วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2568

กองทัพอากาศสหรัฐฯรับมอบเครื่องบินขับไล่ F-15E ที่ติดตั้งชุดระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ EPAWSS ใหม่เครื่องแรก

First operational EPAWSS-equipped F-15E delivered to US Air Force at RAF Lakenheath





An EPAWSS-equipped F-15E in San Antonio, Texas, where Boeing retrofits the Strike Eagle. (Boeing)

เครื่องบินขับไล่ Boeing F-15E Strike Eagle เครื่องแรกที่ได้รับการติดตั้งใหม่ด้วยชุดระบบสงคราม Electronic(EW: Electronic Warfare) แบบ AN/ALQ-250(V)1 EPAWSS(Eagle Passive Active Warning and Survivability System) ของบริษัท BAE Systems สหราชอาณาจักรสาขาสหรัฐฯ
ได้ถูกส่งมอบเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2025 แก่กองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force) ณ ฐานทัพกองทัพอากาศสหราชอาณาจักร(RAF: Royal Air Force) Lakenheath ใน Suffolk, England ตามแถลงการณ์ของกองทัพอากาศสหรัฐฯเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2025

"มันเป็นเวลายาวนานที่ได้มาถึงจุดนี้ แต่ระบบนี้เป็นความสำคัญต่อโครงสร้างกำลังรบเครื่องบินขับไล่ในศตวรรษที่21 ของเรา EPAWSS เป็นการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญของความอยู่รอดและการสังหารของเครื่องบินขับไล่ F-15E Strike Eagle 
และเครื่องบินขับไล่ F-15EX Eagle II(https://aagth1.blogspot.com/2024/06/boeing-f-15ex-oregon.html) และข้อเท็จจริงว่าการดัดแปลงครั้งแรกกำลังถูกส่งมอบแก่เครื่องบินขับไล่แนวหน้าของเรา ณ ฐานทัพอากาศ RAF Lakenheath มีความสำคัญยิ่งกว่านั้น" 

พลอากาศจัตวา Jason Voorheis นายทหารบริหารโครงการของศูนย์บริหารจัดการวงรอบอายุการใช้งานกองทัพอากาศ(AFLCMC: Air Force Life Cycle Management Center) ของกรมเครื่องบินขับไล่และอากาศยานขั้นก้าวหน้า(Fighters and Advanced Aircraft Directorate) กล่าวในแถลงการณ์
หน่วยบินเครื่องบินขับไล่ F-15E กองทัพอากาศสหรัฐฯสองหน่วย ฝูงบินขับไล่ที่492(492nd Fighter Squadron) และฝูงบินขับไล่ที่494(494th Fighter Squadron) มีฐานที่ตั้ง ณ ฐานทัพอากาศ RAF Lakenheath ในสหราชอาณาจักร

ที่ซึ่งฝูงบินขับไล่เครื่องบินขับไล่ F-15E เหล่านี้ได้ปฏิบัติการควบคู่กับสองฝูงบินขับไล่เครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35A Lightning II ในฐานะส่วนหนึ่งของกองบินขับไล่ที่48(48th Fighter Wing) ด้วย(https://aagth1.blogspot.com/2020/05/f-35-huawei-5g.html)
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนในทันทีว่าฝูงบินขับไล่ฝูงบินใดที่ได้รับมอบเครื่องบินขับไล่ F-15E ที่ติดตั้งระบบสงคราม Electronic แบบ EPAWSS ใหม่ กองทัพอากาศสหรัฐฯไม่ได้ตอบสนองต่อคำถามต่างๆ ณ เวลาที่บทความนี้เผยแพร่

ระบบ EPAWSS ได้ทดแทนระบบสงคราม Electronic แบบ TEWS(Tactical Electronic Warfare Suite) ยุคทศวรรษปี 1980s ของเครื่องบินขับไล่ F-15E(https://aagth1.blogspot.com/2020/04/epawss-f-15.html)
สามารถตรวจจับภัยคุกคามทาง electronic ต่างๆได้มากกว่ารัศมี 360องศา และตอบสนองด้วยมาตรการต่อต้าน(countermeasure) ต่างๆที่เหมาะสม ระบบยังมอบขีดความสามารถการก่อกวนสัญญา jamming เชิงรุกหลายองศาด้วย

"สถาปัตยกรรมระบบทำให้เราสามารถที่คงความก้าวหน้าทางขีดความสามารถเป็นเวลาหลายปีผ่านการปรับปรุงและการเพิ่มความสามารถชุดคำสั่งต่างๆอย่างต่อเนื่อง" นาวาอากาศโท Matt Heil หัวหน้าสิ่งอุปกรณ์ระบบ EPAWSS กองทัพอากาศสหรัฐฯกล่าวในแถลงการณ์
กองทัพอากาศสหรัฐฯได้ประกาศสัญญากับบริษัท Boeing สหรัฐฯเป็นวงเงิน $615.7 million สำหรับการผลิตเต็มอัตราของชุดระบบ EW แบบ EPAWSS จำนวน 45ระบบสำหรับเครื่องบินขับไล่ F-15E เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2025 โดยมีบริษัท BAE Systems ผู้ผลิตระบบเป็นผู้รับสัญญารองครับ

วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2568

กองทัพอากาศไทยจะได้รับมอบเครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH ครบ ๘เครื่องในเดือนเมษายน ๒๕๖๘










Royal Thai Air Force (RTAF) Beechcraft AT-6TH Wolverine light attack aircrafts of 411th Squadron, Wing 41 Chiang Mai RTAF base were displayed to personnel of Security Force Battalion Wing 41 RTAF base on 17 January 2025. 
The Infographic stand boards shown details 8 of AT-6TH that ordered in 2021 to be complete all delivered to RTAF in April 2025. (Royal Thai Air Force)

"การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด"
กิจกรรมเยี่ยมชมเครื่องบินโจมตีเบา แบบ AT-6TH
เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๘ นาวาอากาศโท อรรถพร  อุตสาห์ปัน ผู้บังคับกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน ๔๑ นำข้าราชการ และทหารกองประจำการ รุ่นปี ๒๕๖๗ ผลัดที่ ๒ เข้าเยี่ยมชม เครื่องบินโจมตีเบา แบบ AT-6TH ที่เข้าประจำการ ณ ฝูงบิน ๔๑๑ กองบิน ๔๑
การเยี่ยมชม เครื่องบินโจมตีเบา แบบ AT-6TH ในครั้งนี้ เพื่อให้น้อง ๆ ทหารกองประจำการ ได้ทราบถึงสมรรถนะ และภารกิจของเครื่องบินรบที่มาบรรจุใหม่ รวมถึงตระหนักรู้ถึงภารกิจการรักษาการณ์ยุทธโธปกรณ์ที่มีมูลค่าสูงของกองทัพอากาศ 
โดยมี นาวาอากาศโท ฤทธิวรรณ  อมรินทรัตน์ ผู้บังคับฝูงบิน ๔๑๑ กองบิน ๔๑ พร้อมทั้งพี่ ๆ นักบินจากฝูงบิน ๔๑๑ ให้การต้อนรับ และบรรยายให้ความรู้แก่น้อง ๆ ทหารกองประจำการด้วย

