วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

อังกฤษเปิดตัวเรือฟริเกตชั้น Type 31 ลำแรก F12 HMS Venturer

First UK Royal Navy Type 31 frigate rolls out







The first Type 31 frigate on order for the UK Royal Navy, Venturer, is rolled out at Babcock's facilities in Rosyth on 27 May 2025. (Babcock)



เรือฟริเกตชั้น Type 31 Inspiration ใหม่ลำแรกของกองทัพเรือสหราชอาณาจักร(RN: Royal Navy) ในอนาคต เรือฟริเกต F12 HMS Venturer ได้ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
จากโรงประกอบสร้างของอู่เรือบริษัท Babcock สหราชอาณาจักรใน Rosyth แคว้น Scotland เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2025 ที่ผ่านมา(https://aagth1.blogspot.com/2022/04/type-31-hms-venturer.html)

เหตุการณ์สำคัญที่ได้รับการประกาศโดยบริษัท Babcock เป็นเครื่องหมายถึงการเปลี่ยนผ่านของเรือฟริเกต HMS Venturer จากขั้นระยะการสร้างสู่การเตรียมการขั้รสุดท้ายสำหรับการนำเรือลงสู่น้ำซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ที่จะถึงข้างหน้า
ระหว่างการเปิดตัว เรือฟริเกต HMS Venturer เรือฟริเกตชั้น Type 31 ระวางขับน้ำ 5,700tonne และความยาวตัวเรือ 139m ถูกเคลื่อนย้ายออกนอกโรงประกอบสร้าง Rosyth โดยใช้เครื่องขนส่งอัตตาจรแบบ modular

เข้าสู่ hardstand ที่อยู่ใกล้เคียงกันเพื่อการเตรียมการสำหรับการนำลงลอยลำในแม่น้ำ Forth หลังจากเรือฟริเกต HMS Venturer เสร็จสิ้นการลอยเรือในน้ำเรือจะกลับสู่อู่เรือ Rosyth
เพื่อที่จะเข้าสู่การได้รับการติดตั้งสิ่งอุปกรณ์และการบูรณาการระบบต่างๆอย่างเข้มงวดในอู่แห้งหมายเลข 3 ก่อนเข้าสู่การดำเนินการทดลองเรือในทะเลและเข้าสู่การขึ้นระวางประจำการในกองทัพเรือสหราชอาณาจักร

บริษัท Babcock เป็นผู้นำกลุ่มกิจการค้าร่วม(consortium) 'Team 31' ที่กำลังส่งมอบเรือฟริเกตอเนกประสงค์ชั้น Type 31 Inspiration จำนวน 5ลำสำหรับกองทัพเรือสหราชอาณาจักร(https://aagth1.blogspot.com/2021/09/type-31-hms-venturer.html)
ภายใต้สัญญามูลค่าวงเงิน 1.25 billion British Pound($1.58 billion) ที่ได้รับการประกาศในเดือนพฤศจิกายน 2019(https://aagth1.blogspot.com/2019/09/babcock-type-31.html)

เรือฟริเกตชั้น Type 31 มีพื้นฐานจากแบบเรือ Arrowhead 140 ที่เป็นวิวัฒนาการของเรือฟริเกตชั้น Iver Huitfeldt กองทัพเรือเดนมาร์ก(RDN: Royal Danish Navy, Søværnet)
ซึ่งออกแบบโดยบริษัท Odense Maritime Technology(OMT) เดนมาร์ก และถูกปรับแต่งเพื่อความต้องการของสหราชอาณาจักรโดยบริษัท Babcock และบริษัท BMT สหราชอาณาจักร

เรือฟริเกตชั้น Type 31 มีวัตถุประสงค์ที่จะทดแทนเรือฟริเกตอเนกประสงค์ชั้น Type 23 จำนวน 5ลำ และจะถูกใช้ใช้สำหรับการปฏิบัติวางกำลังส่วนหน้ารักษาความปลอดภัยทางทะเล, การแสดงกำลัง, และการมีส่วนร่วมทางกลาโหมต่างๆ
เรือฟริเกต HMS Venturer เป็นเรือลำแรกจาก 5ลำของเรือฟริเกตชั้น Type 31 ที่ได้รับการตั้งชื่อว่าเรือฟริเกต F08 HMS Active, เรือฟริเกต F09 HMS Bulldog, เรือฟริเกต F10 HMS Campbeltown และเรือฟริเกต F11 HMS Formidable

เรือฟริเกต HMS Venturer ถูกตั้งชื่อตามเรือดำน้ำชั้น V สมัยสงครามโลกครั้งที่สองเรือดำน้ำ P68 HMS Venturer ซึ่งสามารถจมเรือดำน้ำเยอรมนี U-Boat ได้สองลำขณะเรือกำลังดำอยู่ใต้น้ำทั้งคู่
เรือฟริเกต HMS Venturer มีแผนที่จะถูกขึ้นระวางประจำการในกองทัพเรือสหราชอาณาจักรภายในปี 2027 โดยเรือฟริเกตชั้น Type 31 ทั้ง 5ลำจะมีกำหนดถูกส่งมอบได้ภายในสิ้นปี 2028 ครับ

วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

Hanwha Ocean เกาหลีใต้เสนอเรือฟริเกต Frigate 4000 สำหรับกองทัพเรือไทย

MADEX 2025: Hanwha positions Frigate 4000 for Thai navy requirements





A model of Hanwha Ocean's Frigate 4000 on display at MADEX 2025. (Hanwha Ocean, Janes/Ridzwan Rahmat)



บริษัท Hanwha Ocean สาธารณรัฐเกาหลีผู้สร้างเรือได้นำเสนอแบบเรือฟริเกต Frigate 4000 ใหม่ในฐานะผลิตภัณฑ์เรือรบที่ได้การปรับแต่งเพื่อต่อต้านระบบไร้คนขับ(counter-drone)
และกำลังวางตำแหน่งแบบเรือของตนในการรองรับความต้องการที่กำลังจะมีขึ้นของกองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy) สำหรับโครงการเรือฟริเกตสมรรถนะสูงใหม่

