเลียงใหม่เพื่อสนับสนุนนาวิกโยธินไทย(RTMC: Royal Thai Marine Corps) จำนวน ๒เครื่อง วงเงิน ๓,๗๖๙,๙๙๙,๙๘๗บาท($115,285,280) ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/c295.html)

วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2568

อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ AIM-120 AMRAAM ของปากีสถานจะได้รับการดำรงสภาพจากสหรัฐฯ

Pakistan’s AIM-120 stocks to receive sustainment, says US





Pakistan is an existing user of AIM-120C-5 Advanced Medium-Range Air-to-Air Missiles (AMRAAMs), which are employed on its Lockheed Martin F-16A/B/C/D fleet. (US Air Force)

รัฐบาลสหรัฐฯได้ประกาศว่าอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยกลาง RTX(Raytheon) AIM-120 AMRAAM(Advanced Medium-Range Air-to-Air Missile) ที่มีอยู่ในคลังของปากีสถาน
จะได้รับการสนับสนุนการดำรงสภาพ(sustainment) ภายใต้โครงการรูปแบบการขาย Foreign Military Sales(FMS) ปากีสถานได้จัดหาอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ AIM-120C-5 AMRAAM จำนวน 500นัดในปี 2007

เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2025 เอกสารแจ้งที่เผยแพร่โดยกระทรวงการสงครามสหรัฐฯได้มีรายชื่อปากีสถานท่ามกลาง 35ประเทศที่มีกำหนดจะได้รับการสนับสนุนที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ AIM-120 AMRAAM
การประกาศซึ่งกล่าวอ้างอิงถึงการแก้ไขสัญญาราคาคงที่(firm-fixed-price) วงเงิน $41.6 million แก่สัญญาการผลิตก่อนหน้าที่ประกาศแก่บริษัท Raytheon สหรัฐฯ เป็นสำหรับ

"อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยกลางขั้นก้าวหน้า AIM-120 Advanced Medium-Range Air-to-Air Missile รุ่นต่างๆ และการผลิตและการดำรงสภาพของพวกมัน" กระทรวงการสงครามสหรัฐฯกล่าว
อย่างไรก็ตามเอกสารแจ้งเดิมของกระทรวงการสงครามสหรัฐฯระบุว่าการแก้ไขสัญญาเป็นสำหรับ"รุ่นอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ AIM-120C-8 AMRAAM(https://aagth1.blogspot.com/2025/09/aim-120c-8-amraam.html)"

"และรุ่นอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ AIM-120D-3 AMRAAM(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/aim-120-amraam.html) และการผลิตของพวกมัน" สำหรับปากีสถานและประเทศอื่นๆอีก 34ชาติ 
ปรากฏว่ากระทรวงการสงครามสหรัฐฯได้ทำการแก้ไขเอกสารแจ้งให้ถูกต้องเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2025 เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2025 สถานทูตสหรัฐฯในอินเดียเสริมว่า(https://aagth1.blogspot.com/2025/10/su-57-rafale.html)

"การประกาศสัญญาต่างๆ...อ้างอิงต่อการแก้ไขต่อสัญญารูปแบบการขาย FMS ที่มีอยู่สำหรับการดำรงสภาพและอะไหล่ต่างๆสำหรับหลายประเทศรวมถึงปากีสถาน...ไม่มีส่วนใดของการแก้ไขสัญญาที่ถูกอ้างอิงนี้
เป็นเพื่อสำหรับการส่งมอบอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ AMRAAM ใหม่แก่ปากีสถาน การดำรงสภาพไม่ได้รวมการปรับปรุงใดๆของขีดความสามารถต่างๆในปัจจุบันของปากีสถาน" สถานทูตสหรัฐฯในอินเดียเสริม

ตามข้อมูลจากกระทรวงการสงครามสหรัฐฯ งานภายใต้สัญญาที่ได้รับการแก้ไขจะถูกดำเนินการใน Tucson มลรัฐ Arizona สหรัฐฯและคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนพฤษภาคม 2030(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/lockheed-martin-f-16cdd.html)
สัญญาเดิมในปี 2023(จัดประเภทในชื่อ FA8675-23-C-0037) ได้ประกาศสัญญาแก่บริษัท Raytheon มีวงเงินระยะแรกที่ $1.15 billion และครอบคลุมการผลิตสำหรับ 18ประเทศในอเมริกา, ยุโรป, ตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออกรวมถึงสิงคโปร์

