UPDATED: Navy Will Scrap USS Bonhomme Richard
USS Bonhomme Richard (LHD-6) sits pier side at Naval Base San Diego on July
16, 2020. US Navy Photo
กองทัพเรือสหรัฐฯ(USN: US Navy)
ตัดสินใจที่จะปลดประจำการและแยกชิ้นส่วนเรือยกพลขึ้นบกจู่โจม(Amphibious Assault
Ship) ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้เป็นเวลาเกือบห้าวันในช่วงต้นปี 2020 นี้
หลังการสอบสวนเป็นเวลาหลายเดือนได้สรุปผลว่าความพยายามที่จะสร้างและคืนสภาพเรือใหม่จะมีค่าใช้จ่ายมากเกินไปและเกินกำลังการผลิตฐานภาคอุตสาหกรรมมากเกินไป
วันที่ 12 กรกฎาคม 2020 เพลิงไหม้บนเรืออู่ยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์(LHD:
Landing Helicopter Dock) LHD-6 USS Bonhomme Richard
เริ่มต้นในพื้นที่ห้องบรรทุกยานพาหนะส่วนล่างแต่ได้ไหม้ลามไปถึงหอเรือ,
เสากระโดงเรือ และดาดฟ้าบินตามที่เรือไหม้ยาวตลอดดาดฟ้าขนาดใหญ่
เรือยังคงไม่มีน้ำรั่วเข้าตลอดระยะเวลาจนหลังเกิดเหตุและไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายจากจุดที่จอดเรือเทียบท่า
ณ ฐานทัพเรือ San Diego
แต่ระหว่างที่ไฟไหม้เรือและความพยายามในการดับเเพลิงที่ยาวนานหลายวัน ราวร้อยละ60
ของตัวเรือถูกทำลายและจำเป็นต้องได้รับการสร้างใหม่หรือทดแทน
พลเรือตรี Eric Ver Hage ผู้บัญชาการศูนย์ซ่อมบำรุงประจำภาคกองทัพเรือสหรัฐฯ(Navy
Regional Maintenance Center)
และผู้อำนวยการการซ่อมบำรุงและปรับปรุงเรือผิวน้ำกล่าวกับสื่อเมื่อวันที่ 30
พฤศจิกายน 2020 ทางโทรศัพท์
"หลังการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
รัฐมนตรีทบวงกองทัพเรือสหรัฐฯและผู้บัญชาการกองทัพเรือสหรัฐฯ(CNO: Chief of Naval
Operations) ได้ตัดสินใจที่จะปลดประจำการเรืออู่ยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์
LHD-6 USS Bonhomme Richard
เนื่องจากความเสียหายอย่างหนักที่คงอยู่ต่อเนื่องระหว่างเพลิงไหม้เดือนกรกฎาคม
2020 ในเวลาหลายสัปดาห์และหลายเดือนตั้งแต่เกิดเหตุเพลิงไหม้นั้น
กองทัพเรือสหรัฐฯได้ดำเนินการประเมินราคาวัสดุที่ครอบคลุมที่จะกำหนดแนวทางที่ดีที่สุดข้างหน้าของเรือและกองทัพเรือเรา"
เขากล่าว
สามทางเลือกหลักที่ได้รับการพิจารณา
หนึ่งสร้างและคืนสภาพเรือใหม่ที่จะเป็นรูปแบบการทำงานดั้งเดิมของเรือในการเคลื่อนย้ายนาวิกโยธินและยุทโธปกรณ์โดยรอบของพวกเขาสำหรับสงครามยกพลขึ้นบก,
สองสร้างเรือใหม่ที่จะเป็นรูปแบบการทำงานใหม่สำหรับภารกิจใหม่
อย่างเช่นเป็นเรือพี่เลี้ยงเรือดำน้ำหรือเรือผิวน้ำหรือเรือพยาบาล,
หรือสามปลดประจำการและแยกชิ้นส่วนเรือ
พล.ร.ต.Ver Hage กล่าวว่าการคืนสภาพเรืออู่ยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ USS
Bonhomme Richard ในสภาพดั้งเดิมจะมีค่าใช้จ่ายระหว่าง $2.5 billion ถึง $3.2
billion และใช้เวลาดำเนินการ 5-7ปี ที่งานจะดำเนินการที่ Gulf Coast
ชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกด้านใต้ของสหรัฐฯ
การสร้างเรือใหม่สำหรับวัตถุประสงค์ใหม่จะมีค่าใช้จ่าย
"เกินหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ" และใช้เวลาราว 5-7ปี
แม้ว่าจะถูกว่าการสร้างใหม่ในรูปแบบเดิม