กองทัพเรือไทยมีเรือฟริเกตชุดเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช(แบบเรือฟริเกต DW3000) ๑ลำที่ขึ้นระวางประจำการตั้งแต่วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๒(2019)(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/rtaf2025.html
ซึ่งมีพื้นฐานพัฒนาจากเรือฟริเกตชั้น Incheon(FFX-1) Batch I ที่ประจำการในกองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี(RoKN: Republic of Korea Navy)(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/ffx-batch-iv.html)

เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดชถูกทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำโดยบริษัท Daewoo Shipbuilding and Marine Engineering(DSME) สาธารณรัฐเกาหลีเดิมก่อนมาเป็นบริษัท Hanwha Ocean(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/hanwha-ocean-hyundai-hd-hhi.html)
เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๐(2017) และมีพิธีส่งมอบเรือให้แก่กองทัพเรือไทยในเดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๑(2018) ณ อู่เรือของบริษัทใน Geoje สาธารณรัฐเกาหลี(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/hanwha-ocean.html)

การพูดคุยกับ Janes ณ นิทรรศการทางเรือนานาชาติ MADEX 2025 ที่ศูนย์จัดแสดง BEXCO Exhibition Center ในมหานคร Busan สาธารณรัฐเกาหลี ระหว่างวันที่ ๒๘-๓๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๘ 
ตัวแทนทีมการทั่วโลกเรือกองทัพทีม1(Naval Ship Global Marketing Team 1) ของบริษัท Hanwha Ocean อธิบายว่าเรือฟริเกต Frigate 4000 เป็นแบบเรือที่มีความก้าวหน้ามากขึ้นของเรือฟริเกตชุดเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช

เรือฟริเกต Frigate 4000 มีระวางขับน้ำเต็มที่ที่ประมาณ 4,000tonnes และมีความยาวเรือรวมที่ 124m, ความกว้างเรือที่ 14.4m และตัวเรือกินน้ำลึกที่ 4.3m นี่ทำให้เรือมีขนาดใหญ่กว่า ร.ล.ภูมิพลอดุลยเดชซึ่งมีระวางขับน้ำเต็มที่ที่ประมาณ 3,700tonnes และมีความยาวเรือรวมที่ 123m เล็กน้อย
ติดตั้งระบบขับเคลื่อนเครื่องยนต์ดีเซลในรูปแบบ CODAD(Combined Diesel-and-Diesel) เรือฟริเกต Frigate 4000 จะมีความเร็วสูงสุดที่ 27knots ขณะที่ ร.ล.ภูมิพลอดุลยเดช ใช้ระบบขับเคลื่อนเครื่องยนต์ดีเซลและ gas turbine รูปแบบ CODAG(Combine Diesel and Gas turbine) ทำความเร็วสูงสุดที่ 30knots

ที่แตกต่างจากแบบเรือฟริเกต DW3000 ที่เก่ากว่าคือระบบอาวุธต่างๆของเรือฟริเกต Frigate 4000 ซึ่งได้รับการออกแบบเพื่อรับมือต่อภูมิทัศน์ภัยคุกคามที่มีวิวัฒนาการขึ้น Kim ตัวแทน Hanwha Ocean สาธารณรัฐเกาหลีกล่าว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรือฟริเกต Frigate 4000 ได้ถูกออกแบบสำหรับระบบอาวุธพลังงานตรง(DEW: Directed Energy Weapon) ที่ถูกติดตั้งในส่วนหน้าของเรือ นี่จะป้องกันเรือรบต่อต้านภัยคุกคามต่างๆ เช่น อากาศยานไร้คนขับ(UAV: Unmanned Aerial Vehicle) ข้าศึกได้

ระบบอาวุธพลังงานตรง DEW นี้ถูกติดตั้งด้านหลังแท่นยิงแนวดิ่ง(VLS: Vertical Launching System) จำนวน ๑๖ท่อยิง ซึ่งสามารถบรรจุอาวุธผสมได้ทั้งอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านอากาศยานและอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ
เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดชติดตั้งด้วยแท่นยิงแนวดิ่ง Mk 41 VLS จำนวน ๘ท่อยิงซึ่งรองรับการติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ RIM-162 ESSM(Evolved Sea Sparrow Missile) ในชุดบรรจุแบบ Mk25 Quad-Pack Canister สี่นัดได้ถึง ๓๒นัด(https://aagth1.blogspot.com/2024/07/essm.html)

ความเห็นวิเคราะห์
กองทัพเรือไทยมีความต้องการเรือฟริเกตสมรรถนะสูงใหม่จำนวน ๔ลำเพื่อทดแทนเรือรบเก่าที่กำลังจะทยอยปลดประจำการลงในอนาคตทั้งเรือฟริเกตชุดเรือหลวงตาปี ๒ลำ เรือคอร์เวตชุดเรือหลวงรัตนโกสินทร์ ๒ลำ รวมถึงเรือฟริเกตชุดเรือหลวงเจ้าพระยา ๔ลำในอนาคต
กองทัพเรือไทยได้ร้องขอการอนุมัติงบประมาณกลาโหมจากคณะรัฐมนตรีไทยและรัฐสภาไทยสำหรับโครงการจัดหาเรือฟริเกตสมรรถนะสูงใหม่ ระยะที่๑ จำนวน ๑ลำแรก วงเงิน ๑๗,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($533,617,930) งบประมาณผูกพันปี พ.ศ.๒๕๖๙-๒๕๗๕(2026-2032) ในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๙(2026)

ความต้องการหลักสำคัญของโครงการจัดหาเรือฟริเกตสมรรถนะสูงใหม่ของกองทัพเรือไทยคือการต่อเรือภายในไทยผ่านการถ่ายทอดวิทยาการแก่ภาคอุตสาหกรรมต่อเรือของไทย รวมถึงขีดความสามารถที่จะเป็น "ตัวเปลี่ยน game" (Game Changer) สามด้านคือ
ด้านขีดความสามารถการรบที่รวมถึงอาวุธความเร็วเหนือเสียง Supersonic, ด้านการพัฒนาขีดความสามารถอุตสาหกรรมทางเรือและการป้องกันประเทศ, และด้านความยั่งยืน(Sustainability) ทั้งการซ่อมบำรุงและการใช้เครือข่ายทางยุทวิธี(TDL: Tactical Data Link) และระบบอำนวยการรบ(CMS: Combat Management System) ประจำชาติของตนเอง

