วันพุธที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เครื่องบินขับไล่ F-35B สหรัฐฯลงจอดแบบระยะสั้นครั้งแรกบนเรือบรรทุกเครื่องบิน HMS Queen Elizabeth อังกฤษ

First F-35B SRVL recovery completed on HMS Queen Elizabeth


Frame from a merged photo sequence showing the first SRVL recovery on to HMS Queen Elizabeth.
https://www.janes.com/article/83792/first-f-35b-srvl-recovery-completed-on-hms-queen-elizabeth


เครื่องบินขับไล่ยุคที่5 Lockheed Martin F-35B Lightning II Joint Strike Fighter(JSF) สหรัฐฯได้ปฏิบัติการลงจอดแบบทางดิ่งใช้ทางวิ่งระยะสั้น(SRVL: Shipborne Rolling Vertical Landing) เป็นครั้งแรกบนเรือบรรทุกเครื่องบิน HMS Queen Elizabeth กองทัพเรือสหราชอาณาจักร(Royal Navy)
ระหว่างการบินทดสอบแรกของชั้น(FOCFT: First-of-Class Flying Trials) ทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ การลงจอดแบบ SRVL เป็นขั้นตอนสำคัญที่ได้ดำเนินการขึ้นในวันที่ 13 ตุลาคม 2018 โดย Peter 'Wizzer' Wilson นักบินทดสอบของบริษัท BAE Systems

ขณะที่การลงจอดทางดิ่ง(Vertical Landing) มีจุดประสงค์เพื่อเป็นรูปแบบการนำกลับมาลงจอดหลักของเครื่องบินขับไล่ F-35B ที่ปฏิบัติการบนเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Queen Elizabeth(QEC: Queen Elizabeth-class)
ขนาดและการจัดเรียงของดาดฟ้าบินเรือชั้น Queen Elizabeth ได้เปิดโอกาสความเป็นไปได้ที่จะใช้การลงจอดแบบ SRVL เป็นการดำเนินกลยุทธ์ทางเลือกในการนำกลับมาลงจอดบนเรือ

โดยการใช้ประโยชน์จากความสามารถของ F-35B ที่ใช้เครื่องยนต์แบบปรับทิศทางแรงขับได้(vectored thrust) เพื่อรักษาการจำกัดความเร็วการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าจนกว่าที่ฐานล้อเครื่องจะแตะดาดฟ้าบิน(touchdown)
การลงจอดแบบ SRVL มีความสำคัญที่ทำให้สามารถเพิ่ม 'การนำกลับมา' ของอาวุธและอุปกรณ์ที่บรรทุกกลับมาลงจอดเมื่อเปรียบเทียบกับการลงจอดทางดิ่ง เช่นเดียวกับการลดความสึกหรอของดาดฟ้าบิน และยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์

อย่างไรก็ตามเป็นที่ยอมรับว่าวิธีการลงจอดแบบ SRVL ได้แสดงถึงความเสี่ยงที่มีในตัวบางอย่าง ที่ทำให้ F-35B ต้องเข้าหาเรือบรรทุกเครื่องบินจากท้ายเรือด้วยความเร็วร่อนลงในแนวลาดชัด(glide slope) อย่างแม่นยำเพื่อลงจอด
ยังรวมถึงการที่เรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Queen Elizabeth ไม่มีอุปกรณ์หยุดอากาศยาน(arrestor) บนเรือ ทำให้เครื่องต้องใช้ระบบห้ามล้อของตนเองในการหยุดเครื่องเมื่ออยู่บนดาดฟ้าเรือ

นอกจากนี้การดำเนินการลงจอดแบบ SRVL จำเป็นต้องการความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ให้สัญญาณลงจอด(LSO: Landing Signal Officer) ที่มีตำแหน่งตั้งอยู่ในศูนย์ควบคุมการบิน(flying control office) ที่หอเรือส่วนหลังของเรือบรรทุกเครื่องบิน
เจ้าหน้าที่ LSO จะติดตามการเข้าหาของเครื่องสู่ดาดฟ้าของนักบินนาวีเพื่อตรวจสอบว่า แนวร่อนลงจอด, ความเร็ว, ความสูง และแนววิ่ง(line-up) ว่ายังคงอยู่ในค่าวัดระดับปกติ

เจ้าหน้าที่ LSO จะสื่อสารให้สัญญาณ 'wave-off' แก่นักบินหากเกิดเหตุการณ์ที่การบินเข้าหาเรือเพื่อลงจอดไม่ปลอดภัย เป็นการเตือนให้นักบินยกเลิกการลงจอดและบินวนออก 'go around' สำหรับการเข้าหาเรือเพื่อลงจอดครั้งที่สอง
ก่อนหน้าการลงจอดทางดิ่งด้วยการวิ่งในระยะสั้น SRVL เครื่องบินขับไล่ F-35B ที่ทำการบินโดยนักบินราชนาวีอังกฤษและกองทัพอากาศสหราชอาณาจักร(Royal Air Force) บนเรือครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2018(http://aagth1.blogspot.com/2018/09/f-35b-hms-queen-elizabeth.html)

ทั้งนี้หลังจากอุบัติเหตุตกของ F-35B STOVL(Short Take-Off and Vertical-Landing) รุ่นบินขึ้นระยะสั้งลงจอดทางดิ่งของนาวิกโยธินสหรัฐฯ(USMC: US Marine Corps) ทำให้มีการสั่งงดบินชั่วคราวเพื่อตรวจสอบเครื่อยนต์ไอพ่น Turbofan Pratt & Whitney F135 ที่ติดตั้งใน F-35 ทั้งสามรุ่นนั้น
ล่าสุดหลังที่ได้มีการตรวจสอบปัญหาท่อเชื้อเพลิงของ ย.F135 เครื่องบินขับไล่ F-35A, F-35B และ F-35C ทั้งของสหรัฐฯและลูกค้าต่างประเทศทั่วโลกมากกว่าร้อยละ80 ได้กลับมาสามารถทำการปฏิบัติการบินตามปกติแล้วครับ(http://aagth1.blogspot.com/2018/10/f-35.html)