วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

กองทัพเรือสหรัฐฯปลดประจำการเครื่องบินขับไล่ F/A-18C Hornet ฝูงสุดท้าย

Navy’s Last F-18 Hornet Squadron Sundowns Ahead of Transition to Super Hornet





A Hornet from Strike Fighter Squadron 34 aboard USS Carl Vinson (CVN-70) prepares to launch during the Rim of the Pacific 2018 exercise. VFA-34’s planes were painted to honor the squadron’s history ahead of its transition to the Super Hornet. USNI News photo.

The CAG Bird from VFA 34 sits in the hangar on USS Carl Vinson (CVN-70) during the Rim of the Pacific 2018 exercise in Hawaii. The squadron painted the Hornets to commemorate their last major event before the platform leaves the active Navy’s operational service. USNI News photo.


Pilots from Strike Fighter Squadron (VFA) 34 fly the F/A-18 Hornet in a three-man formation over Naval Air Station Oceana for the final time. US Navy photo.

Maintainers from VFA 34 designed a logo to paint on the legacy Hornets to acknowledge the platform’s last major event on the international stage ahead of the final legacy squadron’s transition from the Hornet to the Super Hornet. USNI News photo.
https://news.usni.org/2019/02/04/navys-last-f-18-hornet-squadron-holds-sundown-ceremony-will-transition-to-super-hornet

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2019 กองทัพเรือสหรัฐฯ(USN: US Navy) ได้ทำพิธีย่ำพระสุริย์ศรี(sundown ceremony) เป็นการอำลาสำหรับฝูงบินปฏิบัติการฝูงสุดท้ายของเครื่องบินขับไล่ McDonnell Douglas F/A-18C Hornet
โดยฝูงบินขับไล่โจมตี VFA-34 "Blue Blasters" ได้ทำการบินหมู่เครื่องบินขับไล่ F/A-18C Hornet เป็นครั้งสุดท้ายเหนือสถานีอากาศนาวี(NAS: Naval Air Station) Oceana ก่อนที่ฝูงจะทำการเปลี่ยนแบบอากาศยานใหม่

กองทัพเรือสหรัฐฯทำการบินเครื่องบินขับไล่ F/A-18 Hornet ตั้งแต่ปี 1978 โดยวางกำลังประจำการเครื่องบินขับไล่ F/A-18A/B ครั้งแรกในปี 1983 และรุ่นปรับปรุงต่อมาคือเครื่องบินขับไล่ F/A-18C/D ในปี 1987
ตามข้อมูลจากกองบัญชาการระบบอากาศนาวี(NAVIR: Naval Air Systems Command) เครื่องบินขับไล่ Hornet รุ่นดั้งเดิมที่มีอายุเกือบ 40ปีนี้ได้ถูกใช้งานร่วมกับเครื่องบินขับไล่ Boeing F/A-18E/F Super Hornet รุ่นใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นตั้งแต่ปี 1999

ตอนนี้ก็ได้ถึงช่วงเวลานั้นตามที่คณะอากาศนาวีสหรัฐฯได้มองไปยังกองบินเรือบรรทุกเครื่องบินในอนาคตด้วยเครื่องบินขับไล่ Super Hornet ที่จะประจำการร่วมกับเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35C Lightning II Joint Strike Fighter(JSF) รุ่นประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน CV(Carrier Variant)
ฝูงบินขับไล่โจมตี VFA-34 ซึ่งเป็นฝูงบินปฏิบัติการฝูงสุดท้ายของเครื่องบินขับไล่ F/A-18C Hornet รุ่นที่นั่งเดี่ยวที่ประจำการมาตั้งแต่ปี 1996 จะเริ่มการเปลี่ยนแบบไปปฏิบัติการด้วยเครื่องบินขับไล่ Boeing F/A-18E Super Hornet รุ่นที่นั่งเดี่ยวในปี 2019 นี้

"เครื่องบินขับไล่ Hornet เป็นที่รู้จักในหลายๆอย่าง ระบบดั้งเดิม, ความน่าเชื่อถือสูง, เครื่องบินขับไล่โจมตีพหุบทบาท... แต่สำหรับเราพวกเธอจะเป็นเพื่อนเก่าเสมอไป เครื่อง Hornet จะยังคงประการต่อไปในนาวิกโยธินสหรัฐฯ(USMC: US Marine Corps) และหน่วยสนับสนุนกองทัพเรือสหรัฐฯ
แต่สำหรับฝูงบินปฏิบัติการกองทัพเรือสหรัฐฯ มันถึงเวลาที่ต้องกล่าวคำลาแล้ว ดังนั้นจากบุรุษและสตรีผู้ทำการบินและบำรุงรักษา F/A-18 Hornet ในตำนานนี้ เราขอขอบคุณสำหรับการรับใช้ชาติและการทำงานเป็นอย่างดี" นาวาโท William Mathis ผู้บังคับการฝูงบิน VFA-34 กล่าวในพิธี