ท่ามกลางบริษัทต่างๆที่นำเสนอแบบเรือฟริเกตตามความต้องการของกองทัพเรือไทย เรือฟริเกตชุดเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดชถูกวิจารณ์ว่าควรจะถูกเลือกให้ต่อลำที่สองในไทยมากกว่าที่จะเลือกสร้างแบบเรือฟริเกตใหม่ ซึ่งการเสนอเรือฟริเกต Frigate 4000 ของ Hanwha Ocean ตรงความต้องการนี้ อย่างไรก็ตามประกาศใน Website จัดซื้อจัดจ้างของกองทัพเรือไทย(https://www.navy.mi.th/procurement-plan/7558/0
กรมอู่ทหารเรือ อร.(Royal Thai Naval Dockyard) จะจัดซื้อเครื่องจักรใหญ่ดีเซล MTU 16 V 1163 M94 จำนวน ๑เครื่อง วงเงิน ๒๔๐,๗๕๐,๐๐๐บาท($7,371,404) โดยวิธีเฉพาะเจาะจง สำหรับเรือฟริเกตเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๘ ทำให้มีการวิจารณ์ในสื่อต่างๆของไทยว่าเรือมีข้อบกพร่องต่างๆที่ทำให้กองทัพเรือไทยอาจจะไม่พิจารณาแบบเรือจาก Hanwha Ocean ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

อินเดียอนุมัติรูปแบบทางอุตสาหกรรมใหม่สำหรับโครงการเครื่องบินขับไล่ยุคที่ห้า AMCA

India approves industry model for AMCA fighter programme




India displayed a full-scale model of its AMCA at Aero India 2025 in February. (Indian Ministry of Defence/Kuntal Biswas)



กระทรวงกลาโหมอินเดียได้อนุมัติรูปแบบความเป็นหุ้นส่วนทางอุตสาหกรรมใหม่ที่ทำให้ภาคส่วนบริษัทเอกชนและภาคส่วนรัฐต่างๆสามารถที่จะยื่นเสนอเข้าแข่งขันที่จะมีส่วนร่วมในโครงการเครื่องบินขับไล่ยุคที่ห้า
ที่รู้จักในชื่อโครงการเครื่องบินรบขนาดกลางขั้นก้าวหน้า(AMCA: Advanced Medium Combat Aircraft) ของอินเดียได้(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/amca.html)

แหล่งข่าวในภาคอุตสาหกรรมกล่าวกับ Janes ว่า "การเข้าถึงใหม่" นี้มีความหมายว่า Hindustan Aeronautics Limited(HAL) รัฐวิสาหกิจผู้ผลิตอากาศยานของอินเดีย(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/hal-tejas-mk-1a-2025.html)
จะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเป็นหุ้นส่วนการผลิตปริยายสำหรับเครื่องบินขับไล่ยุคที่ห้า AMCA "HAL จะต้องมีการยื่นเข้าการแข่งขันแบบเปิดสำหรับการพิจารณาเพื่อเข้าร่วมโครงการเหมือนกับบริษัทอื่นๆ" แหล่งข่าวกล่าว

กระทรวงกลาโหมอินเดียกล่าวเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2025 ว่าการเข้าถึง ซึ่งเป็นการอ้างอิงในฐานะว่าเป็นรูปแบบการดำเนินการปฏิบัติโครงการ(Programme Execution Model) เครื่องบินขับไล่ยุคที่ห้า AMCA
จะทำให้สำนักงานพัฒนาทางการบิน(ADA: Aeronautical Development Agency) หน่วยงานภายใต้องค์การวิจัยและพัฒนากลาโหมอินเดีย(DRDO: Defence Research and Development Organisation) ของรัฐบาลอินเดีย

สามารถที่จะดำเนินการปฏิบัติโครงการเครื่องบินขับไล่ยุคที่ห้า AMCA โดยการมอบ "โอกาสที่เท่าเทียมกันแก่ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐต่างๆบนพื้นฐานของการแข่งขัน" กระทรวงกลาโหมอินเดียกล่าวว่า
หน่วยงานต่างๆและผู้เข้าแข่งขันต่างๆทั้งหมดของเครื่องบินขับไล่ยุคที่ห้า AMCA ควรต้องเป็นบริษัทต่างๆของอินเดียที่ "ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่างๆของประเทศ"

กระทรวงกลาโหมอินเดียเสริมว่า "พวกเขาสามารถแข่งขันได้ทั้งเป็นอิสระจากกันหรือในฐานะกิจการร่วมค้า(JV: Joint Venture) หรือในฐานะกิจการค้าร่วม(consortia)...(การเข้าถึง)เป็นก้าวย่างที่สำคัญที่จะนำความเชี่ยวชาญ, ขีดความสามารถ, และศักยภาพภายในประเทศ
มาใช้ประโยชน์เพื่อที่จะพัฒนาต้นแบบของเครื่องบินขับไล่ AMCA" ตามข้อมูลจากแหล่งข่าว รูปแบบมุ่งเป้าที่การเพิ่มขยายศักยภาพด้านอุตสาหกรรมต่างๆของภาคเอกชนที่มีอยู่ในอินเดียเพื่อสนับสนุนการพัฒนาและการผลิตเครื่องบิน

"ศักยภาพด้านอุตสาหกรรมของภาคเอกชนอินเดียส่วนใหญ่ได้ถูกนำมาใช้เพื่อผลิตอุปกรณ์ขนาดเล็ก, ชิ้นส่วนประกอบต่างๆ และการประกอบขนาดย่อยต่างๆสำหรับบริษัทต่างๆของต่างประเทศ 
ด้วยรูปแบบใหม่รัฐบาลอินเดียต้องการใช้ประโยชน์จากทักษะที่มีอยู่ของภาคเอกชนสำหรับโครงการ AMCA ขณะที่ขยายขนาดศักยภาพของบริษัทต่างๆที่ถูกเลือกเพื่อรองรับการผลิตและการประกอบ" แหล่งข่าวกล่าวครับ

วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

Turkish Aerospace ตุรกีกล่าวการขายเครื่องบินขับไล่ Kaan ทั่วโลกขึ้นอยู่กับการจัดหาในประเทศ

LIMA 2025: Turkish Aerospace says global sales of Kaan dependent on domestic acquisition





Türkiye flew its Kaan combat aircraft for the first time in February 2024. This is a representative model of the aircraft. (Turkish Aerospace)



ขณะที่เครื่องบินขับไล่ยุคที่ห้า Kaan โครงการเครื่องบินขับไล่แห่งชาติ(National Combat Aircraft, MMU: Milli Muharip Uçak) ของบริษัท Turkish Aerospace(TA) ตุรกีได้ดึงดูดความสนใจจากหลายประเทศ รวมถึงบางประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
เครื่องบินขับไล่ Kaan อาจจะไม่บรรลุผลการขายทั่วโลกที่เป็นรูปธรรมมากนักจนกว่าที่เครื่องจะเข้าประจำการในกองทัพอากาศตุรกี(Turkish Air Force, THK: Türk Hava Kuvvetleri)

Mehmet Demiroğlu ผู้อำนวยการบริหารและประธานของบริษัท Turkish Aerospace กล่าวกับ Janes ในการพูดคุย ณ นิทรรศการทางเรือและการบินนานาชาติ Langkawi International Maritime and Aerospace 2025(LIMA 2025) ในมาเลเซียเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2025
Demiroğlu กล่าวว่าหลายประเทศในเอเชีย-แปซิฟิกได้แสดงความสนใจในเครื่องบินขับไล่ Kaan แม้ว่าเครื่องบินกำลังอยู่ในการพัฒนาก็ตาม(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/kaan.html)

อย่างไรก็ตามโดยที่เครื่องบินขับไล่ Kaan กำลังได้รับการพัฒนาในตุรกี การจัดซื้อจัดจ้างของกองทัพอากาศตุรกีเป็น "เหตุการณ์ก้าวย่างหลัก" ที่สำคัญเพื่อส่งสัญญาณต่อประเทศอื่นๆว่าระบบมีความสมบูรณ์สำหรับการเข้าประจำการใช้งาน 
Demiroğlu เสริม "เป้าหมายของเราคือพยายามที่จะมอบแก่กองทัพอากาศตุรกีด้วยเครื่องบินขับไล่ Kaan ชุดแรกภายในปี 2028" เขาเสริม(https://aagth1.blogspot.com/2023/08/kaan.html)

โครงการเครื่องบินขับไล่แห่งชาติ Kaan เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่หลากหลายของตุรกีที่จะบรรลุผลการพึ่งพาตนเองในอำนาจการรบทางอากาศเครื่องบินขับไล่ยุคที่ห้าขณะที่เพิ่มการกระจายความเป็นหุ้นส่วนนานาชาติต่างๆ
ในการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ Kaan ตุรกีได้สร้างความพยายามที่จะมีส่วนร่วมกับบางประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในโครงการ(https://aagth1.blogspot.com/2022/11/tf-x-2023.html)

ในปี 2024 ประธานสำนักงานอุตสาหกรรมกลาโหมตุรกี(Secretariat of Defence Industries, SSB: Savunma Sanayii Başkanlığı) Haluk Görgün กล่าวกับสำนักข่าว Bernama ของรัฐบาลมาเลเซียว่า
ตุรกีกำลัง "เปิด" ความร่วมมือการทำงานร่วมกันกับมาเลเซียเกี่ยวกับโครงการเครื่องบินขับไล่แห่งชาติ Kaan MMU(https://aagth1.blogspot.com/2022/02/tf-x.html, https://aagth1.blogspot.com/2022/01/tf-xmmu.html)

สองปีก่อนหน้าคือปี 2022 บริษัท Turkish Aerospace ตุรกียังได้เสนอสถานะความเป็นหุ้นส่วนแก่มาเลเซียในระบบเดียวกันที่ขณะนั้นรู้จักในชื่อโครงการเครื่องบินขับไล่แห่งชาติ TF-X(Turkish Fighter Experimental)
ปากีสถานได้แสดงความสนใจเข้าร่วมการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ Kaan ภายใต้โครงการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ยุคที่ห้าสำหรับกองทัพอากาศปากีสถาน(PAF: Pakistan Air Force) ด้วย(https://aagth1.blogspot.com/2022/02/5-tf-x.html)

เครื่องบินขับไล่ Kaan เครื่องต้นแบบเครื่องแรกได้ทำการบินครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 คุณลักษณะมีความยาวที่ 21m มีปีกกว้างที่ 14m และมีความสูงที่ 6m ติดตั้งเครื่องยนต์ไอพ่น Turbofan สองเครื่องที่ให้กำลังขับเครื่องละ 27,000lbs
ขณะที่เครื่องต้นแบบได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์ไอพ่น Turbofan แบบ General Electric F110 สหรัฐฯ เครื่องในสายการผลิตจะติดตั้งเครื่องยนต์ไอพ่น Turbofan แบบ TF35000 ที่พัฒนาในประเทศโดยบริษัท TEI ตุรกีครับ 

วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

ญี่ปุ่นทำพิธีขึ้นระวางประจำการเรือฟริเกตชั้น Mogami ลำที่เจ็ด FFM-7 Niyodo

Japan receives first VLS-ready Mogami-class frigate







Japan's seventh Mogami-class frigate, Niyodo , was delivered to the JMSDF on 21 May 2025. (Mitsubishi Heavy Industries)



บริษัท Mitsubishi Heavy Industries(MHI) ญี่ปุ่นผู้สร้างเรือได้ส่งมอบเรือฟริเกตชั้น Mogami ลำที่เจ็ด เรือฟริเกต FFM-7 JS Niyodo ที่ได้รับการสั่งจัดหาสำหรับกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น(JMSDF: Japan Maritime Self-Defense Force)
แถลงการณ์ที่เผยแพร่โดยบริษัท MHI ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2025 ระบุว่า เรือฟริเกต FFM-7 JS Niyodo ได้ถูกส่งมอบขึ้นระวางประจำการในวันเดียวกัน ณ อู่เรือของบริษัท MHI ใน Nagasaki