ระหว่างกำลังพลข้าราชการ นายทหาร และทหารกองประจำการ รุ่นปี พ.ศ.๒๕๖๗(2024) ผลัดที่๒ จากกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน๔๑(Security Force Battalion Wing 41) กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) เยี่ยมชมเครื่องบินโจมตีแบบที่๘ บ.จ.๘ Beechcraft AT-6TH Wolverine ฝูงบิน๔๑๑ กองบิน๔๑ เชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๘(2025)
ป้ายแสดงรายละเอียดที่ถูกตั้งแสดงในโรงเก็บอากาศยานได้ให้ข้อมูลว่า "...โดยเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๗ กองบิน๔๑ ได้จัดพิธีต้อนรับเครื่องบินโจมตีเบา(AT-6TH)  ที่เข้าประจำการ ณ ฝูงบิน๔๑ กองบิน๔๑ โดยใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า เครื่องบินโจมตีแบบที่๘ นามเรียกขาน(callsign) Thunder... โดยวางแผนครบบรรจุประจำการทั้งหมด ๘เครื่องในเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๖๘"

ป้ายข้อมูลยังให้รายละเอียดว่า เครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH ติดตั้งกล้องตรวจจับและชี้เป้าและติดตามเป้าหมายด้วย laser วัดระยะแบบ WESCAM MX-15D ที่ตรวจจับความร้อน-zoom ได้สี่ระดับ รวมถึงระบบถ่ายทอดสัญญาณ video จากอากาศยานสู่ภาคพื้นดิน, ระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี tactical datalink ,ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอากาศ-ภาคพื้น และชุดสัญญาณ video จากอากาศยานสำหรับกองกำลังภาคพื้นดิน
ระบบอาวุธประกอบด้วยระเบิดอเนกประสงค์ Mk81 ขนาด 250lbs และ Mk82 ขนาด 500lbs, ระเบิดนำวิถีด้วย laser แบบ GBU-58 Paveway II ขนาด 250lbs และ GBU-12 Paveway II ขนาด 500lbs, กระเปาะปืนกลอากาศ HMP-400 ขนาด .50cal(12.7x99mm) ความจุกระสุน ๔๐๐นัด และกระเปาะจรวด LAU-131/A ความจุ ๗นัดสำหรับจรวดอากาศอากาศสู่พื้นแบบ Hydra 70 ขนาด 2.75in(70mm)

ภารกิจของเครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH ประกอบด้วยการโจมตีทางอากาศ/สนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด(CAS: Close Air Support), ลาดตระเวนติดอาวุธตามแนวชายแดน, การข่าวกกรองป้องกันการลักลอบข้ามแดนอย่างผิดกฎหมาย/ลำเลียงยาเสพติด, ค้นหาและช่วยชีวิตในพื้นที่การรบ(CSAR: Combat Search and Rescue), สนับสนุนภารกิจป้องกันไฟ่ป่า/น้ำท่วม/ลดหมอกควันอันเป็นต้นเหตุของสภาวะฝุ่น PM 2.5
บ.จ.๘ AT-6TH ยังเป็นอากาศยานที่ประหยัดเชื้อเพลิงสามารถปฏิบัติภารกิจได้นานสูงสุดถึง ๗ชั่วโมง เป็นเครื่องใบพัดลดมลภาวะทางเสียง ระบบป้องกันตนเองเสริมเกราะในส่วนห้องนักบิน, ถังเชื้อเพลิง และเครื่องยนต์ รองรับภารกิจในเวลากลางคืน เดิมกองทัพอากาศไทยเคยให้สัมภาษณ์สื่อว่าฝูงบิน๔๑๑ มีกำหนดจะรับมอบ บ.จ.๘ AT-6TH ครบ ๘เครื่องในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ แต่ล่าสุดเลื่อนเป็นเดือนเมษายน ๒๕๖๘

กองทัพอากาศไทยได้ลงนามสัญญาจัดหาเครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH จำนวน ๘เครื่องวงเงิน ๔,๓๑๔,๐๓๙,๙๘๐.๘๐บาท($143 million) เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๔(2021)(https://aagth1.blogspot.com/2021/11/at-6th.html) การจัดหาเครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH ยังรวมถึงการถ่ายทอดวิทยาการแก่ไทย(https://aagth1.blogspot.com/2022/06/aeronet-at-6th.html)
เช่นเดียวกับเครื่องบินฝึกแบบที่๒๒ บ.ฝ.๒๒ Beechcraft T-6TH Texan II(T-6C) ของโรงเรียนการบินกำแพงแสนกองทัพอากาศไทย ที่ได้รับมอบครบจำนวน ๑๒เครื่องแล้วในปี พ.ศ.๒๕๖๖(2023)(https://aagth1.blogspot.com/2023/08/t-6th.html) ที่มีพื้นฐานร่วมกันกับ บ.จ.๘ AT-6TH อย่างไรก็ตามจากการกำหนดแบบของกองทัพอากาศไทยได้แสดงว่าภารกิจของเครื่องบินทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

กองทัพอากาศไทยได้ส่งนักบินชุดรับมอบจำนวน ๘นายเข้ารับการฝึกหลักสูตรครูการบิน(Flight Instructor) และนักบินลองเครื่อง(Test Pilot) ณ บริษัท Textron Aviation Defense สหรัฐฯใน Wichita มลรัฐ Kansas ระหว่างวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์-๑๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๗ และได้สำเร็จการศึกษากลับมายังไทยและจัดตั้งการฝึกนักบินชุดแรกในประเทศแล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2024/03/at-6th-wolverine.html)
เครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH Wolverine ที่สองเครื่องแรกหมายเลข "41101" และ "41102" เข้าประจำการ ณ ฝูงบิน๔๑๑ กองบิน๔๑ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๗(https://aagth1.blogspot.com/2024/07/at-6th.html) และได้เริ่มต้นทำการฝึกบินในพื้นที่ครั้งแรกของตนเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๗(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/at-6th.html)

เครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH ได้ถูกจัดส่งทางเรือมาไทยได้เข้าสู่โครงการประกอบขั้นสุดท้าย(Final Reassembly Program) โดยโรงงานอากาศยานของ บริษัทอุตสาหกรรมการบินจำกัด(TAI: Thai Aviation Industries) ไทย ในอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ใกล้กับ กองบิน๔ ตาคลี โดยจากชุดภาพที่เผยแพร่ล่าสุดแสดงให้เห็นว่าฝูงบิน๔๑๑ ได้รับมอบ บ.จ.๘ AT-6TH หมายเลข "41105" ซึ่งเป็นเครื่องที่ห้าแล้ว
ในพิธีเปิดการทดสอบและประเมินค่าการปฏิบัติการทางอากาศยุทธวิธี ประจำปี พ.ศ.๒๕๖๘(Air Tactical Operations Evaluation 2025) ณ สนามฝึกใช้อาวุธทางอากาศชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๗ บ.จ.๘ AT-6TH ๒เครื่อง หมายเลข "41102" และ "41104" ติดอาวุธกระเปาะปืนกลอากาศ HMP-400 และกระเปาะจรวด LAU-131/A ได้บินเปิดตัวต่อสาธารณชนครั้งแรก(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/at-6th.html)

ล่าสุดเมื่อวันที่ ๘ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๘ ได้มีพิธีแสดงความยินดีกับนักบินเครื่องบินโจมตีแบบที่๘ บ.จ.๘ AT-6TH ฝูงบิน๔๑๑ กองบิน๔๑ เชียงใหม่ ชั้นเรียนที่๑(Class I) จำนวน ๗คนที่ได้การฝึกบินเปลี่ยนแบบ(transition) และทำการบินปล่อยเดี่ยว Solo fight แรก(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/solo-at-6th.html) แสดงถึงการเข้าใกล้ความพร้อมปฏิบัติการขั้นต้น(IOC: Initial Operating Capability) มากขึ้น
และกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติประจำปี พ.ศ.๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๘ ยังครั้งแรกที่กองทัพอากาศไทยได้นำเครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH ร่วมงานแสดงการบิน Airshow ณ กองบิน๖ ดอนเมือง(หมายเลข "41102" ตั้งแสดงภาคพื้น "41104" ทำการบินสาธิต) และกองบิน๔๑ เชียงใหม่(หมายเลข "41101" ทำการบิน "41105" ตั้งแสดงภาคพื้น) ด้วยครับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/at-6th.html)

วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2568

สวีเดนสั่งจัดหารถถังหลัก Leopard 2A8 Strv 123 เยอรมนีใหม่ 44คัน

Sweden orders Leopard 2A8s, upgrades more Strv 122s





The FMV and KNDS Deutschland have signed contracts for 44 Leopard 2A8 MBTs and to upgrade 66 more Strv 122s (pictured). (Swedish Armed Forces)

สำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์กลาโหมสวีเดน(Defence Material Administration, FMV: Försvarets materielverk) และบริษัท KNDS Deutschland เยอรมนีได้ประกาศเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2024 ว่า
พวกตนได้ลงนามสัญญาสำหรับการจัดหารถถังหลัก Leopard 2A8 MBT(Main Battle Tank) ใหม่จำนวน 44คัน และปรับปรุงรถถังหลัก Stridsvagn 122(Strv 122) เพิ่มเติมจำนวน 66คันสำหรับกองทัพบกสวีเดน(Swedish Army, Svenska armén)

สำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์กลาโหมสวีเดน FMV กล่าวใน website ของตนเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2024 ว่า สัญญารถถังหลัก Leopard 2A8 และปรับปรุงรถถังหลัก Strv 122 มีมูลค่าที่เกือบ 20 billion Swedish Krona($1.79 billion)
FMV สวีเดนได้ลงนามสัญญากับบริษัท KNDS Deutschland ใน Munich เยอรมนีเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2024 สำหรับรถถังหลัก Leopard 2A8 จำนวน 24คัน ตามมาด้วยการเจรจาที่นำไปสู่การลงนามสัญญาสำหรับเพิ่มเติมอีกจำนวน 20คันเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2024

รถถังหลัก Leopard 2A8 ชุดแรกจำนวน 24คันจะทดแทนรถถังหลัก Leopard 2 จำนวน 10คันที่สวีเดนบริจาคให้ยูเครนเพื่อใช้ในการต่อต้านการรุกรานของรัสเซียที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2022(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/gripen-14.html)
KNDS Deutschland เยอรมนีกล่าวในสื่อประชาสัมพันธ์ว่า รถถังหลัก Leopard 2A8 ที่ส่งมอบให้สวีเดนจะถูกกำหนดแบบเป็นรถถังหลัก Stridsvagn 123B(Strv 123B) ในประจำการกองทัพบกสวีเดน โดยการส่งมอบมีแผนจะเริ่มต้นในครึ่งหลังของปี 2027

การส่งมอบของรถถังหลัก Strv 123B(Leopard 2A8) ได้รับการวางแผนที่จะดำเนินไปจนถึงปี 2031 และรถถังหลัก Strv 122 ที่ได้รับการปรับปรุงจะถูกกำหนดแบบเป็นรถถังหลัก Strv 123A จะถูกส่งมอบตั้งแต่ปี 2027 ถึงปี 2030 ตามข้อมูลจาก FMV สวีเดน
การปรับปรุงความทันสมัยของรถถังหลัก Strv 122 ซึ่งเป็นการกำหนดแบบของรถถังหลัก Leopard 2A5 ในประจำการกองทัพบกสวีเดน รวมถึงการป้องกันระดับสูง, ระบบอาวุธใหม่, แนวคิดการขับเคลื่อนและผู้ใช้งานใหม่, หน่วยกำเนิดพลังงานเสริม(APU: Auxiliary Power Unit) และการทำให้เป็น digital เพิ่มเติม

KNDS Deutschland เยอรมนีคาดว่าการปรับปรุงรถถังหลัก Strv 122 สวีเดนเพิ่มเติมจำนวน 66คันจะเริ่มต้นเมื่อได้เสร็จสิ้นการปรับปรุงรถถังหลัก Strv 122 จำนวน 44คันที่ได้มีการทำสัญญาไปแล้ว
รถถังหลัก Leopard 2A8 MBT รุ่นล่าสุดได้กลายเป็นรถถังหลักที่เป็นกำลังหลักส่วนหนึ่งของกองกำลังกลุ่มชาติ NATO ในยุโรปซึ่งได้รับการสั่งจัดหาจากหลายชาติในช่วงปี 2024 ที่ผ่านมา

นอกจากกองทัพบกเยอรมนี(German Army, Heer) ที่สั่งจัดหารถถังหลัก Leopard 2A8 จำนวน 124คันซึ่งจะได้รับมอบรถชุดแรกในปี 2025(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/leopard-2a7a1-trophy-aps.html)
เนเธอร์แลนด์ได้สั่งจัดหาจำนวน 46คันที่จะเข้าประจำการในปี 2027-2030(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/leopard-2a8-46.html) และลิทัวเนียจำนวน 44คัน(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/leopard-2a8-44.html) ยังรวมถึงโครเอเชียในอนาคตครับ(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/leopard-2a8-m142-himars.html)

วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2568

เฮลิคอปเตอร์โจมตี MAH สำหรับนาวิกโยธินเกาหลีใต้ทำการบินครั้งแรก

South Korea's Marine Attack Helicopter conducts first flight




KAI's Marine Attack Helicopter is an armed derivative of the company's MUH-1 Marineon helicopter that is in service with the Republic of Korea Marine Corps. (Janes)





เฮลิคอปเตอร์โจมตีนาวิกโยธิน MAH(Marine Attack Helicopter) ที่พัฒนาในประเทศของสาธารณรัฐเกาหลีได้เสร็จสิ้นการทดสอบการบินครั้งแรกของตนในเดือนธันวาคม 2024 ที่ผ่านมา
สำนักงานโครงการจัดหากลาโหม(DAPA: Defense Acquisition Program Administration) สาธารณรัฐเกาหลีประกาศเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2022/10/kai.html)

เฮลิคอปเตอร์โจมตีนาวิกโยธิน MAH เป็นรุ่นติดอาวุธของเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปนาวิกโยธิน MUH-1 Marineon ที่พัฒนาโดยบริษัท Korea Aerospace Industries(KAI) สาธารณรัฐเกาหลี
ซึ่งตัวเฮลิคอปเตอร์ MUH-1 เองก็มีพื้นฐานจากเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป KUH-1 Surion(https://aagth1.blogspot.com/2023/09/kai-airbus-lah-kuh-1-surion.html) ที่ได้รับการพัฒนาสำหรับนาวิกโยธินสาธารณรัฐเกาหลี(RoKMC: Republic of Korea Marine Corps)

DAPA สาธารณรัฐเกาหลีได้ประกาศสัญญากับบริษัท KAI สาธารณรัฐเกาหลีวงเงิน 438.40 billion Korean Won($300 million) ในเดือนตุลาคม 2022 เพื่อพัฒนาเฮลิคอปเตอร์โจมตีนาวิกโยธิน MAH
การผลิตของเฮลิคอปเตอร์โจมตีนาวิกโยธิน MAH เครื่องต้นแบบจำนวน 3เครื่องแรกได้เสร็จสิ้นในปี 2024 DAPA กล่าวโดยเสริมว่าการทดสอบภาคพื้นดินได้เริ่มต้นในเดือนตุลาคม 2024 ตามมาด้วยการทดสอบการบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2024 บริษัท KAI กล่าว