เครื่องบินขับไล่ F/A-18 Hornet ได้เข้าประจำการวางกำลังปฏิบัติการครั้งแรกสำหรับฝูงบินในปี 1984 การปฏิบัติการรบภารกิจจริงครั้งแรกของเครื่องคือยุทธการ El Dorado Canyon ปี 1986 ในการโจมตีลิเบียทางอากาศ และได้เข้าร่วมปฏิบัติการในหลายๆปฏิบัติการทางทหารหลักของกองทัพสหรัฐฯ
เช่น สงครามอ่าว Persia 1991, สงครามอิรัก, ยุทธการ Enduring Freedom อัฟกานิสถาน 2001, ยุทธการ Iraqi Freedom อิรัก 2003 และยุทธการ Inherent Resolve ต่อต้านกลุ่มติดอาวุธก่อการร้ายในซีเรียและอิรักปี 2014 เป็นต้น

ฝูงบินขับไล่โจมตี VFA-34 ถูกกำหนดในปี 2016 ให้เป็นฝูงบินสุดท้ายที่วางกำลังปฏิบัติการด้วยเครื่องบินขับไล่ F/A-18C Hornet รุ่นดั้งเดิม และได้วางกำลังตามวงรอบครั้งสุดท้ายในกองบินเรือบรรทุกเครื่องบินที่2(CAW2: Carrier Air Wing 2) ประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน CVN-70 USS Carl Vinson
ฝูงบิน VFA-34 ได้ออกจาก San Diego ในเดือนมกราคม 2017 เพื่อวางกำลังบนเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ในการวางกำลังที่มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก โดยเฉพาะที่คาบสมุทรเกาหลีช่วงที่สหรัฐฯมีความตึงเครียดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี

เรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ได้วางกำลังในแปซิฟิกอีกครั้งในเดือนมกราคม 2018 เป็นเวลาอีกหลายเดือน ซึ่งรวมการเดินทางเยี่ยมท่าเรือที่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามครั้งประวัติศาสตร์หลังสิ้นสุดสงครามเวียดนาม
เรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ได้เดินทางกลับฐานทัพเรือใน San Diego ก่อนที่จะออกเดินเรือเข้าร่วมการฝึก Rim of the Pacific 2018 (RIMPAC 2018) ที่ Hawaii

ระหว่างการฝึก RIMPAC 2018 เรือเอก Kevin Frattin นักบิน F/A-18C Hornet และเจ้าหน้าที่ช่วยการปฏิบัติการฝูงบิน VFA-34 ได้กล่าวกับ USNI News ว่าหลังการฝึก RIMPAC และการฝึกดำรงความพร้อมที่ California ภายหลังในปี 2018 นั้น
"เท่านั้นละ คุณจะไม่ได้เห็นเครื่อง Hornet บนเรือบรรทุกเครื่องบิน อย่างน้อยในสีของกองทัพเรือสหรัฐฯอีกต่อไป" เรือเอก Frattin ผู้ทำการบินเพียงเครื่อง Hornet และไม่ได้เปลี่ยนไปบินเครื่อง Super Hornet ใหม่ พูดถึงเครื่อบินของเขาด้วยความรัก

แต่เขาก็ยอมรับว่า Hornet "อาจต้องการวงรอบอายุเทคโนโลยี(TLC: Technology Life Cycle) มากขึ้นเล็กน้อย" ในหลายปีที่ผ่านมา Frattin กล่าวขณะวางกำลังบนเรือ USS Carl Vinson ว่ามันอาจจะมีเครื่อง Hornet ที่หมดสภาพในจำนวนมากกว่า Super Hornet
เนื่องจากเครื่องบินเก่าเหล่านี้เริ่มเสื่อมสภาพจากการลงจอดอย่างรุนแรงอย่างบ่อยครั้งบนดาดฟ้าบินของเรือบรรทุกเครื่องบิน ในขณะที่นักบินพยายามที่จะนุ่มนวลกับเครื่องบิน แต่การลงจอดบนดาดฟ้าเรือบรรทุกบินระหว่างที่ทะเลมีคลื่นลมแรงทำให้ต้องเกิดสภาพการลงจอดรุนแรงดังกล่าว