เรือฟริเกต FFM-7 Niyodo เป็นหนึ่งในเรือฟริเกตชั้น Mogami จำนวน 12ลำที่ได้รับการวางแผนสำหรับกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น เรือฟริเกตชั้น Mogami ลำแรก เรือฟริเกต FFM-1 JS Mogami ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนมีนาคม 2021(https://aagth1.blogspot.com/2021/03/ffm-1-mogami.html) และขึ้นระวางประจำการในเดือนเมษายน 2022
เรือลำที่สองของชั้นเรือฟริเกต FFM-2 JS Kumano ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนพฤศจิกายน 2020(https://aagth1.blogspot.com/2020/11/ffm-2-kumano.html) และขึ้นระวางประจำการในเดือนมีนาคม 2022(https://aagth1.blogspot.com/2022/03/mogami-ffm-2-kumano.html) ก่อนหน้าเรือลำแรกของชั้น 

เรือลำที่สามเรือฟริเกต FFM-3 JS Noshiro ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนมิถุนายน 2021(https://aagth1.blogspot.com/2021/06/mogami-ffm-3-noshiro.html) และขึ้นระวางประจำการในเดือนธันวาคม 2022 เรือลำที่สี่เรือฟริเกต FFM-4 JS Mikuma ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนธันวาคม 2021(https://aagth1.blogspot.com/2021/12/mogami-ffm-4-mikuma.html) และขึ้นระวางประจำการในเดือนมีนาคม 2023
เรือลำที่ห้าเรือฟริเกต FFM-5 JS Yahagi ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนมิถุนายน 2022(https://aagth1.blogspot.com/2022/06/mogami-ffm-5-yahagi.html) และขึ้นระวางประจำการในเดือนพฤษภาคม 2024 เรือลำที่หกเรือฟริเกต FFM-6 JS Agano ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนธันวาคม 2022(https://aagth1.blogspot.com/2022/12/mogami-ffm-6-agano.html) และขึ้นระวางประจำการในเดือนมิถุนายน 2024 

เรือลำที่เจ็ดเรือฟริเกต FFM-7 JS Niyodo ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนกันยายน 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/09/mogami-ffm-7-niyodo.html) และขึ้นระวางประจำการเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2025 โดยเดินทางมาวางกำลัง ณ ฐานทัพเรือ Kure เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2025
ขณะที่เรือลำที่แปดเรือฟริเกต FFM-8 JS Yubetsu ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนพฤศจิกายน 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/11/mogami-ffm-8-yubetsu.html) และเรือลำที่เก้า เรือฟริเกต FFM-9 JS Natori ถูกปล่อยลงน้ำในในเดือนมิถุนายน 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/06/mogami-ffm-9-natori.html)

เรือฟริเกต JS Niyodo เป็นเรือฟริเกตชั้น Mogami ลำแรกที่ถูกส่งมอบพร้อมแท่นยิงแนวดิ่ง (VLS: Vertical Launching System) แบบ Lockheed Martin Mk 41 VLS เรือฟริเกตชั้น Mogami ที่ขึ้นระวางประจำการก่อนหน้ามีพื้นฐานเตรียมการไว้แต่ยังไม่ได้ติด(FFBNW: fitted-for-but-not-with) สำหรับระบบอาวุธแท่นยิงแนวดิ่ง VLS นี้
แท่นยิงแนวดิ่ง VLS จำนวน 16ท่อยิง ซึ่งแต่ละท่อยิงจะมีคุณลักษณะเบื้องต้นติดตั้งบรรจุจรวดปราบเรือดำน้ำยิงแนวดิ่ง VL-ASROC(Vertical-Launch Anti-Submarine Rocket) แบบ Type 07 โฆษกกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นยืนยันกับ Janes ในเดือนมีนาคม 2025

เรือฟริเกตชั้น Mogami มีระวางขับน้ำเต็มที่ที่ราว 5,500tonnes และมีความยาวเรือรวมที่ 132m และมีความกว้างเรือรวมที่ 16m ติดตั้งระบบขับเคลื่อนรูปแบบ CODAG(Combined Diesel and Gas)
ประกอบด้วยเครื่องยนต์ดีเซล MAN 12V28/33D STC สองเครื่องและเครื่องยนต์ gas-turbine แบบ Rolls-Royce MT30 หนึ่งเครื่อง สามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 30knots และมีกำลังพลประจำเรือที่ 90นาย

สำหรับระบบอาวุธต่างๆ เรือฟริเกตชั้น Mogami ติดตั้งด้วยปืนเรือ BAE Systems Mk45 mod4 ขนาด 127mm ในตำแหน่งปืนหลัก, และแท่นยิง 4ท่อยิงสองแท่นสำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ Type 17 รวม 8นัด
เรือฟริเกตชั้น Mogami ยังติดตั้งด้วยระบบป้องกันระยะประชิด(CIWS: Close-in Weapon System) แบบ Raytheon SeaRAM แท่นยิง 11ท่อยิงที่สามารถยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ RIM-116C Rolling Airframe Missile(RAM) ได้ครับ

วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

ฟินแลนด์ทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำเรือคอร์เวตชั้น Pohjanmaa ลำแรก

Rauma shipyard launches first Pohjanmaa corvette for Finland







The first Pohjanmaa-class corvette is lowered into the water using a submersible barge. (Rauma Marine Constructions)



โครงการ Squadron 2020 ของกองทัพเรือฟินแลนด์(Finnish Navy, Merivoimat) ได้บรรลุผลอีกเหตุการณ์สำคัญด้วยการปล่อยเรือลงน้ำของเรือคอร์เวตชั้น Pohjanmaa ลำแรก
พิธีปล่อยเรือลงน้ำอย่างเป็นทางการสำหรับเรือคอร์เวตชั้น Pohjanmaa ลำแรกจาก 4ลำในโครงการถูกจัดขึ้น ณ อู่เรือของบริษัท Rauma Marine Constructions(RMC) ฟินแลนด์เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2025 บริษัท RMC ยืนยันในวันเดียวกัน

