Turkey Formally Dropped From F-35 Program; DoD Estimates $500M to Retool Supply Chain
Lockheed Martin F-35A Lightning II 18-0003 Turkish Air Force(https://www.flickr.com/photos/10979857@N06/46650795484)
THE PENTAGON – Turkey is being excised from the F-35 Lighting II Joint Strike Fighter program, and the U.S. will pay an estimated $500 to 600 million to retool the program in the aftermath, the Defense Department’s acquisition chief told reporters on Wednesday.
F-35A Lightning II aircraft receive aerial refuelings from a Travis KC-10 Extender July 13, 2016 on the flight from England to the United States. US Air Force photo.
https://news.usni.org/2019/07/17/turkey-formally-dropped-from-f-35-program-dod-estimates-500m-to-retool-supply-chain
ตุรกีกำลังจะถูกตัดออกจากโครงการเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35 Lightning II Joint Strike Fighter(JSF) และผลที่ตามมาสหรัฐฯจะจ่ายวงเงินราว $500-600 million เพื่อปรับเปลี่ยนโครงการใหม่ หัวหน้าฝ่ายจัดหากระทรวงกลาโหมสหรัฐฯกล่าวกับสื่อเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2019
นาง Ellen Lord รองรัฐมนตรีกลาโหมด้านการจัดซื้อจัดจ้างและดำรงสภาพกล่าวว่า การยอมรับระบบป้องกันภัยทางอากาศอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ S-400 ของตุรกีเมื่อสัปดาห์ก่อนทำให้โครงการ F-35 JSF อยู่ในความเสี่ยง(https://aagth1.blogspot.com/2019/07/s-400.html)
และหุ้นส่วนระดับนานาชาติในโครงการสร้างเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 ของบริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯ ได้บรรลุฉันทามติร่วมที่จะถอดถอนตุรกีออกจากโครงการ JSF
"ฉันได้กล่าวชัดเจนว่าตุรกีไม่สามารถวางกำลังระบบรวบรวมข่าวกรองของรัสเซียในบริเวณใกล้เคียงกับสถานที่ซึ่งโครงการเครื่องบินขับไล่ F-35 จะสร้างศูนย์บำรุงรักษาและซ่อมได้ ความแข็งแกร่งส่วนใหญ่ของ F-35 ขึ้นอยู่ในขีดความสามารถการตรวจจับได้ยาก Stealth ของมัน
ดังนั้นความสามารถที่จะตรวจจับขีดความสามารถเหล่านั้นจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของโครงการ F-35 ในระยะยาว เราเพียงพยายามที่จะปกป้องความมั่นคงของโครงการ F-35 ในระยะยาว" Lord กล่าว
ตุรกีไม่เพียงที่จะจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35A รุ่นขึ้นลงตามแบบ CTOL(Conventional Take-Off and Landing) จำนวน 100เครื่อง แต่ยังถูกกำหนดให้เป็นส่วนหนึ่งของฐานอุตสาหกรรมนานาชาติขนาดใหญ่สำหรับโครงการด้วย
"อย่างแน่นอนและน่าเสียใจที่ตุรกีจะต้องสูญเสียงานและโอกาสทางเศรษฐกิจในอนาคตจำนวนมากจากการตัดสินใจนี้ จะไม่มีการรับวงเงินมากกว่า $9 billion อีกต่อไปในการแบ่งปันการทำงานโครงการที่เกี่ยวข้องต่อ F-35 ตลอดอายุของโครงการ
ตุรกีสร้างชิ้นส่วนมากกว่า 900ชิ้นสำหรับ F-35 ได้รับการมอบหมายวงเงินมากกว่า $1 billion ในการมีส่วนร่วมด้านอุตสาหกรรมของผู้จัดส่งตุรกี 10ราย" Lord กล่าวว่ากระทรวงกลาโหมสหรัฐฯได้ตั้งวงเงิน $500-600 millon อีกด้านใน "ทางวิศกรรมที่ไม่เกิดขึ้นประจำ"
เพื่อปรับฐานอุตสาหกรรมใหม่ให้มีขึ้นสำหรับการสูญเสียบริษัทต่างๆของตุรกีในโครงการ ฐานอุตสาหกรรมจะ "พิเคราะห์" ขั้นตอนการถอนตุรกีออกจากห่วงโซ่อุปทานในเดือนมีนาคม 2020 สำหรับช่วงเวลานี้การทดแทนบริษัทผู้จัดส่งตุรกีจะเปลี่ยนเป็นของผู้จัดส่งสหรัฐฯ
ในแถลงการณ์ Lockheed Martin ผู้สร้างเครื่องบินขับไล่ F-35 กล่าวว่าบริษัท "ได้รับการเป็นหุ้นส่วนอย่างใกล้ชิดกับห่วงโซ่อุปทานของเราเพื่อลดผลผลกระทบต่อโครงการ F-35 ให้น้อยลง