อย่างไรก็ตามสัญญาได้เป็นหัวข้อในการแก้ไขสัญญาอื่นๆในอดีต มูลค่ารวมของสัญญาทั้งหมดในขณะนี้อยู่ที่วงเงิน $2.51 billion ตามข้อมูลจากกระทรวงการสงครามสหรัฐฯ(https://aagth1.blogspot.com/2022/02/5-tf-x.html)
เครื่องบินขับไล่ Lockhhed Martin F-16AM/BM/C/D Fighting Falcon เป็นเครื่องบินรบแบบเดียวของกองทัพอากาศปากีสถาน(PAF: Pakistan Air Force) ที่มีประจำการอยู่ที่สามารถติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ AIM-120C-5 AMRAAM ได้ครับ

วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2568

เยอรมนีอนุมัติการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Typhoon Tranche 5 และปรับปรุงมาตรฐานโจมตีสงครามอิเล็กทรอนิกส์ Eurofighter EK ใหม่ 20เครื่อง

Germany approves Eurofighter Tranche 5 buy and upgrade to Eurofighter EK standard





A Eurofighter Tranche 5 seen with representative weapons at ILA 2024 in Berlin. Germany has now approved the procurement of 20 such aircraft that was announced at the event, as well as their upgrade to the Eurofighter EK standard. (Janes/Gareth Jennings)

เยอรมนีได้อนุมัติการจัดซื้อจัดจัดจ้างเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon เพิ่มเติม ซึ่งเยอรมนีจะปรับปรุงเครื่องบินขับไล่ Eurofighter สร้างใหม่เหล่านี้
ไปสู่มาตรฐานเครื่องบินขับไล่โจมตีสงคราม electronic(EA: Electronic Attack) แบบ Eurofighter EK(Elektronischer Kampf: Electronic Combat) ด้วย

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2025 รัฐสภาเยอรมนี(Bundestag) ได้เห็นชอบอนุมัติคำสั่งจัดหาเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon Tranche 5 สร้างใหม่จำนวน 20เครื่อง
ที่ได้มีการประกาศครั้งแรก ณ งานแสดงการบินนานาชาติ ILA Berlin Air Show 2024 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-9 มิถุนายน 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/06/eurofighter-typhoon-20.html)

ในเวลาเดียวกันจะทำการปรับปรุงเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon Tranche 5 เหล่านี้ไปสู่รูปแบบเครื่องบินขับไล่โจมตีสงคราม electronic แบบ Eurofighter EK
สำหรับภารกิจการกดดันและทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศข้าศึก(SEAD/DEAD: Suppression and Destruction of Enemy Air Defence)(https://aagth1.blogspot.com/2023/12/eurofighter-ek.html)

"คณะกรรมาธิการงบประมาณของรัฐสภาเยอรมนี Bundestag อนุมัติการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon Tranche 5 เพิ่มเติม รวมถึงเครื่องยนต์เช่นเดียวกับอะไหล่และชิ้นส่วนทดแทนต่างๆ
สัญญาสำหรับขีดความสามารถเพิ่มเติมของเครื่องบินขับไล่ Eurofighter สำหรับสงคราม electronic ได้รับความเห็นชอบแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนี่เกี่ยวกับการกดดันระบบป้องกันภัยทางอากาศภาคพื้นดิน(GBAD: Ground Based Air Defence)" กองทัพเยอรมนี(Bundeswehr) กล่าว

คำสั่งจัดหาสำหรับเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon Tranche 5 สร้างใหม่จำนวน 20เครื่องจะมีมูลค่าที่วงเงินประมาณ 3.75 billion Euros($4.35 billion) จะได้รับการการจัดสรรจากงบประมาณกลาโหมปกติ
มากกว่าจะเป็นงบประมาณพิเศษ(special fund, Söndervermögen) วงเงิน 100 billion Euros($118 billion) ที่ถูกเพิ่มขึ้นตามหลังการรุกรานยูเครนของรัสเซียตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2022

เครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon Tranche 5 สร้างใหม่เหล่านี้จะถูกส่งมอบตั้งแต่ระหว่างปี 2031-2034 เสริมต่อการนำเครื่องบินขับไล่ Typhoon จำนวน 15เครื่องที่มีอยู่ของกองทัพอากาศเยอรมนี(Luftwaffe) ปรับปรุงเป็นมาตรฐาน Eurofighter EK ที่ได้รับการอนุมัติในปี 2023
ที่รวมการบูรณาการชุดสงคราม electronic แบบ Saab Arexis ELS(Emitter Locator System) สวีเดน และอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้นต่อต้านการแพร่คลื่น radar แบบ Northrop Grumman AGM-88E AARGM(Advanced Anti-Radiation Guided Missile) สหรัฐฯ

กองทัพอากาศเยอรมนีปัจจุบันประจำการเครื่องบินขับไล่โจมตี Tornado IDS(Interdiction Strike) และเครื่องบินลาดตระเวนโจมตีสงคราม electronic แบบ Tornado ECR(Electronic Combat Reconnaissance) จำนวน 90เครื่องที่จะถูกปลดประจำการในปี 2030 ซึ่งจะไม่ได้ถูกทดแทนแบบ 1:1
เยอรมนียังอยู่ระหว่างจัดหาเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35A Lightning II จำนวน 35เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/jsm-f-35a.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/07/jsm-f-35a.html) เมื่อรวมกับ Eurofighter Tranche 5 ล่าสุด 20เครื่องเป็น 55เครื่องครับ

วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2568

Navantia สเปนทำพิธีปล่อยเรือดำน้ำชั้น S80 Plus ลำที่สอง S82 Narciso Monturiol

Navantia hosts naming ceremony for S-82 ‘Narciso Monturiol’ submarine



S82 Narciso Monturiol. Navantia picture.





อู่เรือรัฐวิสาหกิจบริษัท Navantia สเปนใน Cartagena ภูมิภาค Murcia ได้เป็นเจ้าภาพพิธีปล่อยเรือและตั้งชื่อเรือของเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้า(SSK) ชั้น S-80 Plus ลำที่สอง เรือดำน้ำ S-82 Narciso Monturiol สำหรับกองทัพเรือสเปน(Spanish Navy, Armada Española)
พิธีปล่อยเรือและตั้งชื่อเรือได้รับการเป็นประธานโดยรัฐมนตรีกลาโหมสเปน Margarita Robles ในโอกาสอันศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับผู้สนับสนุนของเรือดำน้ำ Mrs. Isabel López คู่สมรสของผู้บัญชาการกองทัพสเปน(Chief of the Defence Staff) พลเรือเอก Teodoro López Calderón

พิธีได้มีขึ้นหน้าโรงต่อเรือที่ซึ่งการประกอบติดตั้งขั้นสุดท้ายของเรือดำน้ำ S-82 Narciso Monturiol ได้เสร็จสิ้น นี่เป็นก้าวย่างก่อนที่เรือดำน้ำถูกนำลงสู่น้ำโดยการใช้อู่ลอย ขั้นตอนนี้ใช้เวลาหลายชั่วโมงและจะดำเนินการในอีกหลายสัปดาห์ข้างหน้าที่จะถึงในฐานะส่วนหนึ่งของการปฏิบัติงานของอู่เรือ Navantia
จากนั้นเรือดำน้ำ S-82 Narciso Monturiol จะพร้อมที่จะเริ่มต้นการทดลองเรือหน้าท่าและการทดลองเรือในทะเลต่อเนื่องตามมา ซึ่งจะรวมการนำร่องที่ผิวน้ำและการดำลงใต้น้ำสูงระดับความลึกสูงสุด จึงเป็นการยืนยันความคืบหน้าโครงการเรือดำน้ำชั้น S-80 Plus โครงการพื้นฐานสำหรับการป้องกันประเทศและอธิปไตยทางภาคอุตสาหกรรมและวิทยาการของสเปน

พิธีได้เชิญผู้บัญชาการกองทัพสเปน พลเรือเอก Teodoro López Calderón, ผู้บัญชาการกองทัพเรือสเปน พลเรือเอก Antonio Piñeiro Sánchez, เลขาธิการกระทรวงกลาโหม Amparo Valcarce, ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติงาน(COO: Chief Operating Officer) ของบริษัท Navantia Gonzalo Mateo-Guerrero เข้าร่วม
ท่ามกลางตัวแทนผู้มีอำนาจต่างๆ ในนามของ Navantia สเปน ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจเรือดำน้ำ Agustín Alvarez ต้อนรับผู้เข้าร่วมพิธี เน้นย้ำความสำคัญและกล่าวขอบคุณงานที่ได้รับการดำเนินการโดยแรงงานของบริษัท Navantia และหุ้นส่วนภาคอุตสาหกรรมต่างๆของตน

ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติงาน COO ของ Navantia สเปน Gonzalo Mateo-Guerrero เน้นหนักว่า "โครงการ S-80 เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งโดยตรงต่อการป้องกันประเทศ, อธิปไตย, และการแผ่ขยายนานาชาติของอุตสาหกรรมของเรา เราเป็นเกียรติที่เดินหน้าการสร้างขีดความสามารถที่เสริมมั่นคงของสเปนและพันธมิตรของเรา มันเป็นความสำคัญทางอุตสาหกรรม, ยุทธศาสตร์, การค้า และกลาโหม 
ด้านอุตสาหกรรมมันขับเคลื่อนกระบวนการปรับปรุงความทันสมัยและวิทยาการต่างๆ ด้านยุทธศาสตร์มันมอบความได้เปรียบทางวิทยาการ, เสริมกำลังความมั่นคงและอธิปไตยของชาติ ด้านการค้ามันเปิดโอกาสการส่งออก และในแง่กลาโหม มันเสริมความแข็งแกร่งต่อการปกป้องผลประโยชน์ต่างๆของชาติ" Mateo-Guerrero กล่าวสรุป

ถัดไป ผู้บัญชาการกองทัพเรือสเปน พลเรือเอก Antonio Piñeiro Sánchez เน้นย้ำว่า "เรือดำน้ำเป็นการป้องปรามขั้นสุดท้าย ไม่เปิดเผยและมีอำนาจสังหาร การมีอยู่ของเรือดำน้ำเพียงลำเดียวมีส่วนช่วยต่อการควบคุมทะเลและปฏิเสธอิสระของการดำเนินกลยุทธ์ของฝ่ายตรงข้าม
กองกำลังเรือดำน้ำเป็นขีดความสามารถของกองทัพเรือสเปนที่ได้ดำรงมาเป็นเวลากว่าร้อยปี และขณะนี้ได้เพิ่มขยายเป็นทวีคูณด้วยเรือดำน้ำ S-80" พลเรือเอก Antonio Piñeiro Sánchez กล่าวสรุป

ในการปิดพิธี รัฐมนตรีกลาโหมสเปน Margarita Robles เรียกร้องว่าโครงการนี้ "เป็นการต่อเนื่องของเส้นทางของความสำเร็จ, การทำงานหนัก, ความคืบหน้า, และอนาคต มุ่งเป้าที่การสร้างความแข็งแกร่งกองทัพเรือสเปนของเรา, นคร Cartagena และภูมิภาค Murcia และเหนือสิ่งอื่นใดสเปน"
ผู้สนับสนุนเรือดำน้ำและภริยาผู้บัญชาการกองทัพสเปน Isabel López แสดงความขอบคุณและความรู้สึก รวมถึงความปิติที่ได้มีส่วนร่วมในพิธี "ที่เป็นเครื่องหมายถึงเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์สำหรับ Cartagena"

เรือดำน้ำ S-82 Narciso Monturiol เป็นเรือดำน้ำชั้น S-80 Plus ลำที่สองจาก 4ลำ ที่ตั้งชื่อตาม Narciso Monturiol Estarriol วิศวกร, ปัญญาชน, นักการเมือง, จิตรกร, และนักประดิษฐ์ชาวสเปน ที่เกิดใน Figueres(Girona) ในปี 1819 เขาถูกจัดอยู่ร่วมกับ Cosme García Sáez และ Isaac Peral ในฐานะหนึ่งในผู้บุกเบิกการนำร่องของเรือดำน้ำในระดับสากล
ผลลัพธ์ของงานของเขาถูกรวบรวมในงานหลังมรณกรรมของเขา 'เรียงความเรื่องศิลปะการเดินเรือใต้น้ำ'(Essay on the Art of Navigating Underwater) ที่ตีพิมพ์ในปี 1891 เขาเป็นผู้ประดิษฐ์ของ 'Ictíneo' เรือดำน้ำที่ปล่อยลงน้ำใน Barcelona ในปี 1859 ซึ่งได้ดำเนินการสาธิตต่อสาธารณะซึ่งเรือได้ดำอยู่ใต้น้ำเป็นเวลามากกว่าสองชั่วโมงที่ความลึก 20m และประสบความสำเร็จในการกลับสู่ผิวน้ำ