พิธีปล่อยเรือลงน้ำมีขึ้นตามการปล่อยเรือลงน้ำทางเทคนิคในต้นเดือนพฤษภาคม 2025 ซึ่งระหว่างที่เรือถูกเคลื่อนย้ายจากโรงประกอบเรือไปยังแท่นลอยปล่อยเรือลงน้ำ(launching barge) 
ผ่านลาดเลื่อนขนส่งหนัก(heavy transport ramp) และจากนั้นยกลงน้ำสู่ท่าเรือ ตามการปล่อยเรือลงน้ำเรือได้ถูกลากจูงไปยังอู่แห้งของอู่เรือ RMC สำหรับงานเพิ่มเติมรวมถึงการติดตั้งเสาเรือ

RMC ฟินแลนด์กำลังส่งมอบเรือคอร์เวตอเนกประสงค์ชั้น Pohjanmaa จำนวน 4ลำสำหรับกองทัพเรือฟินแลนด์ภายใต้สัญญาการออกแบบและสร้างวงเงิน 647.6 million Euros($687.8 million) ที่ประกาศในปี 2019
ภายใต้แผนปัจจุบัน เรือคอร์เวตชั้น Pohjanmaa ลำแรกจะมีการทดลองเรือในทะเลในปี 2026 และเรือจะถูกส่งมอบและขึ้นระวางประจำการในปี 2027(https://aagth1.blogspot.com/2024/04/pohjanmaa.html)

เรือคอร์เวตชั้น Pohjanmaa ทั้ง 4ลำมีแผนที่จะส่งมอบและขึ้นระวางประจำการครบในราวปี 2029 บริษัท RMC กล่าวว่าขณะนี้โครงการ Squadron 2020 กำลังมีความคืบหน้าเป็นไปตามกำหนดการ
และความเร็วในการสร้างเรือจะถูกเร่งความเร็วขึ้นตามที่งานเกี่ยวกับเรือคอร์เวตชั้น Pohjanmaa ลำถัดไปตามมามีความคืบหน้า(https://aagth1.blogspot.com/2023/11/pohjanmaa.html

เรือคอร์เวตชั้น Pohjanmaa ลำที่สองได้เริ่มต้นการสร้างในเดือนตุลาคม 2024 และถูกทำพิธีวางกระดูกงูเรือเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2025 เรือคอร์เวตชั้น Pohjanmaa ลำที่สามมีแผนที่จะเริ่มต้นการสร้างภายหลังในปี 2025 นี้
ถูกออกแบบเพื่อดำเนินภารกิจหลากหลายรูปแบบรวมถึง สงครามต่อต้านผิวสงครามผิวน้ำ(ASuW: Anti-Surface Warfare), สงครามปราบเรือดำน้ำ(ASW: Anti-Submarine Warfare) และสงครามต่อต้านทางอากาศ(AAW: Anti-Air Warfare) เช่นเดียวกับการวางทุ่นระเบิด

เรือคอร์เวตชั้น Pohjanmaa จะทดแทนเรือวางทุ่นระเบิดชั้น Hämeenmaa สองลำคือ FNS Hämeenmaa(02) และ FNS Uusimaa(05) และเรือเร็วโจมตีชั้น Rauma สี่ลำคือ FNS Rauma(70), FNS Raahe(71), FNS Porvoo(72) และ FNS Naantali(73)
ซึ่งมีกำหนดจะปลดประจำการจากกองทัพเรือฟินแลนด์ในกลางปี 2020 เช่นเดียวกับเรือวางทุ่นระเบิด FNS Pohjanmaa(01) ที่ปลดประจำการไปก่อนแล้วในปี 2013(https://aagth1.blogspot.com/2019/09/squadron-2020-pohjanmaa.html)

เรือคอร์เวตชั้น Pohjanmaa ระวางขับน้ำที่ประมาณ 4,300tonnes มีความยาวเรือรวม 117m กว้าง 16m และกินน้ำลึก 5m และจะรองรับกำลังพลประจำเรือที่ 70นาย ติดตั้งระบบขับเคลื่อนรูปแบบเครื่องยนต์ดีเซล-ไฟฟ้าและ gas-turbine(CODLAG: Combined Diesel-electric and Gas-turbine) 
สามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 26knots และมีระยะเวลาปฏิบัติการนาน 14วัน คุณลักษณะการออกแบบรวมถึงตัวเรือแบบเหล็กกล้า monohull เสริมความแข็งแกร่งต่อน้ำแข็งเทียบเท่าชั้น 1A class ที่จะทำให้เรือจะปฏิบัติการในเขต Baltic ตลอดวงรอบปีในทุกสภาวะได้ครับ

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

ภาพเปิดเผยเครื่องบินขับไล่ MiG-29 เกาหลีเหนือฝึกยิงอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศแบบใหม่

North Korea flexes new air-to-air missile at exercise







New air-to-air missile in service with the Korean People's Army Air Force. (Janes/Korean Central News Agency)

สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีได้ดำเนินการแสดงขีดความสามารถการรบทางอากาศต่างๆล่าสุดของตนโดยการจัดแสดงอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศแบบใหม่ที่ไม่เป็นที่ทราบก่อนหน้าว่ามีอยู่ในประจำการมาก่อน
ชุดภาพที่เผยแพร่โดยสำนักข่าว Korean Central News Agency(KCNA) สื่อในความควบคุมของรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2025 บ่งชี้ว่า

อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศแบบใหม่ขณะนี้กำลังอยู่ในประจำการกับฝูงบินเครื่องบินขับไล่ MiG-29 (NATO กำหนดรหัส 'Fulcrum') ของกองทัพอากาศประชาชนเกาหลี(KPAF: Korean People's Army Air Force)
ชุดภาพยังบ่งชี้ว่าอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศแบบใหม่ได้รับการทดสอบแล้วในการฝึกการรบทางอากาศที่มีผู้นำสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี Kim Jong-un เป็นสักขีพยาน

ชุดภาพถ่ายของการฝึกทางอากาศตั้งข้อสังเกตว่าอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศแบบใหม่ถูกยิงจากเครื่องบินขับไล่ MiG-29 ก่อนพุ่งชนเป้าบิน target drone
ชุดภาพอีกชุดแสดงให้เห็นอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศแบบใหม่ถูกจัดแสดงภาคพื้นดินกับเครื่องบินขับไล่ MiG-29 หมายเลข 553 คู่ไปกับสิ่งที่จะเป็นระเบิดนำวิถีร่อนที่ติดตั้งระบบนำวิถีชี้เป้าหมายด้วย electro-optic