ระหว่างการทดสอบเฮลิคอปเตอร์โจมตีนาวิกโยธิน MAH ได้สาธิตการแสดงสมรรถนะระบบควบคุมการบินและความมีเสถียรภาพของตนตามการบินเป็นเวลานานที่สุดประมาณ 20นาที
นี่รวมถึง "การเคลื่อนที่บนทางขับ taxi, การบินขึ้น และการดำเนินการบินลอยตัวนิ่ง hover, การบินวนเป็นวงกลม, การบินไปข้างหน้า/ถอยหลัง/ซ้าย/ขวา, การบินเป็นรูปตัว S และการบินในแนวนอนสูงสุดที่ความสูงราว 30m" KAI สาธารณรัฐเกาหลีกล่าว

DAPA สาธารณรัฐเกาหลีได้ได้กล่าวว่าตั้งแต่ปี 2025 นี้ "การทดสอบและการประเมินค่าอย่างเต็มรูปแบบ, การทดสอบการบินหลักต่างๆ จะได้รับการดำเนินการ และการพัฒนาจะเสร็จสิ้นในครึ่งหลังของปี 2026"
ตามข้อมูลจาก DAPA ภารกิจหลักของเฮลิคอปเตอร์โจมตีนาวิกโยธิน MAH จะเป็นเพื่อการคุ้มกันเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปนาวิกโยธิน MUH-1 Marineon ของนาวิกโยธินสาธารณรัฐเกาหลีระหว่างการโจมตีบนดินแดนข้าศึก และมอบการยิงสนับสนุนสำหรับหน่วยภาคพื้นดิน

ระบบอาวุธของเฮลิคอปเตอร์โจมตีนาวิกโยธิน MAH มีพื้นฐานจากระบบอาวุธที่ได้ถูกบูรณาการกับเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ Light Armed Helicopter LAH-1 Miron แล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/kai-lah-2024.html) DAPA กล่าว
เฮลิคอปเตอร์โจมตีนาวิกโยธิน MAH ยังสามารถติดตั้งด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศตั้งแต่แรกด้วย นี่เป็น "ครั้งแรกที่เฮลิคอปเตอร์ที่ถูกพัฒนาในประเทศมีขีดความสามารถการใช้อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ" DAPA กล่าวครับ

วันเสาร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2568

เกาหลีใต้จะปรับปรุงเรือพิฆาตชั้น KDX-II ด้วยระบบอำนวยการรบ CMS ใหม่ที่พัฒนาในประเทศ

South Korea to refit KDX-II destroyers with local combat management system





DDH-976 ROKS Munmu, the RoKN operates a fleet of six KDX-II destroyers. (Republic of Korea Navy)

สาธารณรัฐเกาหลีได้ประกาศแผนที่จะปรับปรุงเรือพิฆาตติดอาวุธปล่อยนำวิถีชั้น Chungmugong Yi Sun-sin(KDX-II) ของตนด้วยระบบอำนวยการรบ(CMS: Combat Management System) ที่พัฒนาในประเทศในฐานะส่วนหนึ่งของแผนปรับปรุงความทันสมัยของเรือ
ในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2025 สำนักงานโครงการจัดหากลาโหม(DAPA: Defense Acquisition Program Administration) สาธารณรัฐเกาหลีเปิดเผยว่า

เรือพิฆาตชั้น Chungmugong Yi Sun-sin(KDX-II) เหล่านี้จะได้รับการปรับปรุงเพื่อเพิ่มขยายขีดความสามารถของเรือที่จะปกป้องการสื่อสารของเส้นทางคมนาคมทางทะเล(sea lines of communication) ของประเทศ
กองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี(RoKN: Republic of Korea Navy) มีประจำการด้วยเรือพิฆาตชั้น KDX-II จำนวน 6ลำคือ DDH-975 ROKS Chungmugong Yi Sun-sin เข้าประจำการในปี 2003, DDH-976 ROKS Munmu the Great เข้าประจำการในปี 2004, 

DDH-977 ROKS Dae Jo-yeong เข้าประจำการในปี 2005, DDH-978 ROKS Wang Geon เข้าประจำการในปี 2006, DDH-979 ROKS Gang Gam-chan เข้าประจำการในปี 2007 และ DDH-981 ROKS Choe Yeong เข้าประจำการในปี 2008
เรือพิฆาตชั้น KDX-II ทั้ง 6ลำได้รับการติดตั้งระบบอำนวยการรบ CMS ที่ได้รับการจัดส่งโดยความร่วมมือระหว่าง บริษัท Samsung สาธารณรัฐเกาหลี และบริษัท BAeSEMA สหราชอาณาจักร-ฝรั่งเศส

BAeSEMA เป็นกิจการร่วมค้า(JV: Joint Venture) ทางวิทยาการระหว่างสหราชอาณาจักและฝรั่งเศสที่ถูกยุบเลิกไปแล้ว ระบบอำนวยการรบ CMS นี้มีองค์ประกอบรวมเข้าด้วยกันที่มีพื้นฐานจากระบบอำนวยการรบ Thales TACTICOS เนเธอร์แลนด์
เพื่อที่จะพัฒนาระบบอำนวยการรบ CMS ใหม่ DAPA สาธารณรัฐเกาหลีได้จัดการประชุมกับบริษัท Hanwha สาธารณรัฐเกาหลีผู้พัฒนาระบบกลาโหมของประเทศ ที่ได้เปิดเผยในแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ของตนเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2025

นอกเหนือจากระบบอำนวยการรบ CMS ใหม่ สาธารณรัฐเกาหลีกำลังมองที่จะปรับปรุงระบบ sonar และระบบควบคุมการยิง(FCS: Fire-Control System) ต่างๆของเรือพิฆาตชั้น Chungmugong Yi Sun-sin ด้วย
รายละเอียดต่างๆไม่ได้ถูกมอบให้ในแถลงการณ์โดย DAPA สาธารณรัฐเกาหลี แต่เป็นที่ทราบว่าสาธารณรัฐเกาหลีได้ร้องขอการจัดซื้อรูปแบบการขาย Foreign Military Sale(FMS) สหรัฐฯสำหรับการดัดแปลงตู้ควบคุม(cabinets) ระบบควบคุมการยิง MK 99 FCS

การร้องของการจัดซื้อรูปแบบการขาย FMS นี้ได้รับการอนุมัติโดยรัฐบาลสหรัฐฯในนครหลวง Washington, D.C. และได้รับการประกาศโดยสำนักงานความร่วมมือความมั่นคงกลาโหมสหรัฐฯ(DSCA: Defense Security Cooperation Agency) ในเดือนธันวาคม 2024
ในเดือนมิถุนายน 2024 DAPA สาธารณรัฐเกาหลีได้ประกาศการแข่งขันคัดเลือกอู่เรือที่จะดำเนินโครงการปรับปรุงสมรรถนะของเรือพิฆาตชั้น KDX-II (PIP: Performance Improvement Project) วงเงิน 470 billion Korean Won ที่จะดำเนินการไปจนถึงเดือนธันวาคม 2033 ครับ

วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2568

PTDI อินโดนีเซียเสนอเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล CN235-220 MPA แก่กองทัพเรือไทย





Admiral Chalathis Nawanukroh, Deputy Commander-in-Chief of the Royal Thai Navy (RTN) and RTN officers visited the Naval Aviation Center (Puspenerbal), Indonesian Navy in Surabaya, in the context of a demo flight of PTDI-produced aircraft, using the CN235-220 MPA aircraft owned by Puspenerbal on 16 January 2025. (PTDI)
Royal Thai Naval Air Division (RTNAD), Royal Thai Fleet (RTF), Royal Thai Navy planned to seeking new two of tactical transport aircraft for support  Royal Thai Marine Corps (RTMC) operations to replace retired Fokker F-27 MK400, as well as new three up of Maritime Patrol Aircraft (MPA) to replace retired Lockheed P-3T Orion and Fokker F-27 MK200 Maritime Enforcer (ME).



