แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ MiG-35 แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ MiG-35 แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2564

รัสเซียเปิดตัวอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น Kh-59MKM รุ่นปรับปรุงใหม่

Russia unveils Kh-59MKM upgrade variant air-to-surface missile




Model of the new Raduga Design Bureau Kh-59MKM air-to-surface missile shown at the MAKS 2021 exhibition in Zhukovsky on 20-25 July. Note the four pre-charges under the radome. (N.Novichkov)

สำนักออกแบบ Raduga ในเครือ JSC Tactical Missiles Corporation(KTRV) รัฐวิสาหกิจผู้ผลิตอาวุธปล่อยนำวิถีทางยุทธวิธี ที่เป็นส่วนหนึ่งของ Rostec กลุ่มรัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมความมั่นคงของรัสเซีย
ได้เปิดตัวอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้นนำวิถีด้วยกล้อง TV เพิ่มระยะยิง Kh-59MKM รุ่นปรับปรุงใหม่ ณ งานแสดงการบินและอวกาศนานาชาติ MAKS-2021 ที่จัดขึ้นใน Zhukovsky รัสเซียระหว่างวันที่ 20-25 กรกฎาคม 2021 ที่ผ่านมา

อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น Kh-59MKM ใหม่มีน้ำหนักรวมทั้งหมด 930kg มีความยาว 5.7m, เส้นผ่าศูนย์กลาง 380mm(โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางที่ส่วนหัวใหญ่กว่าเล็กน้อยที่ 420mm) และมีปีกกว้าง 1.3m
ขณะที่โครงสร้างจรวดของ Kh-59MKM ยังคงมีมิติขนาดเช่นเดียวกับอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น Kh-53MK รุ่นก่อน การขาดส่วนหัวระบบค้นหาทำให้สามารถติดตั้งนำหัวรบขนาดหนักขึ้นเข้าไปในจรวดได้ โฆษกของ KTRV รัสเซียกล่าวกับ Janes

อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น Kh-59MKM ได้รับการออกแบบเพื่อเจาะทำลายเป้าหมายประจำที่ที่แข็งแรงและอยู่ใต้ดิน ติดตั้งชุดหัวรบสังหารน้ำหนัก 360kg 
ที่ประกอบด้วยส่วนระเบิดดินโพรงนำขนาด 40kg รวมสี่ชุด พร้อมชนวนหน่วงเวลากระทบแตกที่ติดตั้งใต้ครอบส่วนหัว และส่วนหัวรบระเบิดเจาะเกราะสองชั้น tandem ขนาด 320kg

โฆษกของ KTRV รัสเซียกล่าวว่า อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น Kh-59MKM สามารถเจาทำลาย concrete เสริมความแข็งแรงความหนาถึง 3m ได้
อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น Kh-59MKM มีพิสัยยิงไกลถึง 285km โดยความเร็วในการบินโคจรที่ 900-1,050km/h มีเพดานบินโคจรที่น้อยกว่า 2,000m และบินตามภูมิประเทศที่ความสูงระหว่าง 15-1,000m

อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น Kh-59MKM สามารถทำการยิงจากอากาศยานที่กำลังบินด้วยความเร็ว 600-1100km/h และมีค่าความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้(CEP: Circular Error Probable) ที่ 10m 
เข้าใจว่าสามารถติดตั้งได้กับเครื่องบินขับไล่ MiG-35(https://aagth1.blogspot.com/2021/05/mig-35.html), เครื่องบินขับไล่ Su-30SM(https://aagth1.blogspot.com/2019/11/su-30sm.html) และเครื่องบินขับไล่ Su-35S(https://aagth1.blogspot.com/2020/05/su-35.html) เป็นต้นครับ

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

เครื่องบินขับไล่ MiG-35 รัสเซียรุ่นใหม่ล่าสุดอยู่ในการทดสอบขั้นสุดท้าย

Russia’s latest MiG-35 multirole fighter at final stage of trials, says defense contractor



MiG-35 generation-4++ multirole fighter
The MiG official was interviewed by TASS on the occasion of the anniversary of the Strizhi (Swifts) aerobatic group





เครื่องบินขับไล่พหุภารกิจยุคที่ 4++ รุ่นใหม่ล่าสุด Mikoyan MiG-35 กำลังเข้าสู่ขั้นตอนการทดสอบระยะสุดท้ายของมัน Musheg Baloyan ผู้อำนวยการโครงการ MiG-29M, MiG-35 และเครื่องบินขับไล่แนวหน้าอเนกประสงค์ขนาดเบา(Light Multi-Purpose Frontline Aircraft)(https://aagth1.blogspot.com/2020/12/rostec.html)
ของบริษัท MiG Aircraft Corporation ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ United Aircraft Corporation(UAC) กลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานรัสเซีย กล่าวกับ TASS เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2021

เจ้าหน้าที่ของ MiG รัสเซียได้รับการสัมภาษณ์โดย TASS เนื่องในโอกาสครบรอบ 30ปีการก่อตั้งฝูงบินผาดแผลง Strizhi (Swifts) ซึ่งปัจจุบันใช้เครื่องบินขับไล่ MiG-29 เป็นอากาศยานในการแสดงการบิน
"เครื่องบินขับไล่ MiG-35 กำลังอยู่ในขั้นตอนของระยะการทดสอบร่วมและได้รับการรับรองเบื้องต้นสำหรับการเริ่มต้นสายการผลิตของเครื่องบินชุดนำร่องแล้ว" Baloyan กล่าว

"เจ้าหน้าที่การบินชื่นชอบเครื่องบิน(MiG-35) ซึ่งง่ายต่อการปฏิบัติงานและมีตัวช่วยเหลือมากมาย มีปัญหาที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการปฏิบัติการของเครื่องบิน และเรากำลังจัดการรีดให้มันเข้าด้วยกันเรียบร้อยพร้อมๆกันกับลูกค้าของเรา(กระทรวงกลาโหมรัสเซีย)" Baloyan เสริม
เครื่องบินขับไล่ยุคที่ 4++ รุ่นใหม่ล่าสุด MiG-35 เป็นรุ่นที่พัฒนาขึ้นต่อจากเครื่องบินขับไล่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน MiG-29K/KUB และเครื่องบินขับไล่ MiG-29M/M2

เครื่องบินขับไล่ MiG-35 ที่ล้ำสมัยได้เข้าสู่การบินทดสอบและสาธิตขีดความสามารถแก่ลูกค้าต่างประเทศที่เป็นไปได้ในเดือนมกราคม 2017(https://aagth1.blogspot.com/2017/01/mig-35.html)
การทดสอบระดับโรงงานของเครื่องบินขับไล่ MiG-35 ได้มีขึ้นตามมาและเสร็จสิ้นในเดือนธันวาคม 2017(https://aagth1.blogspot.com/2017/08/su-35-mig-35.html)

วันที่ 17 มิถุนายน 2019 กองทัพอากาศรัสเซีย(Russian Aerospace Force, VKS) ได้รับมอบเครื่องบินขับไล่ MiG-35 ในสายการผลิต 2เครื่องแรกเข้าประจำการ(https://aagth1.blogspot.com/2018/02/mig-35.html) โดยมีการสร้างเครื่องบินต้นแบบทดสอบ 6เครื่องรวมทั้งหมด 8เครื่อง
เครื่องบินขับไล่ MiG-35 ถูกออกแบบเพื่อปฏิบัติการในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งทางอาวุธรุนแรงสูงมาก ภายใต้ระบบป้องกันภัยทางอากาศที่หนาแน่นและหลายชั้นของข้าศึก(https://aagth1.blogspot.com/2019/09/mig-35-maks-2019.html)

เครื่องบินขับไล่ MiG-35 ที่มีน้ำหนักบินขึ้นสูงสุด 24,500kg และติดตั้งเครื่องยนต์ไอพ่น Turbofan แบบมีสันดาปท้าย Klimov RD-33MK กำลังขับ 9,000kgf(88kN หรือ 20,000lbf) ทำความเร็วได้สูงสุด 2,100km/h และมีเพดานบินสูงสุด 16,000m
ติดตั้ง AESA(Active Electronically Scanned Array) radar ที่หัวเครื่อง เช่นเดียวกับระบบตรวจจับ Electro-Optical Search-and-Track System ที่ส่วนใต้ลำตัวเครื่องสำหรับการใช้งานต่อต้านเป้าหมายภาคพื้นดิน

การติดตั้งกระเปาะเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ PAZ-MK ทำให้ MiG-35 สามารถถูกใช้เป็นเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงทางอากาศทางยุทธวิธีได้ และมีระบบหมวกนักบินติดศูนย์เล็ง(Helmet-Mounted Target Designation System) และจอแสดงผลตรงหน้า(HUD: Head-Up Display) ด้วย
ระบบอาวุธของ MiG-35 ประกอบด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ RVV-AE, อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำ Kh-35UE, อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น Kh-38MLE, ระเบิดนำวิถีตระกูล KAB-500 ขนาด 500kg และระเบิดอากาศไม่นำวิถีอีกหลายแบบครับ

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2563

รัสเซียจะเปิดตัวเครื่องบินขับไล่ Su-57E รุ่นส่งออกในงาน Army-2020

Russia to unveil export version of Su-57 fifth-generation fighter at Army-2020 forum


The Su-57 is a fifth-generation multirole fighter designed to destroy all types of air, ground and naval targets



รุ่นส่งออกของเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 Sukhoi Su-57 รัสเซียจะถูกจัดแสดงเป็นครั้งแรกในงานประชุมสัมมนาทางทหารและเทคนิคนานาชาติ Army-2020 และจะเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงการบินสาธิตในงาน 
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Rostec รัฐวิสาหกิจกลุ่มอุตสาหกรรมความมั่นคงรัสเซียประกาศเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2020 "เครื่องบินขับไล่ Su-57E รุ่นส่งออกของเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 จะถูกจัดแสดงสาธิตครั้งแรกในงานประชุม Army
ในฐานะส่วนหนึ่งของการจัดแสดงประจำที่ภาคพื้นดิน และจะถูกนำขึ้นสู่ท้องฟ้าภายใต้รายการแสดงการบินของงาน" Rostec รัสเซียกล่าว