การวิเคราะห์ด้วยสายตาของอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศแบบใหม่ที่ถูกนำมาแสดงตั้งข้อสังเกตว่ามีพื้นฐานจากอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยยิงนอกระยะสายตา(BVRAAM: Beyond-Visual-Range Air-to-Air Missile) พิสัยกลางแบบ PL-12
ที่อยู่ในประจำการกับกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAAF: People's Liberation Army Air Force) แม้ว่าจะมีการดัดแปลงการออกแบบที่แตกต่างเล็กน้อย(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/falcon-strike-2024.html)

เมื่อเปรียบเทียบกับอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ PL-12 ครีบควบคุมกลางลำตัวของอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศแบบใหม่ของกองทัพอากาศประชาชนเกาหลีอยู่ถัดออกไปจากด้านท้ายจรวดและครีบส่วนหางมีรูปทรงที่แตกต่าง
อย่างไรก็ตามอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศแบบใหม่ยังคงแบบแผนรูปทรงกระบอกและมีความยาวรวมที่ใกล้เคียงกับอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ PL-12 ของกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีน

และนี่ยังมีข้อสังเกตว่าอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศแบบใหม่ของกองทัพอากาศประชาชนเกาหลีได้สืบทอดระบบย่อยหลากหลายระบบเป็นส่วนใหญ่ที่เกี่ยวเนื่องกับอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ PL-12
สิ่งเหล่านี้รวมถึงส่วนทรงกรวยระบบค้นหาเป้าหมาย seeker ของอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศแบบใหม่ ซึ่งน่าจะติดตั้งด้วยระบบหัวค้นหาเป้าหมายแบบ active radar

นอกเหนือจากสิ่งต่างๆเหล่านี้อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศแบบใหม่ปรากฏที่จะติดตั้งด้วยสายอากาศ ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีส่วนติดต่อกับ radar และระบบควบคุมการยิง(FCS: Fire-Control System) ของเครื่องบินขับไล่ MiG-29
ตามการประเมินโดย Janes อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศแบบใหม่น่าจะยังมีสมรรถนะที่ใกล้เคียงกับอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ PL-12 จีนคือมีระยะยิงที่ราว 90-110km ครับ

วันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

RV Connex ไทยและ Diehl Defence เยอรมนีลงนามสัญญาส่งมอบเป้าบินไอพ่น JRV-01 สำหรับทดสอบยิงอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ IRIS-T

Diehl Defence and RV Connex sign contract for the delivery of target drones for IRIS-T live firings
Martin Walzer‚ Senior Manager Integration Programs, Diehl Defence‘ (left) and Manfred Karge‚ Senior Advisor, RV Connex‘ (right) (Diehl Defence)



JRV-01 jet engine target drone (RV Connex)
Diehl Defence, a leading system house for ground-based air defence, guided missiles and ammunition, has intensified its partnership with Thailand-based defence and security business RV Connex. 
Both companies signed a contract for the first delivery of target drones and services for live firing tests with Diehl Defence’s IRIS-T air-to-air-missile.


Korea Aerospace Industries (KAI) T-50TH Golden Eagle "40114" of 401st Squadron, Wing 4 Takhli; Royal Thai Air Force (RTAF), and graphic shown TA-50/FA-50 and KF-21 aircrafts with Diehl Defence IRIS-T were displayed at Wing 6 Don Muang RTAF base, Bangkok, Thailand during Royal Thai Air Force 88th Anniversary Air Show on 7-8 March 2025. (My Own Photos)

บริษัท Diehl Defence เยอรมนีผู้นำด้านระบบป้องกันภัยทางอากาศภาคพื้นดิน, อาวุธปล่อยนำวิถี และเครื่องกระสุน ได้ทวีความเข้มข้นในความเป็นหุ้นส่วนของตนกับบริษัท RV Connex ไทยด้านกิจการป้องกันประเทศและความมั่นคง
ทั้งสองบริษัทได้ลงนามสัญญาสำหรับการส่งมอบเป้าบินไอพ่นแบบ JRV-01 ของ RV Connex ไทยชุดแรกและการบริการต่างๆสำหรับการทดสอบยิงด้วยอาวุธจริงกับอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ IRIS-T ของ Diehl Defence เยอรมนี

ในสัญญาได้รวมการบริการเพิ่มเติมต่างสำหรับโครงการการรับรองความสมควรเดินอากาศอาวุธต่าง การส่งมอบชุดแรกของเป้าบินไอพ่น JRV-01 มีขึ้นตามการการลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU: Memorandum of Understanding) 
โดยทั้งสองบริษัทในเดือนพฤศจิกายน 2023 ที่ปูทางไปสู่ความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ทั้งบริษัท Diehl Defence และบริษัท RV Connex ขณะนี้ดำเนินการการประมินค่าร่วมของระบบ(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/diehl-iris-t-block-ii.html)

RV Connex ไทยเสนอระบบที่แสดงถึงระบบเป้าบินสมัยใหม่อย่างเช่นระบบเป้าบินไอพ่น JRV-01 เช่นเดียวกับการบริการต่างๆที่จำเป็นสำหรับการใช้งานระบบ เป้าบินไอพ่น JRV-01 เช่นเดียวกับการบริการต่างๆ
จะถูกใช้สำหรับการเพิ่มขยายความสมจริงของการทดสอบยิงจริงของอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ IRIS-T และสำหรับการเตรียมการสถานะการณ์การฝึกของลูกค้าเพื่อให้ตรงความต้องการความมั่นคงทีมีวิวัฒนาการ