พลเรือเอก ชลธิศ นาวานุเคราะห์ รองผู้บัญชาการทหารเรือ และคณะนายทหารของกองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy) ที่เดินทางเยือนอินโดนีเซีย ได้เยี่ยมชมกิจการของศูนย์การบินทหารเรือ(Naval Aviation Center, Puspenerbal: Pusat Penerbangan Angkatan Laut) กองทัพเรืออินโดนีเซีย(Indonesian Navy, TNI-AL: Tentara Nasional Indonesia-Angkatan Laut) ในมหานคร Surabaya
รวมถึงได้ชมการสาธิตสมรรถนะและขีดความสามารถของเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลอเนกประสงค์แบบ CN235-220 MPA(Maritime Patrol Aircraft) หนึ่งใน ๖เครื่องของศูนย์การบินทหารเรืออินโดนีเซีย ที่ผลิตโดย PT Dirgantara Indonesia(PTDI) รัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมอากาศยานอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๘(2025) PTDI อินโดนีเซียเผยแพร่ชุดภาพในวันเดียวกันทางสื่อสังคม online ทางการของตน

การต้อนรับจากผู้อำนวยการฝ่ายการค้า, วิทยาการและการพัฒนาของ PTDI อินโดนีเซีย Moh Arif Faisal และคณะผู้บริหารของ PTDI ได้นำเสนอแก่คณะนายทหารกองทัพเรือไทยว่า เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล CN235-220 MPA ของตนตรงตามความต้องการที่จำเป็นสำหรับทั้งภารกิจการลาดตระเวนทางทะเลและการลำเลียงทางทหาร ในฐานะที่เป็นภาคอุตสาหกรรมผู้ผลิตอากาศยานรายเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จนถึงปี 2024 PTDI อินโดนีเซียได้ประสบความสำเร็จในการส่งออกเครื่องบินลำเลียงตระกูล CN235-220 ที่ตนผลิตในประเทศจำนวน ๗๐เครื่องแก่ลูกค้าหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงไทยคือกองบินตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย(RTP: Royal Thai Police Aviation division) และกรมฝนหลวงและการบินเกษตร(Department of Royal Rainmaking and Agricultural Aviation) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไทย

ล่าสุดกองการบินทหารเรือ กบร.(RTNAD: Royal Thai Naval Air Division) กองเรือยุทธการ กร.(RTF: Royal Thai Fleet) กองทัพเรือไทยมีโครงการจัดหาเครื่องบินลำเลียงใหม่เพื่อสนับสนุนทางยุทธการให้แก่หน่วยนาวิกโยธินไทย(RTMC: Royal Thai Marine Corps) จำนวน ๒เครื่อง วงเงินราว ๓,๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($109,725,152)
เพื่อทดแทนเครื่องบินลำเลียงแบบที่๑ บ.ลล.๑ Fokker F-27 MK-400 จำนวน ๒เครื่องที่เคยประจำการ ณ ฝูงบิน๒๐๑(201 Naval Air Squadron) กองบิน๒(Naval Air Wing 2) กองการบินทหารเรือ กบร. ที่มีรายงานว่าได้ถูกปลดประจำการลงตั้งแต่ช่วงสิ้นปี พ.ศ.๒๕๖๖(2023) ที่ผ่านมา(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/c295.html)

PTDI อินโดนีเซียได้เสนอเครื่องบินลำเลียง CN235-220 ของตนแก่กองทัพเรือไทยพร้อมข้อเสนอการจัดตั้งศูนย์ซ่อมบำรุง, ซ่อมแก้ และซ่อมใหญ่(MRO: Maintenance, Repair and Overhaul) ในไทยอย่างเต็มรูปแบบในความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมการบินของไทย เช่น บริษัทอุตสาหกรรมการบินจำกัด(TAI: Thai Aviation Industries) ไทยที่มีขีดความสามารถในการซ่อมบำรุงอากาศยานต่างๆในประเทศอยู่แล้ว
ในรูปแบบเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล CN235-220 MPA ได้รับการติดตั้งด้วยอุปกรณ์ตรวจจับหลากหลายแบบรวมถึง radar แบบ AN/APS-13C(V)3 OceanEye ที่มีขีดความสามารถในการตรวจจับ, พิสูจน์ทราบ และติดตามเป้าหมายขนาดเล็กได้และเป้าเคลื่อนที่ภาคพื้น(GMTI: Ground-Moving Target Indicator) ทั้งในสงครามเรือผิวน้ำ(ASuW: Anti-Surface Warfare) และการค้นหาและกู้ภัย(SAR: Search and Rescue)

ซึ่งกองทัพเรือไทยยังมีความต้องการเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลจำนวน ๓เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2018/02/cn-235-220-mpa.html) เพื่อทดแทนเครื่องบินต่อต้านเรือผิวน้ำ บ.ตผ.๒ Lockheed P-3T Orion จำนวน ๓เครื่อง ที่เคยประจำการ ณ ฝูงบิน๑๐๒ กองบิน๑ กองการบินทหารเรือ กบร. และถูกปลดประจำการในปี พ.ศ.๒๕๕๗(2014)(https://aagth1.blogspot.com/2019/03/blog-post_7.html
รวมถึงเครื่องบินต่อต้านเรือผิวน้ำแบบที่๑ บ.ตผ.๑ Fokker F-27 MK200 Maritime Enforcer(ME) จำนวน ๓เครื่อง ที่ประจำการ ณ ฝูงบิน๑๐๒(102 Naval Air Squadron) กองบิน๑(Naval Air Wing 1) กองการบินทหารเรือ กบร.(https://aagth1.blogspot.com/2020/08/f-27-mk200.html) ที่มีรายงานว่าปลดประจำการไปแล้วในปีที่ผ่านมาเช่นกัน

ในรูปแบบเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธี CN235-220 สามารถบรรทุกทหารได้ ๔๙นายหรือพลร่มได้ ๓๙นาย มีประตู ramp ท้ายเครื่องขนาดใหญ่สะดวกต่อการเคลื่อนย้ายสัมภาระ และสามารถบินขึ้นลงทางวิ่งที่ไม่มีผิวทาง(unpaved runway) ได้ สอดคล้องกับการพัฒนาขีดความสามารถในอนาคตที่กองทัพเรือไทยให้ความสำคัญกับ "การลดแบบ" อากาศยานเก่าที่ไม่คุ้มค่าต่อการซ่อมทำ และ "เพิ่มจำนวน" อากาศยานใหม่ของตน
นั่นทำให้ PTDI อินโดนีเซียมองที่อาจจะได้รับการสั่งจัดหา CN235-220 จากกองทัพเรือไทยได้ถึง ๕เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2020/09/cn235-220m.html) อย่างไรก็ตามคู่แข่งที่เป็นไปได้น่าจะรวมถึงเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล C295 MPA ที่ผลิตโดยบริษัท Airbus ยุโรปในสเปน ที่มีพื้นฐานร่วมกับเครื่องบินลำเลียง บ.ล.๒๙๕ C295W ของกองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army) ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2023/12/c295-mpa-c295-msa-16.html)

วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2568

อุรุกวัยลงนามจัดหาเครื่องบินโจมตีเบาใบพัด A-29 Super Tucano บราซิลเพิ่ม 5เครื่องรวม 6เครื่อง

