US Navy prepares to receive first Super Hornet Block 3 test aircraft
An F/A-18F sporting some Block 3 features, including the conformal fuel tanks. The US Navy is to receive its first Block 3 testbeds in the coming weeks. Source: Boeing
https://www.janes.com/article/93546/us-navy-prepares-to-receive-first-super-hornet-block-3-test-aircraft
CBO expects fighter/attack, rotorcraft platforms to make up bulk of future US Navy aircraft procurement
The CBO said in a new report that the USN could save about USD17 billion over the first 448 aircraft if it buys F-35Cs (pictured) to replace its Super Hornets instead of developing a new fighter. Source: US Navy
https://www.janes.com/article/93557/cbo-expects-fighter-attack-rotorcraft-platforms-to-make-up-bulk-of-future-us-navy-aircraft-procurement
กองทัพเรือสหรัฐฯ(USN: US Navy) จะได้รับมอบเครื่องบินทดสอบเครื่องแรกของเครื่องบินขับไล่ Boeing F/A-18E/F Super Hornet Block 3 รุ่นใหม่ในเร็วๆนี้(https://aagth1.blogspot.com/2019/03/boeing-fa-18ef-block-iii.html)
ตัวแทนจากบริษัท Boeing สหรัฐฯกล่าวกับ Jane's เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2020 ว่าเครื่องบินขับไล่ F/A-18E/F Super Hornet Block 3 เครื่องทดสอบเครื่องแรกจะถูกส่งมอบ "ตามกำหนด" ภายหลังในไตรมาสแรกของปี 2020
ในปี 2019 ณ โรงงานอากาศยาน St Louis ของ Boeing ในมลรัฐ Missouri สหรัฐฯ Jennifer Tebo ผู้อำนวยการการพัฒนาโครงการ F/A-18 กล่าวว่ากำหนดเวลานี้ได้ถูกเร่งให้เร็วขึ้นมาราว 12เดือน
เพื่อทำให้กองทัพเรือสหรัฐฯจะมีเครื่องบินทดสอบ 2เครื่องเพื่อเริ่มต้นการทดสอบความเหมาะสมกับเรือบรรทุกเครื่องบินของขีดความสามารถการคำนวณและการเป็นเครือข่ายขั้นก้าวหน้าของระบบเครื่องบินขับไล่ Super Hornet Block 3
โดนทีเครื่องแรกมีกำหนดจะส่งมอบในเวลาอันสั้น Tebo ย้ำว่า Boeing จะเริ่มต้นการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ F/A-18E/F Super Hornet Block 3 อย่างเต็มที่แก่กองทัพเรือสหรัฐฯระหว่างปลายปี 2020 และต้นปี 2021
เร็วๆนี้เจ้าหน้าที่โครงการอาวุโสได้ร่างเค้าโครงความสำคัญของในแง่สิ่งที่เป็น 'แนวทางการวิวัฒนาการ' ต่อระบบเครื่องบินขับไล่ Hornet ที่มีผลลัพธ์ออกมาในรุ่น Block 3 ล่าสุดที่สืบเนื่อจากเครื่องรุ่นดังเดิมของบริษัท McDonnell Douglas ที่เปิดตัวเข้าประจำการในฝูงบินในช่วงต้นปี 1980s
Boeing สหรัฐฯได้ประกาศในปี 2011 ว่าตนกำลังพัฒนาเส้นทางแผนปรับปรุงทางการบินกองทัพเรือสหรัฐฯ(USN Flight Plan) ที่จะดำเนินการคู่ขนานกับแผนงานระดับนานาชาติ(International Roadmap) สำหรับลูกค้าส่งออกปัจจุบันและอนาคต
ด้วยการปรับแต่งบางส่วน แผนการบิน/แผนงานนานาชาติได้กลายมาเป็นเครื่องบินขับไล่ Advanced Super Hornet ในปี 2013 และเครื่องบินขับไล่ Super Hornet Block 3 ในปี 2017
ในงบประมาณประจำปี 2018 ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ กองทัพเรือสหรัฐฯได้รับงบประมาณเต็มรูปแบบสำหรับโครงการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ F/A-18E/F Super Hornet Block 3
นี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงหลักที่สำคัญห้าประการ หรือข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงทางวิศวกรรม(ECP: Engineering Change Proposal) ต่างๆต่อตัวอากาศยาน
