https://www.flightglobal.com/news/articles/pictures-us-navy-fa-18c-hornet-makes-final-flight-461289/
https://www.flickr.com/photos/redripper24/
เครื่องบินขับไล่ McDonnell Douglas F/A-18C Hornet เครื่องสุดท้ายของกองทัพเรือสหรัฐฯ(USN: US Navy) ได้ทำการบินขณะประจำการครั้งสุดท้ายของตน ณ สถานีอากาศนาวี(NAS: Naval Air Station) Oceana ใน Virginia Beach มลรัฐ Virginia เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2019
เครื่องบินขับไล่ F/A-18C Hornet หมายเลข 300 ได้ผ่านการทำการบินมาแล้วหลายทศวรรษ ตั้งแต่เสร็จสิ้นการบินตรวจสอบการยอมรับของกองทัพเรือสหรัฐฯครั้งแรกของเครื่องเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 1988 กองทัพเรือสหรัฐฯกล่าว
กองทัพเรือสหรัฐฯย้ำว่า เรือเอก Andrew Jalali ผู้ที่เป็นนักบินของเครื่องบินขับไล่ F/A-18C เที่ยวบินสุดท้ายเป็นเวลา 1.5ชั่วโมงบิน ยังเกิดในปี 1988 ด้วย
"วันนี้เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงการบินปฏิบัติการครั้งสุดท้ายของเครื่องบินขับไล่ F/A-18C Hornet ของกองทัพเรือสหรัฐฯ" นาวาเอก Brian Becker ผู้บัญชาการกองบัญชาการกองบินขับไล่โจมตี Atlantic กล่าว
เครื่องบินขับไล่ F/A-18C Hornet จะถูกถอดรายชื่ออกจากรายการบัญชีอาวุธยุทโธปกรณ์ในคลังแสงของกองทัพเรือสหรัฐฯ, จะถูกถอดชิ้นส่วนที่สามารถใช้งานได้ทั้งหมดและจะถูกนำไปแยกชิ้นส่วน กองทัพเรือสหรัฐฯกล่าว
F/A-18C Hornet ที่ทำการบินครั้งสุดนี้ประจำการในฝูงบินขับไล่โจมตี VFA-106(Strike Fighter Squadron 106) 'Gladiators' ซึ่งเป็นฝูงบินฝึกเปลี่ยนแบบ(FRS: Fleet Replacement Squadron) ที่เคยมีที่ตั้ง ณ Cecil Field มลรัฐฯ Florida
ในช่วงปีที่แล้วฝูงบินขับไล่โจมตี VFA-106 ได้ถูกปรับลดจำนวนเครื่องบินขับไล่ F/A-18C ที่มีในฝูงลง โดยโอนย้ายมากกว่า 50เครื่องไปยังกองกำลังสำรองกองทัพเรือสหรัฐฯ(US Navy Reserve) และนาวิกโยธินสหรัฐฯ(USMC: US Marine Corps) บางเครื่องได้ถูกเก็บรักษาไว้ถ้าจำเป็นในอนาคต
นาวิกโยธินสหรัฐฯมีแผนที่จะทำการบินเครื่องบินขับไล่ F/A-18C/D Hornet ของตนจนถึงปี 2030 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35B Lightning II Joint Strike Fighter(JSF) จะถูกนำเข้าประจำการทดแทนอย่างเต็มอัตรา
ประเทศอื่นที่ยังคงทำการบินเครื่องบินขับไล่ F/A-18 Hornet รุ่นดั้งเดิมประกอบด้วยออสเตรเลีย(https://aagth1.blogspot.com/2019/02/fa-18a.html), แคนาดา(https://aagth1.blogspot.com/2019/07/cf-18.html), สเปน, สวิตเซอร์แลนด์, ฟินแลนด์, คูเวต และมาเลเซีย
เครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว F/A-18A และเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว F/A-18C เดิมถูกสร้างโดยบริษัท McDonnell Douglas สหรัฐฯ ซึ่งต่อมาถูกซื้อกิจการโดยบริษัท Boeing สหรัฐฯในปี 1997
เครื่องบินขับไล่ F/A-18C Hornet กองทัพเรือสหรัฐฯได้ถูกทดแทนโดยเครื่องบินขับไล่ Boeing F/A-18E/F Super Hornet ที่มีขนาดใหญ่กว่าและมีความทันสมัยมากขึ้น(https://aagth1.blogspot.com/2019/03/boeing-fa-18ef-block-iii.html)
เครื่องบินขับไล่สองเครื่องยนต์ F/A-18 Hornet มีพื้นฐานจากแบบเครื่องบินขับไล่ Northrop YF-17 ที่เคยเสนอกองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force) ในโครงการเครื่องบินขับไล่เบา Lightweight Fighter ในปี 1970s
เครื่องบินขับไล่ YF-17 ได้พ่ายแพ้ต่อเครื่องบินขับไล่ General Dynamics YF-16 ที่ภายหลังถูกพัฒนาเป็นเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-16 Fighting Falcon ในปี 1975
อย่างไรก็ตามไม่กี่เดือนต่อมาในเวลานั้นกองทัพเรือสหรัฐฯได้ประกาศการตัดสินใจจะจัดหาเครื่องบินขับไล่ YF-17 รุ่นใช้งานในกองทัพเรือที่พัฒนาร่วมกันระหว่างบริษัท McDonnell Douglas และบริษัท Northrop สหรัฐฯ ที่ต่อมาได้กลายเป็น F/A-18 Hornet
เครื่องบินขับไล่ F/A-18 Hornet เครื่องต้นแบบทำการบินครั้งแรกในปี 1978 และได้รับการอนุมัติเพื่อเปิดสายการผลิตเต็มอัตราในปี 1983 โดยถูกนำมาทดแทนเครื่องบินขับไล่ McDonnell Douglas F-4 Phantom II และเครื่องบินโจมตี LTV A-7 Corsair II ที่ประจำการในช่วงสงครามเวียดนาม
เครื่องบินขับไล่ F/A-18A Hornet ได้ปฏิบัติการรบจริงครั้งแรกในปี 1986 ระหว่างยุทธการ El Dorado Canyon ที่สหรัฐฯโจมตีทางอากาศต่อลิเบีย และได้เข้าร่วมปฏิบัติการในหลายๆปฏิบัติการทางทหารหลักของกองทัพสหรัฐฯ
ในเดือนมกราคม 2019 กองทัพเรือสหรัฐฯได้จัดพิธีปลดประจำการเครื่องบินขับไล่ F/A-18C Hornet อย่างเป็นทางการ(https://aagth1.blogspot.com/2019/02/fa-18c-hornet.html) แม้ว่าเครื่องจะยังคงทำการบินในภารกิจปฏิบัติการแบบจำกัดจนถึงตอนนี้ก็ตาม
ฝูงบินการแสดงสาธิต Blue Angels กองทัพเรือสหรัฐฯจะยังคงทำการบินเครื่องบินขับไล่ F/A-18C/D Hornet รุ่นดั้งเดิมอยู่ อย่างไรก็ตามคาดว่าฝูงบินผาดแผลง Blue Angels จะเปลี่ยนไปใช้เครื่องบินขับไล่ F/A-18E/F Super Hornet ในเดือนธันวาคมปี 2021 ครับ