ผู้เข้าชมงาน Army-2020 ยังจะได้รับชมการแสดงการบินของเครื่องบินขับไล่เบาพหุภารกิจ Mikoyan-Gurevich MiG-35, เฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนและโจมตี Kamov Ka-52 และเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทางทะเลติดอาวุธ Kamov Ka-27M รุ่นปรับปรุง
ฝูงบินผาดแผลง Berkuts(ภาษารัสเซียแปลว่า 'อินทรีทอง' Golden Eagles) จะสาธิตขีดความสามารถของเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mil Mi-28N ทั้งการบินเดี่ยวและการบินหมู่เป็นรูปขบวน
งาน Army-2020 จะจัดขึ้นบนพื้นที่ของศูนย์การประชุมและนิทรรศการ Patriot ของกองทัพรัสเซีย ณ สนามฝึกภาคพื้นดิน Alabino และที่สนามบิน Kubinka ระหว่างวันที่ 23-29 สิงหาคม 2020

Su-57 เป็นเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 พหุภารกิจที่ออกแบบมาเพื่อทำลายเป้าหมายทุกรูปแบบทั้งเป้าหมายทางอากาศ, เป้าหมายภาคพื้นดิน และเป้าหมายทางเรือ เครื่องบินขับไล่ Su-57 มีคุณสมบัติวิทยาการตรวจจับได้ยาก Stealth โดยใช้วัสดุผสมจำนวนมาก 
สามารถทำความเร็วเดินทางเหนือเสียงได้ และติดตั้งอุปกรณ์วิทยุ-ไฟฟ้าประจำเครื่องที่ก้าวหน้าที่สุด รวมถึงระบบ computer ประจำเครื่องอันทรงพลัง(ที่เรียกว่านักบินที่สองแบบไฟฟ้า) ระบบ radar รอบทั่วทั้งลำตัวเครื่องและบางนวัตกรรมอื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาวุธที่ติดตั้งภายในลำตัว
Su-57 ทำการบินครั้งแรกเมื่อ 29 มกราคม 2010 เมื่อเปรียบกับเครื่องรุ่นก่อนหน้า Su-57 ผสมผสานการทำงานของเครื่องบินโจมตีและเครื่องบินขับไล่ ขณะที่ใช้วัสดุผสมและวิทยาการนวัตกรรมและการปรับแต่งอากาศพลศาสตร์เพื่อให้เป็นเครื่องบินขับไล่ที่ระดับสัญญาณ Radar และ Infrared ต่ำ

ระบบอาวุธของเครื่องบินขับไล่ Su-57 จะประกอบด้วยโดยเฉพาะอาวุธปล่อยนำวิถีความเร็วเหนือเสียงสูงมาก Hypersonic และได้ประสบความสำเร็จการวางกำลังทดสอบในเงื่อนไขการรบจริงที่ซีเรียมาแล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2018/03/su-57-su-35.html)
โรงงานอากาศยาน Komsomolsk-on-Amur(เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทอากาศยาน Sukhoi ภายใต้ United Aircraft Corporation(UAC) กลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานรัสเซีย) กำลังปรับปรุงความทันสมัยกำลังการผลิตของตนเพื่อเปิดสายการผลิตอย่างต่อเนื่องสำหรับเครื่องบินขับไล่ Su-57 
กองทัพอากาศรัสเซีย(Russian Aerospace Force, VKS) จะได้รับมอบ Su-57 ชุดแรกภายในสิ้นปี 2020 นี้ภายใต้คำสั่งซื้อจากกระทรวงกลาโหมรัสเซียจำนวน 76เครื่องจนถึงปี 2028 ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2020/08/su-57-2020.html)

วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

มาเลเซียพิจารณาข้อเสนอแลกเครื่องบินขับไล่จากรัสเซีย

Malaysia considers ‘fighter exchange’ offer from Russia
Royal Malaysian Air Force (RMAF) has also recently retired what is believed to be 10 MiG-29s (pictured), which were operated from the mid-1990s.

The RMAF has currently operates about 18 Su-30MKM fighters (pictured), which were delivered from 2007.


Russia has offered Malaysia an exchange deal featuring old fighter aircraft for new aircraft, with the latter reported to feature the Su-35 and MiG-35 (pictured). Source: UAC
https://www.janes.com/article/92893/malaysia-considers-fighter-exchange-offer-from-russia

มาเลเซียได้รับข้อเสนอจากรัสเซียเปลี่ยนแลกเปลี่ยนส่วนหนึ่งของฝูงเครื่องบินเครื่องพหุภารกิจของตนสำหรับเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย Mohamad Sabu ได้ยืนยันต่อรัฐสภามาเลเซียโดยกล่าวว่ารัฐบาลมาเลเซียกำลังพิจารณาข้อเสนอจากรัฐบาลรัสเซีย
แต่บ่งชี้ว่าลำดับความสำคัญของกองทัพอากาศมาเลเซีย(RMAF: Royal Malaysian Air Force, TUDM: Tentera Udara Diraja Malaysia) คือการจัดหาขีดความสามารถเช่นการตรวจการณ์และโจมตีเบา(https://aagth1.blogspot.com/2018/08/blog-post_14.html)

รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย Sabu ยังได้บ่งชี้ว่ามาเลเซียจะไม่มีการพิจารณาการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่พหุภารกิจจริงๆจนกว่าจะหลังปี 2030(https://aagth1.blogspot.com/2019/09/su-30mkm.html)
กองทัพอากาศมาเลเซียปัจจุบันมีเครื่องบินขับไล่ Su-30MKM รัสเซียราว 18เครื่องซึ่งได้รับมอบตั้งแต่ปี 2007 ล่าสุดน่าเชื่อว่ากองทัพอากาศมาเลเซียยังได้ปลดประจำการเครื่องบินขับไล่ MiG-29N รัสเซียจำนวน 10เครื่องซึ่งประจำการมาตั้งแต่กลางปี 1990s

ในรัฐสภามาเลเซีย รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย Sabu ได้ถูกถามว่าถ้ามาเลเซีย "ยินดีที่จะยอมรับข้อเสนอของรัฐบาลรัสเซียที่จะส่งคืนเครื่องบินขับไล่ 28เครื่อง" และ "ทดแทนพวกมันด้วยเครื่องบินใหม่ที่สร้างโดยรัสเซีย"
ข้อตกลงได้รับการรายงานว่าจะรวมถึงการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ Su-35 และเครื่องบินขับไล่ Su-35 รุ่นใหม่ยังน่าจะประกอบด้วยการค้าต่างตอบแทนกับน้ำมันปาล์มของมาเลเซีย(https://aagth1.blogspot.com/2019/04/blog-post_24.html)

Sabu ตอบกลับว่า แม้ว่าการจัดหาเครื่องบินขับไล่พหุภารกิจ "ไม่ได้อยู่ในแผนของกระทรวงกลาโหมมาเลเซีย" แต่ยังคงพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอจากรัสเซียอยู่ เขาเสริมว่าในเส้นทางโครงการปรับปรุงความทันสมัยของกองทัพอากาศมาเลเซียระยะยาว
จะเดินหน้าเพื่อให้ลำดับความสำคัญการบำรุงรักษาฝูงเครื่องบินขับไล่ Su-30MKM และเครื่องบินขับไล่ Boeing F/A-18 Hornet จำนวน 8เครื่องที่จัดหาในปลายปี 1990s การให้ลำดับสำคัญการดำรงสภาพความพร้อมจะเดินหน้าต่อเนื่องไปจนถึงปี 2030

Sabu เสริมว่าลำดับความสำคัญการจัดหาระยะใกล้สำหรับกองทัพอากาศมาเลเซียรวมถึงเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล(MPA: Maritime Patrol Aircraft), อากาศยานไร้คนขับเพดานบินปานกลางระยะทำการนาน(MALE UAV:Medium-Altitude Long-Endurance Unmanned Aerial Vehicle)
และเครื่องบินรบเบา/เครื่องบินขับไล่ฝึก LCA/FLIT(Light Combat Aircraft/Fighter Lead-In Trainer) เพื่อ "เสริมความสามารถและเตรียมความพร้อมของกองทัพอากาศมาเลเซีย" ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2018/08/blog-post_9.html)

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2562

รัสเซียเปิดตัวเครื่องบินขับไล่ MiG-35 รุ่นส่งออกในงาน MAKS 2019

MAKS 2019: RAC MiG unveils export version of MiG-35



RAC MiG unveiled an export variant of its MiG-35 multirole combat aircraft at MAKS 2019. Source: Dmitry Fediushko
https://www.janes.com/article/90785/maks-2019-rac-mig-unveils-export-version-of-mig-35


บริษัท Russian Aircraft Corporation(RAC) MiG ในเครือ United Aircraft Corporation(UAC) กลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานรัสเซีย ได้พัฒนารุ่นส่งออกของเครื่องบินขับไล่พหุภารกิจ Mikoyan-Gurevich MiG-35 MCA(Multirole Combat Aircraft)
ซึ่งได้มีการเปิดตัวในงานแสดงการบินและอวกาศนานาชาติ MAKS 2019 ที่ Zhukovskiy ใกล้นครหลวง Moscow รัสเซียระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม-1 กันยายน 2019 ที่ผ่านมา

โฆษกของ RAC MiG รัสเซียกล่าวกับ Jane's ว่าเครื่องบินขับไล่ MiG-35 รุ่นส่งออกเป็นเครื่องบินขับไล่ยุคที่4++ ที่"สร้างโดยใช้วิทยาการบางส่วนจากเครื่องบินขับไล่ยุคที่5"
MiG-35 ได้รับการติดตั้ง AESA(Active Electronically Scanned Array) radar ที่หัวเครื่อง เช่นเดียวกับระบบตรวจจับ Electro-Optical Search-and-Track System ที่ส่วนใต้ลำตัวเครื่องสำหรับการใช้งานต่อต้านเป้าหมายภาคพื้นดิน

เครื่องบินขับไล่ MiG-35 ที่ได้รับการปรับปรุงมีน้ำหนักบินขึ้นสูงสุด 24,500kg และติดตั้งเครื่องยนต์ไอพ่น Turbofan แบบมีสันดาปท้าย Klimov RD-33MK กำลังขับ 9,000kgf(88kN หรือ 20,000lbf) ทำความเร็วได้สูงสุด 2,100km/h และมีเพดานบินสูงสุด 16,000m
"ระบบอากาศยานยังมีคุณสมบัติการออกแบบ Modular ทำให้สามารถบูรณาการระบบอุปกรณ์ไฟฟ้าย่อยใหม่ๆ รวมถึงระบบที่มีแหล่งที่มาเดิมจากต่างประเทศได้" ตัวแทนจาก RAC MiG รัสเซียกล่าว