ตามที่ได้เริ่มกล่าวมา Frattin เสริมว่ากองทัพเรือสหรัฐฯมีบางภารกิจเท่านั้นสำหรับการใช้เครื่อง Hornet เนื่องจากผลการทดสอบการตั้งอาวุธที่ได้รับการดำเนินการกับ Hornet แต่ไม่เคยเกิดขึ้นซ้ำกับเครื่อง Super Hornet
"เรามีขีดความสามารถเอกลักษณ์บางอย่างที่ผมสงสัยว่าใครกำลังจะไปหยิบเจ้าเฉื่อยนี่ ในเมื่อเราไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไป เพราะสำหรับบางสิ่งที่เราทำเราเป็นคนเดียวที่ทำมันได้" เขากล่าว

Frattin เสริมว่าเขาได้รับการบอกว่าเครื่อง Hornet มีความปราดเปรียวเล็กน้อย และว่องไวมากว่าเครื่อง Super Hornet และขณะที่มันจะไม่ชนะการแข่งขันบินตรงจากเส้นทางการบินเครื่อง Hornet ดั้งเดิมในท้ายที่สุดจะเข้าถึงความเร็วสูงสุดมากสูงกว่าเครื่องบินใหม่ที่เป็นคู่แข่ง
เขายกย่องการดำเนินการเปลี่ยนแบบของกองทัพเรือสหรัฐฯโดยกล่าวว่า "ที่จริงพวกเขาให้งบประมาณ, ชิ้นส่วนเครื่องไอพ่นแก่เราตามที่เราต้องการ-เราได้รับพวกของเรี่ยราด" ตามที่ฝูงบินอื่นได้เริ่มการเปลี่ยนแบบไปใช้ Super Hornet

Frattin กล่าวว่าเขาคิดว่าฝูงบินของเขาได้ยอมรับและส่งมอบเครื่องบินเป็นจำนวนมากว่าฝูงบินอื่นขณะที่เขาอยู่ในนั้น ตามที่เหล่านักบินและช่างอากาศยานมีสามารถเลือกเกี่ยวกับโครงสร้างอากาศยานซึ่งพวกเขาเชื่อมโยงการทำงานกัน และกับสิ่งที่พวกเขาต้องการที่จะทิ้งไปได้
ฝูงบินขับไล่โจมตี VFA-34 มีกำหนดจะได้รับเครื่องบินขับไล่ F/A-18E จากสายการผลิตโรงงานอากาศยานของบริษัท Boeing ใน St. Louis ช่างอากาศยานของฝูงบินมีกำหนดจะเริ่มการเรียนในปลายปี 2018 เพื่อให้มีความเชี่ยวชาญในการบำรุงรักษาเครื่องบินแบบใหม่

ตอนนี้ที่พิธีย่ำพระสุริย์ศรีได้มีขึ้นแล้ว นักบินจะต้องผ่านหลักสูตร 10ชั่วโมงเพื่อการรับรองมาตรฐานการฝึกและขั้นตอนปฏิบัติการอากาศนาวี(NATOPS: Naval Air Training and Operating Procedures Standardization) กับเครื่อง Super Hornet ใหม่
ฝูงบิน VFA-34 ได้ต้องทำการบินเครื่อง Super Hornet และการฝึกการซ่อมบำรุงในการประสานงานกับฝูงบินเปลี่ยนแบบข้างเคียงจนกว่าที่กองทัพเรือสหรัฐฯจะประกาศว่าฝูงบินปลอดภัยสำหรับการบิน เมื่อมีการประกาศฝูงบินจะกลับมาปฏิบัติตามเส้นทางการบินของตนอย่างอิสระ

แม้ว่าเครื่องบินขับไล่ F/A-18C/D Hornet จะปลดประจำการจากฝูงบินปฏิบัติการของกองทัพเรือสหรัฐฯแล้ว แต่หน่วยกำลังสำรองเช่น ฝูงบินขับไล่ผสม VFC-12 จะยังคงใช้เครื่อง Hornet ในฐานะเครื่องบินข้าศึกสมมุติ Aggressor ในการฝึกต่อไปอยู่
นาวิกโยธินสหรัฐฯจะยังคงใช้เครื่องบินขับไล่ F/A-18A/B/C/D ไปจนถึงปี 2030s เมื่อฝูงเครื่องบินขับไล่ Hornet ทั้งหมดจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องบินขับไล่ F-35B รุ่นบินขึ้นระยะสั้นลงจอดทางดิ่ง STOVL(Short Take-Off Vertical Landing) ครับ