Diehl Defence เยอรมนีจะได้รับประโยชน์จากขีดความสามารถต่างๆของเป้าบินไอพ่น JRV-01 ไทยที่มอบการจำลองภัยคุกคามที่สมจริงระดับสูง และทำให้มั่นใจว่าบรรลุผลมาตรการทดสอบต่างของบริษัท Diehl Defence ที่มีมาตรฐานความน่าเชื่อถือและสมรรถนะสูงที่สุด
ร่วมไปกับ RV Connex ไทย บริษัท Diehl Defence ขณะนี้สามารถเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่มีราคาเหมาะสมที่สมบูรณ์สำหรับการยิงจริงโดยปราศจากความจำเป็นของสิ่งอำนวยความสะดวกการทดสอบที่ซับซ้อน และจะสามารถจะมอบการสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบสำหรับการยิงจริงสำหรับลูกค้าต่างๆของ IRIS-T ได้

การทดสอบการยิงจริงครั้งแรกของอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ IRIS-T ต่อเป้าบินไอพ่น JRV-01 ได้มีการวางแผนยืนยันชัดเจนแล้ว ทั้งสองบริษัทจะขยายความร่วมมือของพวกตนและขอบเขตการให้บริการต่างๆในอนาคต ความเป็นหุ้นส่วนระหว่าง Diehl Defence เยอรมนีและ RV Connex ไทยไม่เพียงเป็นจุดเริ่มต้นในตลาดเอเชีย แต่ได้มีความเป็นไปได้ที่จะขยายไปตลาดอื่นๆทั่วโลกด้วย
อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ IRIS-T ของ Diehl Defence เป็นอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้ยุคที่ห้า ที่ได้รับการบูรณาการอย่างเต็มรูปแบบเข้ากับเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon ยุโรป, เครื่องบินขับไล่ Saab Gripen สวีเดน(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/saab-gripen.html), 

เครื่องบินขับไล่ Lockhhed Martin F-16 Fighting Falcon สหรัฐฯ(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/rtaf2025.html), เครื่องบินขับไล่ Boeing EF-18AM/BM Hornet สเปน(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/airbus-a330-mrtt-3.html), เครื่องบินขับไล่ บ.ข.๑๘ข/ค F-5E/F TH และเครื่องบินขับไล่โจมตี Tornado
ปัจจุบันการบูรณาการอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ IRIS-T เข้ากับเครื่องบินขับไล่ Korean Aerospace Industries(KAI) KF-21 Boramae กำลังอยู่ในการดำเนินการ(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/kf-21.html) ตามการบูรณาการนี้สาธารณรัฐเกาหลีได้ลงนามสัญญาแรกกับ Diehl Defence ในปี 2024 สำหรับการจัดหาของ IRIS-T

Helmut Rauch ผู้อำนวยการบริหารบริษัท Diehl Defence กล่าวว่า "ผมภูมิใจที่จะขยายการแสดงตนของเราในเอเชียในความเป็นหุ้นส่วนกับ RV Connex ไทย เรากำลังมองย้อนไปที่ 15ปีของความสำเร็จการปฏิบัติการในไทย และผมเชื่อมั่นว่าความสำเร็จที่มากขึ้นสำหรับเราในเอเชียจะตามมา"
Diehl Defence ได้แสดงตนในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเวลาหลายปีแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยการส่งมอบอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ IRIS-T แก่กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๕๖(2013)

และโดยความร่วมมือกับบริษัท Korea Aerospace Industries, Ltd.(KAI) สาธารณรัฐเกาหลีสำหรับการบูรณาการอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ IRIS-T เข้ากับเครื่องบินฝึกไอพ่นและโจมตี TA-50/เครื่องบินขับไล่และโจมตี FA-50 และเครื่องบินขับไล่ KF-21
ล่าสุดในเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๗(2024) บริษัท Diehl Defence เยอรมนีได้ประกาศสัญญาสนับสนุนกับกองทัพอากาศไทยสำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ IRIS-T(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/diehl-defence-iris-t.html)

ความเห็นวิเคราะห์
บริษัท RV Connex ไทยได้เปิดตัวเป้าบินไอพ่น JRV-01 เป็นครั้งแรก ณ งานนิทรรศการระบบไร้คนขับ Dronetech Asia 2024 ที่ไทย ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๗ ซึ่งเป้าบินไอพ่น JRV-01 ถูกระบุว่าเป็นเป้าบินไอพ่น Jet Target Drone แบบแรกที่ออกแบบและผลิตใน ASEAN
ตามข้อมูลจาก RV Connex มีขนาดความยาว 2.6m ทำความเร็วสูงสุดที่ 262knots ทำการบินต่อเนื่องได้นานหนึ่งชั่วโมง ควบคุมการบินด้วย datalink ที่ระยะ 70km ภายตัวอากาศยาน(airframe) สามารถติดตั้งเครื่องขยายสัญญาณ radar,พลุ flare ความร้อน หรือพลุควัน เพื่อสร้างสัญญาณเป้าจำลองสำหรับการฝึกใช้อาวุธปล่อยนำวิถีด้วยความร้อนเช่น IRIS-T

ปัจจุบันกองทัพอากาศไทยได้บูรณาการอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ IRIS-T เข้ากับเครื่องบินขับไล่แบบที่๒๐/ก บ.ข.๒๐/ก Saab Gripen C/D ฝูงบิน๗๐๑ กองบิน๗ สุราษฎร์ธานี, เครื่องบินขับไล่แบบที่๑๙/ก บ.ข.๑๙/ก Lockheed Martin F-16AM/BM EMLU Fighting Falcon ฝูงบิน๔๐๓ กองบิน๔ ตาคลี และเครื่องบินขับไล่แบบที่๑๘ข/ค บ.ข.๑๘ข/ค Northrop F-5E/F TH Super Tigris ฝูงบิน๒๑๑ กองบิน๒๑ อุบลราชธานี
ซึ่งทั้งหมดต่างได้เคยมีการทดสอบการยิงไปแล้วก่อนหน้า จึงเป็นที่เข้าใจว่าการทดสอบยิง IRIS-T กับเป้าบินไอพ่น JRV-01 ที่จะมีขึ้นในอนาคตจะเป็นการทดสอบการบูรณาการเข้ากับเครื่องบินขับไล่และฝึกแบบที่๒ บ.ขฝ.๒ T-50TH Golden Eagle ฝูงบิน๔๐๑ กองบิน๔ ในความร่วมมือกับ KAI สาธารณรัฐเกาหลีผู้สร้างเครื่องบินครับ(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/kai-tai-mro-t-50th.html)