การติดตั้งกระเปาะเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ PAZ-MK ทำให้ MiG-35 สามารถถูกใช้เป็นเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงทางอากาศทางยุทธวิธีได้ MiG-35 รุ่นส่งออกมีระบบหมวกนักบินติดศูนย์เล็ง(Helmet-Mounted Target Designation System) และจอแสดงผลตรงหน้า(HUD: Head-Up Display) ด้วย
ระบบอาวุธของ MiG-35 ประกอบด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ RVV-AE, อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำ Kh-35UE, อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น Kh-38MLE, ระเบิดนำวิถีตระกูล KAB-500 ขนาด 500kg และระเบิดอากาศไม่นำวิถีอีกหลายแบบ

การบินครั้งแรกของ MiG-35 ที่พัฒนาจากเครื่องบินขับไล่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน MiG-29K/KUB และเครื่องบินขับไล่ MiG-29M/M2 มีขึ้นเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2017 ตามด้วยการเปิดตัวต่อสาธารณชนในวันที่ 27 มกราคม 2017(https://aagth1.blogspot.com/2017/01/mig-35.html)
รัสเซียได้เสร็จสิ้นการทดสอบเครื่องบินขับไล่ MiG-35 ในปี 2018(https://aagth1.blogspot.com/2018/02/mig-35.html) โดยวันที่ 17 มิถุนายน 2019 กองทัพอากาศรัสเซีย(Russian Aerospace Force, VKS) ได้รับมอบเครื่องบินขับไล่ MiG-35S ในสายการผลิต 2เครื่องแรกเข้าประจำการ

ในงาน MAKS 2019 นอกจากการจัดแสดงเครื่องรุ่นส่งออกบนภาคพื้นดิน เครื่องบินขับไล่ MiG-35 ยังได้ทำการแสดงสาธิตสมรรถนะในภาคอากาศ โดยระหว่างการแสดงการบินนั้น MiG-35 ได้มีชิ้นส่วนประกอบพื้นผิวหลุดจากปีกซ้ายของเครื่องแต่ก็สามารถกลับมาลงจอดได้อย่างปลอดภัย
ทั้งนี้มีหลายประเทศทั่วโลกที่แสดงความสนใจในการจัดหาเครื่องบินขับไล่ MiG-35 รุ่นส่งออก เช่น เปรู บังคลาเทศ และกองทัพอากาศพม่า(Myanmar Air Force, Tatmadaw Lei)ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2017/08/su-35-mig-35.html)

วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2561

อินเดียจัดหาเครื่องบินขับไล่ Rafale ฝรั่งเศสในฐานะการจัดซื้อฉุกเฉิน

New Delhi bought 36 Rafales as “emergency” buy
The chief of the Indian air force has defended the Narendra Modi government’s decision to obtain 36 Dassault Rafale fighters off the shelf, after terminating the long-running Medium Multi-Role Combat Aircraft (MMRCA) deal.
https://www.flightglobal.com/news/articles/new-delhi-bought-36-rafales-as-emergency-buy-452461/

French Air Force's Rafale B in RIAT 2009(wikipedia.org)

ผู้บัญชาการทหารอากาศอินเดียได้ปกป้องการตัดสินใจจัดหาเครื่องบินขับไล่ Dassault Rafale ฝรั่งเศส 36เครื่องสำหรับกองทัพอากาศอินเดีย(Indian Air Force) ของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีอินเดีย Narendra Modi
หลังจากการยุติโครงการจัดหาเครื่องบินรบพหุภารกิจขนาดกลาง MMRCA(Medium Multi-Role Combat Aircraft) ที่มีการดำเนินการมาอย่างยาวนาน(http://aagth1.blogspot.com/2018/09/offset-dassault-rafale.html)

พลอากาศเอก BS Dhanoa ได้อธิบายการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Rafale ฝรั่งเศส 36เครื่องในปี 2016 ในฐานะ "การจัดซื้อฉุกเฉิน" เพื่อค้ำจุนไม่ให้ฝูงบินขับไล่ของกองทัพอากาศอินเดียลดจำนวนลง กองทัพอากาศอินเดียมีฝูงบินขับไล่ 33ฝูงบินต่อที่ได้รับการอนุมัติความแข็งแกร่งที่ 42.5
"โครงการ MMRCA ได้เข้าสู่ทางตันจากความต่างที่เข้ากันไม่ได้ระหว่าง Dassault ฝรั่งเศสและ Hindustan Aeronautics Limited(HAL) อินเดีย ในส่วนการเพิ่มชั่วโมงคนที่จะใช้โดย HAL ในการผลิต Rafale ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวและค่าใช้จ่ายที่ไม่เกิดซ้ำที่สูงขึ้นสำหรับโรงงานการผลิตใหม่"

ยังคงเป็นประเด็นในการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Rafale 126เครื่องซึ่ง HAL อินเดีย และ Dassault ฝรั่งเศส ควรจะรับผิดชอบร่วมกันในการผลิตโดยโรงงานอากาศยานของ HAL ภายใต้สิทธิบัตรการผลิต
Dassault เคยเป็นผู้ชนะในการเข้าแข่งขันตามความต้องการจัดหาในปี 2012 หลังจากที่ได้มีการแข่งกันมาอย่างยาวนานท่ามกลางเครื่องบินขับไล่ชั้นนำหลายแบบ ตามแผนโครงการ MMRCA เดิมจะมี Rafale 18เครื่องที่ผลิตในฝรั่งเศส และอีก 108เครื่องที่ผลิตโดย HAL อินเดีย

พลอากาศเอก Dhanoa ได้กล่าวในการประชุมสื่อล่าสุดในงานครบรอบ 86ปีกองทัพอากาศอินเดียว่า ทางตันดังกล่าวทำให้กองทัพอากาศมีสามทางเลือกคือ รอให้จนกว่าทาง HAL และ Dassault บรรลุข้อตกลงร่วมกันให้ได้,
ออกเอกสารขอข้อเสนอ(RFP: Request for Proposal) ใหม่ และเลื่อนการจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบใหม่เข้าประจำการในอีก 6ปีข้างหน้าหรือไม่กว่า, หรือดำเนินการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่แบบ "ฉุกเฉิน"

"ถ้าเราจะไปยังเครื่องบินขับไล่แบบอื่นนอกจาก Rafale มันควรจะมีการเลื่อนเรื่องนี้ออกไปอีก 6ปี ดังนั้นรัฐบาลจึงกล้าเลือกขั้นตอนและจัดหา 36เครื่อง ปัญหาเร่งด่วนได้รับการแก้ไขและเราจะได้เครื่องบินขับไล่สมรรถนะและวิทยาการสูง
ที่จะชดเชยขีดความสามารถของฝ่ายตรงข้างดังกล่าวที่จะจัดหาในช่วงเวลานั้น" พลอากาศเอก Dhanoa กล่าว สิ่งที่ตามมาหลังการยกเลิกโครงการ MMRCA รัฐบาลอินเดียได้ลดข้อกำหนดความต้องการในโครงการจัดหาเครื่องบินไล่ใหมจำนวน 110เครื่อง

ซึ่งเดิมมีข้อกำหนดให้มีผู้เข้าแข่งขันได้เฉพาะเครื่องบินขับไล่เบาเครื่องยนต์เดี่ยว คือเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-16V สหรัฐฯ และเครื่องบินขับไล่ Saab Gripen E สวีเดน เช่นเดียวกับโครงการ MMRCA เครื่องบินขับไล่ที่ได้รับเลือกส่วนใหญ่ควรจะทำการผลิตภายในอินเดีย
ต่อมาในเดือนเมษายน 2018 รัฐบาลอินเดียได้ออกเอกสารข้อข้อมูล(RFI: Request for Information) ใหม่สำหรับสำหรับการจัดหาเครื่องขับไล่ที่นั่งเดียวและเครื่องบินขับไล่สองที่นั่งรวม 110เครื่อง โดยครั้งนี้อนุญาตให้เครื่องบินขับไล่สองเครื่องยนต์เข้าแข่งขันได้ด้วย(http://aagth1.blogspot.com/2018/04/110.html)

โดยมีผู้เข้าแข่งขันขัน 6 รายเดิมคือ เครื่องบินขับไล่ Boeing F/A-18E/F Block III Super Hornet และ F-16 Block 70 สหรัฐฯ, Dassault Rafale F3R ฝรั่งเศส, Eurofighter Typhoon สหราชอาณาจักร-เยอรมนี-สเปน, Gripen E สวีเดน และ United Aircraft Corporation(UAC) MiG-35 รัสเซีย
พลอากาศเอก Dhanoa เสริมว่า เมื่อมีการออกเอกสารขอข้อเสนอ RFP จะทำให้กองทัพอากาศอินเดียดำเนินการประเมินผู้เข้าแข่งขันในโครงการดังกล่าวอย่างเข้มข้น การแข่งขันในโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่ใหม่ครั้งนี้ควรน่าจะใช้เวลาน้อยกว่าโครงการก่อนหน้าครับ

วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2561

อินเดียเปิดโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่ใหม่ 110เครื่องอีกครั้ง

India re-opens competition to supply 110 fighters
A global competition to sell more than 100 fighters to the Indian air force re-opened for the third time in a decade on 6 April.
https://www.flightglobal.com/news/articles/india-re-opens-competition-to-supply-110-fighters-447392/

Indian Air Force MiG-21 Bison at Aeroindia 2005(wikipedia.org)

การแข่งขันระดับนานาชาติสำหรับการเสนอขายเครื่องบินขับไล่ใหม่ถึง 110เครื่องแก่กองทัพอากาศอินเดีย(IAF: Indian Air Force) ได้เริ่มต้นขึ้นใหม่อีกครั้งเป็นครั้งที่สามในรอบสิบปีเมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา
กองทัพอากาศอินเดียได้ออกเอกสารขอข้อมูล(RFI: Request for Information) 73หน้าต่อหกบริษัทผู้ผลิตอากาศยานชั้นนำทั่วโลกสำหรับการจัดหาเครื่องขับไล่ที่นั่งเดียวและเครื่องบินขับไล่สองที่นั่งรวม 110เครื่อง เป็นจำนวนสูงสุดในรอบ 12ปี