เขากล่าวว่ามันจะราคาถูกกว่าที่จะสร้างเรือพี่เลี้ยงหรือเรือพยาบาลใหม่จากแบบร่างแต่ต้น
การปลดประจำการเรือ และการปิดการใช้งานระบบอุปกรณ์และอาวุธบนเรือ,
การถอดถอนเก็บสิ่งอุปกรณ์บนเรือ, การลากจูงเรือ
และการแยกชิ้นส่วนตัวเรือจะมีค่าใช้จ่ายราว $30 million และใช้เวลาเพียง
9-12เดือน
"การพิจารณาแนวทางปฏิบัติทั้งสามทางเหล่านี้
เราได้มาถึงข้อสรุปที่ว่าเราจำเป็นต้องปลดประจำการเรือ" พล.ร.ต.Ver Hage กล่าว
การปิดระบบประจำเรือยังไม่สามารถเริ่มต้นได้ตอนนี้
ตามที่การสอบสวนสี่รายการที่นำไปสู่เหตุเพลิงไหม้กำลังดำเนินอยู่
เรือ USS Bonhomme Richard ถูกเตรียมพร้อมที่จะทำการลากจูงแล้ว Ver Hage กล่าวว่า
แม้ว่าการถอดถอนระบบบนเรือบ้างส่วนจะเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายน 2020
และจะดำเนินการต่อไป
เมื่อการสอบสวนต่างๆสิ้นสุด
งานที่มีสาระสำคัญมากขึ้นจะมีเพื่อนำเอาระบบขนาดใหญ่ออกจากเรือที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่โดยเรือลำอื่นในกองเรือ
ทั้งการปิดการใช้งานเรือและการลากจูงเรือไปชายฝั่ง Gulf Coast
เพื่อการแยกชิ้นส่วน
หรือลากจูงเรือไปจอดเก็บไว้ในชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกเฉียงเหนือจนกว่าอู่เรือที่ฝั่ง
Gulf Coast จะพร้อมสำหรับการแยกชิ้นส่วนเรือ
สี่การสอบสวนที่มีขึ้นคู่ขนานกัน กองสืบสวนอาชญากรรมทางเรือ(NCIS: Naval Criminal
Investigative Service) สอบสวนด้านอาชญากรรม ซึ่งขณะนี้ได้รวม สำนักงานสุรา,
ยาสูบ, อาวุธและวัตถุระเบิด(ATF: Bureau of Alcohol, Tobacco, Firearms and
Explosives)
ผู้บัญชาการสอบสวนนำโดย พลเรือโท Scott Conn ผู้บัญชาการกองเรือที่3
กองทัพเรือสหรัฐฯ(U.S. 3rd Fleet),
คณะกรรมการตรวจสอบความล้มเหลวกองบัญชาการระบบเรือทางทะเล(NAVSEA: Naval Sea
Systems Command)
ซึ่งจะมองไปที่ปัญหาความปลอดภัย, โครงสร้าง
และการออกแบบที่เกี่ยวข้องกับเรือและหาแนวทางการเปลี่ยนแปลงเพื่อป้องกันการเหตุไฟไหม้จากการลามไปตามตัวเรือที่เกิดขึ้นกับเรือ
USS Bonhomme Richard
และคณะกรรมการตรวจสอบความปลอดภัย NAVSEA
จะสอบสวนเหตุการที่เกิดขึ้นบนเรือที่นำไปสู่การเกิดเหตุเพลิงไหม้เปรียบเทียบกับนโยบายและขั้นตอนที่มีอยู่
ขณะนี้กองทัพเรือสหรัฐมีจำนวนเรือยกพลขึ้นบกจู่โจมที่ลดลงไปหนึ่งลำ
และมีเรือหนึ่งลำที่ล่าสุดกำลังได้รับการปรับปรุงเพื่อรองรับเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35B Lightning II Joint Strike Fighter
ซึ่งจะส่งผลต่อผู้ปฏิบัติงาน
อย่างไรก็ตาม พล.ร.ต.Ver Hage
กล่าวว่าการประเมินที่ครอบคลุมมองที่ว่าอะไรควรจะเกิดขึ้นกับฐานภาคอุตสาหกรรมและการสร้างเรือใหม่สำหรับกองเรือ
ถ้ากองทัพเรือสหรัฐฯต้องการสร้างเรือ USS Bonhomme Richard
ใหม่ไม่ใช่ในรูปเงินหลายเหรียญสหรัฐฯ
แต่เป็นภาระต่อฐานอุตสาหกรรมที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะพิสูจน์ได้
"ในท้ายสุด การตัดสินใจปลดประจำการเรือมีปัจจัยจำนวนมาก
และซึ่งหนึ่งในนั้นคืออะไรที่จะเป็นผลกระทบของการใช้เงินหลายเหรียญสหรัฐฯและความพยายามแท้จริงที่สร้างใหม่,
อะไรที่จะเป็นผลกระทบต่อฐานอุตสาหกรรม?