Uruguayan Air Force buys five Embraer A-29 Super Tucano by converting options into firm orders



Uruguay becomes the sixth nation to operate the A-29 in South America. (Embraer)

บริษัท Embraer บราซิลได้ประกาศเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2025 ว่ากองทัพอากาศอุรุกวัย(Uruguayan Air Force, FAU: Fuerza Aérea Uruguaya) และกระทรวงกลาโหมอุรุกวัยได้เปลี่ยนแปลงสัญญาจัดหาสำหรับตัวเลือกเครื่องบินโจมตีเบาใบพัด A-29 Super Tucano เพิ่มเติมจำนวน 5เครื่องเข้าสู่การสั่งจัดหา
ข้อตกลงเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาผูกพันที่ได้รับการลงนามในเดือนสิงหาคม 2024 เมื่อกองทัพอากาศอุรุกวัยได้ประกาศการสั่งจัดหาเครื่องบินโจมตีเบาใบพัด A-29 Super Tucano จำนวน 1เครื่องบวกตัวเลือกเพิ่มเติม 5เครื่อง(รวมเป็นทั้งหมด 6เครื่อง)ที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงแล้ว

ข้อตกลงยังรวมถึงอุปกรณ์ภารกิจ, การบริการการส่งกำลังบำรุงบูรณาการ และเครื่องจำลองการบิน flight simulator สัญญาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการฟื้นฟูเริ่มต้นใหม่เพื่อขยายขีดความสามารถการปฏิบัติการของกองทัพอากาศอุรุกวัย
"ความสัมพันธ์ระหว่าง Embraer บราซิลและกองทัพอากาศอุรุกวัยได้เติบโตและเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ประกาศข้อตกลงนี้ในปีนี้ซึ่งเราฉลองครบรอบ 50ปีของสัญญาส่งออกแรกของบริษัท Embraer ต่ออุรุกวัย" Bosco da Costa Junior ประธานและผู้อำนวยการบริหารบริษัท Embraer Defense & Security บราซิลกล่าว

"เราพร้อมที่จะเสนอเครื่องบินพหุภารกิจที่ดีที่สุดแก่กองทัพอากาศอุรุกวัย เช่นเดียวกับการสนับสนุนอย่างเป็นรูปแบบของเราที่จะเพิ่มความพร้อมการปฏิบัติการของพวกเขาและเพื่อเพิ่มขยายขีดความสามารถต่างๆของพวกเขาเพื่อบรรลุภารกิจทางยุทธศาสตร์เช่นการตรวจการณ์พรมแดน" Bosco da Costa Junior เสริม
"การจัดหาเครื่องบินโจมตี A-29 Super Tucano และเครื่องจำลองการบินจะมอบอุรุกวัยด้วยขีดความสามารถการป้องกันน่านฟ้าต่างๆ และเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นที่รัฐบาลอุรุกวัยให้ไว้เพื่อฟื้นฟูอาวุธและยุทโธปกรณ์ของกองทัพของเราเพื่อเติมเต็มภารกิจที่ได้รับมอบหมายของตน" รัฐมนตรีกลาโหมอุรุกวัย Armando Castaingdebat กล่าว

"โครงการความร่วมมือต่างๆนี้ทำให้เรามีวิทยาการ และเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องบินโจมตีเบาใบพัด A-29 ทำให้เราที่จะเผชิญหน้าร่วมกันกับ Embraer บราซิลในแนวคิดความมั่นคงภูมิภาคใหม่" ผู้บัญชาการกองทัพอากาศอุรุกวัย พลอากาศเอก Luis H. De León กล่าว
ด้วยการจัดหาของอุรุกวัยและการจัดหาล่าสุดของเครื่องบินฝึกและโจมตีเบาใบพัด A-29N Super Tucano ในมาตรฐาน NATO รุ่นแรกโดยกองทัพอากาศโปรตุเกส(Portuguese Air Force, FAP: Força Aérea Portuguesa)(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/29n-super-tucano-12.html)

เครื่องบินโจมตีเบาใบพัด A-29 Super Tucano ได้มีผู้ใช้งานถึง 20รายทั่วโลก โดยมียอดการสั่งซื้อมากกว่า 290เครื่อง ซึ่งรวมถึงลูกค้าที่ไม่เปิดเผยที่สั่งจัดหาจำนวน 6เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/29-super-tucano-6.html)
และลูกค้าใหม่ในแอฟริกาที่สั่งจัดหาจำนวน 4เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/embraer-29-super-tucano-4.html) ซึ่งบริษัท Embraer ได้ประกาศต่อเนื่องในเดือนธันวาคม 2024 ที่ผ่านมา

จำนวนกองทัพอากาศทั่วโลกที่เป็นผู้ใช้งานเครื่องบินโจมตีเบาใบพัด A-29 Super Tucano ได้เพิ่มขยายขึ้นอย่างต่อเนื่องจากคุณลักษณะผสมผสานต่างๆที่ไม่มีที่เปรียบ ทำให้เครื่องบินเป็นตัวเลือกที่มีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม, เข้าถึงได้ และหลากหลายที่สุด
สำหรับกองทัพอากาศต่างๆที่กำลังหาแนวทางที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว, ครอบคลุม, มีประสิทธิภาพ, น่าเชื่อถือ และราคาเหมาะสมในระบบเดียวควบคุมไปกับความยืดหยุ่นในการการปฏิบัติการที่ยอดเยี่ยม A-29 Super Tucano เสนอภารกิจที่หลากหลายอย่างเช่น

การสนับสนุนทางอากาศใกล้ชิด(CAS: Close Air Support), การลาดตระเวนทางอากาศ, การปฏิบัติการพิเศษ, การขัดขวางทางอากาศ(AI: Air Interdiction), ชุดควบคุมการโจมตีขั้นสุดท้าย Joint Terminal Attack Controller(JTAC), ชุดควบคุมอากาศยานหน้า Forward Air Controller(FAC), ชุดประสานงานทางอากาศยุทธวิธี Tactical Air Coordinator(TAC),
ข่าวกรอง, ตรวจการณ์ และลาดตระเวน(ISR: Intelligence, Surveillance, and Reconnaissance) ติดอาวุธ, การตรวจการณ์ชายแดน, การลาดตระเวน, การคุ้มกันทางอากาศ, การฝึกขั้นมูลฐานและขั้นก้าวหน้า การฝึกเปลี่ยนแบบสูงเครื่องบินขับไล่ครองอากาศ และการฝึก JTAC/LIFT และ FAC 

เครื่องบินฝึกและโจมตีเบาใบพัดสองที่นั่งเรียงกัน A-29 Super Tucano ติดตั้งเครื่องยนต์ใบพัด turboprop แบบ Pratt & Whitney PT6A-68A กำลัง 969 kW(1,300 shp) สามารถบรรทุกภารกรรมบรรทุกได้ถึง1,550 kg(3,417lbs) ได้รับการติดตั้งด้วยปืนกลอากาศ FN Herstal M3W ขนาด 12.7mm และอ้างว่ามีระยะเวลาปฏิบัติการบินนานถึง 7ชั่วโมง
อุรุกวัยได้กลายเป็นชาติล่าสุดในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ที่จัดหา A-29 Super Tucano ไปใช้งานต่อจากบราซิลประเทศผู้ผลิตคือ ชิลี, โคลอมเบีย, สาธารณรัฐโดมินิกัน, เอกวาดอร์, ฮอนดูรัส และปารากวัยครับ(https://aagth1.blogspot.com/2024/06/29n-super-tucano.html)

วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2568

รัฐมนตรีกลาโหมไทยรับรองการเลือกเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F ของกองทัพอากาศไทย

Thailand defence minister endorses air force’s Gripen E/F selection



Thailand has picked new-generation Gripen E for 12-aircraft requirement. Source: Saab/Jörgen Nilsson 

รัฐบาลไทยได้แสดงการสนับสนุนสำหรับการตัดสินใจของกองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) ที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๒๐ข/ค บ.ข.๒๐ข/ค Saab JAS 39 Gripen E/F จากสวีเดน
กระทรวงกลาโหมไทยได้สนับสนุนการตัดสินใจสำหรับการจัดหาเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F ที่ผลิตโดยบริษัท Saab สวีเดน รองนายกรัฐมนนตรีไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทย ภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวตามรายงานโดยหนังสือพิมพ์ Bangkok Post

"ตามที่กองทัพอากาศไทยต้องการจะจัดหาเครื่องบินขับไล่อีกหนึ่งฝูงบิน ผมได้ให้กองทัพอากาศไทยเลือกแบบเครื่องบินที่พวกเขาปรารถนาตามที่พวกเขาทราบดีที่สุดว่าเครื่องบินขับไล่แบบใดมีความเหมาะสมที่สุดที่จะป้องกันประเทศไทยของเรา
การจัดซื้อจัดจ้างน่าจะเสร็จสิ้นในปีนี้ ผมจะอนุมัติการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Gripen ของกองทัพอากาศไทยถ้าราคาไม่ได้เกินงบประมาณของเรา และได้รวมถึงการมีส่วนร่วมผ่านการถ่ายทอดวิทยาการ" นายภูมิธรรม เวชยชัยกล่าว

คำกล่าวของรัฐมนตรีกลาโหมไทยให้ข้อสังเกตว่าโอกาสสำหรับรัฐบาลไทยในกรุงเทพมหานครจะพิจารณาข้อตกลงเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F จำนวน ๑๒เครื่องจากคู่แข่งใหม่คือเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-16C/D Block 70/72 สหรัฐฯมีความเป็นไปได้ลดลงไปอีก
ในเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๗(2024) กองทัพอากาศไทยได้ส่งสัญญาณว่าตนต้องการการที่จะเดินหน้ากับเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/gripen-ef.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/07/gripen-e.html)

สองเดือนต่อมาเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๗ ผู้อำนวยการบริหาร Saab สวีเดน Micael Johansson ได้ยืนยันว่าเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F ได้รับเลือกจากกองทัพอากาศไทยและบริษัทกำลังเดินหน้ากับการเจรจาสัญญาต่างๆ(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/saab-gripen-ef.html)
ทั้งบริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯ และบริษัท Saab สวีเดนได้เสนอข้อเสนอชดเชย(offset) ในชุดข้อเสนอเครื่องบินขับไล่ F-16C/D Block 70/72 และเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F ของตนตามลำดับ(https://aagth1.blogspot.com/2024/07/f-16-block-7072-gripen-ef.html)

ตามการเลือกเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F ของกองทัพอากาศไทย แหล่งข่าวได้บอกกับ FlightGlobal ว่า Lockheed Martin สหรัฐฯได้แก้ไขข้อเสนอเครื่องบินขับไล่ F-16C/D Block 70/72 ของตน(https://aagth1.blogspot.com/2024/09/lockheed-martin-f-16v-block-7072.html
การแก้ไขข้อเสนอรวมถึงการปรับปรุงเครื่องบินขับไล่แบบที่๑๙/ก บ.ข.๑๙/ก F-16A/B Block 15 OCU จำนวน ๑๘เครื่องที่เก่ากว่าของกองทัพอากาศไทยด้วยระบบสื่อสารใหม่, เครือข่าย datalink, และระบบพิสูจน์ฝ่าย IFF(Identification Friend-or-Foe) ที่จะทำให้เครื่องบินจะใช้ประโยชน์จากชุดระบบตรวจจับต่างๆที่มีในรุ่น F-16 Block 70/72 อย่างเต็มรูปแบบ

นอกเหนือจากเครื่องบินขับไล่แบบที่๑๙/ก บ.ข.๑๙/ก F-16A/B Block 15 OCU และ F-16A/B ADF ที่ประจำการ ณ ฝูงบิน๑๐๓ กองบิน๑ โคราช และเครื่องบินขับไล่แบบที่๑๙/ก บ.ข.๑๙/ก F-16AM/BM ที่ประจำการ ณ ฝูงบิน๔๐๓ กองบิน๔ ตาคลี รวมทั้งหมด ๔๗เครื่องแล้ว
กองทัพอากาศไทยยังมีประจำการด้วยเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐/ก Gripen C/D ณ ฝูงบิน๗๐๑ กองบิน๗ สุราษฎร์ธานีจำนวน ๑๑เครื่อง(แบ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว บ.ข.๒๐ Gripen C จำนวน ๗เครื่อง และเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง บ.ข.๒๐ก Gripen D จำนวน ๔เครื่อง) ด้วย

ความเห็นวิเคราะห์
กองทัพอากาศไทยมองที่จะได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลไทยและรัฐสภาไทยในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๘(2025) ในราวเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๘ สำหรับความต้องการทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๑๙/ก บ.ข.๑๙/ก F-16A/B ADF ฝูงบิน๑๐๒ กองบิน๑ โคราช ด้วยเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๒๐ข/ค บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F จำนวน ๑๒เครื่อง
การจัดหาระยะที่๑ วงเงินราว ๑๙,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($539 million) จำนวน ๔เครื่องแรกประกอบด้วยเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว บ.ข.๒๐ข Gripen E จำนวน ๓เครื่อง และเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง บ.ข.๒๐ค Gripen F จำนวน ๑เครื่อง ที่คาดว่าจะมีการลงนามสัญญาตามมาราวเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๘ และจะส่งมอบให้ฝูงบิน๑๐๒ กองบิน๑ ได้ในปี พ.ศ.๒๕๗๒(2029) ครับ

วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2568

ตุรกีทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำเรือฟริเกตชั้น Istanbul ลำที่สองและลำที่สาม F-516 TCG Izmir และ F-517 TCG Izmit

Turkish Shipyards Perform Dual I-Class Frigate Launch 

The future TCG İzmit (F-517) at Sedef Shipyard after the launching ceremony
Two Turkish yards launched the second and third I-class frigates (Photos by TAIS)

TCG Istanbul (F515) at the naval parade held on 29 October in Istanbul Strait (Credit: Cavit Ege Tulca, https://twitter.com/egetulca)

The future TCG İzmir (F-516) at launching ceremony in Anadolu Shipyard (TAIS photo)



เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2025 Haluk Görgün ประธานของสำนักงานอุตสาหกรรมกลาโหมตุรกี(Defence Industry Agency, SSB) ได้ประกาศความสำเร็จในการทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือฟริเกตชั้น Istanbul ลำที่สองและลำที่สาม เรือฟริเกต F-516 TCG Izmir และเรือฟริเกต F-517 TCG Izmit
เป็นเครื่องหมายถึงเหตุการณ์สำคัญในความพยายามปรับปรุงความทันสมัยของกองทัพเรือตุรกี(Turkish Navy) เรือฟริเกต F-516 TCG Izmir และเรือฟริเกต F-517 TCG Izmit ได้ถูกปล่อยจากอู่เรือสองบริษัทที่อยู่ในเครืออู่เรือบริษัท TAIS Shipyards ตุรกี(https://aagth1.blogspot.com/2024/03/f-515-tcg-istanbul-hisar-d-midlas-vls.html)