ตามเส้นตายที่กำหนดในวันที่ 3 กรกฎาคม 6บริษัทที่คาดว่าจะส่งเครื่องบินขับไล่ของตนเข้าแข่งขันน่าจะมีเช่น Boeing F/A-18E/F Super Hornet Block III สหรัฐฯ, Lockheed Martin F-16 Block 70 สหรัฐฯ,
Dassault Rafale F3R ฝรั่งเศส, Eurofighter Typhoon สหราชอาณาจักร-เยอรมนี-สเปน, Saab Gripen E/F สวีเดน และ United Aircraft Corporation(UAC) MiG-35 รัสเซีย

ซึ่งจะดูคล้ายคลึงกับผู้เข้าแข่งขัน 6รายในโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่ MMRCA(Medium Multi-Role Combat Aircraft) เมื่อปี 2009 สำหรับการจัดหาเครื่องบินขับไล่ใหม่ 126เครื่อง
โดยขณะนั้นกองทัพอากาศอินเดียได้เลือกเครื่องบินขับไล่ Rafale ฝรั่งเศสเป็นผู้ชนะ แต่ก็ได้มีการยกเลิกสัญญาในอีก 7ปีต่อมา

ต่อมาได้ถูกทดแทนโดยการที่กองทัพอากาศอินเดียลงนามสัญญาจัดหากับบริษัท Dassault ฝรั่งเศสในการจัดหา เครื่องบินขับไล่ Rafale จำนวน 36เครื่องในปี 2016(http://aagth1.blogspot.com/2016/09/rafale-36.html)
และเปิดโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่เครื่องยนต์เดียวใหม่จำนวน 114เครื่อง ซึ่งทำให้แบบเครื่องจำกัดเฉพาะเครื่องบินขับไล่ F-16 สหรัฐฯ และเครื่องบินขับไล่ Gripen สวีเดน

อย่างไรก็ตามกองทัพอากาศอินเดียได้ยกเลิกโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่เครื่องยนต์เดี่ยวไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจากแรงกดดันของรัฐสภาอินเดียให้พิจารณาทั้งเครื่องบินขับไล่เครื่องยนต์เดียวและเครื่องบินขับไล่สองเครื่องยนต์
เอกสาร RFI ใหม่นี้ได้เปิดโอกาสให้เครื่องบินขับไล่สองเครื่องยนต์ที่ผลิตโดยบริษัทจากสหรัฐฯ, ยุโรปตะวันตก และรัสเซียกลับเข้ามาแข่งขันในโครงการใหม่ได้

เอกสาร RFI ไม่ได้มีการกำหนดจำนวนเครื่องยนต์ที่จะติดตั้งในเครื่องบินขับไล่ใหม่ในอนาคตของกองทัพอากาศอินเดีย โดยการอ้างอิงในเอกสารมีการใช้คำเอกพจน์และพหูพจน์คือ "engine/s" หลายครั้งในส่วนข้อมูลความต้องการระบบเครื่องยนต์
ตามเอกสาร RFI เครื่องขับไล่ใหม่ทั้ง 110เครื่อง ควรจะเป็นเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว 82เครื่อง และควรเป็นเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง 28เครื่อง

จำนวนสูงสุดของเครื่องบินขับไล่ใหม่ที่จะทำการสร้างนอกประเทศอินเดียจะอยู่ที่ราว 16-17เครื่อง แต่เครื่องบินขับไล่ใหม่ที่เหลือกจะต้องทำการสร้างในอินเดียเองทั้งหมดโดยการถ่ายทอด Technology ให้แก่ภาคส่วนอุตสาหกรรมความมั่นคงภายในอินเดียทั้งของรัฐบาลและเอกชน
ตามที่คาดว่านโยบาย "Made in India" จะเป็นลำดับความสำคัญในการประเมินโครงการของกองทัพอากาศอินเดีย ผู้เข้าแข่งขันต้องอธิบายการตอบสนองต่อ RFI ว่าพวกตนจะใช้บริษัทของอินเดียในฐานะผู้จัดส่งสำหรับระบบและสายการผลิตอากาศยานได้อย่างไร

กองทัพอากาศอินเดียยังมีแผนจะตัดสินผู้เข้าแข่งขันว่าจะควบคุมการส่งมอบเกี่ยวกับการบูรณาการระบบอาวุธให้มากน้อยแค่ไหน "ผู้ขายจะต้องส่งมอบผู้ใช้ในขีดความสามารถเพื่อการปรับปรุงระบบ(ที่มาจากอินเดียหรือต่างประเทศ)โดยเฉพาะตัว ทั้งอาวุธและระบบตรวจจับ" เอกสาร RFI กล่าว
ทั้งนี้กองทัพอากาศอินเดียมีความต้องการจัดหาเครื่องบินขับไล่ใหม่เพื่อทดแทนเครื่องขับไล่ MiG-21 รัสเซียจำนวนราว 244เครื่องที่เก่าและล้าสมัย ซึ่งมีการปรับปรุงความทันสมัยเป็นรุ่น MiG-21 Bison ราว 125เครื่องในช่วงปี 1990s มาแล้ว และกำลังทยอยถูกปลดประจำการครับ

วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

รัสเซียเสร็จสิ้นการทดสอบเครื่องบินขับไล่ MiG-35

Russian defense contractor completes trials of new-generation fighter jet
MiG-35 plane/Sergey Bobylev/TASS
The flight tests of MiG-35 fighter aircraft began on January 26
http://tass.com/defense/990389

MiG Aircraft Corporation ผู้ออกแบบผลิตอากาศยานรัสเซียได้เสร็จสิ้นการทดสอบระดับโรงงานสำหรับเครื่องบินขับไล่พหุภารกิจยุคหน้า Mikoyan MiG-35 ตามที่ฝ่ายประสัมพันธ์ของบริษัทกล่าวกับ TASS เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
"การทดสอบระดับโรงงานของเครื่องบินขับไล่พหุภารกิจ MiG-35 เพื่อสร้างความสนใจแก่กระทรวงกลาโหมสหพันธรัฐรัสเซียได้เสร็จสิ้นแล้ว การลงนามรับรองการเสร็จสิ้นการทดสอบมีขึ้นในเดือนธันวาคม 2017" ฝ่ายประสัมพันธ์ของ MiG กล่าว

ระหว่างการทดสอบ ผู้เชี่ยวชาญของ MiG ได้ตรวจสอบระบบที่ติดตั้งกับเครื่องทั้งอุปกรณ์วิทยุ-ไฟฟ้า, ระบบเครื่องวัดและนำร่อง,Radar, เครื่องยนต์ และระบบอื่นๆบนเครื่อง
งานได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2017 โดยได้รับความช่วยเหลือจากนักบินทดสอบของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย

"ด้วยศักยภาพการรบของมัน ขอบเขตและประสิทธิภาพของภารกิจของมัน และอัตราส่วนราคาต่อคุณภาพ MiG-35 เป็นเครื่องบินรบที่เหมาะที่สุดในปัจจุบันสำหรับการปฏิบัติการในความขัดแย้งทางทหารที่มีความตึงเครียดสูง
 เครื่องบินถูกสร้างให้เป็นไปได้ในการใช้อาวุธในทุกรูปแบบที่มีอยู่และที่กำลังจะมาถึงทั้งของรัสเซียและต่างประเทศ รวมถึงอาวุธที่ออกแบบมาสำหรับเครื่องบินขับไล่หนัก " Ilya Tarasenko ผู้อำนวยการบริหารของ MiG กล่าว

MiG-35 เป็นเครื่องบินขับไล่พหุภารกิจยุคที่ 4++ ที่พัฒนาจากสายการผลิตที่มีอยู่แล้วของเครื่องบินขับไล่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน MiG-29K/KUB และเครื่องบินขับไล่ MiG-29M/M2
การบินทดสอบครั้งแรกของเครื่องบินขับไล่ MiG-35 มีขึ้นเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2017 ตามด้วยการเปิดตัวต่อสาธารณชนทีมีขึ้นในภาค Moscow ในวันที่ 27 มกราคม 2017(http://aagth1.blogspot.com/2017/01/mig-35.html)

โครงการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัฐบาลรัสเซียจนถึงปี 2020 กำหนดให้มีการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ MiG-35 แก่กองทัพอากาศรัสเซีย(Russian Aerospace Force)
ตามที่ Yuri Slyusar ประธาน United Aircraft Corporation กลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานรัสเซียกล่าวนอกรอบในการประชุมการลงทุนของรัสเซียเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ว่า สัญญาการจัดหาเครื่องบินขับไล่ MiG-35 แก่กองทัพอากาศรัสเซียน่าจะมีการลงนามภายในปี 2018 นี้

ทั้งนี้ยังมีหลายประเทศทั่วโลกที่แสดงความสนใจในการจัดหาเครื่องบินขับไล่ MiG-35 เช่น เปรู บังคลาเทศ และกองทัพอากาศพม่า(Myanmar Air Force, Tatmadaw Lei)(http://aagth1.blogspot.com/2017/08/su-35-mig-35.html)
โดยกองทัพอากาศพม่ามีเครื่องบินขับไล่ MiG-29B/UB/SE ประจำการรวมราว 30เครื่องซึ่งเป็นเครื่องที่เคยประจำการในกองทัพอากาศรัสเซียมาก่อน และล่าสุดได้สั่งจัดหาเครื่องบินขับไล่ Sukhoi Su-30 จำนวน 6เครื่องจากรัสเซียครับ(http://aagth1.blogspot.com/2018/01/su-30-6.html)

วันจันทร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2561

กองทัพอากาศพม่าจะจัดหาเครื่องบินขับไล่ Su-30 รัสเซีย 6เครื่อง

Moscow to deliver six Su-30 fighter aircraft to Myanmar
Russia will supply six Su-30 fighter jets to Myanmar
Marina Lystseva/TASS
http://tass.com/defense/986222

รัสเซียจะทำการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ Sukhoi Su-30 จำนวน 6เครื่องให้กองทัพอากาศพม่า(Myanmar Air Force, Tatmadaw Lay) โดยการบรรลุข้อตกลงระหว่างที่รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย นาย Sergey Shoigu เดินทางเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
ตามที่ พลโท Alexander Fomin รองรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียกล่าวเมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา "ระหว่างการเดินทางเยือนของรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียข้อตกลงได้รับบรรลุ ซึ่งภายใต้ข้อตกลงนี้พม่าจะจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Su-30 6เครื่อง" เขากล่าว