เรือดำน้ำชั้น S-80 Plus มีความยาวเรือที่ 80.8m เส้นผ่าศูนย์กลางที่ 7.3m และมีระวางขับน้ำขณะดำลงใต้น้ำที่ราว 3,000tonnes ท่ามกลางผลงานด้านวิทยาการของเรือคือระบบการรบและระบบควบคุมเรือที่พัฒนาโดยหน่วยธุรกิจแผนกระบบของบริษัท Navantia 
และการปฏิบัติระบบขับเคลื่อนแบบไม่ใช้อากาศ(AIP: Air Independent Propulsion) ที่เรียกว่า BEST(Bio-Ethanol Stealth Technologies) ที่มอบการตรวจจับยากที่มากยิ่งขึ้นขณะที่ดำอยู่ใต้น้ำ ระบบ AIP นี้สามารถทำให้สร้างพลังงานไฟฟ้าจาก fuel cells โดยการใช้วิทยาการที่นำมาจากภาคการบินที่ทุกระดับความลึก

ดังนั้นเรือดำน้ำชั้น S-80 Plus สามารถดำอยู่ใต้น้ำเป็นเวลาหลายสัปดาห์โดยไม่ต้องขึ้นมาสู่ระดับความลึกกล้องตาเรือ เพิ่มขยายการซ่อนพรางเป็นอย่างยิ่งอันเป็นคุณลักษณะหลักของเรือดำน้ำ วางตำแหน่งเรือดำน้ำ S-80 ท่ามกลางเรือดำน้ำตามแบบ(ไม่ใช่เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์)ที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก
โครงการเรือดำน้ำชั้น S-80 Plus สร้างการจ้างงานทางตรง, ทางอ้อม และจูงใจสำหรับมากกว่า 6,000คน และสร้างผลกระทบรายปีต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP: Gross Domestic Product) ของสเปนเกิน 250 million euros นอกจากนี้ หุ้นส่วนต่างๆราว 100กว่าบริษัทได้มีส่วนร่วมในโครงการ

เรือดำน้ำชั้น S-80 Plus ลำแรก เรือดำน้ำ S-81 Isaac Peral  ได้ถูกทำพิธีขึ้นระวางประจำการในกองทัพเรือสเปนเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/12/s80-plus-s81-isaac-peral.html) เรือดำน้ำชั้น S-80 Plus ลำที่สอง เรือดำน้ำ S-82 Narciso de Monturiol ที่มีพิธีปล่อยเรือล่าสุดนี้คาดว่าจะถูกส่งมอบในปี 2026 
เรือดำน้ำชั้น S-80 Plus ลำที่สาม เรือดำน้ำ S-83 Cosme García มีกำหนดส่งมอบในราวปี 2028 และเรือดำน้ำชั้น S-80 Plus ลำที่สี่และลำสุดท้าย เรือดำน้ำ S-84 Mateo García de los Reyes มีกำหนดส่งมอบในราวปี 2029 ซึ่งเรือลำที่สามและลำที่สี่จะได้รับการติดตั้งระบบ AIP ในตัวเรือตั้งแต่สร้าง ขณะที่เรือลำแรกและลำที่สองจะได้รับการติดตั้ง AIP ใหม่ระหว่างการซ่อมทำใหญ่(overhaul)หลักครับ

วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2568

กองทัพอากาศอินเดียกำลังพิจารณาการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Su-57 รัสเซียและ Rafale ฝรั่งเศสเพิ่ม

Indian Air Force chief unveils new modernisation plan



Russia has been marketing the Sukhoi Su-57E Felon for the Indian Air Force. (Rosoboronexport/NskPLANES)




The Indian Air Force is considering for more the Dassault Rafale. (Indian Air Force)