เงินหลายเหรียญสหรัฐฯจะขัดขวางยุทธศาสตร์การลงทุนของเราอย่างแน่นอน และจากมุมมองฐานภาคอุตสาหกรรม เราได้กังวลผลกระทบงานการสร้างเรือใหม่หรืองานซ่อมเรืออื่นๆ และเรารู้ว่าชายฝั่ง Gulf Coast จะเป็นจุดที่ได้รับการสร้างหรือคืนสภาพให้เสร็จเพราะความจุและขีดความสามารถของตน
แต่การตัดสินใจได้มีขึ้นในท้ายที่สุดสำหรับหลายปัจจัย
ตามที่ผมกล่าวถึงการปลดประจำการเรือจะเป็นแนวทางที่จะดำเนินไป" พล.ร.ต.Ver Hage
กล่าวกับ USNI News ระหว่าการสนทนาทางโทรศัพท์
เรือ USS Bonhomme Richard
ใกล้จะสิ้นสุดช่วงการซ่อมบำรุงเรือเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น
และท่ามกลางงานที่ได้เสร็จสิ้นไปแล้วเรือได้รับการปรับปรุงความทันสมัยของ
computer และระบบอื่นๆเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการของเครื่องบินขับไล่ F-35B
ในเดือนกันยายน 2020
ลูกเรือได้ถอดอุปกรณ์ประจำเรือที่ไม่ได้รับความเสียหายจากไฟหรือน้ำแล้ว พลเรือตรี
Philip Sobeck ผู้บัญชาการกลุ่มเรือจู่โจมนอกประเทศที่3(ESG3: Expeditionary
Strike Group 3) ใน San Diego กล่าวกับ USNI News ระหว่างการเยือนท่าเรือเมื่อ 18
กันยายน 2020
"เราไม่ได้กำลังรื้อ USS Bonhomme Richard ทั้งหมด
เราเพียงแต่รักษาสิ่งที่เราทำได้"
เขาชี้แจงกล่าวว่าอุปกรณ์จะสามารถนำกลับเข้าสู่เรือถ้าเรือได้รับการสร้างใหม่หรือสามารถนำเข้าสู่ระบบพลาธิการถ้าเรือถูกปิดการใช้งาน
"สิ่งที่เราสามารถเสียบแล้วใช้งานได้ เรากำลังจะใช้สิ่งนั้นกับเรือชั้นอื่น
สิ่งอื่นๆ และการเรียบเรียงเก็บรักษาของระบบพลาธิการกำลังดำเนินอยู่"
พล.ร.ต.Ver Hage กล่าวกับ USNI News
ระหว่างการสอบถามจากสื่อว่าเรือได้รับความเสียหายอย่างมากและส่วนหนึ่งของการประเมินความเสียหายนั้นได้นำอุปกรณ์ออกไปและมองไปที่สิ่งที่อยู่ใกล้ท่าเทียบเรือที่สุด
ทุกอย่างตั้งแต่สายอากาศบนเสากระโดงจนถึงอุปกรณ์ส่งรถ/เรือในอู่ลอย
"เรารู้ว่าไม่ว่าเราจะไปในทางซ่อมหรือปรับปรุงในรูปแบบที่แตกต่างหรือปลดประจำการเราจำเป็ฯต้องเอาอุปกรณ์ออกจากเรือ
ดังนั้นทำให้เราเคลื่อนไหวด้วยความมั่นใจในการนำอุปกรณ์ที่ความอ่อนไหวที่สุดออกจากเรือ
และตอนนี้เราได้ตัดสินใจปลดประจำการเรือ
เรากำลังจะไปเอาอุปกรณ์บางอย่างหลังจากนี้ที่อาจจะหนักขึ้นเล็กน้อย
อาจจะลงไปในพื้นที่เครื่องจักรกลหรือแผนกไฟฟ้าพรรคกลิน
หรือสิ่งที่เราควรจะทิ้งไว้ในที่ถ้าจะกำลังกลับไปใช้ใหม่ถ้าเรือกลับมามีชีวิต"
พลเรือตรีกล่าว
ทีมของ พล.ร.ต.Ver Hage
ที่กองบัญชาการระบบเรือทางทะเลกำลังทำงานกับกองบัญชาการระบบพลาธิการทางเรือ(NAVSUP:
Naval Supply Systems Command)
เพื่อกำหนดว่าอะไรอีกที่ควรถอดออกจากเรือที่จะมีประโยชน์ในการสร้างความพร้อมกับเรือลำอื่นในกองเรือ
ยังไม่ชัดเจนว่าระบบอะไรบ้างที่เพิ่งจะถูกติดตั้งระหว่างช่วงการปรับปรุงความทันสมัยล่าสุดจะถูกเก็บไว้
กองทัพเรือสหรัฐฯได้ใช้งบประมาณราว $250 million สำหรับความพร้อมเวลา
18เดือนที่จะปรับปรุง USS Bonhomme Richard ให้รองรับ F-35B
พล.ร.ต.Ver Hage กล่าวว่างานนี้เป็น "ความสูญเสียที่ชัดเจน"
สำหรับกองทัพเรือสหรัฐฯและนาวิกโยธินสหรัฐฯ(USMC: US Marine Corps)
รัฐมนตรีทบวงกองทัพเรือสหรัฐฯ Kenneth Braithwaite
และผู้บัญชาการกองทัพเรือสหรัฐฯ พลเรือเอก Mike Gilday
ได้ตัดสินใจที่จะแยกชิ้นส่วนเรือในสัปดาห์สุดท้ายก่อนเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า(Thanksgiving)
พวกเขาได้แจ้งต่อผู้นำกองทัพเรือสหรัฐฯและสภา Congress แล้ว
ยังไม่ชัดเจนว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับลูกเรือ แม้ว่า พล.ร.ต.Ver Hage
กล่าวว่ากองกำลังเรือผิวน้ำกองเรือแปซิฟิก(NAVSURFPAC: Naval Surface Force
Pacific) จะทำงานกับระบบกำลังพลเพื่อให้มั่นใจว่าลูกเรือ USS Bonhomme Richard
ทั้งหมดจะได้รับการดูแล
เขายังไม่ต้องการจะให้ความเห็นว่าสิ่งนี้อาจจะมีความหมายถึงสำหรับการจัดหาของกองทัพเรือสหรัฐฯในอนาคต
และความพยายามที่จะแทนที่ด้วยเรือยกพลขึ้นบกจู่โจมลำอื่นที่จะช่วยมาทดแทนเรือ USS
Bonhomme Richard หรือไม่
พล.ร.ต.Ver Hage กล่าวว่าเรือยกพลขึ้นบกจู่โจมบรรทุกเฮลิคอปเตอร์(LHA: Landing
Helicopter Assault) ชั้น America มี่ราคาประมาณลำละ $4.1 billion(https://aagth1.blogspot.com/2020/07/america-lha-7-uss-tripoli.html)
และอู่เรือบริษัท Ingalls Shipbuilding กำลังดำเนินการสร้างเรือตอนนี้
กล่าวง่ายๆว่ากองทัพเรือสหรัฐฯกำลังอยู่ในจุดที่เหมาะสมสำหรับการสร้างเรือยกพลขึ้นบกจู่โจมบรรทุกเฮลิคอปเตอร์สำหรับตอนนี้
ตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพเรือสหรัฐฯได้สูญเสียเรือน้อยกว่า
30ลำเนื่องจากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง USNI News
ได้รายงานการติดตามเหตุเพลิงไหม้บนเรือดำน้ำโจมตีพลังงานนิวเคลียร์ชั้น Los
Angeles คือ SSN-755 USS Miami ในปี 2012
เรือลำสุดท้ายที่ถูกแยกชิ้นส่วนก่อนวันปลดประจำการที่วางแผนไว้คือเรือต่อต้านทุ่นระเบิดชั้น
Avenger ชื่อ MCM-5 USS Guardian ได้เกยตื้นที่แนวประการัง Tubbataha ในปี 2013
และถูกรื้อถอนตัวเรือออกไปครับ