พลโท Fomin ยังเสริมว่าเครื่องบินขับไล่ Su-30 เหล่านี้ "จะกลายเป็นเครื่องบินขับไล่หลักของกองทัพอากาศพม่าเพื่อปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนและกำจัดภัยคุกคามการก่อการร้ายใดๆของประเทศพม่า"
ตามที่รองรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียกล่าว อาวุธยุทโธปกรณ์จากรัสเซียได้รับการพิสูจน์ถึงขีดความสามารถของพวกมันในการนำไปใช้ในปฏิบัติการของกองทัพพม่า(Myanmar Armed Forces, Tatmadaw) แล้ว

"ระบบอาวุธรัสเซียที่กองทัพพม่ามีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เฮลิคอปเตอร์โจมตี Mil Mi-35P และเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป Mil Mi-17 เช่นเดียวกับเครื่องบินขับไล่ Mikoyan MiG-29 เครื่องบินฝึกรบไอพ่น Yakolev Yak-130
รวมถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ Pechora-2 และอาวุธยุทโธปกรณ์อื่นๆ" พลโท Fomin ระบุชี้ชัด

พลโท Fomin ยังได้รายงานอีกว่า เจ้าหน้าที่ทหารของกองทัพพม่ามากกว่า 600นายกำลังอยู่ระหว่างการเรียนที่สถาบันการศึกษาทางทหารชั้นสูงของกองทัพรัสเซีย
"ทั้งหมดนี้เป็นการช่วยกระชับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และขอบมหาสมุทรแปซิฟิก" พลโท Fomin สรุป

ในวันที่ 20-22 มกราคมที่ผ่านมา รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย Shoigu ได้เดินทางเยือนพม่าอย่างเป็นทางการ ข้อตกลงระหว่ารัฐบาลทั้งประเทศเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกให้เรือรบของกองทัพเรือรัสเซียสามารถใช้งานท่าเรือของพม่าได้ได้รับการลงนานระหว่างการเยือนนี้
และการพูดคุยหารือระหว่างผู้บัญชาการสูงสุดกองทัพพม่า พลเอกอาวุโส(Senior General) Min Aung Hlaing กับรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย Shoigu ได้มีขึ้นเช่นกัน

Su-30SME เป็นเครื่องบินขับไล่หนักสองที่นั่งพหุภารกิจรุ่นส่งออกในกลุ่มเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 4+ ของรัสเซีย มีความคล่องแคล่วทางการบินสูง ติดตั้ง Phased Array Radar แบบ Bars-R เครื่องยนต์ปรับทิศทางแรงขับ Thrust Vectoring และ Canard แพนหางระดับรักษาเสถียรภาพที่หัวเครื่อง
มีขีดความสามารถในการติดตั้งใช้อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศและอากาศสู่พื้นขั้นก้าวหน้าที่มีอยู่หรือกำลังพัฒนาได้หลายแบบ มีพิสัยทำการเมื่อไม่ทำการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศและติดถังเชื้อเพลิงสำรองไกลถึง 3,000km

ปัจจุบันกองทัพอากาศพม่านอกจากเครื่องบินขับไล่ MiG-29B/MiG-29UB/MiG-29SE ราว 31เครื่อง, เครื่องบินฝึกรบไอพ่น Yak-130 ที่สั่งจัดหารวม 12เครื่องโดยได้รับมอบแล้ว 6เครื่อง(http://aagth1.blogspot.com/2017/12/yak-130-atr-42-mpa-fokker-70.html)
และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-35P 10เครื่องที่ได้รับการซ่อมบำรุงจากรัสเซีย(http://aagth1.blogspot.com/2017/10/mi-35p.html) และปรับปรุงติดกล้อง FLIR ที่น่าจะเป็นแบบ Controp iSky-50HD(DSP-HD) อิสราเอลนั้น(http://aagth1.blogspot.com/2017/10/mi-35p-tvflir.html)

การจัดหาเครื่องบินขับไล่ Su-30 ใหม่ 6เครื่องจากรัสเซียนับเป็นการทวีกำลังขีดความสามารถของกองทัพอากาศพม่าในการมีเครื่องบินขับไล่ครองอากาศโจมตีทางลึกตระกูล Su-30 ที่มีประจำการในหลายประเทศ ASEAN
เช่น Su-30MKM กองทัพอากาศมาเลเซีย(Royal Malaysian Air Force) Su-30MK2 กองทัพอากาศประชาชนเวียดนาม(Vietnam People's Air Force) และ Su-30MK/Su-30MK2 กองทัพอากาศอินโดนีเซีย(Indonesian Air Force)

ก่อนหน้านี้เองก็มีรายงานว่ากองทัพอากาศพม่าให้ความสนใจเครื่องบินขับไล่ Mikoyan MiG-35 ซึ่งเป็น MiG-29 รุ่นที่มีความก้าวหน้าสูงใหม่ล่าสุดด้วย(http://aagth1.blogspot.com/2017/08/su-35-mig-35.html)
ทั้งนี้กองทัพอากาศพม่ากำลังอยู่ระหว่างการรับมอบเครื่องบินขับไล่ JF-17 จีน-ปากีสถานที่สั่งจัดหา 16เครื่องในเร็วๆนี้(http://aagth1.blogspot.com/2017/06/jf-17.html) โดยมีแผนที่จะเปิดสายการผลิตประกอบ JF-17 ในพม่าด้วยครับ(http://aagth1.blogspot.com/2017/02/jf-17.html)

วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2560

อินโดนีเซียจะจัดหาเครื่องบินขับไล่ Su-35 และพม่าสนใจจัดหา MiG-35

Indonesia may buy Russia’s advanced Su-35 fighter jets
Su-35 fighter jet
Contractual negotiations are expected to begin, according to the press office of Russia’s state hi-tech corporation Rostec
http://tass.com/defense/961547

Indonesia clinches delivery contract for Russian Su-35 fighter jets
The Indonesian defense minister is set to invite a Russian representative to sign the contract
http://tass.com/defense/961600

Indonesia outlines details of Su-35 offset programme
http://www.janes.com/article/73295/indonesia-outlines-details-of-su-35-offset-programme

อินโดนีเซียมีความต้องการจะจัดหาเครื่องบินขับไล่ Sukhoi Su-35(NATO กำหนดรหัส Flanker-E) 11เครื่องจากรัสเซีย แต่ทั้งนี้ทั้งสองฝ่ายยังไม่มีการสรุปสัญญาที่เกี่ยวข้อง ตามที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Rostec กลุ่มอุตสาหกรรมความมั่นคงรัสเซียกล่าวเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม
"ข้อเสนอทางการค้าได้อยู่ในมือแล้ว การเจรจาทางสัญญากำลังคาดว่าจะเริ่มต้นในการจัดหาประมาณ 11เครื่อง" ฝ่ายประชาสัมพันธ์ Rostec กล่าว
นาย Wahid Supriyadi ทูตอินโดนีเซียประจำรัสเซียได้กล่าวก่อนหน้านี้ว่าแต่ละฝ่ายได้เห็นชอบในรายละเอียดทั้งหมดของสัญญาสำหรับการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ Su-35

ทางด้านกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับโครงการการค้าต่างตอบแทนและและการค้าชดเชยกับรัสเซียเพื่อสนับสนุนแผนการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Sukhoi Su-35 จำนวน 11เครื่อง
เอกสารประชาสัมพันธ์ที่ออกมาเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม กระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียยืนยันโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Su-35 วงเงิน $1.14 billion และครึ่งหนึ่งของมูลค่าสัญญาราว $570 million นั้นจะได้รับการลงทุนผ่านทางโครงการการค้าต่างตอบแทน(countertrade)
กระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียเสริมว่า วงเงินเพิ่มเติมอีกร้อยละ35 ราว $400 million จะมีแหล่งที่มาจากโครงการการค้าชดเชย(offset) รัฐบาลอินโดนีเซียจะจ่ายวงเงินที่เหลืออีกประมาณ $170 million แบบเงินสด

รายละเอียดของโครงการการค้าชดเชยยังไม่มีการเปิดเผย แม้ว่า Jane's จะเข้าใจว่านี่จะมีการตั้งศูนย์กลางการบนการอำนวยความสะดวกการถ่ายทอด Technology จากรัสเซีย
เพื่อสนับสนุนปรนนิบัติ, ซ่อมบำรุง และยกเครื่อง(MRO: Maintenance Repair Overhaul) ของ Su-35 ในอินโดนีเซีย ซึ่งงานดังกล่าวจะถูกดำเนินการโดยรัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมของรัฐบาลอินโดนีเซียคือ PT Dirgantara
กระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียได้ให้รายละะเอียดเพิ่มเติมของสินค้าที่คาดว่าจะส่งออกให้รัสเซียในฐานะข้อตกลงผูกพันการค้าต่างตอบแทน ตามข้อมูลมีเช่น น้ำมันปาล์ม, ยางพารา, เครื่องจักร, กาแฟ, โกโก้, สิ่งทอ, ชา, รองเท้า, ปลาแปรรูป, เครื่องเรือน, เนื้อมะพร้าวแห้ง, กระดาษ และเครื่องเทศ

กระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียกล่าวว่าจำนวนของผลิตภัณฑ์กลาโหมที่ยังไม่ได้ระบุจะมีการเพิ่มเติมการจะส่งออกไปรัสเซีย แถลงการณ์ได้เพิ่มเติมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องในการค้าต่างตอบแทนและการค้าชดเชยที่คาดว่าจะบรรลุผลในอนาคตอันใกล้
ตามที่ได้ลงนามสัญญาไปเมื่อต้นเดือนสิงหาคมนี้ระหว่าง Rostec รัสเซียและ  PT Perusahaan Perdagangan Indonesia(PT PPI) รัฐวิสาหกิจการค้าของรัฐบาลอินโดนีเซีย
สัญญาการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Su-35 คาดว่าจะมีการลงนามโดยทั้งสองประเทศตามมาภายหลังตามข้อตกลงนี้(http://aagth1.blogspot.com/2017/08/su-35.html)