ช่วงก่อนวันประกาศอย่างเป็นทางการ วีดิทัศน์ที่เผยแพร่ในสื่อสังคม Online ได้แสดงถึงพิธีปล่อยเรือลงน้ำของงเรือฟริเกตชั้น Istanbul ลำที่สอง เรือฟริเกต F-516 TCG Izmir จุดประเด็นความคาดหวังจากสาธารณะสำหรับการยืนยันอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตามการปล่อยเรือลงน้ำของเรือฟริเกตสองลำต่อเนื่องพร้อมกันไม่ได้เป็นที่คาดการณ์ไว้และเป็นการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญตามมาในฐานะความอัศจรรย์, ตอกย้ำหลักก้าวย่างที่สำคัญในขีดความสามารถการสร้างเรือของตุรกี(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/istanbul.html)

"F-516 TCG Izmir และ F-517 TCG Izmit เรือฟริเกต MILGEM ชั้น I(ISTIF) สองลำได้ประสบความสำเร็จในการปล่อยเรือลงน้ำภายใต้เงื่อนไขของสำนักงานอุตสาหกรรมกลาโหมตุรกี SSB ในความเป็นหุ้นส่วนกับอู่เรือ TAIS และอู่เรือบริษัท STM ตุรกี ตามการส่งมอบก่อนหน้าของเรือฟริเกต F-515 TCG Istanbul 
เรือฟริเกตแห่งชาติเหล่านี้จะแสดงถึงความแข็งแกร่งและปณิธานในโลกของทะเลของตุรกี สร้างโดยอัตราการใช้ชิ้นส่วนในประเทศที่เกินร้อยละ80 เรือเหล่้านี้ได้ติดตั้งระบบวิทยาการสูง เน้นย้ำความมุ่งมั่นของชาติเราที่จะพึ่งพาตนเองและความก้าวหน้าทางวิทยาการในสงครามทางเรือ" Görgün ประธาน SSB ตุรกีกล่าว

เรือฟริเกตชั้น Istanbul ลำที่สอง เรือฟริเกต F-516 TCG Izmir ถูกปล่อยลงน้ำโดยอู่เรือบริษัท Anadolu Shipyard ตุรกี ขณะที่เรือฟริเกตชั้น Istanbul ลำที่สาม เรือฟริเกต F-517 TCG Izmit ถูกปล่อยลงน้ำโดยอู่เรือบริษัท Sedef Shipyard ตุรกี
ขณะเดียวกันเรือฟริเกตชั้น Istanbul ลำที่สี่ เรือฟริเกต F-518 TCG Icel กำลังอยู่ในระหว่างการสร้างที่อู่เรือบริษัท Sefine Shipyard และเป็นที่คาดว่าจะถูกปล่อยลงน้ำในอีกหลายสัปดาห์ข้างหน้าที่จะมาถึง เรือฟริเกตทั้งสามลำมีกำหนดที่จะส่งมอบภายในปีเดียวกัน

เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2023 สำนักงานอุตสาหกรรมกลาโหมตุรกี SSB ได้ลงนามสัญญากับอู่เรือ TAIS Shipyards ตุรกี(กลุ่มกิจการค้าร่วมซึ่งมีอู่เรือ Anadolu, Sedef และ Sefine ในกลุ่ม) และบริษัท บริษัท STM เพื่อสร้างเรือฟริเกตชั้น Istanbul สามลำสำหรับกองทัพเรือตุรกี
เรือฟริเกตชั้น Istanbul สามลำเหล่านี้เป็นเรือลำที่หก ลำที่เจ็ด และลำที่แปด ของโครงการเรือ MILGEM ตามที่เรือสี่ลำแรกคือเรือคอร์เวตชั้น ADA(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/mazepa-f212-hetman-ivan-vyhovskyi.html) และลำที่ห้าคือเรือฟริเกต F-515 TCG Istanbul เรือลำแรกของเรือฟริเกตชั้น I

เรือฟริเกตชั้น Istanbul สามลำเหล่านี้กำลังถูกสร้างขึ้นพร้อมๆกันที่อู่เรือ Sefine, อู่เรือ Anadolu และอู่เรือ Sedef ทั้งสามอู่เรือจะส่งมอบเรือภายใน 36เดือน ในเดือนมกราคม 2024 ณ การประชุมคณะกรรมาธิการบริหารอุตสาหกรรมกลาโหม(Defence Industry Executive Committee, SSIK) ที่มีประธานาธิบดีตุรกี Recep Erdoğan เป็นประธาน
ได้ตัดสินใจที่จะสร้างเรือฟริเกตชั้น Istanbul เพิ่มเติม 4ลำ ภายใต้โครงการ MILGEM เรือเหล่านี้จะเป็นเรือลำที่เก้า, ลำที่สิบ, ลำที่สิบเอ็ด, ลำที่สิบสอง(และเป็นเรือลำที่ห้า, ลำที่หก, ลำที่เจ็ด และลำที่แปดของเรือฟริเกตชั้น Istanbul) จะยังถูกสร้างโดยอู่เรือ TAIS Shipyards

โดยพิธีตัดเหล็กแผ่นแรกได้เสร็จสิ้นไปแล้วสำหรับเรือฟริเกตชั้น Istanbul จำนวน 4ลำเพิ่มเติม เรือฟริเกตชั้น Istanbul ทั้งหมด 7ลำที่ได้รับการสั่งจัดหาปัจจุบันกำลังอยู่ในการสร้างโดยอู่เรือในกลุ่มกิจการค้าร่วม TAIS เน้นย้ำความก้าวหน้าที่สำคัญของโครงการและความมุ่งมันของตุรกีที่จะขยายขีดความสามารถทางเรือของตน
โครงการเรือฟริเกตชั้น Istanbul ได้ถูกเริ่มขึ้นเพื่อจะสร้างเรือฟริเกตใหม่ 4ลำทดแทนเรือฟริเกตชั้น Yavuz ที่มีอายุการใช้งานมานานในกลางปี 2020s ได้รับการพัฒนาภายใต้โครงการเรือรบในประเทศ MILGEM เรือฟริเกตชั้น Istanbul เป็นเรือที่มีขนาดใหญ่ขึ้นของเรือคอร์เวตปราบเรือดำน้ำชั้น Ada

เรือฟริเกตชั้น Istanbul จะมีความจุเชื้อเพลิงและมีขีดความสามารถพิสัยการปฏิบัติการเดินเรือเพิ่มขึ้นร้อยละ50 เมื่อเปรียบเทียบกับเรือคอร์เวตชั้น Ada เรือลำแรกของชั้น เรือฟริเกต F-515 TCG Istanbul เข้าประจำการในกองทัพเรือตุรกีในเดือนมกราคม 2024 เรือฟริเกต F-516 TCG Izmir, เรือฟริเกต F-517 TCG Izmit และเรือฟริเกต F-518 TCG Icel คาดว่าจะเข้าประจำการในปี 2026
เรือฟริเกตชั้น Istanbul เป็นเรือฟริเกตแบบแรกที่สร้างโดยภาคอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของตุรกีที่มีคุณลักษณะใช้ชิ้นส่วนในประเทศถึงเกินร้อยละ80 ได้รับการปรับแต่งออกแบบในการตรวจจับ พิสูจน์ทราบ และโจมตีทำลายเป้าหมาย เพื่อดำเนินภารกิจการตรวจการณ์และลาดตระเวนทางทะเลในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ(EEZ: Exclusive Economic Zone) เพื่อป้องกันภัยคุกคามต่างๆที่เป็นไปได้ครับ