Pratt & Whitney F135 turbofan
The worldwide fleet of Lockheed Martin F-35 Lightning II aircraft was grounded for inspections after a problem with the aircraft’s engine fuel tube was discovered, which is believed to be related to the first crash of the stealth fighter a few weeks ago.
https://www.flightglobal.com/news/articles/worldwide-f-35-fleet-grounded-temporarily-for-inspec-452617/
ฝูงบินของเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 Lockheed Martin F-35 Lightning II Joint Strike Fighter(JSF) สหรัฐฯและทุกประเทศทั่วโลกได้ถูกสั่งงดบินชั่วคราวเพื่อการตรวจสอบหลังจากที่พบปัญหาในท่อเชื้อเพลิงเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุตกครั้งแรกของเครื่องรุ่นนี้เมื่อไม่กี่วันก่อน
สำนักงานโครงการร่วม F-35(JPO: Joint Program Office) ร้องขอเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2018 ว่าเครื่องบินขับไล่ F-35A กองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force), เครื่องบินขับไล่ F-35C กองทัพเรือสหรัฐฯ(US Navy) และเครื่องบินขับไล่ F-35B นาวิกโยธินสหรัฐฯ(USMC: US Marine Corps)
ให้ทำการตรวจสอบเครื่องยนต์ไอพ่น Turbofan Pratt & Whitney F135 ก่อนจะทำการบินอีกครั้ง F-35 บางเครื่องได้พร้อมกลับมาบินอีกครั้ง เช่นเดียวกับที่โรงงานอากาศยานของบริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯที่ Fort Worth มลรัฐTexas และฐานทัพอากาศ Luke ขณะที่ที่อื่นกำลังดำเนินการทดสอบ
"ถ้าท่อเชื้อเพลิงต้องสงสัยได้รับการติดตั้งส่วนดังกล่าวจะถูกถอดออกแล้วเปลี่ยนใหม่ ถ้าทราบว่าท่อเชื้อเพลิงที่ดีได้ติดตั้งอยู่แล้วเครื่องดังกล่าวเหล่านั้นจะกลับสู่สถานะทำการบิน การตรวจสอบคาดว่าจะเสร็จสิ้นในอีก 24-48ชั่วโมงข้างหน้า" JPO กล่าวในการแถลง
Lockheed Martin สหรัฐฯได้ส่งมอบเครื่องบินขับไล่ F-35 มากกว่า 320เครื่องแก่กองทัพสหรัฐฯและลูกค้านานาชาติทั่วโลก ปัญหาท่อเชื้อเพลิงเครื่องบนต์ส่งผลต่อ F-35 ทั้งสามรุ่นที่ประกอบด้วย
F-35A CTOL(Conventional Takeoff and Landing) รุ่นขึ้นลงตามแบบ, F-35B STOVL(Short Take-Off and Vertical-Landing) รุ่นบินขึ้นระยะสั้งลงจอดทางดิ่ง และ F-35C CV(Carrier Variant) รุ่นประจำบนเรือบรรทุกเครื่องบิน
การตรวจสอบนี้ได้รับการแจ้งจากข้อมูลเบื้อต้นที่รวบรวมได้จากการสอบสวนของอุบัติเหตุเครื่องบินขับไล่ F-35B นาวิกโยธินสหรัฐฯตกใน Beaufort มลรัฐ South Carolina เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2018 โดยนักบินสามารถดีดตัวออกจากเครื่องได้อย่างปลอดภัย
ตามที่ JPO เสริม คณะกรรมการอุบัติเหตุอากาศยานได้กำลังเดินหน้าทำงานร่วมกับนาวิกโยธินสหรัฐฯเพื่อค้นหาสาเหตุของอุบัติเหตุ ที่นับเป็นการสูญเสียเครื่องบินขับไล่ F-35 ครั้งแรกจากที่ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุตกเลยในทุกรุ่นตั้งแต่เริ่มทำการบินตลอด 12ปี
บริษัท Pratt & Whitney สหรัฐฯผู้ผลิตเครื่องยนต์ไอพ่น F135 ไม่ได้ตอบสนองในทันทีต่อการขอความเห็น หุ้นส่วนผู้พัฒนานานาชาติและลูกค้าของ F-35 ได้รับแจ้งเรื่องดังกล่าวแล้วและบางส่วนได้เลือกที่จะงดบินเครื่องขณะที่กำลังตรวจสอบความสมบูรณ์ของชิ้นส่วน
ตัวอย่างเช่นกระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักรได้เขียนใน Twitter ของตนว่าได้งดบินเครื่องบินขับไล่ F-35B ในบางส่วนของกองทัพอากาศสหราชอาณาจักร(RAF: Royal Air Force) และกองทัพเรือสหราชอาณาจักร(Royal Navy) แล้ว
"เราได้หยุดทำการบิน F-35 บางส่วนตามมาตรการป้องกันขณะที่เราพิจารณาหาการตรวจสอบที่ดำเนินอยู่ การทดสอบบิน(จากเรือบรรทุกเครื่องบิน HMS Queen Elizabeth) ยังคงดำเนินอยู่และโครงการยังคงเป็นไปตามกำหนดการ"
กระทรวงกลาโหมอังกฤษกล่าว(http://aagth1.blogspot.com/2018/09/f-35b-hms-queen-elizabeth.html, http://aagth1.blogspot.com/2018/06/f-35b-marham.html)
ทางด้านกองทัพอากาศอิสราเอล(Israeli Air Force) ซึ่งเป็นผู้ใช้งานเครื่องบินขับไล่ F-35A 'Adir' ในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศจริงเป็นครั้งแรก(http://aagth1.blogspot.com/2018/05/f-35a.html) กล่าวว่ายังคงทำการทดสอบเครื่องอยู่
"ผู้บัญชาการกองทัพอากาศอิสราเอล พลอากาศตรี Amikam Norkin ตัดสินใจที่จะทำการเพิ่มความระมัดระวังและดำเนินการทดสอบเครื่องบินขับไล่ F-35I ทั้งหมด แม้ว่าเครื่องที่เกิดอุบัติเหตุจะไม่ใช่รุ่นเดียวกับที่ใช้งานโดยกองทัพอิสราเอลก็ตาม
และแม้ว่าจะไม่มีความผิดปกติที่พบในเครื่องบินของอิสราเอล การทดสอบจะใช้เวลาหลายวันและเมื่อเสร็จสิ้นเครื่องจะกลับมาพร้อมรบเต็มอัตรา ขณะเดียวกันถ้า F-35I มีความจำเป็นสำหรับการปฏิบัติการเครื่องก็พร้อมและถูกจัดเตรียมไว้แล้ว" กองทัพอากาศอิสราเอลกล่าวครับ