ล่าสุดสัญญาการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Su-35 ของอินโดนีเซียได้รับความเห็นชอบอย่างเต็มอัตราแล้วตามที่ Wahid Supriyadi ทูตอินโดนีเซียประจำรัสเซียกล่าวในวันที่ 23 สิงหาคม
"รายละเอียดของสัญญาทั้งหมดได้รับการเห็นชอบแล้ว รัฐมนตรีกลาโหมอินโดนีเซียมีกำหนดจะเชิญตัวแทนของรัสเซียเพื่อลงนามสัญญา นี่เป็นเรื่องของเวลา"
ทูตอินโดนีเซียกล่าวโดยให้ข้อสังเกตว่าข้อตกลงควรจะมีการสรุปผลได้ก่อนที่จะถึงสิ้นปีนี้

มีรายงานก่อนหน้านี้ว่าอินโดนีเซียต้องการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Su-35 10เครื่องเพื่อทดแทนเครื่องบินขับไล่ Northrop F-5E Tiger II สหรัฐฯที่เก่าและล้าสมัยซึ่งประจำการในกองทัพอากาศอินโดนีเซีย(TNI-AU: Tentara Nasional Indonesia-Angkatan Udara) มาตั้งแต่ปี 1980
Su-35 เป็นเครื่องบินขับไล่พหุภารกิจยุคที่ 4++ ที่สร้างโดยรัสเซีย ซึ่งมีความคล่องแคล่วทางการบินสูงสุด ติดตั้ง Phased Arry Radar และเครื่องยนตฺปรับทิศทางแรงขับได้ ทำความเร็วได้สูงสุด 2,500km/h มีพิสัยการบินไกลสุด 3,400km และรัศมีการรบ 1,600km
ระบบอาวุธของ Su-35 ติดตั้งปืนใหญ่อากาศ 30mm ความจุ 150นัดในลำตัวเครื่อง พร้อมตำบลอาวุธที่ปีกและใต้ลำตัวร่วม 12จุดแข็ง ซึ่งสามารถติดตั้งระเบิดและอาวุธปล่อยนำวิถีได้หลายแบบครับ

Peru, Myanmar, Bangladesh interested in purchasing MiG-35s
MiG-35 Plane
The talks are currently underway and the MiG aircraft corporation expects them to be successful
http://tass.com/defense/961399

พม่าได้แสดงความสนใจในการจัดหาเครื่องบินขับไล่ MiG-35 เช่นเดียวกับ เปรู และบังคลาเทศ โดยการเจรจากับตัวแทนของประเทศเหล่านี้กำลังมีขึ้นในงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ Army-2017 ที่ Patriot Park ใน Moscow ระหว่างวันที่ 22-27 สิงหาคม
ตามที่ผู้อำนวยการบริหารของบริษัทอากาศยาน MiG Corporation นาย Ilya Tarasenko กล่าวในงานเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา

"เราวางแผนเพื่อหารือการส่งมอบเครื่อง MiG-35 เรามีการเจรจาหลายวาระมาก พวกเขาเหล่านั้นเป็นลูกค้าภูมิภาคประจำของเรา ทั้งเครือจักรภพรัฐอิสระ(CIS), กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, พม่า, บังคลาเทศ และเปรู" เขากล่าว
นาย Tarasenko ย้ำว่าการเจรจากำลังดำเนินการอยู๋ในขณะนี้และทางบริษัทคาดว่าการเจรจากับประเทศเหล่านั้นจะประสบความสำเร็จ

กองทัพอากาศพม่า(Myanmar Air Force, Tatmadaw Lei) ปัจจุบันประจำการด้วยเครื่องบินขับไล่ MiG-29 ราว 30เครื่องซึ่งเป็นเครื่องที่เคยประจำการในกองทัพอากาศรัสเซีย แบ่งเป็นรุ่นที่นั่งเดี่ยว MiG-29B 10เครื่อง กับ MiG-29SE 6เครื่อง และรุ่นสองที่นั่ง MiG-29UB 4เครื่อง(สูญเสียไป 1เครื่องในปี 2014)
เช่นเดียวกับกองทัพอากาศบังคลาเทศที่มีเครื่องบินขับไล่ MiG-29 จากรัสเซีย 8เครื่อง และกองทัพอากาศเปรูที่มีเครื่องบินขับไล่ MiG-29S/SE/SMP/UBP รวม 19เครื่อง

MiG-35 เป็นเครื่องบินขับไล่พหุภารกิจยุคที่ 4++ ที่มีพื้นฐานพัฒนาจากเครื่องบินขับไล่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน MiG-29K/KUB และเครื่องบินขับไล่ MiG-29M/M2
โดย MiG-35 เครื่องต้นแบบได้เริ่มทำการบินครั้งแรกเมื่อ 26 มกราคม 2017 และเปิดตัวต่อนานาชาติเป็นครั้งแรกเมื่อ 27 มกราคม 2017 ที่ Moscow ตามที่ได้รายงานไปครับ(http://aagth1.blogspot.com/2017/01/mig-35.html)

วันอังคารที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เครื่องบินขับไล่ MiG-35 รัสเซียจะเสร็จสิ้นการทดสอบในปลายปี 2017 หรือต้นปี 2018

UAC on course to complete MiG-35 trials in late 2017/early 2018
The MiG-35 is the latest iteration of the venerable MiG-29 'Fulcrum' family of fighters. Source: MiG
http://www.janes.com/article/71752/uac-on-course-to-complete-mig-35-trials-in-late-2017-early-2018

United Aircraft Corporation(UAC) กลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานรัสเซียกำลังอยู่ในเส้นทางสู่การเสร็จสิ้นการทดสอบเครื่องบินขับไล่ MiG-35 (NATO กำหนดรหัส Fulcrum-F) รุ่นใหม่ล่าสุดในช่วงสิ้นปีนี้ถึงต้นปีหน้าก่อนมุ่งหน้าเข้าสู่สายการผลิตได้ในปี 2018
ตามที่ตัวแทนอาวุโสของบริษัทคือ Ilia Tarasenko ผู้อำนวยการทั่วไปของ MiG กล่าวกับ Jane's ในงานแสดงการบิน Paris Air Show 2017 ที่ฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 19-25 มิถุนายน ที่ผ่านมาว่า
การบินทดสอบที่เริ่มขึ้นในเดือนมกราคมจะเสร็จในระยะอันสั้น และการเปิดสายการผลิตได้ในปี 2018 นั้นเป็นเครื่องหมายของการรับเครื่องบินขับไล่ตระกูล Fulcrum รุ่นล่าสุดมาใช้งานโดยกระทรวงกลาโหมรัสเซีย

"ตั้งแต่มกราคม 2017 ขั้นตอนการทดสอบได้เริ่มดำเนินการขึ้น และเรากำลังวางแผนว่าพวกมันจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2017 หรือต้นปี 2018 เราคาดว่าเครื่องจะเข้าสู่สายการผลิตและส่งมอบให้กองทัพได้ในปี 2018 ตอนนี้เราสามารถกล่าวได้ว่ากระทรวงกลาโหมเป็นที่พอใจกับการทดสอบ
เราไม่สามารถบอกจำนวนที่ชัดเจนของเครื่องที่กระทรวงกลาโหมจะสั่งภายใต้โครงการนี้ แต่วันนี้ผู้บัญชาการกองทัพอากาศรัสเซีย(VKS: Russian Aerospace Force) กล่าวแล้วว่าพวกเขากำลังวางแผนที่จะทยอยเปลี่ยนเครื่องบินขับไล่ MiG-29 ที่มีทั้งหมดเป็นรุ่น MiG-35 ใหม่"
ตามที่ Tarasenko กล่าวสัญญาการจัดหาเครื่องบินขับไล่ MiG-35 ของกระทรวงกลาโหมรัสเซียจะถูกรวมอยู่ในโครงการอาวุธยุทโธปกรณ์รัฐที่จะมีการดำเนินการในปี 2018

ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาผู้บัญชาการทหารอากาศรัสเซีย พลอากาศโทพิเศษ(Colonel General) Viktor Bondarev กล่าวว่าเครื่องบินขับไล่เบาที่ประจำการในกองทัพอากาศรัสเซียจะถูกแทนที่ด้วย MiG-35 ภายในปีหน้าที่จะมาถึง
ตามข้อมูลจาก Jane's World Air Forces ปัจจุบันกองทัพอากาศรัสเซียมี MiG-29 อยู่ราว 350เครื่อง(ซึ่งประมาณ 200เครื่องมีแนวคิดที่จะเก็บสำรองไว้) ซึ่ง MiG-29 ถูกจัดว่าเป็นเครื่องขับไล่เบาสำหรับรัสเซียถ้าเทียบกับเครื่องขับไล่ตระกูล Sukhoi Su-27 (NATO กำหนดรหัส Flanker) และเครื่องบินขับไล่ MiG-31 (NATO กำหนดรหัส Foxhound)
ทั้งนี้ตามการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ MiG-35 ให้กองทัพอากาศรัสเซียที่จะมีขึ้นในปี 2018 Tarasenko เน้นว่าลูกค้าส่งออกต่างประเทศสามารถจะเริ่มได้รับมอบเครื่อง MiG-35 ได้โดยเร็วที่สุดในปี 2020

Paris Air Show 2017: MiG-35 dubbed 'transitional link' between fourth- and fifth-gen fighters
http://www.janes.com/article/71714/paris-air-show-2017-mig-35-dubbed-transitional-link-between-fourth-and-fifth-gen-fighters

ในงาน Paris Air Show 2017 ที่ฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ที่ผ่านมา Viktor Chernov รองผู้อำนวยการทั่วไปของ RSK-MiG ได้อธิบายย้ำกับ Jane's ว่าเครื่องบินขับไล่ MiG-35 ว่าเป็นระบบสะพานเชื่อมการเปลี่ยนผ่านระหว่างเครื่องบินขับไล่ยุคที่4และเครื่องบินขับไล่ยุคที่5
Chernov ได้ย้ำว่า MiG-35 ได้ขยายการใช้วัสดุผสมกับตัวเครื่องเป็นอย่างมาก ซึ่งปรากฎเพียงเล็กน้อยใน MiG-29, ประกอบไปด้วยถึงร้อยละ15จากปริมาณวัสดุทั้งหมดของตัวเครื่อง
นี่ทำให้น้ำหนักตัวเครื่อเปล่าของ MiG-35 ลดลงจนน้อยกว่า MiG-29 ต้นแบบที่ออกแบบไว้เดิม ทำให้ MiG-35 สามารถบรรทุกได้หนักเพิ่มมากขึ้นอีก 6tons ครับ

วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560

รัสเซียและอินเดียจะพัฒนาอาวุธปล่อยนำวิถี BrahMos รุ่นเบาสำหรับเรือดำน้ำ เครื่องบินขับไล่ PAK FA และอาจจะส่งออกให้ประเทศที่สาม

Russia and India to develop BrahMos light cruise missile for PAK FA 5th-generation jet
The missile has a range of 290 km and carries a warhead weighing from 200 to 300 kg
http://tass.com/defense/927705

อาวุธปล่อยนำวิถีร่อนต่อต้านเรือผิวน้ำความเร็วเหนือเสียงแบบ BrahMos รุ่นขนาดเบาจะถูกพัฒนาเพื่อนำมาติดตั้งใช้กับเรือดำน้ำโดยยิงจากท่อ Torpedo ใต้น้ำและเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 Sukhoi T-50 PAK FA(Prospective Airborne Complex of Frontline Aviation)
ตามที่ Alexander Leonov ผู้อำนวยการบริหารและนักออกแบบทั่วไปของ Machine-Building Research and Development Consortium กล่าวเมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา

"เรากำลังทำงานกับอาวุธปล่อยนำวิถีรุ่นขนาดเบา มันควรจะมีขนาดพอดีกับท่อ Torpedo และควรจะมีขนาดเล็กลง 1.5เท่าตามน้ำหนักของมัน มันจะเป็นไปได้ที่จะติดตั้งในแบบอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้นกับ(อากาศยาน)หลายรูปแบบของเรา
แน่นอนเรากำลังพัฒนามันอยู่ อย่างแรกสุดคือสำหรับเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 แต่มันก็เป็นไปได้ที่จะติดตั้งกับเครื่องบินขับไล่ MiG-35 ได้ แม้ว่าเราจะยังไม่ได้ดำเนินการพัฒนาดังกล่าวก็ตาม" นาย Leonov กล่าว

Russian-Indian BrahMos cruise missiles may be supplied to third countries
http://tass.com/defense/927693

นาย Leonov ยังกล่าวด้วยว่ารัสเซียและอินเดียอาจจะเริ่มต้นการส่งมอบอาวุธปล่อยนำวิถีร่อน BrahMos ส่งออกให้กับประเทศที่สามด้วย
"การส่งออกให้ประเทศที่สามมีความเป็นไปได้ มันเคยถูกยับยั้งไปก่อนหน้านี้เช่นที่กองทัพบกอินเดียได้จัดหาอาวุธปล่อยนำวิถีจำนวนมาก และเช่นนั้นความสำคัญจึงถูกจัดไปให้ประเทศที่เป็นกลุ่มร่วมทุนเป็นหลัก แต่ตอนนี้เราสามารถเจรจากับประเทศอื่นๆได้แล้ว" เขากล่าว

BrahMos เป็นอาวุธปล่อยนำวิถีร่อนความเร็วเหนือเสียงที่เป็นผลงานพัฒนาร่วมกันระหว่าง Machine-Building Research and Development Consortium รัสเซีย และ Defense Research and Development Organization(DRDO)อินเดีย
ซึ่งทั้งสองจัดกลุ่มร่วมทุน BrahMos ในปี 1998 โดยชื่ออาวุธปล่อยนำวิถีนำมาจากชื่อแม่น้ำ Brahmaputra(พรมหบุตร)ของอินเดีย และแม่น้ำ Moscow รัสเซีย อาวุธปล่อยนำวิถี BrahMos มีระยะยิง 290km และติดตั้งหัวรบขนาด 200-300kg
ปัจจุบัน BrahMos มีทั้งรุ่นฐานยิงบนชายฝั่ง รุ่นยิงจากเรือรบผิวน้ำ รุ่นอากาศสู่พื้นเช่นที่ติดกับเครื่องบินขับไล่ Su-30MKI กองทัพอากาศอินเดีย และรุ่นยิงจากท่อยิงแนวดิ่ง VLS ในเรือดำน้ำ ซึ่งทั้งหมดเป็นรุ่นที่ตัวจรวดมีขนาดใหญ่ครับ

วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2560

รัสเซียเปิดตัวเครื่องบินขับไล่ MiG-35 รุ่นใหม่เพื่อเข้าประจำการและส่งออกในอนาคต

Russia’s advanced MiG-35 fighter jet









Marina Lystseva/TASS
Russia’s United Aircraft-Building Corporation held an international presentation of its most advanced 4++-generation multirole fighter jet
http://tass.com/defense/927632




Putin notes good export potential for MiG-35 fighter jet
Russia’s advanced MiG-35 fighter jet will be able to use promising weapons, including laser armaments

ประธานาธิบดีรัสเซีย Vladimir Putin กล่าวเมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมาว่า เครื่องบินขับไล่เอนกประสงค์ยุคที่ 4++(4.75) Mikoyan MiG-35(NATO กำหนดรหัส Fulcrum-F) ที่มีความก้าวหน้าของรัสเซียที่เพิ่งมีการทดสอบการบินไปนี้มีศักยภาพในการส่งออกที่ดี
"เครื่องบินนี้มีพร้อมด้านศักยภาพการส่งออกที่ดี ผมยังหมายถึงอากาศยานแบบอื่นๆอีก ซึ่ง MiG-29 ปัจจุบันยังคงถูกใช้งานในมากกว่า 30ประเทศ"
ประธานาธิบดี Putin กล่าวในที่ประชุมขณะสนทนาผ่าน Video Link กับผู้บริหารและพนักงานของบริษัท MiG corporation รัสเซียผู้สร้างอากาศยานในการเริ่มการทดลองบินเครื่องบินขับไล่ MiG-35

ประธานาธิบดี Putin ยังคาดด้วยว่าเครื่องบินเครื่องยนต์ใบพัดพิสัยกลางแบบใหม่ของบริษัท MiG จะพร้อมเมื่อถึงเวลา
"การผลิตของอากาศยานพลเรือนเป็นการขอที่สูงมากในเศรษฐกิจของชาติ และความต้องการที่สูงของประชาชนของเรา ที่มีการวางแผนเดียวสำหรับบริษัท MiG
เครื่องบินใบพัด Turboprop พิสัยกลางจะถูกใช้สำหรับนเที่ยวบินพลเรือนภายในประเทศตามจุดมุ่งหมาย ผมคาดหวังอย่างสูงว่างานนี้จะเสร็จทันภายในเวลาที่กำหนด" ประธานาธิบดี Putin กล่าว

การทดสอบการบินของเครื่องบินขับไล่ MiG-35 รุ่นใหม่ล่าสุดมีขึ้นเมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา โดย Yuri Slyusar ประธาน United Aircraft Corporation(UAC) กลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานรัสเซียกล่าวว่า
"การสั่งซื้อเครื่องในสายการผลิตเป็นจำนวนมากจะเริ่มต้นได้ในปี 2019" นาย Slyusar ยังเสริมว่าทุกระบบของ MiG-35 ถูกออกแบบและสร้างในรัสเซียทั้งหมด
MiG-35 เป็นเครื่องบินขับไล่ขั้นก้าวหน้าของรัสเซียที่สามารถใช้อาวุธสมรรถนะสูงในอนาคตที่รวมถึงอาวุธ Laser ได้

"เครื่องบินขับไล่นี้ถูกออกแบบโดยเฉพาะเพื่อปฏิบัติการในสมรภูมิที่ทวีความขัดแย้งที่ตึงเครียด และมีระบบป้องกันภัยทางอากาศที่หนาแน่น
ตัวชี้วัดความสำเร็จอย่างสูงนั้นต้องขอบคุณหลายๆครั้งไปยังชุดอุปกรณที่ติดตั้งในเครื่อง ทั้งระบบหาที่ตั้ง Optical ใหม่และการลดสัญญาณการแพร่คลื่น Radar
เราได้เพิ่มจำนวนตำบลติดอาวุธบนเครื่องจาก 6จุดเป็น 8จุด ที่สามารถใช้ได้ทั้งอาวุธอากาศสู่อากาศและอากาศสู่พื้นสำหรับทำลายล้างที่มีในปัจจุบันและอนาคต ที่หมายรวมถึงอาวุธ Laser ด้วย" นาย Slyusar กล่าวขณะเข้าพบตัวแทนกองทัพและกลุ่มอุตสาหกรรมครับ

Russia’s advanced MiG-35 fighter jet to use cutting-edge weapons
All the systems of the MiG-35 aircraft have been developed and produced domestically
http://tass.com/defense/927491

ระบบทั้งหมดของเครื่องบินขับไล่ MiG-35 นั้นถูกพัฒนาและผลิตภายในรัสเซีย ซึ่งรวมถึงระบบนำร่องแรงเฉื่อย และหมวกนักบินติดศูนย์เล็งเป้าหมาย
"เครื่องมีพิสัยการบินไกลขึ้นร้อยละ50 จากขนาดความจุถังเชื้อเพลิงภายในที่ใหญ่ขึ้น และขีดความสามารถในการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศซึ่งเครื่องสามารถใช้ mode เป็นเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงทางอากาศจากเครื่องในตระกูลเดียวกันได้"
นาย Slyusar ประธาน UAC กล่าว ซึ่ง MiG-35 นั้นมีพื้นฐานพัฒนามาจากเครื่องบินขับไล่ตระกูล MiG-29 ที่มีสายการผลิตอยู่แล้วทั้ง MiG-29K/KUB และ MiG-29M/M2 โดยมีความเร็วสูงสุด 2.23Mach และมีรัศมีการรบและพิสัยการรบเพิ่มขึ้นจาก MiG-29 รุ่นก่อนร้อยละ50 ครับ

Pilots praise new MiG-35 fighter jet after test flight
The plane's operating range exceeds that of the MiG-29 aircraft by 50%
http://tass.com/defense/927511