ผู้บัญชาการกองทัพอากาศอินเดีย(IAF: Indian Air Force) ได้ยืนยันว่ากองทัพอากาศอินเดียกำลังพิจารณาสำหรับการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Sukhoi Su-57E (NATO กำหนดรหัส 'Felon') รัสเซีย(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/su-57.html)
และเครื่องบินขับไล่ Dassault Rafale(https://aagth1.blogspot.com/2020/09/rafale.html) ขณะที่พูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมรรถภาพของกองทัพอากาศอินเดียระหว่างการบรรยายสรุปความขัดแย้งของอินเดียกับปากีสถานในต้นปี 2025

ทั้งเครื่องบินขับไล่ Su-57E Felon(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/su-57-ai.html) และเครื่องบินขับไล่ Rafale(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/rafale-m-26.html) อยู่ท่ามกลาง "ตัวเลือกที่มีพร้อมให้แก่เรา"
หัวหน้าคณะเสนาธิการกองทัพอากาศอินเดีย(CAS: Chief of Air Staff) พลอากาศเอก Amar Preet Singh กล่าวในการแถลงข่าวที่จัดขึ้นในนครหลวง New Delhi เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2025 ในฐานะส่วนหนึ่งของการรำลึกวันกองทัพอากาศอินเดียครบรอบปีที่93

กองทัพอากาศอินเดียกำลังมองหาเครื่องบินขับไล่ใหม่ที่จะทดแทนในหน่วยต่างๆที่มีอายุการใช้งานมานานและการสร้างความแข็งแกร่งทางการรบขึ้นมาใหม่(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/amca.html)
การจัดหาเหล่านี้จะมีขึ้นในฐานะส่วนหนึ่งของแผนงานใหม่ของกองทัพอากาศอินเดียสำหรับการปรับปรุงความทันสมัยที่เรียกว่า 'วิสัยทัศน์ 2047'(Vision 2047) พลอากาศเอก Singh กล่าว(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/amca.html)

พลอากาศเอก Singh เสริมว่าแผนงาน road map มีวัตถุประสงค์ที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกองทัพอากาศอินเดียไปสู่อำนาจทางการบินที่มีขีดความสามารถในหลากหลายมิติ 'วิสัยทัศน์ 2047' ของกองทัพอากาศอินเดียมองที่การปรับปรุงหลากหลายระบบ, 
การบูรณาการอาวุธและระบบใหม่ต่างๆเช่น radar, การทดแทนระบบต่างๆที่มีอายุการใช้งานมานาน, การปรับเปลี่ยนทิศทางของกำลังพลใหม่, และการปรับปรุงความต้องการในการฝึก ตามข้อมูลจากพลอากาศเอก Singh

กองทัพอากาศอินเดียมีความต้องการเร่งด่วนสำหรับเครื่องบินรบใหม่ ล่าสุดกองทัพอากาศอินเดียได้ปลดประจำการฝูงบินเครื่องบินขับไล่ Mikoyan-Gurevich MiG-21 ฝูงสุดท้ายของตนในเดือนกันยายน 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/tejas-mk-1a-97.html)
พิธีอำลาเครื่องบินขับไล่ MiG-21 Bison ฝูงบินที่23(No. 23 Squadron) 'Panthers' ที่เป็นฝูงบินสุดท้ายมีขึ้น ณ สถานีกองทัพอากาศ Chandigarh Air Force Station(AFS) เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/hal-tejas-mk-1a-2025.html)

เครื่องบินรบแบบอื่นๆในประจำการเช่น เครื่องบินโจมตี Sepecat Jaguar, เครื่องบินขับไล่ Mikoyan-Gurevich MiG-29(https://aagth1.blogspot.com/2020/07/su-30mki-mig-29-33.html), และเครื่องบินขับไล่ Dassault Mirage 2000 ยังจะต้องถูกทดแทนในอนาคต กองทัพอากาศอินเดียได้กล่าวก่อนหน้า
ยุทธการ 'Sindoor' ที่มีขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2025 ยังถูกกล่าวถึงในพิธีรำลึกวันกองทัพอากาศอินเดียปีที่93 เมื่อวันที่ 8  ตุลาคม 2025 ณ สถานีกองทัพอากาศ Hindon AFS ว่าเป็นตัวอย่างของปฏิบัติการที่ประสบความสำเร็จด้วยการโจมตีความแม่นยำสูง, การวางแผนที่พิถีพิถัน, การฝึกอย่างมีวินัย, และการดำเนินการขั้นเด็ดขาดครับ