สำนักงานงบประมาณรัฐสภา Congress สหรัฐฯ(CBO: Congressional Budget Office) คาดว่าเครื่องบินขับไล่/โจมตี และอากาศยานปีกหมุน เช่น เฮลิคอปเตอร์ และอากาศยานใบพัดกระดก
จะสร้างวงเงินมากกว่าร้อยละ80 ของค่าใช้จ่ายโครงการจัดหาของกองทัพเรือสหรัฐฯตั้งแต่ปี 2020 ถึงปี 2050 ตามที่บทความข่าวรายงาน
บทความรายงาน 'ค่าใช้จ่ายของการทดแทนฝูงบินอากาศนาวีปัจจุบัน' ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2020 ค่าใช้จ่ายโครงการของกองทัพเรือสหรัฐฯรวมถึงนาวิกโยธินสหรัฐฯ(USMC: US Marine Corps) จะมีขึ้นเพื่อดำรงขนาดและองค์ประกอบของกำลังอากาศยานตนไปจนถึงปี 2050
รายงานกล่าวว่าแม้ว่ากองทัพเรือสหรัฐฯและนาวิกโยธินสหรัฐฯจะมีอากาศยานราว 60แบบประจำการ, อากาศยานสมรรถนะสูงจำนวนน้อย หรืออีกประการหนึ่งถือเป็นอากาศยานขั้นก้าวหน้าทางวิทยาการสำหรับความเหนือชั้นกว่าของราคาของอากาศยานใหม่ในการประมาณของ CBO
เครื่องบินขับไล่/โจมตี เช่น เครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35B Lightning II รุ่นบินขึ้นระยะสั้นลงทางดิ่ง STOVL(Short Take-Off and Vertical Landing) นาวิกโยธินสหรัฐฯ
เครื่องบินขับไล่ F-35C เครื่องบินขับไล่ F-35C รุ่นประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน CV(Carrier Variant) และเครื่องบินขับไล่ F/A-18E/F Super Hornet กองทัพเรือสหรัฐฯ เป็นหมวดหมู่อากาศยานที่สร้างค่าใช้จ่ายราคาแพงมากที่สุด
ค่าใช้จ่ายในการจัดหาเครื่องบินขับไล่/โจมตี คิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งราว $190 billion ของการประมาณค่าใช้จ่ายการจัดหาตั้งแต่ปี 2020 ถึงปี 2050 กองทัพเรือสหรัฐฯและนาวิกโยธินสหรัฐฯกำลังอยู่ในขั้นตอนการทดแทนเครื่องบินขับไล่/โจมตีของตนมากกว่าครึ่ง
เครื่องบินขับไล่ F/A-18A/B/C/D Hornet(https://aagth1.blogspot.com/2019/10/fa-18c-hornet.html) และเครื่องบินโจมตี McDonnell-Douglas AV-8B Harrier II+ ด้วยเครื่องบินขับไล่ F-35B และ F-35C ใหม่(https://aagth1.blogspot.com/2020/01/lockheed-martin-f-35.html)
เครื่องบินขับไล่/โจมตีอีกกลุ่มราว 500เครื่องคือเครื่องบินขับไล่ F/A-18E/F Super Hornet คาดว่าจะเข้าสู่การเริ่มหมดอายุการใช้งานช่วงต้นถึงกลางปี 2030s ตามการประมาณของ CBO กองทัพเรือสหรัฐฯจะพัฒนาเครื่องบินขับไล่ใหม่ที่ปัจจุบันกำหนดชื่อโครงการ FA-XX เพื่อทดแทน Super Hornet
สายการผลิตของเครื่องบินขับไล่ FA-XX ดังกล่าวจะเริ่มต้นในปี 2032 และมีวงเงิน $67 billion สำหรับเครื่องบินชุดแรกจำนวน 448เครื่องที่จะจัดซื้อถึงปี 2050 ค่าใช้จ่ายดังกล่าวนั้นแสดงให้เห็นถึงอากาศยานที่มีการเพิ่มพูนขีดความสามารถอย่างมากมายมหาศาลที่เหนือกว่าเครื่องบินขับไล่ F-35C
อีกทางหนึ่ง กองทัพเรือสหรัฐฯจะจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35C ทดแทน Super Hornet ที่ปลดประจำการ การจัดซื้อ F-35C เพิ่มเติม 448เครื่องจะมีวงเงินราว $50 billion(https://aagth1.blogspot.com/2020/01/lockheed-martin-f-35-134-2019.html)
CBO กล่าวว่ากองทัพเรือสหรัฐฯยังควรที่จะหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย, พัฒนา, ทดสอบ และประเมินค่า(RDT&E: Research, Development, Test, and Evaluation) ถ้าตนจะจัดซื้อ F-35C เพิ่มมากกว่าที่จะออกแบบเครื่องบินขับไล่ใหม่ครับ