Mikhail Belyayev นักบินทดสอบอาวุโสและรองประธานศูนย์ทดสอบการบิน Fyodorov กล่าวว่าระบบอุปกรณ์ทั้งหมดของเครื่องบินขับไล่ MiG-35 นั้นทำงานได้อย่างดีเยี่ยมระหว่างการทดสอบบินเที่ยวแรก
"นักบินทั้งทั้งสองที่รับหน้าที่ทดสอบบินกับเครื่องบินขับไล่ MiG-35UB(สองที่นั่ง) ได้รับคำสั่งให้สาธิตเสถียรภาพทางการบิน, การควบคุม และขีดความสามารถคล่องแคล่วในการดำเนินท่าทางการบิน
ระหว่างการบินทุกระบบเดินอากาศทำงานเป็นปกติ, หน่วยพลังงานอากาศยาน และระบบควบคุมที่ซับซ้อนยังทำงานปกติ เที่ยวบินได้ถูกประเมินค่าในทางบวก" Belyayev กล่าวครับ

MiG-35 fighter jet’s radar to track 30 targets at a time
MiG-35 fighter jet
Marina Lystseva/TASS
The plane’s power unit is a profoundly modernized engine RD-33 of the MK modification, which is characterized by high resistance
http://tass.com/defense/927627


Sergei Korotkov นักออกแบบทั่วไปของ United Aircraft Corporation ได้ให้ข้อมูลเมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมาว่า ระบบ Radar ที่ติดตั้งกับเครื่องบินขับไล่ MiG-35 นั้นสามารถติดตามเป้าหมายในเวลาพร้อมกันได้ 30เป้า
"Radar ที่ติดตั้งบนเครื่องสามารถตรวจจับและติดตามเป้าหมายจาก 10-30เป้าในเวลาพร้อมกันในระยะ 160km" Korotkov กล่าวในงานประสัมพันธ์เปิดตัว MiG-35 ต่อนานาชาติ
MiG-35 ยังมีสมรรถนะความคล่องแคล่วที่เพิ่มสูงขึ้นและติดตั้ง "อุปกรณ์ที่กำหนดให้ดีที่สุด" ขณะที่การออกแบบเครื่องถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยพิจารณาถึงการใช้ลงจอดบนเรือบรรทุกเครื่องบินด้วย

MiG-35 ติดตั้งเครื่องยนต์ไอพ่น Turbofan สองเครื่องในตระกูล RD-33 ที่ปรับปรุงพัฒนาใหม่คือ RD-33MK ซึ่งเพิ่มคุณสมบัติความคงทนสูง ที่รวมถึงการทนทานต่อการถูกยิงด้วยอาวุธ
MiG-35 มีขีดความสามารถในการบินเข้าสู่ตำแหน่งที่ได้เปรียบในการโจมตี และจะเป็นเครื่องบินรบที่มีประสิทธิภาพสูงในการเพิ่มศักยภาพการครองอากาศ  นักออกแบบทั่วไปของ UAC กล่าวครับ

MiG-35 warplane to become Russia’s sole light fighter jet





Russia’s United Aircraft-Building Corporation is holding an international presentation of the most advanced MiG-35 fighter
http://tass.com/defense/927646

พลอากาศโทพิเศษ(Colonel General) Viktor Bondarev ผู้บัญชาการกองทัพอากาศรัสเซีย(VKS: Russian Aerospace Force) กล่าวเมื่อวันที่ 27 มกราคมว่า กรมบินขับไล่เบาทุกกรมจะนำเครื่องบินขับไล่ MiG-35 เข้าประจำการในอนาคต
"ในเวลาที่จะมาถึงเราจะแทนที่หน่วยที่ใช้เครื่องบินขับไล่เบาทุกเครื่องอย่างชัดเจนด้วย MiG-35 รุ่นนี้" นายพล Bondarev กล่าว ซึ่ง MiG-35 จะถูกนำเข้าประจำการในฝูงบินผาดแผลง Swifts ทดแทนเครื่องบินขับไล่ MiG-29 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันด้วย
"ผมเชื่อว่าวันนั้นจะไม่ไกลเกินไปเมื่อเรายังคงที่จะให้ฝูงบินผาดแผลง Swifts ใช้งานเครื่องบินที่งดงามนี้" นายพล Bondarev กล่าวโดยเสริมอีกว่า

"การพัฒนา MiG-35 เป็นชัยชนะที่แท้จริง เครื่องรุ่นนี้สามารถใช้อาวุธรุ่นใหม่ล่าสุดได้ทุกชนิดและอาวุธ Laser เช่นเดียวกันด้วย ขอบคุณอย่างมากสำหรับการสร้างสรรค์ที่งดงามนี้ ซึ่งได้ยืนยันอีกครั้งว่านั่นจะไม่มีเครื่องบินแบบใดที่ดีกว่าเครื่องเหล่านี้ในรัสเซีย
มันมีขีดความสามารถในการโจมตีด้วยท่าทางการบินที่คล่องแคล่วสุดยอดในการรบทางอากาศ และโจมตีเป้าหมายทั้งในทะเลและในอากาศ เรายังคงมีอากาศพลศาสตร์ที่ดีที่สุด
เรายังคงมีช่องว่างในการทำงานกับเครื่องยนต์อยู่บ้าง แต่เรารับประกันได้กับการพัฒนา Su-30SM และ Su-34 ว่าเราจะมีเครื่องยนต์ที่ดีที่สุด" นายพล Bondarev กล่าวขอบคุณไปยังคณะผู้ออกแบบอากาศยาน

มีรายงานก่อนหน้านี้ว่า MiG อาจจะพิจารณาการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 ขนาดเบาซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งขนานไปกับการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ T-50 PAK FA(Prospective Airborne Complex of Frontline Aviation)ของสำนักออกแบบ Sukhoi
ซึ่ง Sergei Korotkov นักออกแบบทั่วไปของ UAC ที่ก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งผู็อำนวยการบริหารของ MiG Corporation เรียกว่า "ค่อนข้างน่าจะเป็นไปได้" สำหรับการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ใหม่ที่มีพื้นฐานจาก MiG-35 ครับ

Commander: Russia's MiG-35 fighter jet has big potential in Syria-like conflicts
Russian Aerospace Force Commander-in-Chief Bondarev earlier said the MiG-35 would become Russia's sole light fighter jet
http://tass.com/defense/927673

พลอากาศโทพิเศษ Viktor Bondarev ผู้บัญชาการทหารอากาศรัสเซียกล่าวว่า MiG-35 มีศักยภาพอย่างยิ่งสำหรับภารกิจรบในสงครามท้องถิ่นอย่างสงครามกลางเมืองในซีเรีย
"เครื่องบินที่งดงามด้วยคุณลักษณะที่โดดเด่นนี้สามารถทำภารกิจให้ประสบผลสำเร็จได้ทั้งทางภาคพื้นดินและทางอากาศ และสามารถนำมาใช้ในความขัดแย้งท้องถิ่นอย่างในซีเรียได้" นายพล Bondarev กล่าว
กองทัพรัสเซียได้ทดสอบการใช้อากาศยานรบหลายแบบปฏิบัติการในการสนับสนุนกองทัพรัฐบาลซีเรียทั้งเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด Sukhoi Su-34 (NATO กำหนดรหัส Fullback) เครื่องบินขับไล่ Su-35 (NATO กำหนดรหัส Flanker-E)
รวมถึงเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ Tu-95MS(NATO กำหนดรหัส Bear) และเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ Tu-160(NATO กำหนดรหัส Blackjack) ที่ใช้ในปฏิบัติการรบจริงครั้งแรกที่ซีเรีย

ขณะเดียวกันรัสเซียได้ใช้เครื่องบินขับไล่ MiG-29K ประจำเรือบรรทุกเครื่องบินในซีเรียที่ปฏิบัติการจากฐานทัพอากาศบนบก ซึ่งแตกต่างจาก MiG-29 รุ่นดังเดิมอย่างมาก
"เราได้ทดสอบอากาศยานในตระกูลทุกแบบอย่างแท้จริงในซีเรียยกเว้น MiG-29 ซึ่งบินขึ้นจากฐานบินบนบก และ MiG-35 เป็นเครื่องบินที่ยอดเยี่ยมที่เพิ่มขีดความสามารถในการโจมตีทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศในพิสัย 3,500km โดยไม่ต้องลงจอด ซึ่งนี่เหมาะกับเราอย่างมาก
เราจะจัดซื้อให้เร็วที่สุดเมื่อขั้นตอนการทดสอบสิ้นสุดลง โดยเร็วที่สุดเครื่องบินจะเข้าสู้สายการผลิตจำนวนมาก เราจะจะรับมอบมันในทันที" นายพล Bondarev กล่าว
ผู้บัญชาการทหารอากาศรัสเซียกล่าว่า MiG-35 จะกลายเป็นเครื่องบินขับไล่เบาแบบเดียวของรัสเซียด้วยครับ ซึ่งการทดสอบโดยผู้ผลิตจะมีอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2017 นี้ครับ

Russia ready to offer again its MiG-35 fighter jet to India
A military and industrial conference will be held in India in spring to discuss the deliveries, repairs and maintenance of Russian weapons
http://tass.com/defense/927686

วันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมารองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย Dmitry Rogozin ได้กล่าวว่ารัสเซียพร้อมที่จะเสนอเครื่องบินขับไล่ MiG-35 ให้อินเดีย
โดยในการสัมมานาที่จะมีขึ้นอินเดียในฤดูใบไม้ผลินี้จะมีการหารือในส่วนการส่งมอบ,การซ่อมแซมและการบำรุงรักษาอาวุธรัสเซีย รวมถึงการจัดตั้งความร่วมมือระหว่างกันที่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย "Make in India" ด้วย
"ในความสัมพันธ์นี้เรายังพร้อมที่จะเสนอเครื่องนี้(MiG-35)สำหรับกองทัพอากาศอินเดีย ไม่ต้องสงสัยว่าการพูดคุยจะเป็นในเรื่องนี้" นาย Rogozin กล่าว

ก่อนหน้านี้ UAC รัสเซียได้ส่ง MiG-35 เข้าแข่งขันในโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่ MMRCA สำหนรับการจัดหาเครื่องบินขับไล่ใหม่ 126เครื่องของกองทัพอากาศอินเดีย
อย่างไรก็ตามอินเดียได้เลือกจัดหาเครื่องบินขับไล่ Dassault Rafale ฝรั่งเศสเป็นผู้ชนะในโครงการ แต่การเจรจาที่ติดขัดระหว่างอินเดียกับฝรั่งเศสในเรื่องสายการผลิตในอินเดียทำให้อินเดียจะจัดหา Rafale เพียง 36เครื่องครับ