ในตลอดอีกหลายเดือนหลังจากนี้ เราจะเริ่มต้นทำงานเพื่อจัดตั้งแหล่งที่มาทางเลือกของผู้จัดส่งในสหรัฐฯ เพื่อรองรับส่วนที่ตุรกีได้สร้างการมีส่วนร่วมไว้ในปัจจุบันต่อโครงการอย่างรวดเร็ว
การกระทำนี้จะจำกัดผลกระทบต่อสายการผลิตและการดำรงสภาพในอนาคต และเรายังคงอยู่ในเส้นทางเพื่อให้ตรงตามความมุ่งมั่นของเราที่จะส่งมองเครื่องบินขับไล่ F-35 จำนวน 131เครื่องในปี 2019 นี้"
"น่าเสียดาย การที่ตุรกีตัดสินใจจะจัดซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 รัสเซียทำการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องของตุรกีกับ F-35 เป็นไปไม่ได้" ทำเนียบขาว White House กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2019
ชิ้นส่วนสำหรับเครื่องบินขับไล่ F-35 มากกว่า 900ชิ้นส่วนที่ตุรกีทำการผลิตในประเทศได้รวมส่วนลำตัวเครื่องส่วนกลางและจอแสดงผลในห้องนักบิน รวมถึงระบบอาวุธที่ตุรกีพัฒนาในประเทศที่จะถูกนำมาติดตั้งใช้กับ F-35
เช่น อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้นร่อน Roketsan SOM-J ที่ถูกนำมาแสดงในพิธีเปิดตัว F-35A เครื่องแรกของตุรกี ณ โรงงานอากาศยานของ Lockheed Martin ที่ Fort Worth มลรัฐ Texas สหรัฐฯ เมื่อ 21 มิถุนายน 2018(https://aagth1.blogspot.com/2018/06/lockheed-martin-f-35a.html)
เพิ่มเติมจากนี้ นักบินและช่างอากาศยานราว 25นายของกองทัพอากาศตุรกี(Turkish Air Force) ที่ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมโครงการได้ถูกแจ้งให้ทราบในวันที่ 17 กรกฎาคม 2019 ว่า
พวกเขาจะไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้าถึงพื้นที่ ณ สำนักงานโครงการ F-35(JPO: Joint Program Office) อีกต่อไป และมีกำหนดที่จะต้องเดินทางกลับตุรกี(https://aagth1.blogspot.com/2019/04/f-35a.html)
Lord และรองรัฐมนตรีกลาโหมด้านนโยบาย David Trachtenberg ยังคงยืนยันว่าตรุกีมีบทบาทสำคัญใน NATO โดยเน้นย้ำถึงการฝึกซ้อมทางทหารในอนาคตที่ตุรกีจะเข้ามามีส่วนร่วม
Lord และ Trachtenberg มองที่จะพยายามลดช่องว่างความร้าวฉานต่อ F-35 สหรัฐฯและ S-400 รัสเซียที่จะไม่แพร่กระจายไปสู่พันธมิตรขนาดใหญ่ ทั้งคู่ไม่ได้ตอบคำถามจากสื่อว่าการจัดหาระบบ S-400 ของตุรกีจะเป็นการห้ามตุรกีจากการเข้าร่วมภารกิจในด้านอื่นๆของ NATO หรือไม่
ในช่วงที่ตุรกีจัดซื้อระบบ S-400 รัสเซีย สหรัฐฯและตุรกีไม่ประสบความสำเร็จที่จะบรรลุข้อตกลงการขายรูปแบบ FMS(Foreign Military Sale) ที่จะให้ตุรกีจัดซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ Raytheon MIM-104 Patriot PAC-3 สหรัฐฯ
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ได้ให้ความเห็นกล่าวโทษอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ Barak Obama ว่าการที่ตุรกีตัดสินใจจัดซื้อระบบ S-400 รัสเซียจนทำให้สหรัฐฯต้องระงับการส่งมอบ F-35 แก่ตุรกี เป็นเพราะในขณะนั้นคณะผู้บริหารของรัฐบาล Obama ไม่อนุมัติการขาย Patriot ให้ตุรกี
ตลอดช่วงเวลาหลายปีหลังมานี้ รัสเซียได้กำลังทำงานอย่างยอดเยี่ยมในการใช้ Radar ความถี่ต่ำที่แตกต่างกันหลายแบบเพื่อการติดตามการกำหนดเป้าหมายที่มีคุณภาพต่อเครื่องบิน Stealth โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-22 Raptor และ F-35 สหรัฐฯ
Pentagon ให้เหตุผลที่ USNI เข้าใจว่าเป็นความเสี่ยงที่ไม่สามารถยอมรับได้ที่จะให้ Radar รัสเซียรวบรวมขุมทรัพย์อันล้ำค่าของข้อมูลข่าวกรองทางสัญญาณจากเครื่องบินขับไล่ F-35 ที่ตุรกีจะนำเข้าประจำการ
ในงานแสดงการบินนานาชาติ Paris Air Show 2019 ที่ฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 17-23 มิถุนายน 2019 ที่ผ่านมา บริษัท Turkish Aerospace ตุรกีได้เปิดตัวแบบจำลองขนาดเท่าของจริงของเครื่องบินขับไล่ยุคอนาคต Turkish Fighter หรือ TF ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2019/06/tf.html)